ในช่วงเวลาหนึ่ง หลังการประกาศแต่งงานอย่างเป็นทางการของหัวหน้ากิลด์อย่างหลงจือหยางและเยว่ชิง ตามถนน บ้านเรือนและอาคารต่างๆถูกประดับประดาไปด้วยสายไฟสวยงาม
ประชาชนคนทั่วไปรู้ดีว่าไม่อาจไปร่วมงานได้จึงมีการขอให้มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก หลงจือหยางเห็นดีเห็นงามที่จะประกาศชัดให้ทุกคนในโลกได้รู้ว่าจิ้งจอกน้อยมีเจ้าของแล้ว จึงตอบตกลงรับคำอย่างง่ายดาย
ห้องโถงใหญ่พื้นที่ที่เคยจัดงานเลี้ยงได้ถูกเนรมิตจากคนที่รวยที่สุดในโลกอย่างหลงจือหยางให้กลายเป็นวิมานบนชั้นฟ้าเพื่อสร้างภาพความทรงจำที่แสนงดงามในวันที่พวกเขาจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่อย่างจริงจัง
เยว่ชิงในชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์ใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางเสริมความงามเพิ่มเข้าไปอีก ว่าที่เจ้าสาวยกมือจับหัวใจใบหน้าแดงซ่านจนเพื่อนเจ้าสาวอย่างจิวอิงต้องคอยปลอบใจเป็นระยะ
"ขอบคุณนะจิวอิง อีกไม่นานก็งานน้องแล้วนี่"เพราะคำพูดหยอกล้อของเยว่ชิงทำเอาจิวอิงก้มหน้างุด หลบซ่อนความเขินอายเพราะหลังจากที่หลงจือหยางประกาศขอเยว่ชิงแต่งงานไปไม่เท่าไหร่
เสวียนอวี้ก็จัดการประกาศขอแต่งงานกับจิวอิงทันที ถึงแม้จะประกาศออกมาไล่เลี่ยกันแต่งานแต่งงานจัดห่างกันสามเดือน
"ได้เวลาแล้วครับ"เยว่ชิงลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินออกจากห้องด้านข้าง ด้านหน้าประตูมีเจ้าบ่าวสุดหล่อยืนอยู่ หลงจือหยางในสุดสูทสีดำใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ในมือถือช่อดอกไม้แดงสด
"ฝากพี่ผมด้วยนะครับ"จิวอิงฉีกยิ้มกว้างวางมือเยว่ชิงบนมือของหลงจือหยางที่ยื่นมาให้ก่อนจะถอยไปด้านหลังให้คนทั้งคู่เดินเข้าไปด้านในก่อน ส่วนจิวอิงก็ควงแขนเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างเสวียนอวี้
"ต่อไปก็เป็นพวกเรา"เสวียนอวี้ก้มหน้ากระซิบชิดริมหูของจิวอิง คนน้องพยักหน้างึกงักสายตาคู่สวยทอประกายมองคู่รักตรงหน้าที่มีบรรยากาศความรักหวานแหววตลอดเวลา
ตลอดทางเดินที่ปูไปด้วยผ้าสีแดง สองข้างประดับไปด้วยดอกกุหลาบแสนปี ดอกไม้ที่ปรากฏในหอคอย
ภาพบรรยากาศเบื้องหน้าถูกถ่ายทอดไปทั่วโลก ข้อความนับล้านแสดงความยินดีกันทั่วหน้า มีข้อความอวยพรและภาวนาให้คนทั้งคู่มีทายาทในเร็ววัน
ซึ่งหลงจือหยางเอกก็อยากมีทายาทแล้วเช่นกันเพราะตระกูลหลงนอกจากเขาก็ไม่มีใครแล้ว แต่ตอนนี้กำลังมีอีกคนที่เข้ามาเป็นคู่ชีวิตของผู้นำตระกูลหลงคนปัจจุบัน
หลงจือหยางกับเยว่ชิงยื่นมือกุมกันไว้หน้าผากของทั้งคู่ประสบกัน ก้อนหินสีดำที่เคยสนิทที่ถูกวางไว้บนแท่นพิธีส่องแสงระยิบระยับไปทั่วทั้งงาน
"ข้า หลงจือหยางขอให้สัตย์สาบานโลหิต จะรักและเคารพต่อคู่ชีวิตเยว่ชิงไปจนวันตาย ตราบนิรันดร์"
"ข้า เยว่ชิงขอให้สัตย์สาบานโลหิต จะรักและเคารพต่อคู่ชีวิตหลงจือหยางไปจนวันตาย ตราบนิรันดร์"
แสงค่อยๆดับไป ทั่วทั้งงานเต็มไปด้วยเสียงเฮพร้อมกับเสียงตะโกน จูบเลย จูบเลย จูบเลย เจ้าบ่าวหมาดๆไม่รอช้าประคองใบหน้าคนรักที่แดงก่ำมอบจูบที่แสนอ่อนโยนอ่อนหวาน
เยว่ชิงยกมือปิดใบหน้าแล้วส่ายหัวไปมาหลังจากผละออกจากเจ้าบ่าวเพื่อเข้าห้องก่อน ส่วนทางฝั่งเจ้าบ่าวตอนนี้คงรับมือกับเพื่อนๆอยู่ โดยเฉพาะคุณชายโจวกับคุณชายจ้าวที่ตอนนี้ยังคงกอดคอกันเป็นโสด
เยว่ชิงลูบเตียงอย่างเบามือมองกลีบกุหลาบสีแดงที่ถูกจัดเรียงเป็นรูปหัวใจแม้จะไม่อยากเอาออกก็ตามแต่ค่ำคืนนี้พวกเขายังต้องใช้เตียงอยู่ ไม่ใช่พลิกตัวทีก็มีกลีบกุหลาบติดตามตัวที ไม่งั้นคงมัวแต่เอากลีบดอกกุหลาบออกเป็นแน่
เยว่ชิงหลุดขำเล็กน้อยเมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่หลงจือหยางหงุดหงิดเนื่องจากมีบางอย่างทำให้หยุดชะงักจากกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์สามีภรรยา
หลงจือหยางที่เกือบเอาดาบไล่ฟันแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายก็เดินเข้าห้องได้เห็นช่วงเวลาคนรักขำคิกอย่างมีความสุข เจ้าบ่าวหมาดๆถอดเสื้อออกจากตัวเผยให้เห็นกล้ามเนื้อหน้าท้องก่อนจะเดินไปสวมกอดคนงาม
"พี่หยาง"เยว่ชิงเรียกคนรักเสียงหวาน ใบหน้าน้อยๆแหงนขึ้นเพื่อให้สายตาได้สบกัน
"ครับ"หลงจือหยางขานรับ กระชับอ้อมกอดให้แผ่นหลังคนน้องแนบชิดไปกับลำตัวของเขาโดยมีเพียงเสื้อผ้าของเยว่ชิงขวางเอาไว้
"ขอบคุณนะครับที่รักผม"เยว่ชิงฉีกยิ้มกว้างแล้วเขย่งปลายเท้ากดริมฝีปากจูบปลายคางของคนพี่
"พี่ต่างหากที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณที่ยังรักพี่"หลงจือหยางจูบขมับก่อนที่จะซบใบหน้าลงที่หัวไหล่ของเยว่ชิงจากนั้นก็กระซิบกระซาบถึงความต้องการ
ทายาทตระกูลหลงคนแรก โซ่ทองคล้องใจของพวกเขา ครอบครัวของพวกเขาบนโลกใบนี้
ระยะเวลาพัดผ่านไปหลายปี มนุษย์บนโลกมีการปรับเปลี่ยนวิธีชีวิตจนกระทั่งปัจจุบัน ไม่มีคนจนในทุกมุมโลก ทุกคนมีงานทำมีความสามารถในแบบของตัวเอง
สิ่งที่ตามมาคือสังคมครอบครัว เด็กๆไม่ได้รับความกดดันเหมือนอย่างเคย พวกเขาได้เรียนรู้ว่าชอบสิ่งไหนและต้องการสิ่งใด การอบรมสั่งสอนของครอบครัวไม่ตีกรอบจนเกินไปแต่ก็ไม่ปล่อยปละละเลย
จากนั้นคือสังคมสถาบันการศึกษา เพราะมีการปฏิวัติอาจารย์และครูผู้สอนจึงมีมาตรฐานมากขึ้น เรียนรู้ในแบบเดียวกันไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นรวยหรือจน
จนสุดท้ายสังคมใหญ่ ไม่มีอาชญากรเกิดขึ้น ทุกคนมีเงินใช้จ่าย เข้าถึงการศึกษาอย่างที่ควรจะเป็น โลกใบนี้คล้ายจะสงบสุขแต่ก็แค่มุมหนึ่ง
กลุ่มคนที่แข็งแกร่งยังคงเข้าหอคอยบ่อยๆเพื่อฝึกฝีมือรวมทั้งพยายามเคลียร์ชั้นเพื่อให้มันหายไป
เช่นเดียวกับเด็กตัวกลมที่ยืนแก้มพองอยู่ข้างหน้าหลงจือหยาง
"จะไปด้วย"หลงหนิงอ้าย ทายาทคนแรกตระกูลหลงในวัยสิบขวบยืนแก้มพองเพราะตั้งใจจะไปกับหลงจือหยาง มีความตั้งใจจะเป็นวีรบุรุษเหมือนพ่อของตัวเอง
"ไม่ได้ ม๊าไม่ให้ไป รออายุสิบห้าก่อน"เยว่ชิงหูตั้งปลายหางทั้งเก้าฟาดพนักโซฟาเป็นการระบายความโกรธที่ลูกชายคนโตคิดจะเข้าหอคอยในวัยสิบปี
"อย่าดุพี่อ้ายเลยนะ เดี๋ยวเจ้าแสบในครรภ์จะขี้โมโห"นอกจากจะตามใจลูกแล้วหลงจือหยางยังต้องรับอารมณ์ของคนแม่ที่ตอนในท้องกำลังมีเด็กอีกคนหนึ่ง
"งื้อ เสียงดังจังฮะ"หลงหนิงเหมยเกอน้อยวัยสามขวบขยี้ตางัวเงียหลังได้ยินเสียงบ่นของใครบางคน เจ้าตัวน้อยรู้สึกตัวไม่ทันไรคนเป็นพ่อก็ปี่เข้ามาอุ้มแนบอกแถมหาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้อีกด้วย
"ตื่นแล้วเหรอ หนูต้องการอะไรไหม ไหนบอกป๊าสิ"หลงจือหยางใช้นิ้วบี้แก้มลูกชายตัวน้อยที่ถอดแบบเยว่ชิง จนกลายเป็นเยว่ชิงย่อส่วน ใบหน้ามีความงดงามแบบฉบับของเกอจนคนเป็นพ่อรู้สึกหวงลูกมากยิ่งขึ้น
"หนูอยากไปเล่นกับพี่เสวียนอี้หนิง"แค่ได้ยินซื่อลูกชายคนโตของเพื่อนรักอย่างเสวียนอวี้ หลงจือหยางก็คิ้วกระตุก แค่เจ้าเด็กนั่นมาเล่นด้วยสองสามครั้งทำไมถึงล่อลวงลูกชายของเขาได้เร็วขนาดนี้
"ทำไมหนูอยากไปเล่นกับอี้หนิงละ พี่อ้ายก็ว่างนี่น่า"
"ก็พี่อ้ายเล่นแต่ฟันดาบโฉะๆ พี่อี้หนิงเล่นตุ๊กตากับหนูได้แถมอ่อนโยนอีกด้วย"หลงจือหยางได้แต่ยิ้มแห้ง ไอ้เจ้าเด็กที่ถือดาบจันทร์เสี้ยวรูปโค้งพระจันทร์คล้ายเคียวมรณะของพ่อมันนะเหรอจะอ่อนโยน เจ้าเด็กเสแสร้งคอยดูเถอะ
เจ้าเสวียนอวี้ด้วย ฮึ่ม คาดโทษมันทั้งพ่อทั้งลูกไปเลย
"แล้วทำไมหนูไม่เล่นกับเสวียนจินละ"เสวียนจินหรือจินเอ๋อร์ เกอน้อยคนที่สองของตระกูลเสวียนอายุน้อยกว่าหลงหนิงเหมยแค่สามเดือนเท่านั้น
"หึ เสี่ยวจินเอาแต่บอกรักพี่อ้าย เอะอะก็พี่อ้าย หนูเบื่อจะฟัง คนอย่างพี่อ้ายมีอะไรดีนอกจากหน้าเดิมๆยิ้มก็ไม่ยิ้ม"หลงหนิงเหมยเชิดหน้าขึ้น พี่อ้ายนะไม่ได้อยู่ในสายตาหนูหรอก ไม่เหมือนพี่อี้หนิง
หากหลงจือหยางอ่านใจลูกได้ ป่านนี้คงกระอักเลือดเป็นแน่
"เรื่องของพี่ คนอย่างเสี่ยวเหมยจะไปรู้อะไร แล้วไอ้อี้หนิงอะไรนั่นเลิกไปชอบมันได้เลย"ไม่ถูกชะตา มันมองเสี่ยวเหมยด้วยดวงตาวิบวับเหมือนเสี่ยวจินที่มองเขาบ่อยๆ
"หึ ตัวห้ามเค้าไม่ได้หรอก"หลงหนิงเหมยเอนซบหน้าอกคนพ่อก่อนจะอ้าปากหาวออกมา หลงจือหยางวางลูกชายแผ่วเบาก่อนจะห่มผ้าให้จากนั้นก็ยกมือลูบหัวลูกคนโต
"เอาไว้อายุสิบห้าลูกค่อยเข้าหอคอย ถ้าอยากฝึก ก็มาฝึกกับพ่อ"เพื่อหาทางลงให้กับลูกชาย แม้จะเข้าใจว่าพี่อ้ายมีความพร้อมที่จะลงสนามรบแต่ถึงกระนั้น ในฐานะคนเป็นพ่อเขาอยากให้ลูกชายรับรู้ถึงความโหดร้ายเสียก่อน
"ก็ได้ครับ"หลงหนิงอ้ายตอบรับแผ่วเบา มองคนพ่อที่เคร่งขรึมกับคนแม่ที่กำลังส่งสายตาดุๆมาให้ก็จำยอมโดยง่าย
"ส่วนเราอยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า พี่จะไปทำให้"เมื่อสามีอ้าแขนกว้าง เยว่ชิงที่อารมณ์แปรปรวนก็อ้าแขนรอรับอ้อมกอดอุ่นๆจากสามีจากนั้นก็ถูไถศีรษะไปมา
"ไม่ครับ พี่ทำอะไรผมก็ชอบทั้งนั้น ขอโทษที่อารมณ์เสียนะครับ"
"เรื่องปกติ รอเจ้าตัวเล็กออกมาก่อนเถอะ"
จนกระทั่งผ่านไปอีกสิบปี
"กลับมาแล้วครับ"หลงหนิงอ้ายทายาทคนโตผู้มีจิตวิญญาณเป็นง้าวมังกรทอง ตอนนี้มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์เดินเข้าบ้านพร้อมกันนั้นสองเสียงเล็กๆพร้อมร่างเด็กชายสองคนหน้าตาเหมือนกันก็รีบวิ่งเข้ามา
"พี่อ้าย/ปี้อ้าย"
"หลงหนิงหลง หลงหนิงเฟิ่ง พี่ไปไม่นานทำไมน้องอ้วนจัง"
"ปากไม่ดีเหมือนเดิมเลยนะคะพี่ใหญ่"หลงหนิงฮวา ทายาทคนที่สามเป็นหญิงสาวที่งดงามแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ยกมือป้องปากกระซิบกระซาบกับหนิงเหมยพี่ชายคนรอง
"ปากแบบนี้สงสัยชาตินี้คงหาเมียไม่ได้แน่ๆเนอะ"ว่าจบก็หัวเราะคิกคัก เกอคนงามของบ้านเอนศีรษะพิงหัวไหล่น้องสาวที่เป็นสาวทึกชอบตบตีกับชาวบ้านเป็นชีวิตจิตใจ
"เนอะ"หนิงฮวารับคำแล้วยิ้มออกมา
"เน้อ/เย้อ"ตามด้วยฝาแฝดทั้งสองที่เห็นด้วยกับคำพูดพี่รอง
"แหม เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ เข้าบ้านก่อนเถอะลูกมาเหนื่อย เราก็ช่างแกล้งพี่เขา"เยว่ชิงส่ายหัวเล็กเมื่อความรักใคร่กลมเกลียวของบรรดาพี่น้องมีความสัมพันธ์แบบรักเธอมากนะแต่หยิกหลังหน่อย
"เจ้าหกดิ้นมากไหมครับม๊า"
"ไม่เลย น้องสงบมาก ดิ้นเฉพาะถีบหน้าป๊าเท่านั้น"ก็นะ ตอนนี้หลงจือหยางกลายเป็นจุดต่ำสุดของห่วงโซ่ประจำตระกูลหลงไปแล้วนี่น่า คนรักของเขาน่าสงสารมากจริงๆ
"นินทาเหรอครับ"คนเป็นพ่อตามหลังมาก็หอมแก้มคนรักฟอดใหญ่ มองลูกชายคนโตด้วยสายตาชื่นชม สมกับเป็นลูกเขาจริงๆแทบจะถอดแบบกันมาเลย
แต่พี่อ้ายแสดงออกถึงความต้องการมากกว่า คงเพราะการเลี้ยงดูของพวกเขาที่ทำให้ลูกๆมีความกล้าที่จะแสดงถึงความต้องการ พวกเขารักและไว้ใจครอบครัวของเขามาก
หลงจือหยางพอใจและรักครอบครัวปัจจุบันของเขามากจริงๆ