webnovel

0998 ลอบโจมตี!

ตอนที่ 998 ลอบโจมตี!

กู่ฉิงซานยืนนิ่ง กอดอกและครุ่นคิด

แมวสีดำเข้าสู่วัยรุ่นตั้งแต่เด็กด้วยการกลืนกินไพ่

เพราะเขาเองก็เป็นไพ่

มันจะสร้างผลแบบไหนหากพัฒนาด้วยไพ่

เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ หากใช้ไพ่เพื่อพัฒนา มันจะให้ผลแบบไหน

เขาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน

กู่ฉิงซานอดที่จะตบศีรษะของตัวเองไม่ได้

เพราะตั้งแต่ช่วงชีวิตอดีตจนถึงปัจจุบัน เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์มาโดยตลอด ดังนั้นความคิดจึงมีขีดจำกัด

ที่จริง ตัวตนของโลกนับพันล้านใบได้นำความจริงมาสู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างเงียบงันมานานแล้ว

แม้กระทั่งเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณที่หลบหนีไปก็สามารถสร้างโลกในวังวนความว่างเปล่าได้

แม้กระทั่งฮอร์ครักซ์ต่อสู้ส่วนตัวที่ถูกทิ้งไว้โดยเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณก็สามารถเลียนแบบความสามารถจนสร้างโลกนับพันล้านชั้นขึ้นมาได้

เผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณเป็นเพียงผู้มาเยือนจากโลกคู่ขนานที่ถูกจัดการโดยวันสิ้นโลก

ส่วนโลกคู่ขนานที่ยังต่อสู้กับวันสิ้นโลก เขาไม่รู้ว่ามันแข็งแกร่งมากแค่ไหน

โลกคู่ขนานที่กว้างใหญ่ไพศาลนั่น

ความวุ่นวายสุดหยั่งในความว่างเปล่านั่น

วันสิ้นโลกที่ไม่รู้จบอย่างเหลือเชื่อนั่น!

จะให้สิ่งเหล่านั้นมาถูกจำกัดด้วยความคิดของผู้ฝึกยุทธ์ในยุคนี้ได้อย่างไร

เมื่อคิดดังนี้ กู่ฉิงซานพลันรู้สึกโล่งอกขึ้นมา

ไม่ว่าผลลัพธ์ของการใช้ไพ่อัปเกรดจะเป็นอะไร เขาก็ต้องลองด้วยตัวเอง

มีหลายสิ่งที่ไม่รู้จักมากเกินไป หากไม่สำรวจจนเชี่ยวชาญความรู้ความสามารถใหม่ๆ เขาจะกลายเป็นแค่กบในบ่อน้ำเสมอ!

แค่ลงมือทำเท่านั้น

กู่ฉิงซานตั้งจิตอยู่บนหน้าต่างระบบไพ่ขณะจ้องไพ่สีน้ำเงิน

“ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน”

นี่คือไพ่ชีวิตของเขา

กู่ฉิงซานพยายามแตะไพ่ด้วยจิตขณะกล่าวอย่างเงียบงันว่า ‘วิวัฒนาการ’

ไม่เหมือนกับไพ่ ‘หอกปีศาจแดง’ และ ‘แมวค้นหา’ ครั้งนี้ไพ่ไม่ได้ปรากฏเป็นชุดไพ่ที่จำเป็นต่อการพัฒนา

กลับกัน ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นแถวแล้วแถวเล่าอย่างรวดเร็ว

“หากผู้ส่งสารแห่งบาปอยากเปิดเส้นทางสู่การพัฒนา เงื่อนไขที่จำเป็นย่อมแตกต่างจากไพ่ธรรมดาเหล่านั้น”

“ไพ่ที่จำเป็นต้องมาจากโลกภายใน”

“เพราะผู้ส่งสารแห่งบาปอาจจะคงอยู่ในโลกคู่ขนานมากมายก็จริง แต่สถานที่ที่ถือกำเนิดคือโลกภายใน”

กู่ฉิงซานตกตะลึง

อา…

ใช่แล้ว…

บางสิ่งมักอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจของโลก

ยกตัวอย่างเช่นโลกภายใน

เหมือนกับหุบเหวนิรันดร์ โลกภายในไม่ใช่โลกที่ถูกสร้างโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณหรือฮอร์ครักซ์ต่อสู้ส่วนตัว

เดิมมันคงอยู่ในกระแสวังวนความว่างเปล่า

ถ้าอย่างนั้นมันคืออะไรกันแน่

ตอนนี้ ข้อความกะพริบปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบไพ่เพื่อเตือนให้กู่ฉิงซานสนใจ

กู่ฉิงซานถอนหายใจและดูต่อไป

“สิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาท่านคือไพ่จากโลกดังกล่าว”

“ทว่า เพราะพละกำลังของท่านอ่อนแอเกินไป จึงไม่สามารถไปถึงพละกำลังขั้นต่ำของผู้ส่งสารแห่งบาปได้”

“ท่านสามารถใช้ไพ่ธรรมดาตามที่กำหนดเพื่อช่วยทำความเข้าใจพละกำลังและสกิลของอาชีพท่านก่อนเตรียมตัวสู่การพัฒนาพละกำลังได้”

“ไพ่บาป: ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน ตอนนี้โปรดเลือกหมวดหมู่ที่ท่านอยากเข้าใจระหว่างพละกำลังหรือสกิล”

“โปรดทราบว่าท่านสามารถเลือกได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

กู่ฉิงซานมองไพ่ชีวิตของตัวเอง

บนไพ่สีน้ำเงิน เขาถือดาบสองเล่มเอาไว้ ลอยอยู่ในอากาศอย่างนุ่มนวล

“ข้าเลือกสกิล”

“ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน ท่านคือไพ่ต่อสู้อาวุธเย็น ระบบสกิลที่ท่านมีคือ: วิชาดาบ”

“ท่านต้องมีไพ่ต่อไปนี้เพื่อช่วยพัฒนาสกิลวิชาดาบได้”

หลังจากนั้น ไพ่จำนวนมากปรากฏบนหน้าต่างระบบไพ่ เรียงเป็นแถวอย่างมีระเบียบ

ไพ่ใบแรกคือ ‘การไล่ล่าของธาตุลม’

นี่คือไพ่ธรรมดา

กู่ฉิงซานตะโกนออกมา “ลอร่า!”

“ข้าอยู่นี่แล้ว มีอะไรหรือ” ลอร่าปรากฏตัวข้างเขา

“เอ่อ ข้าอาจจะยังต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าอยู่” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความเขินอาย

เขาเขินอายเล็กน้อยจริงๆ เพราะใช้ไพ่จากอีกฝ่ายมากจนเกินไป

ลอร่าเป็นคนช่างสังเกต ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของกู่ฉิงซานทันที

“กู่ฉิงซาน อย่าพูดจาอ้อมค้อมกับข้า” ลอร่ากล่าวอย่างเดือดดาล “เจ้าเคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ ตอนนี้ข้ากำลังต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเจ้า”

นางกล่าวเสียงดังว่า “ถ้ามอบสมบัติบางส่วนให้ก็สามารถช่วยให้พวกพ้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาดกับวันสิ้นโลกเหล่านั้นได้ ดังนั้นอย่างได้ลังเล”

หลังจากพูดจบ นางสุ่มหยิบบางสิ่งจากความว่างเปล่า

หีบสมบัติสีทองถูกสัมผัสในความว่างเปล่าก่อนถูกโยนออกมาอยู่บนชั้นดาดฟ้าตามที่นางต้องการ

‘ตึง!’

หีบสมบัติเปิดออก อัญมณีล้ำค่าจำนวนมากกระจายไปทุกหนแห่ง

“ครั้งนี้โชคดีเหลือเกิน”

ลอร่าพึมพำขณะหยิบเครื่องดื่มพลังงานที่เย่เฟยหลีให้มาก่อนดื่มเข้าไปอึกใหญ่

“ดูสิ นี่คือเครื่องดื่มของเย่เฟยหลี ข้าเผลอทำตัวเสียมารยาทกับเขาเกินไปหน่อยจนขอมาหลายกระป๋องเลย!”

ลอร่าชูกกระป๋องให้กู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานมองเย่เฟยหลี

เขาเห็นอีกฝ่ายนั่งอยู่ข้างเหล่าต้าขณะส่งกระป๋องให้เหล่าต้า

“นี่คือกระป๋องสุดท้ายของวันนี้” เย่เฟยหลีเตือนเหล่าต้า

ข้างเหล่าต้าเต็มไปด้วยกระป๋องว่างเปล่า ทั่วร่างเปี่ยมด้วยพลังงานมหาศาล

เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “ข้ารู้สึกเหมือนกับได้ฟื้นคืนพละกำลังอีกครั้ง ความรู้สึกนี้มันดีจริงๆ”

หลังจากพูดจบ เขารับเครื่องดื่มพลังวิญญาณจากเย่เฟยหลีก่อนดื่มเข้าไปอึกใหญ่

เหงื่อเย็นของเย่เฟยหลีบนใบหน้าเหมือนกับโพรงเล็กๆ

กู่ฉิงซานยิ้ม

ลอร่าเป็นคนที่ห่วงใยผู้อื่น แถมพูดแต่ความจริง

นางคือเด็กที่มีเหตุผล กระตือรือร้นที่จะเป็นกำลังคอยช่วยเหลือผู้อื่น

กู่ฉิงซานมองลอร่าแล้วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้าขอเสียมารยาทกับเจ้าเช่นกัน ช่วยข้าตามหาไพ่ที”

“คราวนี้เจ้าจะทำอะไรล่ะ” ลอร่าถาม

กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าพบหนทางที่จะเพิ่มพละกำลังน่ะ แต่ต้องการไพ่เพื่อกลืนกินเช่นกัน”

ลอร่ากล่าวทันทีว่า “ไม่มีปัญหา! แค่บอกมาว่าเจ้าต้องการไพ่ใบไหน”

“ชื่อของไพ่คือการไล่ล่าของธาตุลม”

“ได้ รอเดี๋ยวนะ”

หลังจากพูดจบ ลอร่าก้มศีรษะล้วงกระเป๋าใบเล็กๆ ของนาง

ผ่านไปสักพัก นางก็พบไพ่ใบนั้น

นี่คือไพ่โจมตี หากปลดปล่อยออกมา ดาบวายุขนาดใหญ่ที่โจมตีราวกับพายุเฮอริเคนจะปะทุขึ้นมา

กู่ฉิงซานรับไพ่มาก่อนวางไว้บนหน้าต่างระบบ

“ทำการกลืนกิน”

เขาสั่งทันที

หลังจากหักพลังวิญญาณไปหนึ่งร้อยแต้ม ไพ่ทั้งหมดกระจายออกเป็นจุดแสงสว่างนับไม่ถ้วนก่อนเข้าไปรวมกับไพ่บาป: “ผู้ใช้วิชาดาบกู่ฉิงซาน”

ความรู้สึกแปลกๆ ก่อเกิดขึ้นมา

กู่ฉิงซานรู้สึกว่าเขาได้ย้อนกลับไปยังช่วงเวลาก่อนหน้านี้

ช่วงเวลาที่ต่อสู้จนตัวตายกับสัตว์ประหลาดในตำนาน

เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังถือดาบพิภพเอาไว้ก่อนพยายามสุดความสามารถเพื่อสำแดงพลังดาบนั่นออกมา

มันคือการระเบิดระดับสุดยอดที่อยู่ภายใต้แรงกดดันแห่งความตาย

นั่นคือวิชาดาบที่ไม่เคยมีมาก่อน

“ความรู้สึกนี้…”

“ข้าก็เลยทำแบบนี้สินะ…”

กู่ฉิงซานพึมพำ

กลายเป็นว่าผลของการกลืนกินไพ่เป็นการช่วยให้ตัวเองกลับไปสู่ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ จมดิ่งสู่การระเบิดระดับสุดยอดของวิชาดาบเพื่อสัมผัสถึงความลี้ลับ

กู่ฉิงซานหลับตาลงเพื่อประสบกับความลี้ลับของวิชาดาบ

อีกด้าน

ในวังวนความว่างเปล่าไร้ขอบเขตอันไกลลิบ

วิญญาณกรีดร้องยืนอยู่ในอากาศธาตุ

กระแสอากาศสีเทามาจากทุกทิศทางก่อนชนเข้ากับร่างของมัน

‘พลัง!’

‘พลังมหาศาล!’

วิญญาณกรีดร้องคำราม

ร่างกายของมันดีดดิ้นตลอดเวลา แขนอีกคู่ค่อยๆ งอกขึ้นมา

ตอนนี้ มันมีทั้งหมดหกแขน

พลังมหาศาลพุ่งออกจากร่างของมัน กลายเป็นพายุ พัดพาทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ ให้เข้าสู่ความว่างเปล่า

ขณะยืนอยู่กลางพายุ วิญญาณกรีดร้องคล้ายกับตัวตนศักดิ์สิทธิ์และโอ่อ่า

มันเงยหน้าขึ้นมองไปทางหนึ่งของความว่างเปล่า สายตาจับจ้องอย่างมั่นคง

ราวกับมันเห็นฉากหนึ่งจากระยะไกลยิ่ง

“ดูนั่น โอกาสดีมาแล้ว!” เสียงผู้หญิงกล่าว

“ใช่ เจ้าของบัญญัติคนสุดท้ายอยู่ในสภาพทำสมาธิ” เสียงผู้ชายไม่อาจหักห้ามความตื่นเต้นเอาไว้ได้

“และข้าก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย” เสียงผู้หญิงเสริม

ขณะพูด วิญญาณกรีดร้องยกแขนทั้งหกขึ้นพร้อมกันเพื่อตั้งท่า

มันขยับไปทางยานอวกาศราชินีหนามก่อนรีบร่ายคาถาอย่างแผ่วเบา

“ต่อให้มีช่องว่างระหว่างความว่างเปล่าและโลกก็ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งพลังอันยิ่งใหญ่ของความโกลาหลได้”

“ศัตรูจะต้องหมอบแทบเท้าของเจตจำนงความโกลาหล”

“พลังความโกลาหลจะแปรเปลี่ยนเป็นการลงทัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์!”

“มันกระตือรือร้นที่จะวางรากฐานสุดท้ายยุคแห่งความโกลาหลด้วยความตายของศัตรู!”

ขณะวิญญาณกรีดร้องร่ายคาถา หมอกสีเทาพร่ามัวพลิ้วไหวปรากฏขึ้นรอบร่างของมัน

หมอกรวมตัวกับแขนทั้งหกก่อนกลายเป็นแสงโอ่อ่างดงามขนาดยักษ์

วิญญาณกรีดร้องยกแขนทั้งหกขึ้น กระแทกใส่แสงสีเทาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัด

“นี่คือเจตจำนงความโกลาหล!”

“พลังแห่งการลงทัณฑ์ของเทพเอ๋ย ไปเสีย ไปฆ่ามัน!”

‘ครืน’

แสงสีเทาขนาดใหญ่ส่องผ่านความว่างเปล่าก่อนหายไปในที่ที่มันกำลังมุ่งไป

.................................