" ไหนๆลูกก็โตเข้าโรงเรียนแล้วเราพาไปลูกไปเที่ยวกันหน่อยดีไหมเธอ "
คนเป็นคุณพ่อเฝ้ามองลูกเติบโตมาตั้งแต่ตัวยังน้อยๆ ยังถ่ายใส่แพมเพิสให้เขาคอยเปลี่ยน จนมาวันนี้วิ่งเล่นได้แล้วแถมพูดเก่งเจื้อยแจ้วให้เขาฟังไม่หยุดหย่อน
ครอบครัวของเพื่อนๆที่โรงเรียนลูกเริ่มมีการลูกไปเที่ยวที่นั่นที่นี่บ้างแล้ว เขาเองก็อยากจะพาลูกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง
" ก็ดีนะ ตอนนี้ก็น่าจะโตพอจะเริ่มรู้อะไรจำอะไรได้บ้างแล้วค่ะ กำลังเรียนรู้เลย "
" ไปไหนดีครับ สวนสัตว์ ทะเล ภูเขา เอ หรือว่าสวนสนุกดีไหม " เขาขอความคิดเห็นจากภรรยา พยายามคิดว่าจะไปที่ไหนได้บ้างก็คิดออกคร่าวๆประมาณนี้
" เราว่าพาลูกไปเจอหมอกดีไหม "
อลิสนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะจัดสินใจพูดออกมา เธอเองก็แอบรู้สึกหวั่นใจอยู่เหมือนกันว่าคนเป็นสามีจะเห็นด้วยหรือปล่าว
อันที่จริงหลังจากวันนั้นที่หมอกบอกว่าจะไปต่างประเทศทั้งสามคนก็ไม่มีโอกาสได้คุยได้เจอกันอีกเลย มันก็นานมากแล้ว พอยิ่งโตขึ้นความรู้สึกแย่ที่เคยมีก็ไม่ได้หลงเหลืออยู่แล้วด้วย
" หน้านี้มันมีหมอกที่ไหนล่ะเธอ ร้อนจะแย่ " เหรินหัวเราะหึๆ ลูบหัวภรรยาเบาๆอย่างเอ็นดู
" ไม่ใช่สิ เราหมายถึงหมอกที่เป็นเพื่อนเรา "
" ...เธอคิดงั้นเหรอ " เขาชะงัก
" อื้อ เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้วด้วยเนอะ น่าจะหาโอกาสคุยกันบ้าง เธอยังโกรธหมอกอยู่หรือปล่าว "
" ลืมไปหมดแล้ว ไปสิๆ "
" จริงๆนะ " เธอถามซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
" ไปสิ ปักวันเลยครับ "
ตัดสินใจเรียบร้อยแล้วว่าจะไปหาก็เริ่มให้คนของที่บ้านตามว่าตอนนี้หมอกพักอยู่ไหน จะได้ไปถูกที่ไม่ต้องมางมหาเองให้เสียเวลา
ฝั่งคุณแม่ของเหรินหลังจากที่หมอกลาออกกะทันหันก็เริ่มคิดได้ว่าตัวเองบังคับทุกคนรอบตัวมากจนเกินไปจริงๆ
หมอกเองก็โตมาในบ้านของเธอ เห็นมาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ ถึงจะไม่ได้รู้สึกรักเหมือนลูกแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าผูกพันธ์กันไม่ใช่น้อย พอหมอกออกไปใช้ชีวิตของตัวเองจริงๆก็นึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
เสียใจทั้งเรื่องที่ทำกับลูกตัวเองทั้งกับหมอกเลย เวลาชีวิตและความฝันของพวกเขาโดนขโมยไปหมดสิ้น พอคิดได้ว่ามันควรจะปล่อยได้ตั้งนานแล้วท่านจึงวางมือจากงานทุกอย่างแล้วเลิกคิดมากเรื่องเงินทองเสียที(ทั้งที่ความจริงก็ร่ำรวยมากเสียจนสบายไปตลอดชั่วลูกชั่วหลานอยู่แล้วน่ะนะ)
เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้นสองสามครั้งก่อนคนที่อยู่ด้านในจะเปิดประตูออกมา
" เห๊ย "
หมอกอุทานอย่างตกใจ ยืนช็อคทำตัวไม่ถูกด้วยจนถึงวันนี้ตัวเขาเองก็ยังไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนทั้งสองคนมากนัก
" เป็นไงสบายดีปล่าว " เหรินยิ้มกว้าง กล่าวทักทายเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอหน้ากันนาน นับเป็นช่วงเวลานานที่สุดในชีวิต
วันนี้ทั้งวันเขาพาลูกไปเที่ยวดูนั่นดูนี่มาจนสะใจแล้ว ก็ถึงเวลาทำตามวัตถุประสงค์ของคนเป็นภรรยาบ้าง
" ดีๆๆ ไปไงมาไงกันเนี่ย "
คนเป็นเจ้าของบ้านพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ กล่าวทักทายอย่างยิ้มแย้ม
" คิดถึงแหละมึง คิดว่าน่าจะมาคุยกันหน่อย "
" แล้วนี่...ลูก? "
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กตัวเล็กที่ยืนแอบๆอยู่ข้างหลังอลิส
" อืออ โตไวล่ะสิ "
" ไหนน้องสวัสดีค่ะอาหมอกยังคะ "
" สวัสดีค่ะ "
เขายิ้มให้ลูกสาวของเพื่อนสนิทจางๆ ภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่เขาทำร้ายทั้งสามคนแล้วปราดกลับเข้ามาในหัว ขณะนี้ได้แต่พยายามสลัดมันออกไปเท่านั้น
" ไปๆ เข้าไปนั่งข้างในกันก่อนดีกว่า "
" พี่ต้นอ้อ!!! "
ทันทีที่เข้ามาในครัว สายตาของอลิสไปสะดุดเข้าที่ผู้หญิงคนหนึ่งหน้าเตาอบ พอเธอหันหน้ามาก็ปรากฎว่าไม่ใช่ใครที่ไหน คนใกล้ๆตัวนั่นเอง
" อ้าว ไม่ได้เจอนานเลยสองคน เอ้ย สามแล้วนี่ "
" เดี๋ยวๆๆๆ นี่มันอะไรกันคะเนี่ย พี่มาอยู่บ้านหมอกได้ไงก่อน " อลิสกระตือรือล้นถามอย่างใส่ใจความเป็นไปของเพื่อน
" ผัวเมียอยู่บ้านเดียวกันแปลกตรงไหน " หมอกตอบยิ้มๆ เริ่มรู้สึกผ่อนคลายความตึงเครียดเมื่อครู่ลงได้บ้างแล้ว ทั้งอลิสและเหรินไม่ได้มีท่าทางที่ดูเหมือนติดใจกับเรื่องราวในอดีตหลงเหลืออยู่เลยสักนิด
" แหนะ คบกันแล้วใช่ไหมทรงนี้ ? " เหรินเอ่ยแซวเพื่อน
" นานแล้วมึง ตั้งแต่กูมาอยู่นี่ได้ซักปีกว่าแล้วมั้ง "
" ได้ไงวะ "
" มาอ่อยกู จะเป็นไรไปได้อะ หล่อๆแบบกูเนี่ย "
หมอกยืดอกภาคภูมิใจ ยิ้มหน้าบานอย่างมีความสุข เรื่องหลักๆไม่ใช่ที่ได้อวดแฟนแต่เป็นเพราะได้เจอเพื่อนที่เขารักมากสองคนนี้ต่างหาก
" น้อยๆหน่อย ยืนอยู่ตรงนี้เนอะ กรุณาพูดความจริงด้วยค่ะ " พี่ต้นอ้อพูดยิ้มๆ
" ฮ่าๆ ก็คือช่วงมาอยู่ที่นี่แรกๆมันมีวันไปกินเหล้า เมาสิ บังเอิญพี่เค้ามาที่นี่พอดี แล้วก็บังเอิ๊ญมาร้านเดียวกับกู เมากับเมา โป๊ะ ตื่นมาอยู่บ้านกูได้ไงไม่รู้ เขาเรียกมีเมียไม่รู้ตัวนะ "
" ความเหงาคนเหงาว่ะ "
" ก็ทำนองนั้น ได้คุยกันเยอะขึ้นเรื่อยๆกูก็รู้สึกว่าชอบเขาแหละ "
หมอกสารภาพมาตามตรง ไม่ได้มีคนมาให้เล่าเรื่องราวในชีวิตแบบนี้มานานพอตัว พอมีโอกาสก็มีเรื่องให้อยากจะพูดจะคุยเต็มไปหมด
" คุณแม่ๆ น้องง่วงนอนแล้วค่ะ "
คนที่เด็กที่สุดในวงสนทนาเห็นผู้ใหญ่คุยกันสนุกสนานก็อยากจะฟังว่าคุยอะไรกันอยู่ ก็ปรากฏว่าไม่เข้าใจจึงเกิดอาการง่วงขึ้นมา
" เดี๋ยวให้ป้าพาไปนอนครับลูก เธอพาหลานไปนอนหน่อย " เหรินลูบหัวลูกสาวเบาๆก่อนหันไปบอกคนเป็นแฟนเก่าที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นป้าของลูกเขาให้ช่วยพาเข้านอนก่อน
" โอเคๆ มานี่เร็วลูก "
" ไปเลยค่ะ แม่ไม่หนีไปไหน "
อลิสพยักหน้าให้ลูกสาวเป็นการบอกว่าไปได้ ยืนยันว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ด้วยลูกมีทีท่ากังวลอยู่เล็กน้อย
" พี่ต้นอ้อเราออกไปถ่ายรูปเล่นรอบๆบ้านกันไหมคะ ว่างหรือปล่าว "
เห็นแสงดูสวยดีผนวกกับอยากสร้างสถานการณ์ให้เพื่อนสนิททั้งสองคนได้คุยกันเยอะๆด้วย เธอคิดอยู่ตลอดว่าความสัมพันธ์ที่ดีของเพื่อนสองคนนี้ไม่ควรจบลงหลังจากเรื่องวันนั้นเลย
" ว่างอยู่แล้วน้องมาหาขนาดนี้ ไม่ได้มีโอกาสมาตั้งนาน "
" คุยกันไปก่อนนะคะ เย็นๆเดี๋ยวกลับมา ฝากน้องด้วยเผื่อตื่น "
" มึงยังโกรธกูอยู่ไหมวะ "
ทันทีที่แฟนสาวของทั้งสองคนออกไป หมอกก็รวบรวมความกล้าเปิดใจคุยกับเหรินคนที่เขาไม่แม้แต่จะกล้าเรียกว่าเพื่อนสนิท
" ถ้าโกรธจะมาหาหรือไง โง่ "
" ห่า "
หมอกส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะหึๆ ดีใจจนเนื้อเต้น ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ได้กลับมานั่งคุยกันเล่นๆแบบนี้ ครั้งสุดท้ายที่ได้ทำแบบนี้คงเป็นครั้งสมัยก่อนทำงานนู่นเลย
" แล้วโอเคขึ้นแล้วใช่ไหม ความรู้สึกมึงอะ "
" อลิสเป็นคนชวนกูมาเนี่ย ไม่ได้มีใครติดใจอะไรแล้ว "
" อยากขอโทษมึงสองคนมากๆเลยว่ะ ตอนนั้นกูคิดเด็กไปหน่อย "
หมอกพูดทุกอย่างอย่างจริงใจ รู้สึกผิดมากๆโดนเฉพาะเรื่องที่ผลักอลิสวันนั้น ถ้าโชคร้ายก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าน้องแบบวันนี้
" ผ่านมาแล้ว ช่างมันเถอะ ตอนนี้โอเคก็ดีแล้วไง แม่กูก็ธรรมดาที่ไหนตอนนั้น แต่ตอนนี้เขาเป็นคนมากขึ้นแล้ว นอนอยู่บ้านเฉยๆน่ะไม่วุ่นวายอะไรกับใครเลย "
" ขอบคุณที่ไม่เกลียดกูนะมึง " หมอกพูดพร้อมกับน้ำตาคลอหน่วยตา เหมือนได้ปลดเปลื้องความทุกข์ที่แบกรับอยู่จนหมดสิ้น
" ทำซึ้ง ไม่ต้องมาร้องไห้เลยนะ กูอ้วกจะแตก "
" ฮ่าๆ เออๆ "
" นึกถึงวันที่เธอร้องไห้แล้วบอกว่าเราไม่ได้รักเธอจัง ร้องไห้จนหูตาแดงไปหมด เหรินเนี่ยนะไม่รักเธอ ตลกตาย " เหรินพูดไปยิ้มไประหว่างอยู่บนเครื่องบินขากลับไทย
" ใครจะไปกล้าคิดเล่า ก็เธอไม่เคยบอกนี่ " อลิสได้แต่ตอบเขินๆพร้อมกับหลบสายตาคนเป็นสามีที่มองมา
" น่ารัก "
" คุณพ่อชมคุณแม่อีกแล้ว น้องเห็นคุณพ่อชอบบอกว่าคุณแม่น่ารัก "
เสียงลูกสาวเอ่ยเจื้อยแจ้ว ทุกการกระทำของเหรินและอลิสอยู่ในสายตาของคนตัวเล็กหมดสิ้น ถึงจะยังไม่เข้าใจอะไรเลยแต่ได้ยินคำว่าน่ารักก็รู้ทันทีว่านี่คือคำชม
" ฮ่าๆ ก็คุณแม่เค้าน่ารักนี่คะ ใช่ไหมล่ะ น้องว่าคุณแม่น่ารักหรือปล่าว ไหนมาให้คุณพ่อกอดหน่อย " ลูกสาวตัวเล็กพยักหน้ารัวๆ ลุกขึ้นย้ายมานั่งตักคุณพ่อแทน
" หนูรักคุณพ่อคุณแม่นะคะ "
" โถลูก ช่างพูดจัง แม่กับพ่อก็รักหนูค่ะ "
ทั้งคู่ได้แต่นั่งอมยิ้มมีความสุขกับผลผลิตของตัวเอง จากไม่ได้รักกันในวันนั้นสู่ลูกหนึ่งที่ซนไม่ใช่เล่นในวันนี้ คงจะสร้างสีสันให้ชีวิตคู่ของทั้งสองคนได้อีกนานแสนนาน
-จบบริบูรณ์-