ตอนที่ 911 หลบหนี
ในราตรีอันมืดมิด ร่างเลือนรางตัดผ่านท้องนภาขณะเหาะตรงไปทางหนึ่ง
ไกลออกไปหลายร้อยฟุตจากร่างนั้น มังกรมารกำลังไล่ตามด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
แม้จะไม่เต็มใจ แต่ความเร็วของเขาตามหลังอีกฝ่ายอยู่ ทำให้ไม่สามารถตามอีกฝ่ายทันได้
ระยะห่างทั้งสองฝ่ายยังเพิ่มมากขึ้น
“บัดซบ! ข้าอยากรู้นักว่านางจะไปไหน!”
มังกรมารคำรามราวกับอสนีบาต
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต้นลำธาร
กู่ฉิงซานยืนอยู่บนบ่อน้ำแห้งขณะอ้าแขน
วินาทีต่อมา ร่างหนึ่งข้ามท้องนภาก่อนตกลงมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ทำไมเจ้าไม่ไปล่ะ”
หญิงสาวร่างสูงเต็มไปด้วยโลหิตขณะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าบอกแล้วนี่ว่าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่”
หญิงสาวร่างสูงกระอักโลหิตออกจากปากก่อนกล่าวราวกับเสียงกระซิบว่า “เจ้าโง่ ปล่อย!”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น นางตกอยู่ในอาการสาหัส
กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ฉานนู่ สภาพเป็นยังไงบ้าง”
ฉานนู่ไม่ได้รับข้อจำกัดใด ๆ ในโลกใบนี้ ทำให้สามารถสังเกตการณ์โลกด้วยจิตเทพได้
จากนั้น น้ำเสียงวิตกของฉานนู่พลันดังขึ้น
“ไม่มีเวลาจะมาอธิบายแล้ว นายท่าน รีบหนีกันเถอะ!”
กู่ฉิงซานรู้ทันทีว่ามันเป็นเรื่องความเป็นความตาย
โดยไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว เขากอดหญิงสาวร่างสูงก่อนกระโดดลงไปในบ่อน้ำแห้งแล้วพุ่งตรงไปห้องลับ
ในห้องลับ ฉานนู่เปิดหีบสมบัติทันที เมื่อเห็นกู่ฉิงซานเข้ามา นางกลายเป็นดาบยาวทันทีก่อนมาเหน็บที่เอวของเขา
กู่ฉิงซานกอดหญิงสาวร่างสูงที่หมดสติเอาไว้ เข้าไปในหีบสมบัติก่อปิดฝาลง
“ส่งพวกเราไป จากนั้นเจ้าก็ซ่อนตัวด้วย” กู่ฉิงซานกล่าวกับตุ๊กตาหุ่นเชิด
ตุ๊กตาหุ่นเชิดพยักหน้า “อย่าห่วงไปเลย ทันทีที่พวกเจ้าไป ข้าจะไปซ่อนกับภูต ไม่มีใครสามารถตามหาภูตเจอหรอก”
ตอนนี้ มีเสียงกระแทกพื้นหนักแน่นมาจากด้านนอก
มังกรมารไล่ตามมาจนถึงก้นบ่อน้ำ
เขาเห็นกำแพงแตกหักกับห้องลับที่อยู่ข้างใน
“หืม! ห้องสมบัติหรือ ไม่! ความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดนัก…”
มังกรมารนิ่งด้วยความสงสัย
ในความมืด เขาสัมผัสได้ถึงพลังของสายเลือดมังกร
แต่เขาไม่ได้กลิ่นโลหิตใด ๆ
หรือว่าจะเป็นเจ้าหนูที่เอาดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพไป
ในยุคโบราณ ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย อีกฝ่ายกลายเป็นยักษ์อมตะที่มีฮอร์ครักซ์ ดังนั้นเขาจึงสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายไม่ได้
ตอนนี้ มีความปรารถนาที่จะกลืนกินอยู่ในใจของเขาแล้ว
นี่พิสูจน์ให้เห็นว่ามีตัวตนที่สืบทอดสายเลือดอยู่ใกล้ ๆ
แต่น่าแปลก เขาไม่ได้กลิ่นโลหิตเลย…
เจ้าหนูนั่นสังหารตัวเองในโลกคู่ขนานหรือ
ถ้างั้น อะไรที่ซ่อนลมหายใจของมันกันล่ะ
ทันใดนั้นเอง กลิ่นโลหิตก็หายไป
ใบหน้าของมังกรมารเปลี่ยนไป เขาพุ่งเข้าห้องลับ ด้วยการโบกมือขนาดใหญ่ ฝาหีบสมบัติทั้งหมดพลันเปิดออก
…ว่างเปล่า
พวกมันไปจากที่นี่แล้ว
มังกรมารครุ่นคิดสักพัก เดินรอบหีบสมบัติเหล่านี้ ในที่สุดก็ย่อตัวลงหน้าหีบใบหนึ่ง
เขายื่นนิ้วไปสัมผัสหีบว่างเปล่าอย่างแผ่วเบา
นิ้วถูกย้อมเป็นสีแดง
มังกรมารเลียนิ้วก่อนกระซิบออกมาว่า “ใช่แล้ว นี่คือเลือดของนาง… พวกมัรเคลื่อนย้ายพริบตาจากหีบใบนี้…”
มังกรมารเข้าไปในหีบใบนั้น
เทียบกับร่างกายใหญ่โตของเขาที่สูงห้าเมตรแล้ว หีบใบนี้ออกจะเล็กไปเสียหน่อย เขาย่อตัวอยู่นานก็ไม่สามารถเข้าไปได้
มังกรมารหยุดทำก่อนจมสู่ความคิด
หีบมีความสามารถพิเศษในการเคลื่อนย้ายพริบตา…
พูดง่าย ๆ ก็คือมันเป็นไอเทมมิติที่ใช้เคลื่อนย้ายไปโลกต่าง ๆ มีค่ามากและไม่สามารถต้านทานการทำลายล้างตัวเองได้
ท้ายที่สุด มังกรมารทำได้เพียงลดพละกำลังทั้งหมดเพื่อพยายามหดร่างกายให้เหลือราวสามเมตรก่อนขดเข้าไปในหีบได้ในที่สุด
“เอาล่ะ ต่อไป ข้าต้องไปดูว่ามันใช่อาหารของข้าหรือเปล่า”
มังกรมารเผยรอยยิ้มกว้างก่อนปิดฝาหีบลง
ความเงียบกลับมาสู่ห้องลับ
ผ่านไปสักพัก
เสียงคำรามที่สั่นสะเทือนปฐพีดังมาจากหีบ
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงไม่ถูกส่งตัวไป!!”
…
วังวนความว่างเปล่า
สายลมโกลาหลไม่หยุดพัดพา
กู่ฉิงซานกอดหญิงสาวร่างสูงเอาไว้ขณะถูกปกคลุมด้วยแรงบางอย่างก่อนลอยไปยังทิศทางที่กำหนด
“น่าแปลก มันควรจะต้องถึงแล้วสิ” เขาพึมพำ
ตามวิธีเคลื่อนย้ายพริบตาบนแผนที่ดวงดาว การออกจากดาวคนคู่ด้วยหีบจะเคลื่อนย้ายพริบตาไปโลกวิญญาณธาตุ
คราวที่แล้ว เขาเข้าสู่โลกวิญญาณธาตุ
แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งผิดปกติ
ทันใดนั้นเอง ในความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุดตรงหน้า เนบิวลาเจิดจ้าพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงมาก
ดวงดาวจำนวนมากรวมตัวอยู่ตรงหน้าเขาดวงแล้วดวงเล่า
…นั่นคือสิ่งที่เหมือนกับวิญญาณเวลา
นางยิ้มให้กู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า
“ผู้ปกครองเสาศักดิ์สิทธิ์แห่งดินเอ๋ย เจ้าได้ลงนามสัญญาลับกับข้าแล้ว ตัวตนของเจ้าจะเป็นความลับโดยข้า ดังนั้นเจ้าไม่สามารถนำสิ่งมีชีวิตหุบเหวเข้าสู่โลกของข้าได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดการรั่วไหลจนทำลายสัญญาระหว่างเจ้ากับข้า ทำให้เจ้าถูกสังเกตเห็นโดยสิ่งมีชีวิตไม่รู้จักที่ทรงพลังเป็นจำนวนมาก”
กู่ฉิงซานก้มมองหญิงสาวร่างสูงในอ้อมแขน
นางยังอาการสาหัส ใบหน้าซีดเผือด มีคราบโลหิตที่มุมปาก
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถทิ้งนางได้ ดังนั้นข้าจะไม่ไปโลกของท่าน”
วิญญาณเวลาเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา ผ่านไปสักพักจึงกล่าวว่า “ข้าไปยังช่วงเวลาที่เจ้าได้รับแผนที่ดวงดาวมา ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าโลกต่อไปที่เจ้าจะไปคืออะไร… ให้ข้าส่งเจ้าไปโลกต่อไปเองเลยไหมล่ะ”
“ได้สิ เช่นนั้นข้าต้องรบกวนท่านแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว
วิญญาณเวลายิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่การรบกวนแต่อย่างใด แต่ข้าจะต้องรับมือกับสงครามที่ข้องเกี่ยวกับความเป็นความตายของวิญญาณ เพราะงั้นข้าอาจจะไม่มีเวลามาดูแลเจ้า เมื่อถึงวันนั้น เจ้าต้องพึ่งพละกำลังตัวเองเพื่ออยู่รอด พยายามให้หนักเพื่อแข็งแกร่งขึ้น”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า “ท่านช่วยข้ามาเยอะแล้ว ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
วิญญาณเวลาพยักหน้า “ลาก่อน ข้าหวังว่าเจ้าจะเติบโตได้ไว ยังไงเสีย หากสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ขาดพละกำลังของเสาใดไป พวกข้าจะลำบากไม่ใช่น้อย…”
เสียงของนางค่อย ๆ อ่อนลง
เนบิวลาเจิดจ้าสลาย รูปลักษณ์ของวิญญาณเวลาหมองหม่น แสงดาราทั้งหมดหายไปในความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
ในความว่างเปล่า กู่ฉิงซานยังลอยไปข้างหน้า
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ แรงฉุดกู่ฉิงซานก็พลันเปลี่ยนไป
เขาถูกเหวี่ยงเป็นวิถีโค้งในความว่างเปล่าก่อนลอยไปยังอีกทางหนึ่ง
ลอย
แล้วก็ลอย
เขาไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
ปากที่เต็มไปด้วยแสงเจิดจ้าพลันปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า กู่ฉิงซานถูกส่งไปในนั้นทันที
ภายใต้ท้องนภาหมองหม่น
อุกกาบาตเคลื่อนผ่านก่อนตกลงไปสู่ปฐพีไร้พรมแดน
อุกกาบาตพุ่งไปสักพักก่อนพลันหยุดนิ่งในอากาศแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
กู่ฉิงซานตกลงสู่ปฐพี
เขาปล่อยจิตเทพออกไปเพื่อตรวจสอบรอบข้างหลายพันไมล์
แดนรกร้าง
ที่นี่คือเทือกเขาหินแห้งแล้ง
“นายท่าน ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย”
ฉานนู่พุ่งออกมาขณะมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง
“อืม เจ้าช่วยข้าอุ้มนางที”
กู่ฉิงซานตบถุงเก็บของก่อนพบค่ายกลหนึ่ง…
หลังออกจากดาวคนคู่ ในฐานะนักพรตระดับสามพันโลกขั้นสูงสุด ในที่สุดเขาก็ได้พลังกลับคืนมา!
กู่ฉิงซานติดตั้งค่ายกลป้องกัน ปกปิดและโจมตีขนาดใหญ่ทั้งหมดในอึดใจเดียว เขายื่นมือออกไปเพื่อใช้วิชา ระเบิดภูเขาจนเกิดเป็นถ้ำ
เขาเดินเข้าไป สิ่งที่แรกที่คือติดตั้งค่ายกลรวบรวมวิญญาณ หยิบเบาะนั่งกับเครื่องนอนออกมาวางใกล้ ๆ จากนั้นจุดธูปหอมหนึ่งกำ ฉานนู่วางหญิงสาวร่างสูงที่หมดสติลงอย่างนุ่มนวล
กู่ฉิงซานหยิบยาเม็ดรักษาชั้นยอดออกมา บดมัน แช่น้ำแล้วเทใส่ปากของหญิงสาวร่างสูง
ใบหน้าของเขาหนักอึ้งเล็กน้อย
บนดาวคนคู่ ฉานนู่ที่มีพลังอย่างเต็มเปี่ยมไม่สามารถจัดการหญิงสาวร่างสูงได้
แต่เมื่อมังกรมารมา เขาจัดการหญิงสาวร่างสูงจนทำให้อยู่ในอาการปางตายได้
…มันทรงพลังแม้ว่าพลังจะถูกผนึกเอาไว้ก็ตาม หากเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ระเบิดพละกำลังทั้งหมดออกมา เขาจะมีโอกาสหนีรอดหรือ
ความห่างชั้นมากเกินไป
เขาพลันนึกบางสิ่งออกจึงถามฉานนู่ว่า “ตอนพวกเขาสู้กัน เจ้าใช้จิตเทพสังเกตการณ์ สถานการณ์ในตอนนั้นเป็นยังไงหรือ”
ฉานนู่เล่าการต่อสู้ระหว่างมังกรมารและหญิงสาวร่างสูงอย่างละเอียด รวมถึงบทสนทนาของทั้งสองโดยไม่มีการตกหล่นแม้แต่นิดเดียว
หลังจากกู่ฉิงซานได้ฟัง เขาหันมาตรวจสอบบาดแผลของหญิงสาวร่างสูง
“นางบอกว่าข้าคือลูกหลานของตาเฒ่าหรือ” กู่ฉิงซานถาม
“ใช่ นางบอกว่าในที่สุดตาเฒ่าก็มีลูกหลาน ดังนั้นนางไม่อยากให้ท่านตาย นางพยายามสุดความสามารถที่จะขัดขืนมังกรมารโดยไม่ยอมถอย” ฉานนู่กล่าว
กู่ฉิงซานเงียบ
…………………………………..........