ตอนที่ 609 วิกฤต
เสียงประกาศของ ‘ปฏิวัติ’ เพิ่งจะจบลง อีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นตามมาติดๆ ทันที
ซึ่งเสียงนี้แตกต่างจากเสียงของปฏิวัติที่เต็มไปด้วยความเย็นชา มันเป็นเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์และเมตตา
“วิถีแห่งการกดขี่สิ่งมีชีวิตทั้งมวล เจ้าสิ่งที่ถูกชุบเลี้ยงโดยราชามารเอ๋ย ตามคำไหว้วานที่พระผู้เป็นเจ้าเคยฝากฝังเอาไว้ ข้าจะลบล้างการดำรงอยู่ของเจ้า เพื่อพิสูจน์ถึงความเมตตาของเทพสวรรค์ที่หมายมั่นจะปกป้องอาณาจักรทั้งมวล!”
“เริ่มทำการค้นหาสิ่งมีชีวิตเพื่อทำการดาวน์โหลดวิถีศักดิ์สิทธิ์”
“…”
แล้วเสียงก็เงียบลง
กู่ฉิงซานสูดหายใจลึก เฝ้ารออย่างเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง
เนื่องจากผู้เข้าสู่วิถีมารทั้งหมดถูกสังหารลงแล้ว ดังนั้นเขาล่ะอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
หากไม่มีผู้ดาวน์โหลด แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวระบบกันแน่นะ?
…
ไม่สิ
จู่ๆ กู่ฉิงซานก็พลันตระหนักได้ถึงสิ่งหนึ่ง
ว่านอกเหนือไปจากสถานที่เบื้องล่างที่ถูกแยกตัวออกไปโดยกำแพงอุปสรรคของทวยเทพแล้ว ในตลอดทั้งชั้นมหาสมุทรและชั้นเปลือกน้ำแข็ง ก็ยังเหลืออยู่อีกคนหนึ่งนี่นา
ซึ่งคนที่ว่า ก็คือเขานั่นเอง
ทันทีที่เขาตระหนักถึงมัน บนหน้าต่างเทพสงครามก็ส่องสว่างขึ้นทันใด
บรรทัดแสงหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้น
“เนื่องจากไม่มีผู้ดาวน์โหลดคนอื่นๆ หลงเหลืออยู่อีกต่อไป ระบบของราชามาร เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ปฏิวัติ จึงได้บังคับการดาวน์โหลดลงบนร่างกายของคุณ”
“เนื่องจากไม่มีผู้ดาวน์โหลดคนอื่นๆ หลงเหลืออยู่อีกต่อไป ระบบของเทพสวรรค์ เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ วิถีศักดิ์สิทธิ์ จึงได้บังคับการดาวน์โหลดลงบนร่างกายของคุณ”
พร้อมกันกับคำแจ้งเตือนของหน้าต่างเทพสงคราม สองหน้าต่างใหม่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของกู่ฉิงซานอย่างเงียบๆ
หน้าต่างสีแดงที่แสนคุ้นเคย บัดนี้เปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็นสีแดงสดใสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี่คือ ‘ปฏิวัติ’ ที่ถูกอัปเกรดขึ้นมาจากต้นกำเนิด
ส่วนหน้าต่างใหม่ที่สาดแสงสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน นี่คือระบบของเทพสวรรค์ เกมหมื่นสวรรค์สิ้นโลกาออนไลน์ วิถีศักดิ์สิทธิ์
ณ เวลานี้ ในสายตาของกู่ฉิงซาน สามหน้าต่างลอยอยู่เคียงข้างกัน
โดยหน้าต่างเทพสงครามจะเป็นสีฟ้าอ่อน , หน้าต่างปฏิวัติเป็นสีแดงสด และหน้าต่างวิถีศักดิ์สิทธิ์ที่สาดแสงสีขาว
หนึ่งคน แต่ครอบครองถึงสามหน้าต่างระบบ นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
และผู้ที่บงการให้เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้น คือร่างใหญ่ที่อายุกว่าหนึ่งแสนปี โดยที่มันเองก็คงไม่ทราบมาก่อนเหมือนกันว่ากู่ฉิงซานเองก็มีระบบเทพสงครามอยู่ก่อนแล้ว
ดังนั้น สถานการณ์ในขณะนี้จึงเกินความคาดหมายของร่างใหญ่ และมันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
กู่ฉิงซานเบนสายตามองหน้าต่างวิถีศักดิ์สิทธิ์ สลับกลับไปมองหน้าต่างปฏิวัติ
“แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปล่ะทีนี้?”
เขากระซิบถามระบบเทพสงคราม
ติ๊ง!
ระบบเทพสงครามตอบกลับด้วยเสียงอันฟังชัด
“เนื่องจากพวกเขาคือระบบซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อกันและกัน ดังนั้นหากอ้างอิงตามการพิจารณาของฉัน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย แค่เฝ้าดูอยู่เฉยๆ ก็พอ”
กู่ฉิงซานพยักหน้า
นี่มันแทบจะไม่ต่างไปจากที่ร่างใหญ่ได้บอกกับเขาเลย
กู่ฉิงซานยังคงนิ่ง
หลังจากนั้นหนึ่งลมหายใจ
เห็นแค่เพียงในสายตาของเขา หนึ่งแดงหนึ่งขาวเริ่มเกิดการเคลื่อนไหวขึ้น
โดยแสงที่ทั้งสองหน้าต่างเปล่งออก สาดประกายเจิดจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ระหว่างแสงกับแสงกำลังห้ำหั่นกัน แต่ละฝ่ายต่างพยายามแทรกซึมและเจาะเข้าไปครอบคลุมกันและกัน
เมื่อเวลาผ่านไป แสงทั้งสองก็เริ่มซวนเซ และปกคลุมซึ่งกันและกัน
ภายใต้แสงที่ปกคลุมนี้ ทั้งสองหน้าต่างก็เริ่มบังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
อันดับแรกเลยคือแสงจากทั้งสองเริ่มที่จะทับซ้อนกัน จากนั้นตัวหน้าต่างก็เริ่มเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ตามต่อด้วยฟังก์ชันต่างๆ บนหน้าต่างเริ่มจะสลายลงไปตามลำดับ
ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ห่างออกไปหลายพันกิโลเมตร จู่ๆ ก็ปรากฏถึงอักษรรูนสีทองผุดขึ้นทุกหย่อมหญ้า บนยอดภูเขาน้ำแข็งของทวยเทพ
นี่คือลายลักษณ์โบราณ ที่เหล่าทวยเทพได้เขียนทิ้งเอาไว้
ตลอดทั้งยอดภูเขาน้ำแข็ง บัดนี้ฟุ้งไปด้วยแสงจรัสสีทอง ซ้อนทับกันเป็นชั้น เป็นชั้น
ยอดภูเขาหิมะ บัดนี้แปรเปลี่ยนกลายเป็นยอดภูเขาทองคำอันตระการตา
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับกู่ฉิงซาน จะไปกระตุ้นให้ยอดเขาของทวยเทพเกิดปฏิกิริยานี้ขึ้น?
ช่วงเวลาฉุกละหุก แสงจรัสจากลายลักษณ์ของทวยเทพก็ไหลไปควบรวมกันบนยอดสุด ก่อตัวขึ้นเป็นเสาแสงสีแดง พวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า มุ่งหน้ามายังทิศทางของกู่ฉิงซานโดยตรง
แสงสีทองเข้าห่อหุ้มกู่ฉิงซานในฉับพลัน!
ในเสี้ยววินาที โลกทั้งใบก็จมลงสู่ความมืดมิด
ทุกสิ่งอย่างในสายตาของกู่ฉิงซานจางหายไปจนสิ้น
เขารู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังปั่นป่วน ขณะที่ตนเองถูกยกสูงขึ้นไปเบื้องบนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่ไม่อาจบอกบรรยายได้
ไม่สิ มันไม่ใช่บนท้องฟ้าแล้ว แต่มันพุ่งสูงขึ้นทะลุผ่านชั้นโลกนับไม่ถ้วน และลอยไปยังสถานที่ซึ่งเขาไม่เคยรู้จักเลยต่างหาก!
เหตุการณ์ในเวลานี้ บางทีอาจใช้ระยะเวลาเป็นหมื่นปี หรือเพียงแค่เสี้ยวพริบตาเท่านั้น กู่ฉิงซานได้ค้นพบว่าตนเองได้สูญเสียการรับรู้เกี่ยวกับมิติและเวลาไปแล้ว
ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่ที่ ดูเลือนรางและพร่ามัว
เห็นแค่เพียงชายคนหนึ่งที่มีรูปร่างใหญ่มหึมาราวกับภูเขาในสายตา
เนื่องจากชายผู้นี้ได้ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดโดยสมบูรณ์ ทำให้ไม่สามารถมองเห็นถึงรูปร่างหน้าตาของเขาได้ ทว่าด้วยแสงที่ส่องผ่านร่างกายของเขา กู่ฉิงซานจึงพอจะคาดเดาได้ว่าชายผู้นี้มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับมนุษย์
ด้วยแสงสว่างอันคลุมเครือในวิสัยทัศน์ของเขา ผสานไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบที่พร่ามัว ประจวบกับบุคคลที่ไม่รู้จัก ส่งผลให้กู่ฉิงซานไม่อาจเค้นสมองนึกคิด คาดการณ์ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้เลย
“ระบบเทพสงคราม นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” กู่ฉิงซานลอบถามในจิตใจของเขาอย่างลับๆ
แต่คราวนี้ระบบเทพสงครามกลับไม่ตอบสนอง มันเลือกที่จะเงียบ
ในเวลานั้นเอง ร่างเงามหึมาก็เอ่ยปากขึ้น
“ถึงแม้ว่าเราจะจากไปแล้ว แต่เมื่อได้ลองขบคิด พิจารณาถึงสถานการณ์พิเศษที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากที่สร้างโลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้น เราจึงเลือกที่จะทิ้งร่างเงานี้เอาไว้”
เสียงของเขาฟังดูเชื่องช้า ช้าเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็ได้บ่งบอกถึงข้อมูลอันน่าตกตะลึง
‘สร้างโลก’ อย่างงั้นหรือ?
มีเพียงทวยเทพเท่านั้นที่จะสามารถสร้างโลกได้
ถ้าฟังจากที่พูดมา หมายความว่าตรงหน้าฉัน คือหนึ่งในเหล่าทวยเทพใช่ไหม?
ขณะกู่ฉิงซานกำลังคิด อีกฝ่ายก็ยังคงพูดต่อ
“หลังจากที่เราได้จากไปแล้ว ผู้คนในโลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้นคงไม่แคล้วจมลงสู่หายนะอันไร้ที่สิ้นสุด”
“อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่โลกเก้าร้อยล้านชั้นมีแนวโน้มว่าจะถึงจุดจบ เจ้ากลับสามารถถือครองอาวุธที่เราสร้างขึ้นไว้ในมือ และใช้มันทำลายอำนาจของทั้งสองระบบด้วยตนเองลงได้”
“แถมตัวเจ้าเองก็ยังครอบครอง ‘อำนาจ’ ที่ว่านั่นอยู่ด้วยเช่นกัน”
“ดังนั้น ร่างเงาที่ถูกทิ้งไว้โดยทวยเทพจึงจะขอมอบของขวัญให้แก่เจ้า”
“จงนำสิ่งนี้กลับไป และหวังว่าเจ้าจะสร้างมันให้ดียิ่งกว่านี้ในอนาคต”
กล่าวจบ ร่างเงามหึมาก็หายวับไปจากเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน
เมื่อร่างเงามหึมาหายไป แสงและเงาตลอดทั่วบริเวณก็กลายเป็นพร่ามัวยิ่งกว่าเดิม
กู่ฉิงซานทำได้เพียงรับฟังอีกฝ่ายหนึ่งกล่าวจนจบ แล้วตนเองก็จมลงสู่ห้วงหลับลึกอย่างมิอาจต้านทานได้ทันที
ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานแค่ไหนแล้ว
แต่จู่ๆ ก็ราวกับมีสัญญาณเตือนบางอย่าง ปลุกเขาให้ตื่นขึ้น
กู่ฉิงซานสะดุ้งเฮือก สองตาเบิกกว้าง เร่งหันไปมองรอบกายอย่างรวดเร็ว
แต่กลับพบว่าตนเองยังคงยืนอยู่เหนือทะเลเมฆอันกว้างใหญ่
ในมุมสูง สายลมและหิมะไม่สามารถขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ ส่งผลให้ความอบอุ่นจากแสงแดดค่อยๆ แผ่เข้ามายังทั่วร่างของกู่ฉิงซาน
โลกทั้งใบอันแสนกว้างใหญ่ บัดนี้เปล่าเปลี่ยว ไร้ซึ่งผู้ใดอีกต่อไป
กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้น...และพบว่าทิศทางของแสงแดดยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
กล่าวในอีกความหมายหนึ่งก็คือ เวลามิได้ผ่านพ้นไปนานเท่าใดนัก
ที่ฉันเห็นเมื่อครู่นี้ คือเทพบรรพกาลจริงๆ หรือ?
กู่ฉิงซานจมลงสู่ห้วงความคิด
แต่แล้วเมื่อย้อนนึกถึงประโยคสุดท้ายของอีกฝ่าย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ราวกับมีอะไรดลใจ จู่ๆ กู่ฉิงซานก็ค่อยๆ ยื่นมือซ้ายของตัวเองออกไป
เขาจ้องมองไปที่มือของตน
ชั่วพริบตานั้นเอง เห็นแค่เพียงหนังสือปกหนาปรากฏขึ้นมาจากอากาศที่บางเบา ลอยอยู่บนมือของเขาอย่างเงียบๆ
มันคือหนังสือที่ตรงส่วนปกทำมาจากหนังสีดำ
บังเกิดสายลมที่มองไม่เห็นคดเคี้ยวไปมาขึ้นรอบตัวมัน
กู่ฉิงซานตระหนักถึงความรู้สึกนี้ดี...มันคือแต้มพลังวิญญาณ คือพลังเหนือธรรมชาติ
ในเวลาเดียวกัน เขาก็ค้นพบว่าหน้าต่างสีแดงสดและหน้าต่างที่เปล่งประกายแสงสีขาวได้หายไปแล้ว
หากอ้างอิงตามสิ่งที่ร่างเงาเทพบรรพกาลกล่าว เหมือนกับว่า ‘ปฏิวัติ’ และ ‘วิถีศักดิ์สิทธิ์’ ทั้งสองระบบนี้จะถูกทำลายลงไปแล้ว
หน้าต่างเทพสงครามส่องสว่างขึ้นทันใด
ตัวอักษรขนาดเล็กกะพริบไหวอย่างบ้าคลั่ง
“ระบบทั้งสองในร่างกายคุณ ได้เกิดการทำลายล้างซึ่งกันและกัน”
“และสิ่งที่คุณเรียกว่าเป็นร่างเงาของเทพบรรพกาล ที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของโลกเก้าร้อยล้านชั้นนั้น...”
“หลังจากการวิเคราะห์สถานการณ์ ระบบได้ทำการพิจารณาแล้วว่า การที่ร่างเงาดังกล่าวได้ปรากฏขึ้นนั้น แท้จริงแล้วมีเงื่อนไขแบบเฉพาะเจาะจงดังต่อไปนี้”
“เงื่อนไขที่หนึ่ง โลกเก้าร้อยล้านชั้นกำลังจมลงสู่ช่วงเวลาแห่งหายนะ”
“เงื่อนไขที่สอง จะต้องอยู่ในดินแดนที่ในครั้งอดีต เหล่าทวยเทพเคยอาศัยอยู่”
“เงื่อนไขที่สาม จะต้องถือครองอาวุธที่ถูกหลอมกลั่นโดยเทพบรรพกาล”
“เงื่อนไขที่สี่ ก้าวตามรอยเท้าของเหล่าทวยเทพ ต่อสู้กับระบบที่หมายปองจะข่มเหงสรรพชีวิตทั้งมวล”
“เงื่อนไขที่ห้า ระบบทั้งสองถูกทำลายในเวลาเดียวกัน”
“เงื่อนไขที่หก คุณจะต้องเป็นเจ้าของ ‘อำนาจ’บางอย่าง”
“ซึ่งเงื่อนไขข้างต้นที่กล่าวมา คุณได้บรรลุมันจนสิ้นแล้ว”
“ดังนั้น คุณจึงได้รับของขวัญจากเทพบรรพกาล”
......................................