ตอนที่ 5 เจอตัวคุณชายน้อยแล้ว
เวลาเดียวกันนั้น ที่ห้องรับแขกของผับอีตัน บรรยากาศกำลังตึงเครียด
เถ้าแก่เจ้าของผับ ผู้จัดการ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พนักงานที่เกี่ยวข้องล้วนแต่กำลังยืนเรียงแถวกันอย่างไม่สบายใจ ใบหน้าทุกคนล้วนแต่บ่งบอกว่ากำลังเจอภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่
นั่นก็เพราะ ลู่ฉิงอวี่ คุณชายน้อยแห่งลู่ซื่อกรุ๊ป ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของลู่ถิงเซียว ได้หายตัวไปในผับนี้นั่นเอง
บนโซฟา ลู่ถิงเซียวยังคงใบหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก เปรียบเช่นน้ำแข็งแกะสลักก็ไม่ปาน แต่ทว่าด้วยบารมีที่เหนือกว่า กลับทำให้ทุกคนที่อยู่ในนั้นล้วนแต่สองขาหมดเรี่ยวแรง เหงื่อกาฬแตกพลั่ก ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่น้อย
ข้างๆ เท้าของเขาเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร “พี่ใหญ่ ผมขอโทษ เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ควรพาเสียวเป่า[footnoteRef:1]มาที่นี่เลย ถ้าหากเสียวเป่าเป็นอะไรไป ผมก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” [1: เสียวเป่า ภาษาจีนคือ 小宝 มีความหมายในการใช้เรียกเด็กที่รู้สึกรักใครเอ็นดู]
พอพูดจบ ก็ถูกยันเปรี้ยงเข้าไปเต็มยอดอก
เสียงดังราวกับว่ากระดูกหักเป็นเสี่ยงๆ นั้น ทำให้คนฟังหนังศีรษะเย็นยะเยือก คนที่อยู่ในที่นั้นล้วนแต่ตัวสั่นงันงก
ลู่จิงหลี่เอามือคลำหน้าอก ไอแค่กๆ ออกมาทีนึง ก่อนจะรีบลนลานลุกขึ้นมาใหม่ แล้วรีบไปคุกเข่าอยู่ในท่าเดิม
ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ไปพักตากอากาศที่ต่างประเทศ ถ้าหากพวกท่านรู้เรื่องเข้า รับรองว่าเขาจะไม่เพียงแค่โดนลูกถีบของพี่ชายอย่างเดียวแน่นอน มีหวังจะต้องโดนถลกหนังแน่ๆ
ขณะที่ลู่จิงหลี่กำลังรู้สึกหมดอาลัยตายอยากนั่นเอง ห้องรับรองแขกก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เถ้าแก่ที่อยู่ใกล้กับประตูมากที่สุดยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อมองดูพบว่าไม่มีคน ก็รู้สึกประหลาดใจ แต่เมื่อก้มลงมองก็ถึงกับตกตะลึง “สะ... เสียวเป่า!!!”
“เสียวเป่า...? สวรรค์! เสียวเป่า! พ่อยอดดวงใจของอารอง นี่หลานหายไปที่ไหนมากันเนี่ย?” ลู่จิงหลี่ผุดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว กอดเสียวเป่าเข้าไว้แนบอก ร้องไห้ออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนแต่รู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ลู่ถิงเซียวเดินไปที่ประตู ดึงคอเสื้อลู่จิงหลี่โยนออกไปให้พ้นทาง แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าลูกชาย “เกิดอะไรขึ้น?”
ในที่สุดก็หลุดพ้นจากเงื้อมมืออารองได้สักที ชายน้อยดึงมือของลู่ถิงเซียว พยายามฉุดดึงให้เขาออกไปด้านนอกอย่างรีบร้อน
เมื่อเข้าใกล้ตัวลูกชาย ลู่ถิงเซียวก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากตัวเด็กน้อย นอกจากนี้ยังมีกลิ่นหอมจางๆ ไม่ใช่กลิ่นน้ำหอมฉุนขึ้นจมูก แต่เหมือนกลิ่นหอมของดอกไม้ที่เบ่งบานบนธารน้ำแข็ง เป็นกลิ่นหอมเย็นๆ ที่กำจรออกมา ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหว
เมื่อเห็นลู่ถิงเซียวไม่เคลื่อนไหว เสียวเป่าจึงใช้นิ้วมือน้อยๆ ชี้ไปทางด้านหนึ่ง ทั้งยังรีบส่งเสียงที่แหบแห้งดัง
“อื้อ อื้อ”
ลู่ถิงเซียวอุ้มลูกชายขึ้นมา แล้วเดินตรงดิ่งไปยังทิศที่ลูกชายชี้
ลู่จิงหลี่ที่อยู่ด้านหลัง พร้อมพรรคพวกก็ล้วนแต่เดินตามพวกเขาไป
ห้านาทีให้หลัง คนทั้งหมดก็เดินมาจนถึงปากประตูห้องเก็บสินค้าชั้นบนสุด
เสียวเป่าลงมาจากตัวผู้เป็นพ่อ ใช้มือทุบไปยังประตูอย่างแรงด้วยความรีบร้อน
“เสียวเป่าเป็นอะไรไป? ข้างในมีอะไรหรือ?” ลู่จิงหลี่ถาม เหงื่อชุ่มไปทั้งใบหน้า
ลู่ถิงเซียวออกคำสั่งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “เปิดประตู”
“ครับ ครับ ครับ” เถ้าแก่รีบพยักหน้าหงึกหงัก แล้วหันไปตวาดผู้จัดการสาว “ผู้จัดการเย่ มัวแต่ตะลึงอะไรอยู่ รีบเปิดประตูเข้าสิ ลูกกุญแจล่ะ?”
“เอ่อ เปิด... เปิดประตู?” ผู้จัดการสาวยืนแข็งทื่อเป็นซากศพ
ซวยละสิ ผู้หญิงที่ชื่อหนิงซียังถูกขังอยู่ข้างใน เธอรับปากฉางลี่ว่าจะขังหล่อนเอาไว้จนกว่าการออดิชั่นจะเสร็จสิ้น!
แต่ทว่า มีคุณชายแห่งสกุลลู่ผู้ทรงอำนาจทั้งสองคนและเถ้าแก่ยืนรออยู่แบบนี้ เธอยังจะสามารถปฏิเสธอะไรได้อีก ได้แต่รีบล้วงกุญแจออกมาไข ด้วยมือสั่นเทา
เมื่อเปิดประตูออกมา ก็พบร่างหญิงสาวนอนสลบอยู่บนพื้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? มีผู้หญิงอยู่ในนี้ได้ยังไง?” เถ้าแก่ถามด้วยความโมโห
“ฉัน... ฉันไม่รู้เรื่องค่ะ ก่อนหน้านี้ตอนที่สำรวจดูก็ไม่เห็นมีคนเลย” ผู้จัดการสาวรีบแก้ตัว
“เร็ว! รีบช่วยคนก่อนแล้วค่อยพูด!”
ขณะกำลังมีคนจะเข้าไปใกล้ เพื่อช่วยหนิงซีนั่นเอง เสียวเป่าก็รีบเอาตัวเข้ามาขวางหนิงซีไว้ ใบหน้าน้อยๆ ถมึงทึง ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้หญิงสาว