ตอนที่ 774 ความไม่ยินยอมของราชาเทพ
ตำหนักราชาเทพตั้งอยู่ในท้องฟ้าด้านนอกของสวรรค์ดึกดำบรรพ์ เป็นสถานที่ที่เทพทุกองค์อาศัยอยู่
เทพทุกองค์มีตำหนักเป็นของตัวเอง ความสูงของตำหนักคือสิ่งที่เผยสถานะของผู้อาศัย
ตำหนักราชาเทพอยู่จุดสูงที่สุดของท้องนภา
มนุษย์ไม่ทราบเรื่องนี้
มีเพียงเทพเท่านั้นที่ต่างเข้าใจดีแต่ไม่ได้พูดอะไร
ในวันก่อนพิธีราชาภิเษก
เทพแห่งความเย็นยะเยือกไม่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์เทพ
บนจุดสูงสุดของตำหนักราชาเทพ เขามองท้องฟ้าด้านนอกที่อยู่ใต้เท้าอย่างเงียบงัน สวรรค์ดึกดำบรรพ์เองก็อยู่ใต้เท้าเช่นกัน
นี่คือจุดสูงสุดของสวรรค์ดึกดำบรรพ์
เทพสององค์บินขึ้นมาก่อนลอยอยู่ในแนวทแยงเบื้องล่างของราชาเทพ
พวกเขารายงานว่า “นายท่าน เผ่าพันธุ์มนุษย์ส่งทูตมาสอบถามว่าจะให้ทำอะไรบ้างหลังสิ้นสุดสงคราม”
ราชาเทพเงียบไปสักพักก่อนออกคำสั่งว่า “ให้สำนักเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดเลือกเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดมาแล้วส่งไปที่ศาลเจ้าเพื่อฝึกฝนพัฒนาความสามารถการต่อสู้”
“ศาลเจ้าแต่ละแห่งต้องส่งบุคคลพิเศษไปสอนสั่งพวกเขา จ้าวตำหนักแต่ละแห่งไม่ต้องออกไปสู้ ให้พวกเขาทุ่มเทกับการศึกษาความสามารถมนุษย์จากยุคโบราณเพื่อพัฒนาพละกำลังของตัวเอง”
“ถึงแม้สงครามแนวหน้าจะยุติไปแล้ว แต่อย่าได้ชะล่าใจไป หน้าที่ของศาลเจ้าในปีนี้จะต้องเสริมสร้างตำแหน่งแนวหน้า ดูแลการผลิตและการสร้างยุทโธปกรณ์สงครามขนาดใหญ่ เลือกช่างฝีมือเก่งกาจ เพิ่มการปรนนิบัติกับสถานะให้พวกเขา หากจำเป็นก็สามารถมอบรางวัลให้ต่อหน้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้”
“นอกจากนี้ ให้ตระกูลต่างๆ เลือกกลุ่มสอดแนมที่เก่งการซ่อนตัวลอบเข้าโลกบรรพกาลเพื่อสอบถามข้อมูลข่าวกรองต่างๆ”
“พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับ ตามบัญชาของราชาเทพ!”
เทพสององค์ก้าวถอยกลับไปด้วยความเคารพ
ราชาเทพกลับมาเงียบขณะยืนอยู่บนยอดวิหารเพื่อเฝ้ามองโลกทั้งใบ
ไม่ช้า
เทพจินเยี่ยนบินมาจากเบื้องล่าง
เขามองราชาเทพ “ราชาเทพ จ้าวแห่งความเย็นยะเยือก ข้าชื่นชมท่านยิ่งนัก”
“เป็นความจริงหรือที่ในประวัติศาสตร์ข้าจะหมดสติจนกลายเป็นราชาเทพไร้ความสามารถ” ราชาเทพถาม
“พูดตามตรง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับท่านในตอนนี้เช่นกัน” เทพจินเยี่ยนกล่าว
ราชาเทพกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเจ้ามาแทนที่ข้าและรู้แน่ชัดว่าจะถูกศัตรูผู้ไร้เทียมทานเข้ามาฆ่า บางทีเจ้าน่าจะรับมือได้ดีกว่าข้าอีกนะ”
เทพจินเยี่ยนครุ่นคิดสักพักก่อนจะอดพยักหน้าออกมาไม่ได้
เขาถอนหายใจเล็กน้อย
แน่นอนว่าความตายคือแรงจูงใจที่ดีที่สุด
แม้แต่เหล่าเทพก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ตอนนี้ เทพจำนวนมากบินขึ้นมาขอคำชี้แนะหลายสิ่งกับราชาเทพ
ราชาเทพครุ่นคิดสักพัก กล่าววาจาไม่กี่คำก่อนช่วยจัดการหลายสิ่งอย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ
เทพจำนวนมากตั้งใจฟัง สีหน้าของพวกเขาค่อยๆ เคารพยำเกรงมากขึ้น
หลังจากราชาเทพกล่าวจบ พวกเขาคำนับให้ราชาเทพก่อนบินจากไป
ตอนนี้ ราชาเทพถามว่า “เรื่องของเจ้าจัดการไปถึงไหนแล้ว”
เทพจินเยี่ยนส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์แปลกประหลาดนั่นฆ่าทหารบรรพกาลไปเป็นจำนวนมากจนพลิกสถานการณ์การต่อสู้ได้ แต่จู่ๆ เขากลับหายตัวไป”
“เจ้าคิดว่าไง” ราชาเทพถาม
สีหน้าของเทพจินเยี่ยนเคร่งขรึมเล็กน้อย “ดูจากระดับพละกำลังมนุษย์แล้ว การฝึกฝนของคนคนนี้น่าจะไปถึงเพียงระดับเบิกเนตรมิติเท่านั้น แต่ฝีมือดาบไปถึงระดับจอมภูตดาบแล้ว”
เขากล่าวต่อว่า “ข้าคิดว่าเขาคือกู่ฉิงซาน”
ราชาเทพนิ่งไปก่อนกล่าวว่า “เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป”
เทพจินเยี่ยนกล่าวว่า “ข้าสงสัยว่าเขาไปโลกมารหรือไม่ก็กำลังซ่อนตัวอยู่ในสำนักสักแห่ง ข้าต้องการคนเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้”
ราชาเทพกล่าวอย่างมีความสุขว่า “ไม่มีปัญหา ข้าจะส่งคนให้เจ้าเพิ่ม”
“นอกจากนี้ ข้าคิดว่าเจ้าคิดผิดนะ เจ้าควรขุดคุ้ยจากเบาะแสของวิญญาณอสนีบาตในหมู่พวกเราด้วย เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่เคยมีใครชำนาญวิญญาณอสนีบาตมาก่อน”
เทพจินเยี่ยนพยักหน้าพลางครุ่นคิด
ตอนนี้ ราชาเทพเรียกเทพห้าองค์มาแล้วบอกให้พวกเขาทำงานตามที่เทพจินเยี่ยนมอบหมาย
“เอาล่ะ เจ้าไปได้แล้ว จับตัวคนคนนั้นมาให้ได้ล่ะ”
หลังจากแนะนำเสร็จสรรพ ราชาเทพส่ายหน้าพร้อมกับอารมณ์ที่ประดังเข้ามา “เผ่าพันธุ์พวกเราไม่เพียงถูกกลั่นแกล้งจากเผ่าพันธุ์บรรพกาลเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะมาถูกสังหารหมู่โดยเผ่าพันธุ์มนุษย์ในยุคอนาคตอีกด้วย โชคชะตามันยากลำบากปานนี้เลยหรือ”
สีหน้าของเขาสงบ น้ำเสียงเนิบช้า แต่กลับทำให้เทพทุกองค์รู้สึกเศร้าโศก
เทพจินเยี่ยนเงียบ
เมื่อมองย้อนประวัติศาสตร์ไปหลายหมื่นปี เขาอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ไม่มีทาง พวกเราไม่มีทางเอาชนะเผ่าพันธุ์บรรพกาลได้เลย”
ราชาเทพพลันคำรามออกมา “ไม่ ในเมื่อพวกเรารู้อนาคตแล้ว มีแต่จะต้องเปลี่ยนมัน! ข้าต้องหาทางเปลี่ยนสถานการณ์นี้ให้ได้!”
“ข้าสาบานว่าพวกเราจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมทั้งหมดให้ได้ โลกใบนี้จะถูกปกครองโดยเทพอย่างพวกเราอีกครั้ง!”
น้ำเสียงของเขากระจายไปทั่วทั้งท้องนภา
ชั่วขณะนั้นเอง เทพทุกองค์หยุดในสิ่งที่กำลังทำขณะฟังเสียงคำรามของราชาเทพอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เทพลี่ มานี่!” ราชาเทพกล่าวอีกครั้ง
สิ้นคำสั่งของราชาเทพ เทพลี่บินมาจากตำหนักที่อยู่ไม่ไกลจากใต้โถงราชาเทพมากนัก
เบื้องหน้าของเทพทุกองค์ เทพลี่เงยหน้าขึ้นสูงแล้วกล่าวว่า “เทพแห่งความเย็นยะเยือก ท่านต้องการสิ่งใด”
ตามคำอธิบายของเทพจินเยี่ยน อีกฝ่ายคือเทพผู้ต่อสู้กับเทพแห่งความเย็นยะเยือกเพื่อชิงบัลลังก์
ราชาเทพมองอีกฝ่ายพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “พวกเราถูกกดขี่มานานเกินไป เทพลี่ เจ้าอยากให้เผ่าพันธุ์ของพวกเราเป็นเช่นนี้ตลอดไปงั้นหรือ”
“ถ้าเป็นราชาแล้วยังคิดประจบศัตรูอีก เจ้าคิดว่าราชาสมควรทำแบบนั้นหรือไม่”
เทพลี่มองราชาเทพ ไม่ได้กล่าววาจาใดๆ
ราชาเทพกล่าวว่า “เทพลี่ ตั้งใจฟังให้ดี ข้าอาจจะโกรธผู้ปกครองโลกบรรพกาล ข้าอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงห้าปี แต่ข้าจะต้องหาทางเปลี่ยนชะตากรรมให้กับเผ่าพันธุ์ของพวกเราให้จงได้”
“ถ้าข้าตาย เจ้าจะต้องเป็นราชาเทพองค์ต่อไป”
เทพลี่ตกตะลึงก่อนถามว่า “นี่พูดจริงหรือ”
“ราชาเทพพูดแล้วไม่คืนคำ แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าก่อนว่าจะไม่ทำตัวขี้ขลาดหลบเลี่ยง จงเดินบนเส้นทางสายนี้ สักวันเจ้าจะมีชัย” ราชาเทพกล่าว
สีหน้าของเทพลี่ค่อยๆ เปลี่ยนไป
เขาถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ถอยกลับไม่ได้แล้วล่ะ”
ขณะพูดเช่นนั้น เขาคุกเข่าลงกับพื้นดิน
“นายท่าน ข้าเต็มใจติดตามท่านเพื่อนำเผ่าพันธุ์ของพวกเราไปสู่ชัยชนะแม้ว่าจะมีความตายรออยู่ข้างหน้าก็ตาม”
เทพลี่กล่าวสาบานอย่างเคร่งขรึมและหนักแน่น
ราชาเทพพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ดีมาก นับจากวันนี้ไป เจ้าและข้าไม่ต้องสู้กันเองอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้พวกเรามีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือตายเพื่อเผ่าพันธุ์ของพวกเรา!”
“ถูกต้อง! เจ้าพวกเผ่าพันธุ์บรรพกาลนั่น ข้าอยากจะฆ่าพวกมันมานานแล้ว!” เทพลี่คำราม
ท่ามกลางศาลเจ้าในเวลานี้ เหล่าเทพค่อยๆ บินออกมา ดิ่งลงสู่ความว่างเปล่าที่อยู่ใต้ราชาเทพ พวกเขาทำการคำนับต่อราชาเทพอย่างเงียบงัน
เทพทุกองค์ล้วนมาอยู่ที่นี่
เมื่อพวกเขาคำนับราชาเทพเสร็จ พวกเขาจึงคำนับเทพลี่อีกครั้ง
นี่หมายความว่าเหล่าเทพรับรู้และยอมรับประสงค์และการกระทำของราชาเทพแล้ว
พวกเขาจะสู้ตามคำสั่งของราชาเทพ
หากราชาเทพตาย พวกเขาจะติดตามเทพลี่เพื่อสู้ต่อไป
เทพจินเยี่ยนชมฉากดังกล่าว สีหน้าดูซับซ้อนเล็กน้อย
เขาพึมพำกับตัวเอง “เมื่อรับรู้ถึงโชคชะตาก็มีการเปลี่ยนโยกย้ายเพื่อเกิดใหม่ทันที...นี่คือราชาเทพอย่างแท้จริง”
มนุษย์แสงปรากฏตัวขึ้นข้างเขา
มนุษย์แสงส่ายหน้าก่อนกล่าวกับเทพจินเยี่ยนว่า “แต่ช่างน่าเสียดาย...”
เทพจินเยี่ยนเห็นด้วยกับคำพูดดังกล่าว อารมณ์ก่อตัวขึ้นมหาศาล “ถูกต้อง เขาเพียงคงอยู่ในยุคหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถส่งผลต่อประวัติศาสตร์จริงได้หรอก”
“หากมองย้อนเผ่าพันธุ์เทพกลับไปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน พวกเขาเอาแต่หนี วางแผนเจ้าเล่ห์ คิดหาทางเอาตัวรอด แล้วมันจะไปมีทางต่อสู้กับโชคชะตานี้ได้อย่างไร”
“ถ้าเขาสามารถกลับสู่ประวัติศาสตร์จริงแล้วนำเผ่าพันธุ์เทพทั้งหมดก้าวไปข้างหน้าได้ เผ่าพันธุ์ของพวกเราจะต้องเปลี่ยนวิถีแห่งชะตากรรมจนสร้างอนาคตที่แตกต่างขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”
“มันช่างน่าเสียดายจริงๆ”
.....................................................................