ตอนที่ 1272 อสุรา
สัตว์ประหลาดคล้ายมนุษย์ที่ปกคลุมไปด้วยเปลือกสีเทาและหนามยืนอยู่บนหลุมศพขณะเผชิญหน้ากับกลุ่มของเทพราชาสัตว์อสูร
…สัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่า: ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิต
แมวสีส้มหมอบอยู่ด้านหลัง ไม่พุ่งเข้าไปลงมือสักพัก เพียงแค่ฟังด้วยความสนใจ
ยังไงเสีย อีกฝ่ายคือสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่าและผู้ถูกผนึกอยู่ในสุสาน จากบทสนทนาของพวกมัน เขาอาจจะสามารถตรวจจับความลับบางอย่างได้
ดวงตาของเทพราชาสัตว์อสูรทอประกายแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้จักเจ้า… ตอนสุสานเกิดขึ้นมา ข้าสัมผัสได้ถึงแรงดันทรงพลังจำนวนมากจากโลกภายนอกในสุสาน นั่นคือเจ้า”
“น่าเสียดายที่เจ้าเห็นเพียงสมบัติหายากจำนวนมากในสุสาน แต่ไม่รู้ถึงอันตรายของสุสาน!”
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตกล่าวว่า
“พวกเจ้าถูกผนึกอยู่ในสุสาน จะมารู้สถานการณ์ของพวกข้าได้ยังไง”
เทพราชาสัตว์อสูรตอบว่า “ข้าบอกตามตรงว่าที่วันสิ้นโลกนี้สามารถขังพวกข้าได้ก็เพราะพลังของเจ้า ตราบที่เจ้าตัดใจจากการเป็นศัตรูกับพวกข้า ข้าสามารถช่วยเจ้าและอาจถึงขั้นหาสมบัติเหล่านั้นให้ได้”
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตยืนนิ่งสักพักก่อนส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “สายเกินไปแล้ว ข้าถูกกัดกร่อนโดยวันสิ้นโลกนี้มานานเกินไป เพื่อไม่ให้ตายอย่างสมบูรณ์ ข้าต้องเลือกหลอมรวมกับวันสิ้นโลกนี้”
แมวสีส้มหมอบอยู่บนหลุมศพเงียบ ๆ ด้วยดวงตาที่เหมือนอัญมณีขณะจมสู่ห้วงความคิด
…กลายเป็นว่าไม่ใช่สัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่าทุกตัวจะลอยไปกับคลื่นในแม่น้ำสุสาน
สัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่าที่ทรงพลังอย่างผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตยังต้องหลอมรวมเข้ากับวันสิ้นโลกจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวันสิ้นโลก
ถ้าอย่างนั้น วันสิ้นโลกนี้คืออะไรกันแน่
วันสิ้นโลกตรงหน้าเขาเป็นเพียงภาพมายา ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตคือหนึ่งในสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งที่สุดในความว่างเปล่า มันถูกกดดันให้หลอมรวมเข้ากับภาพมายานี้ได้อย่างไร
หรือว่า…
สิ่งที่สามารถกดดันมันจนมาถึงจุดนี้ได้คือร่างจริงของวันสิ้นโลกนี้งั้นหรือ
ดวงตาของแมวสีส้มทอประกาย แต่ร่างของเทพราชาสัตว์อสูรสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด
…ดูท่ามันจะคิดบางสิ่งเหมือนกัน
“คาดไม่ถึง… เจ้า… ไปถึงขั้นนี้แล้ว” เทพราชาสัตว์อสูรกล่าวด้วยเสียงแห้งผาก
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตก้าวมาข้างหน้าอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยจิตสังหาร “ความตายของเจ้าจะหล่อเลี้ยงวันสิ้นโลกและข้าจะกลายเป็นวันสิ้นโลก”
ทางฝั่งของเทพราชาสัตว์อสูร ทุกคนอดที่จะก้าวถอยหลังไม่ได้
ไม่มีทาง รับมือกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่ได้แน่ ๆ
ทุกการโจมตีของมันคือกฎแห่งเหตุและผล ไม่มีทางหลบเลี่ยง ไม่มีทางต่อสู้
มันสามารถหยิบยืมพลังทั้งหมดของวันสิ้นโลกได้เช่นกัน
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้น
“รอเดี๋ยวก่อน พวกเรามีทางแยกเจ้าออกจากวันสิ้นโลกนี้”
ทุกคนหันไปมอง
เป็นลูกน้องคนหนึ่งของเทพราชาสัตว์อสูร ร่างสูงผอม แต่งตัวดูดี เขาอาจจะเป็นบุคคลใหญ่โตในถ้ำหมื่นอสูร
หลังจากเปลี่ยนร่าง วิญญาณของเขาถูกแทนที่โดยสัตว์ประหลาดในสุสาน
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตคล้ายกับได้ยินสิ่งที่ไร้สาระยิ่ง มันจึงเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้าคือราชาผู้ไร้เทียมทานในความว่างเปล่า ไม่มีใครสามารถเข้าตาข้านอกจากสี่เทพอันชอบธรรมแห่งความว่างเปล่าและหุบเหวนิรันดร์เท่านั้น ตอนนี้ถ้าข้าอยากมีชีวิตก็ต้องหลอมรวมเข้ากับวันสิ้นโลกเท่านั้น”
มันมองคนคนนั้นด้วยสายตาเกรี้ยวกราดก่อนแผ่จิตสังหารอันน่าทึ่งออกมา “มดปลวกเช่นเจ้ากล้าบอกว่าจะช่วยข้างั้นหรือ”
ชายร่างผอมกล่าวอย่างสงบว่า “พวกข้าอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าเจ้า แต่พวกข้าเกิดในสุสาน ดังนั้นเป็นธรรมดาที่พวกข้าจะมีวิธีพิเศษที่จะรับมือกับวันสิ้นโลก”
สัตว์ประหลาดนิ่ง
เทพราชาสัตว์อสูรลอบปรบมือในใจก่อนตอบทันทีว่า “ใช่แล้ว ดูพวกข้าสิ ถึงแม้พวกข้าจะถูกผนึกในสุสานโดยวันสิ้นโลก แต่ยังไงเสีย พวกข้าก็รอดจากการเกิดผ่านวิธี ‘แทนที่วิญญาณ’ ”
เทพราชาสัตว์อสูรอ้าแขนแล้วกล่าวว่า “มาสิ มาเข้าร่วมกับพวกข้า ทำตามคำสั่งของข้า ข้าจะช่วยให้เจ้าออกจากวันสิ้นโลกเอง”
“พอ!”
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตกรีดร้องออกมาเพื่อขัดคำพูดของเทพราชาสัตว์อสูร
มันพลันหัวเราะอย่างหมองหม่นออกมา “ข้าเอาตัวเองเข้าไปในวันสิ้นโลกและใช้เวลาอยู่ในสุสานแห่งนี้มาหลายพันปีแล้ว เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าพวกเจ้าคืออะไร”
มันก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว
พวกเทพราชาสัตว์อสูรก้าวถอยหลัง
“พวกข้าคือเทพราชาสัตว์อสูรที่ถูกผนึกโดยวันสิ้นโลก! พวกข้าสามารถต่อสู้กับวันสิ้นโลกได้ พวกข้าสามารถช่วยเจ้าได้!” เทพราชาสัตว์อสูรตะโกน
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่ เป็นเทวภัณฑ์เขตแดนหกวิถีที่ต่อสู้กับวันสิ้นโลก นั่นก็คือดาบ! ส่วนพวกเจ้า…”
น้ำเสียงของมันพลันเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน “ผู้พิทักษ์ป่าสุสานโบราณทอดทิ้งหน้าที่และสัญญาในวันสิ้นโลกมืดมิดไร้ที่สิ้นสุดแล้วช่วงชิงมรดกบางส่วนของป่าสุสานไป สิ่งเดียวที่พวกเจ้ากล้าแทนที่ก็คือร่างมนุษย์… แบบนี้ ยังกล้าเรียกตัวเองว่าเทพอีกหรือ”
“ถ้าบอกว่าจ้าวแห่งความว่างเปล่าคือผู้ปล้นสุสาน พวกเจ้าก็คือผู้ที่ให้คำสาบานว่าจะปกป้องแต่กลับช่วงชิงมันไปแทน”
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตกล่าวออกมาสี่คำ
“พวกกลุ่มขยะ”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น ไม่มีการก้าวอะไรอีก
เทพราชาสัตว์อสูรตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “จัดการ!”
แทบจะในพริบตา ลูกน้องทั้งหมดปลดปล่อยวิชาคนแล้วคนเล่า
ทว่า ก่อนที่เทพราชาสัตว์อสูรจะออกคำสั่ง ชายร่างผอมสูงก็โจมตีก่อนแล้ว
มือของเขาพลันถูกฟันจนแยกออกด้วยอากาศธาตุอันคมปลาบจนเกิดรูโลหิต
เขาย่อตัวลง กดมือลงกับพื้นแล้วจิบเข้าไป
“เปลี่ยน!”
ตูม…
ควันกระจายทุกหนแห่งก่อนถูกสายลมพัดพา
พื้นที่ที่พวกเทพราชาสัตว์อสูรอยู่ล้วนกลายเป็นภาพมายา
ดูท่าโลกอีกใบได้เคลื่อนลงมาพื้นที่นั้นแล้ว!
เดิมผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตเตรียมจะลงมืออยู่ก่อนแล้ว แต่มันหยุดมือเมื่อเห็นฉากนี้ก่อนยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “วิชายุคสงครามอสุราหรือ น่าสนใจ”
มันมองดูเงียบ
ในชิ้นส่วนแสงและเงา เหล่านักรบเก่งกาจได้เข้าล้อมเทพราชาสัตว์อสูรแล้ว
พลังและพละกำลังของนักรบเหล่านี้แทบไม่ด้อยไปกว่าเทพราชาสัตว์อสูรเลย
แต่สิ่งที่แปลกคือนักรบเหล่านั้นส่วนใหญ่คล้ายกับงดงามจนน่าตกตะลึง ผู้ชายน้อยคนนักที่ดูดุดัน กลิ่นอายของพวกเขากำลังไล่ตามพวกเทพราชาสัตว์อสูร
ตอนนี้ ชายร่างผอมค่อย ๆ เปลี่ยนรูปลักษณ์กลายเป็นกู่ฉิงซาน
…กู่ฉิงซานอีกคน
“ทุกท่าน” เขาตะโกนเสียงดัง
“ขอรับ นายท่าน!” อสุราทั้งหมดขานรับพร้อมกัน
เพียงพริบตา พวกเทพราชาสัตว์อสูรถูกห้อมล้อมด้วยอสุราจำนวนมหาศาล
เทพราชาสัตว์อสูรดูย่ำแย่ก่อนกล่าวเสียงดังทันทีว่า “ไม่… พวกอสุรา! ข้ามีมรดกของพกวเจ้าอยู่นะ! พวกข้าคือบรรพบุรุษของพวกเจ้า!”
“มรดกเป็นของสุสาน ไม่ใช่ของเจ้า อีกอย่าง คนที่ไม่กล้าสู้ย่อมไม่ใช่อสุรา… ไว้ค่อยคุยหลังจากสู้แล้วดีกว่า” กู่ฉิงซานคนนั้นกล่าว
ฟู่…
แสงและเงาของโลกนั้นพลันหายไป ทุกสิ่งหายไป
สุสานกลับมาเงียบสงบ
อสุรา เทพราชาสัตว์อสูรและกู่ฉิงซานล้วนหายไปแล้ว
มีเพียงผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตที่ยืนอยู่เพียงลำพังในสุสาน
แมวสีส้มหมอบอยู่บนหลุมศพเงียบ ๆ สายตาจ้องเขม็ง
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตเพียงฟังอยู่ด้านข้างแล้วกล่าวกับตัวเองว่า “ทันทีที่วิชานี้ถูกใช้ไป ราชาอสุราจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง… เขาไม่ใช่ผู้คุ้มกันสุสานโบราณ แล้วจู่ ๆ ทำไมถึงลงมือแบบนั้นกันล่ะ”
“…เอาเถอะ ข้าก็แค่ต้องรอเท่านั้น”
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตยืนอยู่กับที่ขณะรอเงียบ ๆ
หลังจากผ่านไปสักพัก
แสงและเงาปรากฏขึ้นอย่างเงียบงัน
ราชาอสุรากู่ฉิงซานปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าก่อนลงสู่พื้น
เขาโบกมือให้ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตแล้วกล่าวว่า “ไง ได้พบกันอีกแล้ว”
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตจ้องเขาแล้วพึมพำเสียงต่ำว่า “จงมา กฎที่โลกยอมรับและเฝ้ามองสรรพสิ่งทั้งหลาย ด้วยการเรียกขานของข้า จงหลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่าเพื่อให้ข้าเห็นว่าเจ้ายินยอม!”
กลุ่มหมอกสีขาวเคลื่อนลงมาจากท้องนภาก่อนค่อย ๆ หายไปในร่าง
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตหลับตาลงแล้วนิ่งไปหลายอึดใจแล้วพึมพำว่า “แสดงว่าเจ้าคือเทพแห่งความโกลาหล จ้าวแห่งสงครามปั่นป่วน ผู้แทนบัลลังก์อสุรา หมาป่าเดียวดายแห่งความตาย เทพนักฆ่า พระผู้ช่วยผู้เป็นที่กล่าวขาน กู่ฉิงซาน บุคคลที่ได้รับการปกป้องจากวิญญาณวีรชนแห่งโลก”
“ข้าเอง” ราชาอสุรากู่ฉิงซานพยักหน้า “ผู้คุ้มกันสุสานเหล่านี้คือคนที่ข้าต้องฆ่า ขอโทษด้วยที่ต้องลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง หวังว่าจะไม่ถือสา”
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตกล่าวว่า “ข้าไม่ถือสาหรอก ที่จริง ข้าคือร่างจุติของวันสิ้นโลก ในเมื่อเจ้าอยู่ในวันสิ้นโลก ข้าก็ต้องฆ่าเจ้าด้วย หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาเช่นกัน”
ราชาอสุรากู่ฉิงซานมองมันขณะคว้าดาบยาวจากความว่างเปล่า
“ข้ากำลังคิดน่ะ” เขาก้มศีรษะแล้วกล่าวอย่างมีนัยว่า “ว่าทำไมเจ้าถึงยังไม่ลงมือ”
ผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิตหัวเราะแล้วถามว่า “เจ้าจะตายอยู่แล้ว จะหงุดหงิดไปทำไม”
“ไม่ใช่สักหน่อย ข้าแค่อยากแนะนำน่ะ ยังไงเสีย พวกเราก็มีเวลาให้เสียกับสัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่มากอยู่แล้ว” ราชาอสุรากู่ฉิงซานกล่าว
วินาทีต่อมา
แมวสีส้มปรากฏขึ้นจากด้านหลังผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิต
มันกระโดดขึ้นไปเกาะบนบ่าของอีกฝ่าย
แสงสีทองเลือนรางซ้อนทับกับแสงสีเงินเจิดจ้า กลายเป็นภาพมายาของเหรียญ ตามด้วยกรงเล็บของแมวที่จมลงไปในร่างของผู้พิพากษาชะตากรรมทุกชีวิต
เทพปฐพี การคุมขังของปฐพี!
……………………………………………..