เกือบตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาสิปรางค์แทบไม่ได้เจอหน้าชายหนุ่มเลย หญิงสาวเห็นเขาบ้างเป็นครั้งคราวในโรงอาหาร แต่กระนั้นวินก็ยังส่งข้อความสั้นๆมาถามไถ่ถึงอาการปวดหัวของหล่อนอยู่เสมอ แม้ว่าหญิงสาวจะงานยุ่งจนไม่อยากจะคิดเรื่องอื่น หากสิปรางค์ก็ต้องยอมรับตัวเองว่ายังรู้สึกคิดถึงชายหนุ่มอยู่บ่อยๆ เพราะหากตัดความรู้สึกสับสนในใจออกไป จะว่าไปวินก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนคนแรกของหล่อนในที่แปลกถิ่นแห่งนี้
ไม่นานหลังจากนั้นหญิงสาวก็ได้คุยกับคุณวิชิตถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับช่างอ๊อด หล่อนจึงเข้าใจสถานการณ์ของโรงงานมากขึ้น และรู้สึกเห็นใจสถานะที่น่าลำบากใจของวินขึ้นมาบ้างแล้ว…
"พี่ปรางคะ เดี๋ยวแป๊บนึงค่ะ"
น้องสาวของหล่อนเอ่ยรั้งไว้ ขณะที่สิปรางค์ลุกขึ้นจะกลับที่พักหลังเสร็จจากอาหารเที่ยงของบ่ายวันอาทิตย์ที่รีสอร์ต
"ฝากพี่ปรางเอาขนมไปให้คุณวินหน่อยได้ไหมคะ ที่โรงแรมดาราเทวีเพิ่งจะเอามาส่งน่ะค่ะ คุณแป้งแกโทรไปสั่งไว้ เพื่อเป็นการขอบคุณที่วินพาแกและพี่ป้องไปเที่ยววันนั้นน่ะค่ะ" คนเป็นน้องยื่นกล่องขนมกล่องใหญ่มาตรงหน้า
"ได้สิ" ผู้เป็นพี่มองความหรูหราของกล่องเผินๆก็รู้ว่ามาจากเบเกอรี่ของโรงแรมชื่อดังในเชียงใหม่แน่ๆ
ปริมลอบสังเกตสีหน้าของพี่สาวก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ
"เอ่อ พี่ปรางได้คุยกับคุณวินเรื่องซื้อที่ดินอีกบ้างไหมคะ" เลียบๆเคียงๆถามพี่สาวอีกครั้งถึงเรื่องที่เคยคุยกันไว้ตั้งแต่ครั้งที่สิปรางค์มาถึงที่รีสอร์ตใหม่ๆ
"เอ้อ ไม่ค่อยได้คุยกันเรื่องนี้เลย งานพี่ยุ่งๆ" หญิงสาวตอบคำถามโดยเลี่ยงที่จะไม่สบตากับน้องสาว
ความจริงหล่อนลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว ลืมไปเลยว่าในตอนแรกที่พาตัวเองเข้าไปสนิทสนมกับชายหนุ่มนั้นก็เพราะหล่อนต้องการหว่านล้อมเขาขอซื้อที่ดินตรงบริเวณสวนผลไม้ แต่ไปๆมาๆสิปรางค์กลับลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทใจ แต่ถ้าจะให้ไปพูดเรื่องนี้กับวินในตอนนี้ก็คิดว่าคงไม่มีประโยชน์ จากระยะเวลาที่รู้จักกันมาหล่อนแน่ใจชายหนุ่มจะไม่มีวันขายสวนนี้อย่างแน่นอน…
หลังแยกจากน้องสาว สิปรางค์ก็เดินตรงไปลอดรั้วไม้ไผ่ลัดเลาะมาตามริมน้ำอย่างคุ้นเคย หล่อนเห็นลุงแปงกับสมเพชรกำลังตกแต่งกิ่งไม้ในสวนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากรั้วของรีสอร์ตกันอย่างขะมักเขม้น เมื่อได้ยินเสียงย่ำใบไม้กรอบแกรบอยู่ไม่ไกล คนสวนเก่าแก่จึงหันหน้ามาทางหญิงสาว
"อ้าว คุณสิปรางค์ มาหาคุณวินก่าคับ" ผู้เป็นตาเอ่ยทักขึ้นก่อน แล้วตามด้วยผู้เป็นหลาน "อ้ายวินเปิ้นอยู่ที่ท่าน้ำคับปี้สาวคนงาม"
พี่สาวคนสวยขยี้หัวสมเพชรด้วยความเอ็นดูก่อนจะเดินไปที่ลานท่าน้ำตามคำบอก หากเมื่อหญิงสาวไปถึงยังสถานที่คุ้นเคยแห่งนั้น หล่อนกลับแปลกใจที่มองไม่เห็นวินอยู่บริเวณรอบๆ
เอ๊ะ เค้าอยู่ไหนกันนะ หรือว่าขึ้นบ้านไปแล้ว หญิงสาวหันหน้าไปมองบริเวณบ้านไม้เหนือท่าน้ำก็เห็นปิดเงียบ เอ หรือจะมัวแต่พายเรือเล่น เพราะหล่อนมองไม่เห็นเรือจอดอยู่ที่ท่าเทียบข้างล่างนั่น
ลงไปดูหน่อยดีกว่า
โชคดีวันนี้แดดไม่แรง ฟ้าออกจะครึ้มเล็กน้อยเสียด้วยซ้ำ สิปรางค์วางกล่องขนมลงที่ข้างเสาบันไดท่าน้ำ แล้วก้าวลงตามขั้นไม้นั้นไปยังลานไม้แคบๆที่ใช้สำหรับเป็นท่าเทียบเรือ
"ว้าย!"
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องร้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อมีมือหนึ่งโผล่ขึ้นจากน้ำมาจับข้อเท้าของหล่อนเอาไว้ ทำเอาหล่อนเกือบจะพลัดตกลงไปในน้ำแล้ว ดีที่ทรุดลงนั่งทัน และพลันก็เห็นใบหน้าสดใสยิ้มร่าโผล่ขึ้นมาจากน้ำเบื้องหน้านั่น
"จะบ้าเหรอ เล่นอะไรกันวิน ถ้าเราตกน้ำลงไปจะว่าไง" คนโดนแกล้งต่อว่าต่อขานด้วยสีหน้าจริงจัง
หากใบหน้ากระจ่างตาเปื้อนยิ้มนั้นกลับลอยคอถอยห่างกลับออกไปในแม่น้ำ ท่าทางเขาไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดที่ได้แกล้งหล่อน
"ก็ดีสิคร้าบ จะได้ลงมาว่ายน้ำเล่นกัน" ชายหนุ่มยิ้มกว้างตะโกนกลับมา
"เดี๋ยววิน มาคุยกันก่อน" สิปรางค์ตะโกนกลับไปบ้าง
นี่หรือท่าทางของคนที่กำลังมึนตึงกันอยู่ ครั้งสุดท้ายที่เขากับหล่อนได้คุยกันนั้นก็กำลังขัดแย้งเรื่องช่างอ๊อดกันอยู่ หลังจากนั้นก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลยเกือบทั้งอาทิตย์ แต่แล้วชายหนุ่มกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วินยังคงลอยคอยิ้มเผล่อยู่กลางแม่น้ำ ท่าทางสดชื่นจนหญิงสาวหมั่นไส้ หล่อนตะโกนออกไปอีกครั้งพร้อมกับกวักมือเรียกเขา
"คุณแป้งฝากขนมมาให้ ร้านนี้เป็นร้านดังของเชียงใหม่เลยนะ มากินขนมเร้ว"
ชายหนุ่มโบกไม้โบกมือกลับให้หญิงสาว ก่อนจะว่ายตรงรี่กลับเข้ามาหาหล่อน เขาโหนตัวขึ้นมาจากน้ำ
"วินไปไกลๆหน่อย เราเปียกไปด้วยแล้วเนี่ย" คนตัวเล็กโวยวายพลางเขยิบหนี แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว ร่างสูงเปียกไปทั้งตัวนั้นนั่งลงชิดติดหญิงสาวในทันที
"เปียกก็ดี จะได้ลงไปว่ายด้วยกันเลย" เขาหรี่ตายิ้มอย่างมีเลศนัย "ไหนครับ ขนม"
เขาทำท่ายื่นหน้าเข้ามาหาหล่อน และฉวยจังหวะที่สิปรางค์กำลังจะลุกเดินไปขึ้นบันไดเพื่อไปหยิบกล่องขนม ฉุดแขนหล่อนพาหญิงสาวเหวี่ยงลงไปในน้ำ
"ว้าย!"
คนตัวเล็กร้องเสียงหลงเมื่อตกลงไปในน้ำโดยไม่ทันตั้งตัว หญิงสาวรู้สึกเวียนหัววูบขึ้นมา พร้อมทั้งเกิดอาการเหมือนจะเป็นตะคริวฉับพลัน หล่อนพยายามตะเกียกตะกายหาที่ยึดเหนี่ยว แต่อาการสำลักน้ำนั้นทำให้หล่อนยิ่งทุรนทุรายและเริ่มดำดิ่งลึกลงไปใต้น้ำเรื่อยๆ
และในขณะที่หญิงสาวกำลังเริ่มจะหมดแรง พลันก็มีมือแข็งแรงยื่นเข้ามารวบเอวหล่อนรั้งเอาไว้แน่นแนบตัวแล้วว่ายพาขึ้นเหนือน้ำ
วินใช้มือหนึ่งกอดเอวหญิงสาวไว้ ขณะที่อีกมือหนึ่งเกาะขอบไม้ของท่าเทียบเรือไว้
"มะปรางไหวไหม จับขอบไม้ไว้ก่อนครับ"
และพอเห็นว่าหล่อนใช้สองมือเกาะขอบของลานไม้แคบๆนั้นไว้ได้ ชายหนุ่มก็โหนตัวเองขึ้นไปอยู่ข้างบนลานไม้ แล้วพยายามอุ้มหญิงสาวขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
แล้วสิปรางค์ก็นั่งหมอบพิงบันไดสำลักน้ำอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงพังพาบอยู่ตรงลานไม้นั้นเอง
"มะปรางเป็นตะคริวเหรอ ผมขอโทษ ผมไม่ทันนึก"
วินมีท่าทางตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นหญิงสาวอาการของหญิงสาว แววตาขี้เล่นของเขาหายไปจนสิ้น ชายหนุ่มพยายามลูบหน้าลูบหลังมะปรางของเขาให้หายจากอาการสำลักน้ำ
"เล่นอะไรบ้าๆ!" หญิงสาวพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกโกรธ ทำไมเขาเล่นอะไรพิเรนทร์แบบนี้ วินทำให้หล่อนเกือบจมน้ำตาย
"ตอนเราตกลงไปในน้ำ อยู่ๆเราก็ปวดหัว แล้วมันก็เหมือนจะขยับตัวไม่ได้" หล่อนตกใจจนสะอื้นออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
"ผมขอโทษ ผมขอโทษ" คนตัวสูงละล่ำละลักแสดงความเสียใจ โอบหญิงสาวตัวเปียกปอนเข้ามาหาโดยไม่รู้ตัว สิปรางค์ยังสะอื้นอยู่ในอ้อมแขนของเขา เขากอดหล่อนแน่นขึ้นเพื่อปลอบขวัญ
"เราว่ายน้ำไม่เป็น" คนตัวเล็กสารภาพออกมาในที่สุด หล่อนเก่งในทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้
"มะปราง… ผมไม่รู้มาก่อน ผมขอโทษจริงๆ" วินยังคงพูดซ้ำไปมา
สิปรางค์เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ ดวงตาซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยทั้งน้ำตาทั้งน้ำในแม่น้ำปะปนกันไปหมด หากแต่เมื่อปะทะเข้ากับแววตาของชายหนุ่มที่กำลังแสดงถึงความสำนึกผิด และสายตานั้นกำลังส่งความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยมาถึงหล่อนอย่างมากมาย หญิงสาวก็ใจอ่อนยวบ วินเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้หล่อนอย่างอ่อนโยน
"มะปรางอย่าร้องไห้นะ ผมใจไม่ดีเลย"
ชายหนุ่มมองสิปรางค์ด้วยความรู้สึกผิดอย่างมากมาย เขาคงทำให้หล่อนตกใจมาก มือแข็งแรงนั้นพยายามลูบน้ำออกจากใบหน้าของหญิงสาว วันนี้มะปรางของเขาไม่ได้มัดผมมา ผมยาวสลวยของหล่อนบัดนี้เปียกโชกยุ่งเหยิง ชายหนุ่มพยายามปัดบรรดาเส้นผมที่ตกมาปกประระใบหน้าของหญิงสาวให้กลับขึ้นไปอยู่ในที่เดิมของมัน
คนตรงหน้าหยุดร้องไห้แล้ว หากแววตาที่มองเขายังแสดงความน้อยใจปนตื่นตระหนก วินมองใบหน้าเปียกน้ำนั้นด้วยความรู้สึกสงสารหล่อนจับใจ ร่างเล็กๆในอ้อมแขนเขานั้นสั่นสะท้าน สองแขนนั้นยังเกาะเขาไว้เหมือนจะยึดเป็นที่พึ่ง
แต่แล้วความรู้สึกที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในขณะนี้มันก็เกิดขึ้น ปากแดงซีดที่ชุ่มน้ำนั้นมันเย้ายวนใจชายหนุ่มอย่างประหลาด ความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ปะทุขึ้นมาเกินกว่าที่เขาจะหักห้ามใจไว้ได้ วินอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงจูบที่ปากแดงของหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบา
สิปรางค์ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกล้าจูบหล่อนในสถานการณ์เช่นนี้ หญิงสาวตกใจเล็กน้อยตอนที่เขาก้มหน้าลงมาชิด แต่ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดจากริมฝีปากเขามาสู่ริมฝีปากหล่อนทำให้หญิงสาวรู้สึกเคลิ้มไปกับคนคุ้นเคยตรงหน้า หัวใจของดวงน้อยนั้นเต้นแรง ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยถูกจูบมาก่อน แต่ทำไมจูบจากวินในครั้งนี้มันช่างแตกต่างจากที่ผ่านๆมา
และแล้วคนตัวเล็กก็ไม่สามารถรั้งใจตนเองไว้ได้อีกต่อไป หญิงสาวเผยอปากรับลิ้นนุ่มอบอุ่นของชายหนุ่มที่สอดแทรกเข้ามาอย่างเต็มใจ สิปรางค์หลับตาลง รับรู้ถึงความรู้สึกโหยหาที่วินมอบให้ รสหวานซาบซ่านจากปลายลิ้นของเขามันทำให้หล่อนสั่นสะท้านและเสียวซ่านในใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
วินจูบหล่อนเนิ่นนานด้วยความนุ่มนวลโดยไม่มีทีท่าจะถอนริมฝีปากออก แม้หญิงสาวจะพยายามเป็นฝ่ายถอนริมฝีปากออกก่อน แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอม ยังคงพยายามจะตรึงริมฝีปากเขาไว้กับริมฝีปากหล่อน ในที่สุดคนตัวเล็กจึงต้องเป็นฝ่ายผลักร่างสูงนั้นออกไปเต็มแรง
"สภาพเราตอนนี้ดูเซ็กซี่ขนาดนั้นเชียวเหรอ"
หญิงสาวเอ่ยออกมาเบาๆ มองคนตัวเปียกตรงหน้าด้วยความรู้สึกปะปนกันไปหมดทั้งโกรธ ทั้งตกใจ ทั้งเขินอาย และทั้งวาบหวามในใจ แผงอกคร้ามล่ำสันที่มีหยดน้ำเกาะพราวอยู่นั้นทำเอาหล่อนโกรธตัวเองที่อดจะเผลอมองไม่ได้
ชายหนุ่มกำลังจ้องมองมะปรางของเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกความในใจทั้งหมดที่เขามี เขาปิดบังความรู้สึกของตนเองไม่ได้อีกแล้ว สิปรางค์ไม่รู้หรอกว่าระยะเวลาเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมาที่เขาไม่ได้เจอหล่อน มันทรมานจิตใจเขาแค่ไหน
หากสิปรางค์ยังคงจ้องเขาตอบด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก พลันหญิงสาวก็รู้ตัวว่าหล่อนไม่อยากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นานเกินไป ร่างเล็กๆที่เปียกปอนนั่นพยายามจะยันกายลุกขึ้น แม้ชายหนุ่มจะรีบเข้าช่วยประคอง แต่หล่อนก็พยายามปัดป้องปฏิเสธความช่วยเหลือนั่น และเมื่อเหมือนจะลุกขึ้นยืนทรงตัวได้ หญิงสาวกลับรู้สึกมึนหัวจนเหมือนจะเซถลาลงไปอีก ทว่าคนข้างๆรีบเอื้อมแขนออกรับร่างเล็กๆนั้นไว้ได้ทัน
"เดี๋ยวผมไปส่ง" และโดยไม่รอคำตอบ วินโอบกอดหญิงสาวค่อยๆพาเดินขึ้นบันไดตรงกับที่พักของหล่อนโดยทันที…
สิปรางค์ปล่อยให้ชายหนุ่มเดินประคองมาส่งจนถึงที่พัก ซึ่งในระหว่างทางเดินกลับเขาและหล่อนแทบไม่ได้พูดอะไรกันเลย หญิงสาวไม่อยากจะพูดอะไร หล่อนกำลังเหนื่อยและสับสนเกินไป แม้จะคิดว่าตนเองก็เดินกลับเองได้ แต่หล่อนกลับปล่อยให้ร่างสูงนั้นโอบแนบชิดพาเดินมาตลอดทาง
คนตัวเล็กเกลียดความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่หล่อนเผลอรู้สึกอบอุ่นกับอ้อมแขนของคนข้างๆโดยไม่รู้ตัว
และเมื่อชายหนุ่มพาหล่อนขึ้นบันไดเรือนพักมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายชิงถอยห่างออกก่อน หล่อนไม่อยากปล่อยใจตนเองไปมากกว่านี้
"เอ้อ… ขอบคุณนะวินที่มาส่ง เราเข้าบ้านก่อนนะ"
หากวินยังคงส่งสายตาเว้าวอนไปที่คนตรงหน้า มีความรู้สึกอยากจะพูดอะไรกับมะปรางของเขามากกว่านี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรออกมาดี เขาเองก็วางตัวไม่ถูก มันเป็นหลายๆความรู้สึกที่ปะปนกันไปหมด หวั่นไหว ไม่แน่ใจ ประหม่า แล้วก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
แล้วสิปรางค์ก็เป็นฝ่ายหันตัวไปพยายามจะไขกุญแจประตูห้องพัก
"มะปราง เดี๋ยว…"
ชายหนุ่มตัดสินใจแทรกทั้งตัวของเขาไปพิงประตูเอาไว้และประจันหน้ากับหญิงสาว คนสวยหยุดชะงัก ใบหน้าของวินอยู่แทบจะชิดใบหน้าของหล่อน หญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะเข้ากับหน้าผากของหล่อน
"ผม...เอ่อ… ผม…" ร่างสูงนั่นตะกุกตะกัก ดวงตายิ้มได้คู่นั้นตอนนี้กลับมีแต่ความสับสน
สิปรางค์รู้สึกอยากจะหนีไปให้พ้นจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ ตอนนี้หล่อนยังไม่อยากได้ยินอะไรจากเขา
"ช่างมันเถอะวิน" หญิงสาวก้มหน้าหลบสายตาเขา รีบพึมพำออกมา "วินกลับไปเถอะ เราอยากเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว"
ชายหนุ่มมองหญิงสาวที่ตัวเปียกโชกด้านหน้าอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอาวรณ์ แต่แล้วเขาเบี่ยงตัวออกมา คนตัวเล็กรีบไขกุญแจเปิดประตู ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่หันมามองเขาอีกเลย…
วินยังยืนอยู่หน้าประตูที่เดิม วินาทีนี้ชายหนุ่มแน่ใจตัวเองแล้วว่าเขารู้สึกยังไงกับมะปรางของเขา จูบนั้นที่ท่าน้ำมันไม่ใช่แค่เผลอไผล แต่เขาอยากจะจูบหล่อน อยากจะจูบให้ลึกซึ้งและนานที่สุด ร่างสูงเผลอยกมือขึ้นมาแตะริมฝีปากของตัวเอง เขาจูบมะปรางเพราะเขาปรารถนาในตัวหล่อน เขาชอบหล่อนมาก
แต่มะปรางล่ะ รู้สึกยังไงกับเขากันแน่…
ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาควรจะบอกความรู้สึกนี้ของตัวเองให้มะปรางของเขาได้รับรู้ มือแข็งแรงเอื้อมออกไปตั้งใจจะเคาะประตู แต่แล้วร่างสูงก็ชะงักมือไว้ ลังเลใจ เขาเพิ่งจะทำหล่อนเกือบจมน้ำตาย มะปรางคงไม่น่าที่จะพร้อมที่จะคุยกับเขาเรื่องนี้ในตอนนี้
อีกครู่ใหญ่ที่ชายหนุ่มยังคงยืนลังเลสับสนอยู่หน้าประตู ใจนึงเขาก็อยากจะบอกความในใจของเขาที่มีต่อหล่อนให้มันชัดเจนรู้แล้วรู้รอดไป แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็ยังไม่แน่ใจนักว่าหญิงสาวจะคิดเหมือนเขา
ท้ายสุดวินก็ตัดสินใจเดินจากออกมาเงียบๆ…
ในขณะที่หลังประตูอีกด้านหนึ่ง หญิงสาวตัวเปียกปอนก็ยังคงยืนพิงประตูอยู่หลังจากเข้ามาแล้ว สิปรางค์ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากตัวเอง ความรู้สึกอบอุ่นจากริมฝีปากของเขากลับมาอีกครั้งในความรู้สึก หล่อนกำลังสับสนในใจอย่างเหลือเกิน ไม่อยากให้ความรู้สึกพิเศษนี้เกิดขึ้นเลย
ร่างเล็กๆพร่ำบอกตนเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
มะปราง อย่าใจอ่อน ถ้าวินรู้ว่าเธอตั้งใจจะมาทำอะไรที่นี่ เขาจะไม่ยอมให้อภัยคนที่มาทำลายชีวิตเขาและคนแวดล้อมที่เขารักอย่างแน่นอน
แม้ในตอนนี้หล่อนจะมุ่งมั่นพยายามเต็มที่ที่จะช่วยโรงงานเอาไว้ให้ได้ แต่ลึกๆแล้วหญิงสาวก็รู้ดีว่าโอกาสที่จะสำเร็จนั้นมีน้อยมาก การตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่หล่อน แต่อยู่ที่กลุ่มคนที่คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์และกำไรพวกนั้น
หล่อนต้องพยายามคิดเสียว่า ชายหนุ่มร่างสูงนัยน์ตายิ้มได้คนนี้ก็แค่ผ่านเข้ามาในชีวิตเหมือนคนอื่นๆ แล้วเขาก็จะเดินออกไปเหมือนคนอื่นๆเช่นกัน แล้วเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นที่นี่มันจะเป็นแค่ความทรงจำในช่วงหนึ่งของชีวิต
สิปรางค์ทรุดนั่งลงพิงประตูน้ำตาไหลพรากอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน…