ทิ้งช่วงจากงานแต่งไม่นานนักสองบริษัทยักษ์ใหญ่ก็จัดแถลงข่าวถึงการควบรวมกิจการเพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ
จากนี้ไปทั้งคู่ก็จะต้องมาทำงานที่บริษัทเดียวกัน จากที่แต่ก่อนจะเข้ามาแค่บางวัน เป็นอันว่าตอนนี้จะได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้นแล้ว
" ประกาศควบรวมกิจการอย่างเป็นทางการปุ๊บหุ้นดีดปรี๊ดเลยว่ะ "
เหรินยิ้มร่าทันทีที่เปิดแอพพลิเคชั่นสำหรับเธรดหุ้น เขียวขจีแบบนี้มันก็ต้องชุ่มฉ่ำหัวใจกันเป็นธรรมดา
" เราเห็นตลาดแล้วๆ ดีดจริงงง "
" เย็นนี้ต้องไปกินข้าวบ้านแม่เรา เธอไปด้วยกันนะ " เขาเอ่ยชวนคนเป็นภรรยา
" อื้ม กลับบ้านกันก่อนค่อยไปเนอะ "
" ใช่ๆเรากลับไปอาบน้ำกันก่อน "
ที่บ้านของเหรินตั้งใจชวนกันกินข้าวเย็นเป็นการฉลองความสำเร็จการควบรวมกิจการในครั้งนี้ เเนวโน้มของธุรกิจดูจะไปได้สวยทีเดียว ตัวตั้งตัวตีก็คือแม่ของเขานั่นเอง ไม่รู้คราวนี้จะมีแผนการอะไรแปลกๆอีกไหม
" อลิสดูตรงนี้หน่อย ข้อมูลผลประกอบการอะ ตัวนี้คือถูกแล้วแน่มั้ย เราว่าตัวเลขมันแปลกๆ ฝากหน่อยนะ "
" อ่า โอเค "
อลิสรับงานจากเขามาเปิดดูก็ปรากฎว่าบังเอิญถอนหายใจเฮือกใหญ่ทำเอาคนได้ยินออกอาการร้อนรน
" เหนื่อย ? ป่วยหรือปล่าว เราใช้งานเธอหนักเกินแล้วมั้งเนี่ย ไหนดูซิ "
เหรินลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอลิส เขายกแขนขึ้นมาใช้หลังมืออังบริเวณหน้าผากของเธอเป็นการเช็คอุณภูมิร่างกาย ทำเอาเธอหน้าร้อนขึ้นมาจริงๆ
" มะ...ไม่เป็นไรเราทำไหว สบาย "
" ถ้าไหวทำเลย ไม่ไหวบอกเรานะ "
" เราต้องแต่งตัวยังไงไปบ้านเธออะ " อลิสถามเขาด้วยอยากจะแน่ใจว่าควรจะเเต่งตัวอย่างไร เกรงจะไม่ถูกกาลเทศะ
" ปกติเลย ชุดอยู่บ้านสบายๆ มีแค่คนในบ้านเราอะ "
" แล้วเราต้องรักกันให้แม่เธอดูหรือปล่าว "
" ขอให้ทำแบบนั้นหน่อย แม่เรากำชับมาให้เรารีบๆมีลูกอยู่อะ "
" ... "
" เห้ยลิสไม่ต้องคิดมากนะ เราเข้าใจทั้งเธอทั้งเราอาจจะยังเด็กกันอยู่ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป "
" อื้ม "
ทันทีที่รถจอด ละครนอกโรงก็ฉายเดี๋ยวนั้น เหรินลงจากฝั่งคนขับแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้คนเป็นภรรยาอย่างที่ไม่เคยทำให้มาก่อนเพราะอายกันเองในสถานะเพื่อน ทั้งคู่จูงมือกันเข้าไปในบ้านอย่างยิ้มแย้ม จูงมือแบบที่ไม่เคยทำกันมาก่อนเหมือนกัน
ทุกคนนั่งอยู่ที่นี่พร้อมหน้า โต๊ะอาหารกลมแบบหมุนเต็มไปด้วยอาหารหลากหลายชนิดดูละลานตา แสงไฟที่จัดไว้สำหรับอาหารยิ่งเสริมให้ดูน่ารับประทานขึ้นไปอีก
" สวัสดีค่ะคุณแม่คุณพ่อ "
" สวัสดีลูก เอ้าๆ นั่งเลยๆมาครบกันแล้วจะได้เริ่มกิน "
แม่ของเหรินรับไหว้แล้วเชื้อเชิญให้ผู้มาใหม่นั่งลงเพื่อเตรียมตัวลงมือจัดการกับความน่ายั่วน้ำลายที่จัดวางอยู่บนโต๊ะ
" มีอะไรกินบ้างแม่ " เหรินถามผู้เป็นแม่ของตนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
" ของโปรดเหรินกับน้องหมอกทั้งนั้นเลยลูก ขอโทษนะอลิสแม่ไม่รู้ว่าหนูชอบกินอะไรน่ะ " เเม่ของเหรินพูดจายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี
" ฮ่าๆ ไม่เป็นไรค่ะหนูยังไงก็ได้ "
" แต่มีเมนูพิเศษสำหรับคู่แต่งงานนะคะ เห็นเราแต่งงานกันมาก็เกือบสามเดือนแล้วยังไม่มีหลานให้แม่ "
" แม่พูดอะไรเนี่ย "
" ไม่ต้องอายยย นี่เลยลูก เหรินกับอลิสต้องกินเยอะๆนะจานนี้ ถ้าไม่พอบอกเลยแม่จะสั่งเชฟทำเพิ่ม "
แม่ของเหรินหมุนโต๊ะเลื่อนอาหารจานดังกล่าวให้มาหยุดตรงหน้าสองสามีภรรยา
" มันคืออะไรคะคุณแม่ " อลิสถามด้วยท่าทีสนใจที่แสร้งทำ
" หอยนางรมผัดขิงกระชายดำจ้ะ เค้าว่านักต่อนักเลย คราวนี้สองคนจะได้มีหลานให้แม่ซักที "
" ไม่ต้องพูดแล้วว แม่อะ เดี๋ยวก็มีเองแหละ "
" เอาน่า กินๆไป "
" น้องหมอกแม่กับพ่อคุยกันแล้วนะ กำลังคิดว่าจะให้เราย้ายไปทำบริษัทย่อยแทน จะโอเคหรือปล่าว แม่เห็นเราอยู่ช่วยเหรินมานานไม่ได้รับผิดชอบเป็นสัดส่วนของตัวเอง แม่ว่าน่าจะดูแลพาร์ทใหญ่ๆเองได้ หมอกว่ายังไง "
กินข้าวไปได้ไม่นานแม่ก็พูดขึ้น คนคนนี้ไม่เคยทำอะไรโดยไม่หวังผลอยู่แล้ว ตั้งใจจะให้คนไม่เปรียบเทียบลูกชายของตัวเองกับเลขาซะมากกว่า เพราะใครก็รู้ๆกันอยู่ว่าหมอกก็ทำงานเก่งใช่ย่อย
" แล้วแต่คุณแม่เลยครับ ถ้าคุณแม่เห็นว่าเหมาะผมยังไงก็ได้เลย "
" ได้ไงอะแม่ ไม่เอาเหรินอยากให้ไอ้หมอกมันอยู่ด้วยอะ "
" จะให้หมอกมาอยู่ใต้เงาลูกไปตลอดได้ยังไง ถ้าหมอกไปบริหารบริษัทย่อยมันจะดีกับบริษัทแล้วก็เราทุกคนนะ "
" มันก็ไม่ขนาดนั้นครับคุณแม่ ที่ผ่านมาหมอกก็ช่วยๆกันกับเหรินนั่นแหละ"
เขาปฎิเสธทันควันเพราะไม่อยากให้ความดีความชอบมาตกที่ตัวเองคนเดียวทั้งที่มันไม่ใช่ความจริง ทั้งคู่ก็ทำงานเหนื่อยมาพอๆกัน ถ้าเขาทำเองจริงๆก็จะยืดอกภูมิใจกับมันเป็นเเน่
" เอาน่า แม่ให้หมอกไปบริหาร จะได้เป็นผู้บริหารเองไม่ต้องมาเป็นเลขาของตาประธานเก๊นี่ "
" เก๊อะไรของแม่ " เขาชักสีหน้าอย่างหัวเสียกับประโยคที่ได้ยิน
" เป็นไงลูก อร่อยมั้ย "
หลังจากเสร็จธุระที่ต้องการจะคุยแล้วเธอหันมาสนใจคนเป็นลูกสะไภ้ต่อ
" รสชาติดีเลยค่ะ แต่น่าจะทานเยอะไม่ไหวเดี๋ยวหนูอ้วน " อลิสตอบขำๆ
" ฮ่าๆๆๆ กินแต่พอดีลูก อย่าถึงขั้นต้องขย้อนออกมา "
กินข้าวกับที่บ้านเสร็จแล้วทั้งคู่ก็ขอตัวกลับทันที เหรินค่อนข้างไม่ชอบเวลาที่แม่บงการให้ทำนู่นนี่ถึงแม้จะไม่เคยหลีกเลี่ยงได้เลยก็ตามที
" เธอคิดยังไงเรื่องที่แม่ให้หมอกไปดูบริษัทย่อย "
เขาถามความคิดเห็นจากคนเป็นภรรยาเมื่อทั้งคู่ขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว
" เราว่าดีนะ เธอจะได้ทำเองเต็มที่ ตัดข้อครหาว่าเธอโตได้เพราะหมอกไง " อลิสหันมามองหน้าเขาแล้วตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
" แล้ว... "
" แล้วอะไร "
" เรื่องลูกอะ "
หลังจากเก็บไว้ในใจนานสองนานในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะพูดคุยกันเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ซักที แต่งงานกันมาพักนึงแล้วเขากับเธอยังไม่เคยนอนห้องเดียวกันเลย ใช่ จนถึงวินาทีนี้ก็ยัง
" ... "
" เธอกลัวอะไรอยู่บอกเราได้ไหม "
อลิสก้มหน้างุด เม้มปากแน่น มือสองข้างก็ถูเล็บมือไปมาขณะที่ครุ่นคิด ก่อนที่จะตอบออกไป
" เราไม่รู้จะบอกยังไงแต่เราคิดว่าเรายังไม่พร้อมจริงๆนะเหริน "
เห็นเขาเงียบไปเธอจึงพูดต่อ
" อันที่จริงเราเข้าใจเรื่องอารมณ์ทางเพศนะ มันเป็นเรื่องที่เราคุยกันได้นั่นแหละ แต่ตอนนี้เรายังไม่พร้อม เราขอเวลาเธอหน่อย ให้เรารักเธอก่อนได้มั้ย "
" ถ้าเราจะซื้อกินเธอโอเคไหมครับ "
เหรินเองก็เป็นมนุษย์ จะมีอารม์ทางเพศมันก็เป็นธรรมดา พอคุยกับอลิสแล้วก็เลยคิดว่าควรจะต้องไปหาจากข้างนอกก่อน
เขาคิดอยู่ตลอดว่าคนเป็นภรรยาไม่ได้รักทั้งที่ความรักมันเริ่มจะก่อตัวในใจของเธอบ้างแล้ว
ขณะเดียวกันอลิสเองก็คิดว่าเหรินไม่ได้รักตัวเอง ยิ่งมาขอซื้อกินมันก็ยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้รักเธอ แล้วจะไปทำอะไรได้ ก็ต้องปล่อยให้เขาใช้ชีวิตของเขาไป
" อือ เราไม่มีปัญหาเลย "
แน่นอนว่าคืนนี้เขาทั้งคู่ก็ยังแยกกันนอนเหมือนเคย แต่ที่ต่างไปจากทุกๆวันก็คือวันนี้หลังจากกลับมาแล้วเขาโทรให้คนมานอนกับเขาด้วยน่ะสิ
อลิสได้แต่นอนคิดฟุ้งซ่านว่าเขาทำอะไรต่อมิอะไรกับผู้หญิงพวกนั้นบ้าง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่แต่งงานกันทำงานด้วยกันมันคือความสัมพันธ์ที่พัฒนามาเป็นคู่แต่งงานแล้วนี่ ทำไมถึงไม่รู้สึกรักกันบ้างเลย
เขาชอบดูแลเทคแคร์เรื่องทั่วๆไปเสมอ อันที่จริงก็ทำมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ก็อาจจะเป็นเพราะตอนนี้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเลยได้เห็นเขาใส่ใจตัวเองมากขึ้นจนเผลอไปหวั่นไหวกับพฤติกรรมเหล่านั้นของเขา
อลิส : หมอก นอนหรือยัง
หมอก : ยัง มีอะไรๆ
นอนฟุ้งซ่านอยู่พักนึงก็ตัดสินใจทักแช็ตหมอกไป ไม่รู้จะไปปรึกษาใครดี คิดว่าคนนี้น่าจะเหมาะที่สุดแล้ว
อลิส : เรามีเรื่องอยากปรึกษาเธอหน่อยอะ
หมอก : ว่ามาสิเราอ่านอยู่
อลิส : เราว่าเราหึงเหริน
อลิส : เราบอกให้เหรินซื้อกินได้แต่ตอนนี้เค้าทำจริง เรากำลังหงุดหงิด
หมอก : แล้วเธอจะยอมให้มันทำงั้นทำไมล่ะ
หมอกพยายามทำตัวปกติทั้งที่เสียใจมากกับข้อความที่คนเป็นแฟนเก่าพิมพ์มา เขาอิจฉาเหรินที่ได้รับความรักจากเธอ
เขารู้มาจากเหรินแล้วว่ารู้สึกดีกับอลิส พอมาวันนี้มารู้ว่าอลิสก็รู้สึกดีกับเขาเหมือนกันมันทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก เขาเองไม่เคยลืมอลิสเลยนี่
ครั้งสมัยเรียนที่เขาเคยนอกใจเธอเขาเข้าในใจความผิดพลาดของตัวเอง อยากได้โอกาสเริ่มต้นกันใหม่แต่ก็รู้ดีว่าอลิสคงไม่มีวันรักเขาได้อีกแล้ว คนที่ไม่ซื่อสัตย์กับความรักก็ไม่ควรได้รับความรักที่ดีนั่นแหละ
อลิส : เราไม่รู้อะ เราทำตัวไม่ถูก
หมอก : เธออย่าคิดมากเลย มันก็ไม่ได้ไปรักใครซักหน่อย
อลิส : แต่ก็ไม่ได้รักเราด้วยเหมือนกัน
หมอก : เราไม่รู้จะแนะนำอะไรมากว่ะ เรายังไม่ได้แต่งงานเลยยยย
อลิส : อืออ แค่เธอได้ช่วยรับฟังก็ดีใจมากแล่ว ขอบคุณมากนะ
ถ้าเขาหวังดีกับทั้งคู่สักนิดก็คงจะบอกไปว่าเหรินก็รู้สึกดีกับอลิสเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ เขายังแอบหวังให้วันนึงทั้งสองคนทะเลาะกัน เกลียดกันไปเลยยิ่งดี
หมอกน่ะรักเหรินมากแต่ก็อิจฉาเหรินที่เกิดมามีฐานะที่ดีกว่าเขาขนาดนั้น เขาถึงได้พยายามเรียนให้เก่ง ทำนู่นทำนี่ให้เก่งจะได้ไม่น้อยหน้าเหริน
เขาสมเพชตัวเองที่ต้องคอยพึ่งพาอาศัยครอบครัวของเหริน ตั้งแต่เด็กค่าเทอมโรงเรียนแพงขนาดนั้นแม่ของเขาจะจ่ายไหวได้ยังไงถ้าไม่ใช่บ้านเหรินช่วยซัพพอร์ต น่าสมเพชไหมล่ะ
ทุกครั้งที่เหริน พ่อแม่เหรินพูดเหมือนหมอกเป็นคนในครอบครัวมันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตเขามันแย่ขึ้นไปอีก เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับคนบ้านนีเลยด้วยซ้ำ ที่ทำงานที่นี่ก็ได้แค่เงินเดือนน้อยๆพอประทังชีวิต ข้าวของที่ใช้ บ้านรถมันก็ของบ้านเหริน
พอตัดภาพไปที่เหรินมีทุกอย่างมันก็เสริมให้หมอกรู้สึกอิจฉาเหรินโดยไม่ได้ตั้งใจยิ่งมาตอนนี้ผู้หญิงที่เขารักก็ยังจะไปรักเหรินอีก ไปกันใหญ่