บทที่ 2
เฟิร์นที่ว่าเป็นแท่งผลึกสีฟ้าน้ำทะเลโปร่งแสง รูปร่างคล้ายต้นเฟิร์นจริงๆขนาดเล็ก ฝังตัวอยู่ตามแง่งหินบางแห่งเท่านั้น ซอยล์เคยได้มาแท่งหนึ่งแล้วนำไปทดลองได้ผลว่ามันทำให้บาดแผลหายเร็วขึ้นกว่ารักษาปกติสิบเท่าร่วมทั้งทำให้กำลังฟื้นคืนเป็นปกติได้ในห้านาทีหลังจากดื่มยาผสมเฟิร์นที่ว่านี้ นั่นทำให้เขาตามหามาเกือบปี ครั้นได้ข่าวว่ามีอยู่แถวนี้เขาจึงมา ใช่ว่าไม่โดนห้ามแต่อย่างไรเขาก็อยากมาด้วยตนเอง เขาไม่วางใจให้พวกมือหยาบมาเก็บทรัพยากรล้ำค่าพวกนี้ไปให้เขาหรอก
ฟังคำอธิบายไปพยักหน้าไป นึกจินตนาการไปไกลแล้วว่าเจ้าเฟิร์นพวกนั้นต้องดูดีเหมือนอัญมณีมากแน่ๆ พลังมโนของหนอนหนังสือไม่ใช่เล่นๆ นะขอบอก
"งั้นเราก็ไปหาเฟิร์นพวกนั้นก่อนค่อยกลับไปที่โคลเทคละกัน นำทางไปเลย" ผายมือให้คนรู้ทางเดินนำไป
"ผมว่าเราเลิกล้มเถอะ เราควรรีบกลับนะครับเพื่อความปลอดภัย" ไอแลนด์ไม่เห็นด้วยที่จะไปต่อ
"ตอนนี้เราไม่มีรถแล้วด้วย ควรรีบเดินทางกลับนะครับดร.ซอยล์" คริสเตนรับผิดชอบไม่ไหวแน่ถ้าซอยล์เป็นอะไรไป
"มาจนถึงนี่แล้วให้กลับมือเปล่าหรือ ถ้านายกลัวก็กลับไปก่อนเลย" ซอยล์พูดอย่างเอาแต่ใจทว่ามันมีพลังน่ากริ่งเกรงจนสันหลังเย็นขึ้นมาฉับพลัน คริสเตนกับไอแลนด์ก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้ซึ่งเป็นแค่นักวิจัย
รัศมีพระเอกงั้นหรือ น่าเกรงใจมากมายเลยครับ
"เอาน่า ไหนๆ มาถึงนี่แล้วอย่างที่ดร.บอกนั่นแหละไปเก็บมาสักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่นา ฉันระวังหลังให้เอง" จินตกชรับรองหนักแน่น เชื่อว่าทักษะที่ได้รับมาเมื่อครู่พิสูจน์แล้วว่าพึ่งพาได้จริง
หน้าตามองตรงๆ ทำใจรับไม่ไหวแต่ฝีมือกับน้ำเสียงหนักแน่นเชื่อถือได้ ผู้คุ้มกันทั้งสองยอมรับอย่างเลี่ยงเสียไม่ได้
"ตกลงแล้วก็ไปกัน ทางไหนรีบเลยถ้าได้เฟิร์นที่ว่ามาแล้วจะได้วางแผนเดินทางกลับโคลเทคทางที่ใกล้ที่สุด" จินตกชกระชับแท่งเหล็กในมือทำราวนี่เป็นอาวุธคู่กายเขาแล้ว
"เดินกลับไปทางนั้นราวๆ หนึ่งกิโลเมตร" ซอยล์พยักหน้าไปทางที่รถของเขาวิ่งหนีซอมบี้มา แล้วเดินนำออกไปทันที ตามด้วยผู้คุ้มครองทั้งสองแล้วปิดท้ายที่คนหน้าตาขี้ริ้วทว่าฝีมือระดับ S ในสายตาพวกเขา
ระหว่างเดินกลับไปหาเฟิร์นผลึกจินตกชเรียกระบบมาถามเรื่องคาใจ
อินจันทักษะที่ให้มาทำให้ฉันอยู่ระดับไหนหรือ?
'ตอนนี้โฮสต์อยู่ระดับ A... ระดับA นั่นแหละ แต่โฮสต์อย่าตั้งชื่อระบบตามใจชอบแบบนี้สิ'
ทำไมมีลังเลไปวูบหนึ่งด้วย หรือมีพลัส มีดับเบิล มีทริพเพิลต่อท้ายด้วย
'ไม่ใช่ขนาดถ่านไฟฉายนะ โฮสต์อยู่ในระดับ A จริงๆ ระบบให้การสนับสนุนระดับสูงสุดได้เท่านี้'
โอเค ฉันไม่ได้ว่าอะไรอย่ามาด้วยเสียงเหมือนเสียใจแบบนั้นสิ แค่ถามเพื่อความแน่ใจ เวลาเจอพวกระดับ S จะได้ระวังไว้ไม่ยื่นหัวไปให้เขาตบเล่น แต่ทำไมพวกเขาคิดว่าฉันอยู่ระดับ S ล่ะ?
'คงเพราะโฮสต์ลงมือโหดเหมือนหน้าตานะสิ บอกแล้วเลือกดีๆ'
ยังบ่นอีกแน่ะ พอจบ ฉันไปเก็บเฟิร์นแล้ว!
ระหว่างทางมีซอมบี้โชคร้ายมาให้ไอแลนด์ คริสเตน และจินตกชตบเล่นบ้างประปราย จนมาถึงผาหินสูงสักห้าเมตรได้มองไปซ้ายยาวจรดเส้นขอบฟ้า มองทางขวาห้าร้อยเมตรติดทะเลสาบ ซอยล์ยื่นมือไปเคาะตามผนังผาหินมันเปราะแบบเคาะเบาๆ หินร่วงกราว บริเวณที่หินเปราะร่วงลงไปมีผลึกสีน้ำทะเลใสรูปร่างเหมือนเฟิร์นต้นน้อยกระจุกกันอยู่
"อยู่แถวนี้จริงด้วย" ซอยล์ยิ้มอย่างยินดีจากนั้นลงมือเก็บใส่กล่องโลหะควบคุมคุณภาพอย่างทะนุถนอม "นายสามคนคอยระวังซอมบี้ละกันไม่ต้องช่วยฉันเก็บหรอก ผลึกพวกนี้บอบบางมือหยาบอย่างพวกนายคงทำพวกมันแตกหมด" สองคนทำตามไม่มีปากเสียงใดต่างจากอีกหนึ่งยื่นหน้าเข้าไปส่องผลึกเหล่านั้นระยะใกล้
"เจ้าพวกนี้สวยกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก" จินตกชชื่นชมความคิดของนักเขียนจากใจที่สามารถสร้างอะไรสวยๆ แบบนี้ขึ้นมาได้จริงๆ
"อย่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้นัก!"
ฮัดชิ่ว! เพล้ง!
เฟิร์นผลึกแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยโดนจามใส่ครั้งเดียว
"เฮ้ย ทำไมมันแตก!"
"บอกแล้วว่ามันบอกบาง แตกแบบนี้ใช้ไม่ได้แล้ว" เสียงเขียวตาขุ่นใส่หนุ่มหน้าขี้ริ้วแล้วสะบัดหน้ากลับไปเก็บพวกที่ยังคงสภาพดีอยู่ "ไปทางโน้นเลย" ชี้ไปไกลลิบ ไอแลนด์พยักหน้าเรียกจินตกชให้มาทางตน อย่าเข้าไปเกะกะดร.
"ใครจะรู้ล่ะว่ามันบอบบางขนาดนั้นจามทีเดียวก็แตก... อ๊ะ ดูสิ มันกลายเป็นต้นจิ๋วๆ แน่ะ เว้ยนี่มันโคตรน่ารักเลยนี่หว่า" นึกว่าแตกไปนั่นตายแล้วซะอีกที่ไหนได้กลายเป็นเกิดต้นผลึกเล็กจิ๋วเยอะแยะเลย น่ารักกว่าพวกต้นใหญ่เสียอีก
ซอยล์ถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าเฟิร์นผลึกพวกนี้แตกแล้วเกิดใหม่ได้ ในห้องทดลองถ้าแตกก็เป็นผงคุณสมบัติพิเศษของมันสูญค่าหมดใช้อะไรไม่ได้อีก ผลึกตรงนี้คนละชนิดกับที่เคยได้มาหรือเพราะลมหายใจของจินตกชกันแน่ที่ทำให้เป็นเช่นนั้นเขาไม่รู้
"นายเป่าให้แตกอีกครั้งสิ" ยื่นมาให้ตรงหน้าต้นหนึ่ง สีหน้าอยากรู้อยากเห็นมากมาย
อือ พระเอกมีสีหน้าราวเด็กเจอสิ่งน่าสนุกแบบนี้ก็ดูดีไปอีกแบบนะ สมเป็นอาหารตาชะมัด
จินตกชมองแล้วหันไปเป่าต้นที่อยู่บนก้อนหินใกล้ตัวแทน แน่นอนว่าไม่แตก ไม่ขยับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น "ต้นเมื่อกี้คงถึงอายุของมันพอดีมั้ง"
อ้าว กลายเป็นสีหน้าเบื่อโลกไปล่ะ เปลี่ยนไวดีเว้ย
เพราะไม่เป็นดังคาดซอยล์จึงหันกลับไปจัดการกับผลึกรูปร่างคล้ายเฟิร์นใส่กล่องที่เตรียมมาแบบไม่สนใจเจ้าคนขี้ริ้วอีกต่อไป จินตกชส่ายหน้าแล้วแซะจุดที่เฟิร์นกระจุกจิ๋วโผล่ขึ้นมาเมื่อครู่ขึ้นมาใส่กระเป๋านิดหนึ่งก่อนเดินไปหาคริสเตน
"นายคิดว่าใครต้องแบกไอ้กล่องนั่น?" ชี้หัวแม่มือกลับหลังไป
"แน่นอนว่าไม่ใช่ฉัน" ไม่ได้ถามแต่ไอแลนด์ออกตัวก่อนแล้วว่าไม่
"และก็ไม่ใช่ฉัน" จินตกชก็ไม่เอาด้วยหรอกนะ กำลังของเขาไม่ได้มีไว้แบกอะไรที่ไม่ใช่พระเอก
"โอเค นั่นคือฉัน" คริสเตนยกสองมือขึ้นเหมือนยอมแพ้ แล้วตอบรับอย่างจำยอมในเมื่อสองคนที่รู้แล้วว่าเก่งกว่าตนไม่ว่างมาทำอะไรแบบนั้น เขาเปลี่ยนเป็นกรรมกรแบกหามเองก็ได้
การอยู่ในที่ไม่คุ้นทำแต่ละคนเครียดไม่น้อย ผ่านไปครู่ใหญ่คุณดร.ยังเก็บผลึกน้อยๆ ไม่เลิกเสียที ไอแลนด์กับคริสเตนเงียบไม่มีเตือนหรือเร่งเจ้าตัวสักนิด จินตกชซึ่งเฝ้าระวังอยู่บนซากหักพังที่มีความสูงเท่าชั้นสองของตึกสักหลังชะเง้อไปทางหนึ่ง
"คุณถั่ว เอ๊ย คุณดร. ได้เวลาย้ายก้นออกจากตรงนี้แล้ว" ยกมือป้องตามองไปไกลๆ แล้วเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้า
"มีอะไรผิดปกติหรือ?" คริสเตนเงยหน้าขึ้นมองคนพูดแล้วผงะ ก้มหน้าลงอย่างไว "หน้าตาปกติก็ทำลายสายตาอยู่แล้วเพิ่มความเครียดเข้าไปแบบนั้นไม่สงสารสายตาคนอื่นบ้างเลยหรือไง"
"บ่นไร้สาระอะไรไม่ทราบ เดี๋ยวก็ช่วยส่งเสริมไปเป็นอาหารซอมบี้ให้หรอก" ว่าพลางกระโดดลงมาที่พื้นแล้วคุกเข่าลงเอาหูแนบพื้น "ทางทิศเก้านาฬิกามีอะไรไม่รู้ล่ะกำลังตรงมา ฝุ่นฟุ้งมาเลย แถมสียงแบบนี้น่าจะหลายร้อย"
"ดร. พวกเรารีบไปจากตนนี้เถอะครับ!" ไอแลนด์พุ่งเข้าไปคว้าทุกสิ่งอย่างลงกระเป๋าเว้นไว้แค่กล่องเก็บผลึกรูปร่างเฟิร์นที่ยังเปิดอยู่
"อีกเดี๋ยวหนึ่งได้ไหม?" ซอยล์ขอเวลาอีกนิดก่อนจะรู้สึกว่าร่างกายลอยสูงขึ้นจากพื้น
"เสี้ยววินาทีเดียวก็กลายเป็นอาหารซอมบี้แล้ว" จินตกชก็ไม่คิดว่าตนสามารถยกผู้ชายตัวโตขึ้นจากพื้นได้ราวหยิบผ้าสักผืน เพียงแต่ยามนี้ไม่มีเวลาแล้วจริงๆ "วิ่งตามฉันมาให้ไวด้วย!" ก้าวออกไปว่องไวแบบเสือชีต้าห์หนีภัย
"เดี๋ยว! ฉันวิ่งเองได้" คนโดนจับฟาดบ่ารู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก
"วิ่งล่อพวกมันหรือวิ่งรวมกลุ่มกับพวกมันล่ะ ร้อยทั้งร้อยคงไม่เหลือซากมาวิ่งกับพวกมันถึงสามนาทีแน่นอน" จินตกชไม่ได้ดูถูกพ่อคุณนะ แค่ตอนนี้ยังไม่พร้อมเจอผีกองทัพหนึ่งเท่านั้นถ้าเลี่ยงได้เลี่ยงเถอะ ถึงมีทักษะร้ายกาจแต่ ซอมบี้ก็ยังน่ากลัวอยู่ดีนะแม่จ๋า อย่างไรพื้นฐานฉันก็เป็นหนอนหนังสือเท่านั้น ที่ลุยเมื่อก่อนหน้าเพราะมันเลี่ยงไม่ได้ คราวนี้เลี่ยงได้ใครเทพเชิญ ฉันเป็นแค่หนอนขอผ่านละครับ!
"ปล่อยฉันลง!" เริ่มมีการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันประกอบด้วยแล้ว
"โธ่ดร.ที่จินต์พูดมันก็ถูกนะ เราต้องรีบไปให้พ้นทางผ่านของพวกมัน" คริสเตนผู้แบกของพะรุงพะรังที่สุดสับเท้าเร็วจี๋ตามจี้สามคนด้านหน้า
"ผมว่าเราฟังที่จินต์บอกเถอะครับ ตอนนี้ผมได้ยินเสียงดังสนั่นจากฝีเท้าเป็นร้อยแล้วครับ ดีที่จินต์ได้ยินก่อนไม่เช่นนั้นความเร็วในการวิ่งของพวกเราย่อมหนีพวกมันไม่ทันแน่" ไอแลนด์ยอมรับว่าก่อนหน้าเขาไม่ได้ยินเสียงหรือมองเห็นสัญญาณว่ามีซอมบี้เป็นร้อยตนกำลังมาทางนี้ คนที่มีการตรวจจับระยะไกลแบบนี้แหละที่เขาอยากได้มาร่วมกลุ่มด้วยนานแล้ว
แม้มีการเตือนจากทั้งสองผู้ติดตามทว่าซอยล์ไม่รับฟัง "แค่ซอมบี้ร้อยสองร้อยคิดว่าฉันรับมือไม่ได้หรือไง" เจ้าตัวเงื้อมือกะว่าจะฟาดหลังเจ้าคนแบกตนเสียครั้งทว่ายังไม่ทันได้ฟาดกลับโดนโยนลงพื้นแบบไม่ทันตั้งตัว กลิ้งไปหลายตลบ ถลอกไปหลายแผล
"ถ้าเก่งขนาดนั้นก็ถ่วงเวลาไปละกัน ฉันไปหาที่ปลอดภัยก่อนล่ะ โชคดีนะพวกนาย ตายไปก็อย่ามาอาฆาตผิดคนล่ะ" พยักหน้าไปที่ซอยล์เสียครั้งว่านั่นแหละคนที่พวกนายควรอาฆาต จากนั้นจินตกชก็เผ่นจริงวิ่งแบบไม่เหลียวหลังเลย
"เฮ้ย! เอาจริงหรือนั่น!" คริสเตนร้องเสียงหลง ไม่คิดว่าจินตกชจะทิ้งพวกตนง่ายๆ แบบนี้
"เป็นเรื่องแล้วไงล่ะ!" เพียงโวยจบหันไปด้านหลังทั้งสามก็แทบหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ ซอมบี้ร้อยกว่าจริงๆ เห็นอยู่ลิบๆ พุ่งมาหาไวแทบหยิบอาวุธมาตอบโต้ไม่ทัน
ซอยล์ลุกขึ้นจากพื้นสีหน้ามืดทะมึน ทั้งโมโหทั้งอาฆาตเจ้าคนหน้าขี้ริ้วในมือเขามีมีดสั้นทรงอานุภาพทำลายล้าง แม้เขามีมันสมองชาญฉลาดแต่ก็มีฝีมือและพลังต่อสู้ในระดับ A เช่นกัน ทั้งสามช่วยกันฟาดฟันซอมบี้ที่เห็นพวกเขาเป็นอาหารโอชะ การเคลื่อนไหวรวดเร็ว พลังทำลายมากราวรถบรรทุกเบรกแตกพุ่งใส่ แล้วยังเล็บแหลมที่ห้ามโดนข่วนแม้เกิดแค่รอยขนแมวก็ไม่ได้
ซอยล์ตวัดมีดฟาดฟันทางขวามือแล้วโยนมีดสลับไปทางซ้าย เขาถนัดการใช้ทั้งสองมือ แล้วยังเคลื่อนไหวร่างกายได้ว่องไว ทั้งหมอบหลบ ทั้งเอี้ยวตัวหลบ ถีบให้กระเด็นห่างก็ได้ ทว่าจำนวนมากมายก็ทำเอาแย่ได้เช่นกัน
ไอแลนด์ใช้ปืนพกสั้นสองกระบอก พ่อคุณใช้พลังจิตเป็นกระสุนฉะนั้นถ้าพลังหมดนั่นแหละกระสุนถึงหมดไปด้วย แล้วยังใช้ปืนฟาดใส่กันไม่ให้เข้าใกล้ได้พร้อมกัน
คริสเตนใช้ปืนกลมือ ยิงได้ทั้งระยะใกล้ไกลแรงกระสุนระเบิดซอมบี้ได้ครั้งล่ะหลายตัว แต่ก็ไม่สามารถยิงต่อเนื่องได้เพราะมันใช้พลังจิตมาก ต้องพักหายใจสักยี่สิบวินาทีถึงสร้างกระสุนได้อีกครั้ง
"โธ่เว้ย ไอ้หน้าขี้ริ้วนั่นมันทิ้งกันจริงๆ หรือวะ!" คริสเตนหอบหายใจ เขาใช้ประบอกปืนฟาดซอมบี้ที่พุ่งเข้ามารุม เวลาที่ใช้ในการพักหายใจแทบไม่มี
"มันก็แบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง" พวกอยู่ตัวคนเดียวได้มันก็เอาแต่ตนเองเท่านั้นอยู่แล้ว ซอยล์ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาหงุดหงิดยิ่งนักที่ถูกทิ้งไปง่ายๆ แบบนี้ หรือเขาคาดหวังว่าจินตกชอาจต่างกับพวกคนที่เขารู้จักมาทั้งหลายหรืออย่างไร เขาเองก็ไม่เข้าใจ
จินตกชวิ่งหน้าตั้งมาไกลแค่ไหนไม่รู้พร้อมเสียงร้องเตือนสนั่นหวั่นไหวของระบบ เจ้าตัวหาเศษซากหักพังที่ดูแล้วมีความสูงมากที่สุดกระโดดขึ้นไปยืนป้องตามองออกไปที่เส้นขอบฟ้า แล้วสีหน้ายิ่งเครียด
"ซวยของจริงเลย ดันพาวิ่งมาทางนี้ด้วย ต้องเอาสามคนนั้นไปหลบทางไหนถึงพ้นฟะเนี่ย" บ่นแล้วทิ้งดิ่งตนลงมายังพื้นจากนั้นกระโจนออกไปรวดเร็วราวเหยี่ยวบิน "อินจันก็เลิกโวยเสียที คงไม่อยากให้ฉันจดลงบัญชีไว้ต่อยรวบยอดทีเดียวใช่ไหม ฉันทิ้งเจ้าสามคนนั้นมาทางนี้มีเหตุผลละกัน"
ได้ยินแบบนั้นระบบเงียบไปเลย เพราะจินกชทำให้เนื้อเรื่องเริ่มเปลี่ยนแล้วระบบเองก็ไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรต่อจากนี้ ทว่าโฮสต์ที่เลือกมาบอกว่ามีเหตุผลจึงทำได้แค่ตามดูว่าคิดทำอะไรต่อไป
เพราะอยู่ในที่แจ้งไร้ที่กำบังให้ไม่มีเวลาฟื้นตัว ยามนี้ทั้งสามจึงหอบตัวโยนแทบโดนซอมบี้ฉีกทึ้งอยู่รอมร่อ ต้องหันหลังพิงกัน ต่างรับมือในด้านหน้าตนเท่านั้นไม่สามารถขยับไปทางไหนได้เลย
"บ้าเอ๊ย ทำไมมันเยอะขนาดนี้" คริสเตนกำลังยื้อแย่งปืนกลของตนกับซอมบี้ที่กัดติดไม่ยอมปล่อย
ซอยล์ฟาดฟันจนแขนล้า รอบด้านเกลื่อนด้วยแขนขาเน่าเปื่อย ทว่าพวกซอมบี้ยังเหลืออีกเป็นร้อยตน มือเท้าคมเขี้ยวไล่ล่าไม่มีลดละ ตวัดเข้าใกล้จนเกือบได้เงาหัว ทั้งสามก็หลายครั้ง ซอมบี้จู่โจมใกล้ถึงตัวมากขึ้นทุกขณะ ครั้นพอไอแลนด์ยิงพลาดทำให้ซอมบี้ตนหนึ่งพุ่งเข้าถึงตัวซอยล์ได้
"ดร.!"
คริสเตนตวัดปืนกลในมือซึ่งติดซอมบี้อีกตัวไปด้วย ฟาดใส่ซอมบี้ที่พุ่งเข้าใส่ซอยล์ส่งทั้งสองตัวกระเด็นออกไป
"เรายันได้อีกไม่นานแล้วผมกับคริสเตนจะหาทางจัดการพวกมันให้ได้มากที่สุด ดร.ใช้จังหวะนั้นหนีไปนะครับ" ไอแลนด์ยิงซอมบี้สองตัวที่กลิ้งตัวอยู่บนพื้นกันไม่ให้เผลอเข้าไปใกล้แล้วอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
"ฉันคนเดียวไม่มีทางรอดกลับไปโคลเทคได้แน่นอน" ซอยล์ยอมรับว่าตนไม่ได้เก่งกาจอย่างนักรบระดับ S ก่อนหน้าเขาแค่โมโหที่โดนจับฟาดบ่าเป็นสิ่งของเท่านั้น ตอนนี้เขานึกเสียใจนิดหน่อยแล้ว
ซอมบี้เจ็ดสิบกว่าตนส่งเสียงราวการข่มขวัญคนทั้งสามก่อนจู่โจมเข้ามาอย่างดุดันมากกว่าก่อนหน้า เหมือนพวกมันไม่ต้องการเสียเวลากับอาหารมื้อนี้ต่อไปแล้ว ปืนกลในมือคริสเตนโดนบีบทำลาย ปืนพกหนึ่งกระบอกของไอแลนด์โดนกัดแตกละเอียด มีดในมือซอยล์หักครึ่งติดปากซอมบี้ตนหนึ่งไป ไร้อาวุธก็เท่ากับตายไปแล้ว ทั้งสามหน้าซีด
"พวกนายสามคนยืนเฉยๆ ห้ามขยับนะเว้ย!"
เสียงตะโกนมาพร้อมเงาร่างสูงโปร่งกระโจนลงมากลางวง แท่งเหล็กในมือเงาร่างนั้นตวัดไปรอบทิศกวาดซอมบี้กระเด็นห่างออกไปหลายสิบเมตรที่ใกล้เกินขาดครึ่งตัวทั้งหมด ก่อนพุ่งออกไปดั่งลูกกระสุนออกจากรังเพลิงเข้ากวาดพวกที่เหลือแบบไม่ปล่อยรอดไปได้สักตน
ไอ้จินต์เว้ย! จำไว้มันคือตัวหนังสือในหน้ากระดาษเท่านั้น ไม่น่ากลัวอะไรหรอก ฟาดๆ มันเข้าไป
จินตกชแทบสะกดจิตตนเองให้ความกลัวลดลงแล้วกวาดพวกซอมบี้ตรงนี้ให้หมด ไม่เกินสองอึดใจพวกตัวเละทั้งหลายก็ไม่ลุกขึ้นมาจากพื้นอีกเลย
"จินต์!" คริสเตนแทบพุ่งเข้าไปกอดเจ้าของชื่อแน่ะถ้าไม่ติดแท่งเหล็กยันไว้ไม่ให้เข้ามา
"ไม่น่าเชื่อนายกลับมาจริงๆ" ไอแลนด์เองก็ไม่คิดว่าจินตกชจะกลับมาช่วย
"นาย... ไม่ได้หนีไปแล้วหรอกหรือ" ซอยล์ตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
จินตกชไหวไหล่ "ฉันได้ยินเสียงยานพาหนะหลายคันกำลังตรงมาทางนี้"
"อ้อ นายเลยรีบกลับมาเอาหน้างั้นสิ กลัวหน่วยช่วยเหลือมาถึงนายจะไม่ได้ไปเขตโคลเทคถ้าปล่อยพวกฉันไว้"
"นี่คุณถั่วเหลือง สมองที่มีเอาไว้ใช้คิดด้านอื่นที่ไม่ใช่งานวิจัยบ้างเถอะ เพื่อนน่ะไม่มีเลยใช่ไหมล่ะ" จินตกชไม่อยากเสียเวลาเถียงฉะนั้น แดกดันแทนละกัน ไอแลนด์กับคริสเตนหันหน้าไปแอบกลั้นหัวเราะทางอื่น
ซอยล์กัดฟันกรอด นึกอยากด่าให้สักหน่อย แต่ยังไงจินตกชก็ไม่ได้ทิ้งพวกตนไปจริงๆ นี่นาเขาเงียบให้ก็ได้
"นายบอกว่าได้ยินเสียงยานพาหนะหลายคัน หน่วยช่วยเหลือมาแล้วงั้นหรือ" ไอแลนด์มองซากปืนหนึ่งในสองของตนอย่างเสียดาย
"ใช่ที่ไหนเล่า เพราะได้ยินเสียงยานพาหนะพวกนั้นกับเสียงฝีเท้าสักพันหนึ่งได้ถึงโยนพวกนายทิ้งไว้แล้วล่วงหน้าไปดูเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง ยังไงฉันก็กลับมาช่วยพวกนายทันแน่นอน และตอนนี้มีเวลาแค่สิบนาทีในการหาที่ซ่อนให้พ้นจากสิ่งพวกนั้น"
"เดี๋ยวนะเสียงฝีเท้าเป็นพัน... มีซอมบี้ไล่ตามยานพาหนะพวกนั้นมาเป็นพันตนเลยหรือ?" คริสเตนยกสองมือกุมแก้มปากอ้ากว้าง
"ถึงบอกให้หาที่ซ่อนไงเล่า" ว่าแล้วมองหาไปทั่ว
"ซ่อน เยอะขนาดนั้นซ่อนยังไงถึงพ้นกันล่ะ!" คริสเตนเกือบลงไปนั่งมืดมนที่พื้นถ้าไม่ติดบาทาจากไอแลนด์ยันโครมให้หน้าคะมำไปเลย
"แทนที่มาโวยวายรีบช่วยกันคิดสิเว้ย"
"บริเวณนี้มีอะไรที่ไหนใช้ซ่อนตัวได้บ้างเล่า" ใช่ว่าไม่ช่วยซอยล์มองหาไปทั่วแล้วเจอแต่ซากหักพังที่ใช้เป็นกำบังไม่ได้สักที่
"เราจะลงไปหลบใต้ดิน หาจุดไหนมีทางลงไปใต้ดินบ้าง เร็วเลย" ไม่พูดเปล่าจินตกชออกวิ่งหาว่ามีตรงไหนมีห้องใต้ดินบ้าง อีกสามลากขาออกไปเดินหาอย่างเร็วเท่าที่ร่างกายยังอำนวย ซึ่งแต่ละก้าวของทั้งสามคนที่แทบหมดแรงช้าราวคนแก่อายุร้อยปีก้าวเดิน
ยิ่งเวลาเร่งรัดแต่ละคนยิ่งร้อนรน มองไปทางไหนล้วนไม่เห็นทำไอแลนด์หงุดหงิดจนเผลอระบายอารมณ์ด้วยการเตะเข้าที่ผนังผุพังโครมใหญ่ ผนังตรงนั้นพังลงมาเผยให้เห็นบันไดลงไปด้านล่าง
"ตรงนี้มีห้องใต้ดินล่ะ!"
ทั้งสามคนรีบวิ่งมาดู พอมาถึงจินตกชกระโดดลงไปทันที
"เจ้าบ้าทำอะไรแบบนั้นเกิดมีซอมบี้อยู่ด้านล่างเล่าเว้ย!"
"ไม่มีหรอกน่า ถ้ามีมันคงพุ่งออกไปแล้ว ข้างล่างนี่กว้างพอให้ลงมาซ่อนได้ ไม่มีตัวอะไรทั้งนั้น ลงมากันเลย" จินตกชไต่กลับขึ้นไป จากนั้นก็หาประตูท่าทางแข็งแรงมาปิดช่องทาง แม้ไม่สนิทนักแต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรกั้น
พอปิดทางเข้าเรียบร้อยแล้วไอแลนด์เอาแท่งแสงออกมาวางหนึ่งแท่งแล้วส่งขวดน้ำให้แต่ละคนดื่มสักนิด ก่อนเอาเสื้อคลุมปิดแสงจากแท่งแสงเมื่อเสียงดังสนั่นใกล้เข้ามารวดเร็วจนทั้งสี่แทบกลั้นหายใจ
โครม!!
ทางลงใต้ดินที่อุตส่าห์ปิดไว้แม้ไม่เรียบร้อยนัก แต่ไม่ต้องเคาะแบบถล่มราบอย่างนี้ก็ได้ไม่ใช่หรือไงฟะ