ตอนที่ 31 ถูกแทงข้างหลัง
เฟิ่งจิ่วนิ่งไปเล็กน้อย เธอมองร่างสูงใหญ่ที่ขวางอยู่เบื้องหน้าตัวเองอย่างตกใจอยู่บ้าง ชำเลืองมองเขาด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
ชายที่ชื่อเถี่ยหนิวเห็นชายหนุ่มยืดอกถลึงตามองมา หลังจากนิ่งไปพักหนึ่งก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆ! ดีๆๆ เจ้าเด็กนี่ใจกล้าไม่เบาเลย! ขนาดกับข้าเถี่ยหนิวยังกล้ามอง อาจหาญดี!”
เขาพูดพลางก็ตบบ่าอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น ฝ่ามือตบลงบนไหล่กวนสีหลิ่น มองจนเฟิ่งจิ่วที่อยู่ด้านหลังเหยียดริมฝีปากตรง
แรงนั่นไม่เบาเลยนะ!
“อือ!” กวนสีหลิ่นโดนตบไปหลายที กระเทือนถึงแผลที่ท้อง เจ็บเสียจนเหงื่อซึมทันใด
“แรงเจ้าหนักไปแล้ว ร่างกายเขายังมีแผลอยู่นะ!” เฟิ่งจิ่วบอก ก่อนจะเดินมาจากด้านหลังแล้วจับมือเขาที่กุมแผลตรงท้องออก ถึงเห็นเลือดซึมออกมาจากบาดแผลตามคาด
“เอ่อ...” ชายฉกรรจ์ผู้นั้นดึงมือกลับอย่างเก้อเขิน
“พวกเจ้าดูสิ ฝูงหมาป่าถอยไปแล้ว” มีคนพูดขึ้นอย่างดีใจ เห็นฝูงหมาป่าหอนเสียงเบาจากนั้นจึงหันกายจากไป
ไม่ต้องต่อสู้อันตรายก็คลี่คลายได้ ไม่มีอะไรทำให้ตื่นเต้นไปยิ่งกว่านี้อีกแล้ว
ที่แท้จ่าฝูงหมาป่าเห็นพวกเฟิ่งจิ่วเข้าไปสมทบกับกองกำลังถึงได้จากไปอย่างไม่เต็มใจนัก ถึงอย่างไรแค่สองคนนั้นพวกมันก็ยังต่อกรไม่ไหว ครั้นเพิ่มมาอีกสามสี่สิบคนก็ยิ่งเสียเปรียบ ย่อมไม่ทนอยู่ต่อกันไม่ยอมจากไปอยู่แล้ว
เวลานี้ เด็กหนุ่มที่ปริปากไปก่อนหน้ามองเฟิ่งจิ่วอย่างอบอุ่น พูดว่า “แผลมีเลือดออกแล้ว เจ้ารีบดูอาการพี่ชายเจ้าเถอะ!” เขาพูดพลางก็ยื่นขวดยาให้ “ทางข้ามียารักษาแผลภายนอกดีๆ อยู่ส่วนหนึ่ง”
“พี่ชาย ท่านจะไปยุ่งกับพวกเขาให้มากนักทำไม?” เด็กสาวกระทืบเท้า ค่อนข้างไม่พอใจที่เขาทำดีกับคนแปลกหน้าซึ่งไม่รู้ว่าโผลมาจากไหนขนาดนั้น
“ไม่ต้องหรอก ตัวข้าเองก็มียา” เฟิ่งจิ่วบอก ก่อนจะพยุงกวนสีหลิ่นเดินไปข้างใต้ต้นไม้ แก้ผ้าพันแผลที่เอวออกให้ แล้วใส่ยาลงไปให้เขาใหม่
“พวกเราไปกันเถอะ!” หลังจากพันแผลใหม่เรียบร้อย เธอกล่าวพลางพยุงเขาขึ้นมา
กวนสีหลิ่นนิ่งไป เขาพยักหน้าอย่างงุนงง “โอ้!” จากนั้นถึงจะเดินตามอีกฝ่ายไปข้างหน้าต่อ
พอเห็นพวกเขาสองคนจากไปโดยไม่พูดไม่จา ชายวัยกลางคนที่เดิมยังเตรียมพร้อมอยู่จึงคลายความระแวดระวังลง แต่กลับไม่รั้งพวกเขาไว้เช่นกัน เพราะเรื่องที่ต้องทำในการเดินทางครั้งนี้ไม่เหมาะจะให้มีคนนอกมาอยู่ด้วยนัก
กวนสีหลิ่นที่เดินมาสักพักงุนงงอยู่ในใจ จึงถามว่า “น้องชาย ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องลองถามพวกเขาว่าจะให้เราตามไปด้วยได้หรือไม่รึ? ทำไมไม่ทันถามก็ไปแล้วล่ะ?”
ในปากเฟิ่งจิ่วคาบก้านต้นหญ้าหางหมาจิ้งจอก ฝีเท้าเธอทั้งนวยนาดและเอ้อระเหย ในมือกำลังกวัดแกว่งกิ่งไม้ ตอบอย่างไม่สนใจว่า “ทำไมเราต้องตามพวกเขาไปด้วยล่ะ?”
“แน่นอนว่าเผื่อเวลามีอันตราย พวกเขาก็ยังช่วยเราได้นะ!”
“ผิดแล้ว”
เธอส่ายหน้า บอกว่า “คนเราต้องพึ่งพาตัวเอง ถ้าคิดแต่พึ่งคนอื่นก็ตายแน่แล้ว อีกอย่างที่ไปสมทบกับพวกเขาก็เพื่อกำจัดฝูงหมาป่านั่น ตอนนี้ฝูงหมาป่าไม่ตามพวกเราแล้ว จะตามพวกเขาไปอีกทำไมกัน?”
กวนสีหลิ่นเกาหัวอย่างมึนงง “ดูเหมือนก็มีเหตุผล” เขาพูดพลางมองขอทานน้อยด้วยสายตานับถือ “น้องชาย เห็นชัดๆ ว่าเจ้าอายุน้อยกว่าข้า แต่กลับฉลาดเก่งกาจกว่าข้าเยอะเลย”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้านึกว่าข้าเหมือนเจ้ารึ? ถึงได้ถูกคนใช้มีดแทงข้างหลังน่ะ”
“ถูกมีดแทงข้างหลังอะไร?” เขาถามอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว
เฟิ่งจิ่วเหลียวมองเขาแวบหนึ่ง ถึงจะพูดช้าๆ ว่า “แผลของเจ้าโดนแทงจากระยะประชิด ซ้ำยังอาศัยโอกาสที่เจ้าเผลอโจมตีจากด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเป็นคนที่เจ้ารู้จักอยากฆ่าเจ้า ดังนั้นบอกว่าเจ้าโง่ก็ยังไม่เชื่ออีก”
…………………………………………………….