webnovel

ปมรัก รอยอดีต โดย ฮาร์โมนิก้า

ชีวิตที่เคยสมบูรณ์แบบของเธอในวัยสิบห้าปี ได้พังภินท์ลงเมื่อวันที่เธอและมารดาท้องแก่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ คืนวิปโยคในถ้ำมรณะที่คร่าชีวิตมารดาและน้องชายที่ยังไม่เคยมีโอกาสลืมตาดูโลก อนาสเตเซีย คิริยาคอส ผู้กลายเป็นทายาทเพียงคนเดียวของมหาเศรษฐีธุรกิจเดินเรือของกรีซ กลายเป็นโรคซึมเศร้า เก็บตัว และออกห่างจากบิดา ทุกคนที่รัก รวมถึงกฤช คริสตอฟ อนาโตลาคิส ผู้เป็นทั้งญาติ พี่ชายที่แสนดี และผู้ครอบครองดวงใจของเธอตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยวราวกับต้องการลงโทษตัวเอง เจ็ดปีต่อมาเธอกลับมายังกรีซอีกครั้ง และได้ตัดสินใจแต่งงานกับนิโคลาโยส วาลลาซ ชายหนุ่มรูปหล่อปานเทพบุตร ผู้มีเสน่ห์เหลือล้น ทว่าเธอได้พบความจริงหลังการแต่งงานไม่นานว่าเขาไม่ใช่สามีที่ซื่อสัตย์ ที่สำคัญเขาไม่ได้รักใคร่ใยดีเธอ มากไปกว่าต้องการมีทายาทกับเธอเท่านั้น ในยามที่ลูกชายของเธออายุครบสี่ปี เหตุร้ายต่าง ๆ ได้หวนกลับคืนสู่ชีวิตเธออีกครั้ง บุตรชายที่ถูกจับเรียกค่าไถ่ บิดาผู้เป็นที่พึ่งสำคัญประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ มารดาเลี้ยงผู้ท้องแก่หายสาปสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่หลักฐานต่าง ๆ เริ่มผูกมัดเธอมากขึ้น พร้อมกับเงื่อนงำมากมายซึ่งเชื่อมโยงไปยังสามีของเธอ และราวกับใครบางคนเจตนาทิ้งร่องรอยเศษขนมปังให้เธอตามรอยไปถึงปริศนา ณ ถ้ำมรณะ อนาสเตเซีย ผู้ติดกับดัง และต้องสูญเสียสถานะทางสังคม อิสรภาพ ทรัพย์สิน และบุตรชายสุดที่รัก เธอจะสามารถเอาชนะสามีโฉด และทวงคืนชีวิตของเธอมาจากคนเจ้าเล่ห์เช่นเขาได้อย่างไร นวนิยายรักดราม่า โรแมนติก ฆาตกรรม หักเหลี่ยม เฉือนคมที่ชวนลุ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

ANNIEmalista · Urbain
Pas assez d’évaluations
16 Chs

บทที่ 9 พินัยกรรมของคิโรส

by Harmonica

อนาสเตเซียนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นจากเกาะนักซอส ลอยลำอยู่เหนือบ้านไร่ของครอบครัวคาคาราส

สองสามีภรรยายืนโบกมือให้ในขณะที่เจ้าแคสซี่สุนัขแสนรู้ยืนเห่าอำลา พลางชูสองขาหน้าขึ้นเป็นระยะ ลูก ๆ ของเจ้าแคสซี่สองตัวซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรกับใครด้วยแต่ก็ตื่นเต้นตามแม่ของมัน กระโดดโหยงเหย็งพลางแย่งกันงับหางที่กระดิกอยู่ตลอดเวลาของแม่มันเล่นอย่างเพลิดเพลิน

หญิงสาวขับเฮลิคอปเตอร์กลับไปยังบ้านของเธอทางตอนเหนือของเกาะปาโรส ในสมองนั้นสับสนกับสิ่งต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นรอบตัว มันเหมือนมีชิ้นส่วนภาพต่อเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนทิ้งไว้ให้เธอค้นหาและต่อเอาเองทีละชิ้นจนกว่าจะได้ภาพใหญ่ที่ชัดเจนว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับเธอและครอบครัวคืออะไร

มันจะแปลกอะไรหรือกับการที่นิโคลาโยสจะมาขอซื้อลูกหมาจากไร่ของฟาริส คาคาราส ทำไมเรื่องนี้จึงรบกวนจิตใจเธอมากนัก

เธอไม่เคยเชิญสองสามีภรรยาคาคาราสมางานแต่งงานของเธอ หรือมาร่วมรับประทานอาหารกับสามี คนทั้งสามไม่รู้จักกัน

อนาสเตเซียรู้จักและคบหากับครอบครัวคาคาราสเป็นระยะมานานถึงสิบสองปีก็จริง แต่เว้นช่วงไปห้าปีในช่วงที่เธอออกจากประเทศกรีซไป ฟาริสเป็นฝ่ายมาเยี่ยมเยียนเธอตลอดเวลาระหว่างอยู่โรงพยาบาลและที่สถานบำบัดจิต

หลังจากอนาสเตเซียใช้เวลาเกือบหนึ่งปีที่สถานบำบัดจิตจากอาการซึมเศร้าบนเกาะซีโรส เธอได้เดินทางไปศึกษาต่อที่เจเนวา สวิสเซอร์แลนด์เป็นเวลาห้าปี อนาสเตเซียเรียนช้ากว่าคนอื่นนิดหน่อยด้วยเสียเวลาในชีวิตไปนานหนึ่งปี

ตลอดระยะเวลาที่จากกรีซไปเธอไม่ได้กลับมาอีกเลย จนกระทั่งเมื่อหกปีก่อนที่เธอจบการศึกษากลับมา และตัดสินใจซื้อบ้านของเธอเองบนเกาะปาโรส

ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่อาจทำใจให้กลับไปเกาะนักซอส โดยเฉพาะที่ไร่ของฟาริส ซึ่งเป็นสถานที่ ๆ ย้ำเตือนความทรงจำเกี่ยวกับคืนหฤโหดและความตายของมารดา

จนเมื่อเธอมีจูเลี่ยน หัวใจของเธอราวกับได้รับการเติมเต็มขึ้นอย่างประหลาด เธอรู้สึกกล้าหาญขึ้นมาก กอปรกับความเงียบเหงาที่ทับทวีมากขึ้นจากความห่างเหินของนิโคลาโยสนับแต่เธอเริ่มตั้งครรภ์จูเลียน นั่นทำให้เธอตัดสินใจขึ้นในวันหนึ่งที่จะกลับไปยังเกาะนักซอส ไปที่บ้านไร่เชิงเขาซึ่งอยู่ติดชายทะเลแห่งนั้นของครอบครัวคาคาราส

สองสามีภรรยาเข้าใจดีที่เธอไม่ได้ติดต่อพวกเขาก่อนหน้านั้น ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสรู้เรื่องการแต่งงานของเธอกับนิโคลาโยส และเมื่อความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เสื่อมทรามลง ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะชักนำให้ทั้งสองฝ่ายมารู้จักกัน อนาสเตเซียไม่คิดว่านิโคลาโยสจะใส่ใจที่จะอยากรู้จักผู้สูงวัยทั้งสอง และเธอก็ไม่อยากให้คนที่เธอนับถือทั้งคู่ได้ล่วงรู้ถึงชีวิตแต่งงานอันล้มเหลวของเธอ

เฮลิคอปเตอร์ลดเพดานบินลงจอดตรงลานจอดกลางสนามบนที่ดินของอนาสเตเซีย อิสวานได้ยินเสียงเครื่องมาแต่ไกลรีบขี่สกู๊ตเตอร์ออกมา ในขณะที่อีเนียสพ่อบ้านนำรถบั๊กกี้สีขาวออกมารับคณะของอนาสเตเซีย

บั๊กกี้นำทั้งหมดออกจากลานจอดเฮลิคอปเตอร์กลับมายังตัวตึกใหญ่ นิโคลาโยสยืนคอยอยู่ที่หน้าบ้าน

"คุณพ่อครับ" เสียงร้องเรียกอย่างตื่นเต้นดีใจของจูเลียนยามเห็นหน้าบิดาสะท้อนใจอนาสเตเซียยิ่งนัก ถ้าหากว่านิโคลาโยสจะอยู่บ้านให้มากขึ้น และทำบ้านให้อบอุ่นกว่านี้ลูกน้อยของเธอจะยิ่งมีความสุขขึ้นกว่านี้สักเพียงใด

เด็กชายกระโดดเข้าใส่อ้อมแขนของบิดาทันทีที่รถบั๊กกี้จอดตรงวงเวียนหน้าบ้าน ซึ่งต่อไปเป็นบันไดเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ซึ่งนิโคลาโยสยืนคอยรับอยู่

"หน้าคุณพ่อไปโดนอะไรมาครับ" เด็กชายถามเมื่อเห็นรอยสีเขียวจางบนผิวหน้าอ่อนบางละเอียดของบิดา

"พ่อหกล้มลูก" หนุ่มใหญ่ตอบขณะอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมแขน "ไปเที่ยวไหนกันมา เที่ยวเผื่อพ่อหรือเปล่า"

จูเลียนได้ยินคำถามก็เริ่มจ้ออย่างอารมณ์ดีจนผู้เป็นพ่ออดเอ็นดูไม่ได้ขโมยหอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่

อนาสเตเซียก้าวตามไปช้า ๆ หยุดยืนดูพ่อลูกกอดและหอมแก้มกันอยู่เงียบ ๆ น่าชื่นใจอยู่อย่างที่ดูนิโคลาโยสจะรักใคร่เอ็นดูลูกชายของเขาอยู่พอควรทีเดียว

นิโคลาโยสอุ้มลูกชายที่ยังคงฝอยไม่จบเดินเข้าบ้านไปโดยมีซอนญ่าซึ่งดูมีสีหน้าสดชื่นขึ้นมากก้าวตามไปพร้อมเจ้าดิโน่ ดูราวกับภาพครอบครัวพ่อแม่ลูก โดยมีอนาสเตเซียเป็นเพียงคนนอก

อีเนียสรับของเข้าบ้านแล้วก็แยกไปช่วยเมลานีเตรียมมื้อค่ำ อนาสเตเซียเดินขึ้นไปยังห้องชุดส่วนตัวของเธออาบน้ำผลัดเปลี่ยนชุดใหม่สำหรับอาหารค่ำแล้วก็เดินลงมานั่งที่ห้องนั่งเล่นส่วนตัว

เธอบอกอีเนียสให้เชิญสามีมาพบที่นั่น เมื่อเดินเข้าไปก็พบนิโคลาโยสนั่งคอยอยู่แล้วพร้อมกับจูเลียน และซอนญ่าที่อาบน้ำแต่งตัวใหม่แล้วเช่นกัน

อนาสเตเซียบอกให้ซอนญ่าพาจูเลียนออกไปนั่งดื่มน้ำมะนาวคอยที่ริมสระว่ายน้ำก่อน เมื่อทั้งคู่คล้อยหลังไปแล้วจึงหันมาสอบถามสามีเรื่องการติดตามหาตัวลีย่า

"มีความคืบหน้าอะไรบ้างหรือยังคะ" หญิงสาวถามหลังจากจิบเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยหรืออาเพริตีฟ ที่พ่อบ้านนำมาเสริฟให้

นิโคลาโยสยักไหล่ มือยังคลึงแก้วเครื่องดื่มจินโทนิคเย็นเฉียบอยู่อย่างเหม่อลอย

"ยังเลย อนาสเตเซีย"

เขาตอบสั้น ๆ แค่นั้น

นิโคลาโยสไม่เคยเรียกเธอว่า 'อัณญ่า' เหมือนกับคนอื่นในครอบครัวหรือคนที่สนิทสนมกับเธอ เขาจะเรียกชื่อเธอเต็ม ๆ ทุกครั้งว่าอนาสเตเซีย

หญิงสาวนิ่ง กัดริมฝีปากนิดหนึ่ง ดวงตากลมใหญ่จับจ้องใบหน้าด้านข้างของสามีโดยไม่พูดอะไร ราวกับคอยฟังคำตอบที่มีรายละเอียดกว่านั้นจากเขา ที่สุดนิโคลาโยสก็ยอมกล่าวเสริมขึ้น

"ผมให้คนหาอยู่ ส่งหน่วยตรวจค้นไป แล้วก็นักสืบ ยังไม่มีวี่แวว ทางตำรวจว่าไงบ้างล่ะ"

"หลังจากวันนั้นแล้วก็ไม่ได้ติดต่อมาอีก ฉันเข้าใจว่าสารวัตรมีแจ้งข่าวให้คุณฟังเสียอีก" หญิงสาวตอบพลางกล่าวเปรยเป็นเชิงถาม เมื่อเห็นสามียักไหล่แบบไม่ทราบเรื่องก็ถามขึ้นใหม่

"บัญชีที่เปิดให้พอหรือเปล่าคะ"

นิโคลาโยสทำหน้าเนือย อนาสเตเซียเปิดบัญชีให้เขาสำหรับค้นหาลีย่าเป็นจำนวนสูงถึงสามแสนยูโรเมื่อสองวันก่อนหลังจากทราบข่าวการหายตัวไปของมารดาเลี้ยงพร้อมลูกในท้อง

"ตอนนี้ก็คงพอ แต่ถ้ายังหาไม่เจอก็คงต้องใช้เพิ่มน่ะ" เขาตอบแบบไม่ใส่ใจและไม่มองหน้า

อนาสเตเซียมองหน้าด้านข้างของสามีอย่างพินิจพิเคราะห์

"เจ้าดิโน่น่ารักมากนะคะ" เธอเปลี่ยนเรื่องใหม่อย่างไม่ทันให้สามีได้ตั้งตัว

แต่นิโคลาโยสประสาทแข็งพอควร เขาเพียงแต่พยักหน้ารับเฉย ๆ อย่างไม่ใสใจตามเคย หญิงสาวจึงพูดต่อ

"จูเลียนรักมันมาก ดูจะพันธุ์แท้" เมื่อเห็นเขาเงียบไม่ต่อความ เธอก็ถามออกไปตรง ๆ

"คุณซื้อมาจากไหนคะ"

นิโคลาโยสหันกลับมามองหน้าภรรยาเป็นครั้งแรก ดวงตาสีน้ำตาลที่สวยราวกับสีน้ำผึ้งทอประกายอำพันดูคมปลาบลุ่มลึกจ้องสบดวงตาสีฟ้าใสกลมใหญ่ของอนาสเตเซีย ก่อนจะเมินกลับไปมองนอกหน้าต่างอย่างเดิม

"เพื่อนน่ะ หมาเขาตกลูก เลยขอแบ่งมา"

"ที่ปาโรสนี่หรือคะ" หญิงสาวถามอีก

นิโคลาโยสนิ่งไปครู่จึงตอบเบา ๆ "ใช่"

ความคับข้องใจรุมเร้าเธอจนอกแทบระเบิด หญิงสาวพยายามสงบอารมณ์ควบคุมสติ ทำไมนิโคลาโยสจึงต้องหลอกเธอเพียงแต่เรื่องสถานที่ ๆ เขาไปซื้อลูกหมามา

มันสำคัญอย่างไรงั้นหรือ

ก่อนที่เธอจะทันได้โพล่งหรือถามอะไรต่อไปที่ผิดปกติวิสัยอันเงียบขรึมของตัวเอง อีเนียสก็เดินมาเคาะประตูแจ้งว่าถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว

นิโคลาโยสกระเด้งตัวจากอาร์มแชร์ที่นั่งอยู่แทบจะทันที ราวกับคอยเวลาที่จะหนีออกจากห้องไปแทบไม่ไหว หญิงสาวรู้สึกหน้าชา แม้จะทำใจไว้นานแล้วกับความไม่ใยดีในตัวเธอของสามี แต่เธอก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อและหัวใจ การแสดงท่าทางซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าไม่อยากอยู่ตามลำพังกับเธอของนิโคลาโยส สร้างความขุ่นเคืองเล็ก ๆ ให้กับอนาสเตเซียอยู่ไม่น้อย มันทำให้เธอรู้สึกสงสัยในคุณค่าของตัวเองในฐานะอิสตรี เธอช่างไร้เสน่ห์ถึงเพียงนี้เชียวหรือ อนาสเตเซียพยายามข่มอารมณ์วางสีหน้าเรียบเฉย แล้วจึงค่อยเชิดศีรษะขึ้นอย่างสง่างาม ก้าวตามเข้าไปยังห้องรับประทานอาหารค่ำ

เกาะซีโรสหรือซิร่า คือเกาะซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการค้า วัฒนธรรม และการบริหารของหมู่เกาะในเขตคลิคลาเดส

เกาะนี้ถือเป็นเกาะที่ร่ำรวย และเป็นเมืองท่าสำคัญในเขตเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ซีโรสเริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวเป็นจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่ารายได้หลักของเกาะจะไม่ใช่การท่องเที่ยวก็ตาม

เออมูโพลี คือเมืองหลวงหรือเมืองสำคัญที่สุดของเกาะซีโรส และถือเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตคลิคลาเดสทั้งหมดด้วย ชื่อเมืองตั้งตามชื่อของเฮอร์เมส เทพเจ้าแห่งการพาณิชย์ ตัวเมืองมียอดเขาคู่สองยอดตระหง่านอยู่เหนืออ่าวซึ่งเว้าเข้ามาของเกาะ ซึ่งแบ่งกลุ่มบ้านเรือนและผู้อยู่อาศัยเป็นสองกลุ่มตามความเชื่อทางศาสนา

ทางเหนือเป็นเขตของชาวคาธอลิคซึ่งได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสนับแต่สมัยยุคกลางชื่อว่าเขตอาโน ซีโรส หรืออาโน ซิร่า ซึ่งสถาปัตยกรรมในแถบนี้จะเป็นแบบเวนิซหรือเวเนเชี่ยนเป็นส่วนใหญ่ และทางใต้เป็นเขตของชาวกรีก ออโธด็อกซ์ชื่อเขตวรอนทาโด้ สถาปัตยกรรมทางเขตนี้จะเน้นแบบนีโอคลาสสิค

ซีโรสถือเป็นเกาะที่มีประชากรที่นับถือนิกายโรมันคาธอลิกมากที่สุด โดยครอบคลุมพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งเกาะซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นกรีกออโธด็อกซ์

ทางเหนือของเกาะซีโรสจะเป็นพื้นที่เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมสิ่งทอ มีทั้งแหล่งเพาะปลูกต้นปาล์ม พืชไร่แบบขั้นบันได รวมถึงปศุสัตว์ และโรงงานทอผ้า ส่วนทางใต้เต็มไปด้วยคฤหาสน์สไตล์อิตาเลี่ยนและบ้านพักตากอากาศ หมู่บ้านชาวประมงซึ่งมีมาแต่สมัยโบราณมีให้เห็นได้แทบทุกหาดและทุกอ่าวบนเกาะซีโรส

สารวัตรดราโก้ ลาซารอสและผู้หมวดไอวาน อลองโซ่ประจำการอยู่ที่เกาะซีโรสในแผนกสืบสวนคดีพิเศษ ฝ่ายสอบสวนกลาง กรมตำรวจ ประจำท้องที่เขตคลิคลาเดส

สารวัตรได้ยื่นขอหมายศาลเพื่อขอให้มีการเปิดพินัยกรรมของคิโรสและขอเข้าร่วมฟังเพื่อสังเกตการณ์ เขามีมูลเหตุให้ยื่นขอหมายศาลไปเช่นนั้น เนื่องจากการหายตัวไปของลีย่า ซิออนดิส คิริยาคอสอาจเกี่ยวข้อง หรือมีเงื่อนงำบางประการที่เกี่ยวโยงกับพินัยกรรมของคิโรสก็ได้

สำนักงานกฎหมายของสเตฟานอส ลูคาสตั้งอยู่ใจกลางเมืองทางฝั่งวรอนทาโด้ เป็นสำนักงานที่อยู่บนชั้นสองของอาคารสามชั้นผนังสีเหลืองครีม ตัดด้วยเสาและกรอบหน้าต่างสีขาว สร้างเลียนสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่พบเห็นได้ทั่วไปในตึกรามบ้านช่องที่อยู่ทางฝั่งเมืองวรอนทาโด้

สารวัตรลาซารอสกับผู้หมวดอลองโซ่ขี่มอเตอร์ไซด์จากสำนักงานของตนใกล้กับศาลากลางเมือง ไปยังสำนักงานกฎหมายของลูคาส ถนนในเมืองนั้นเล็กและเป็นถนนลาดชันไปตามแนวเขา ทางเดินเท้าเป็นขั้นบันไดสลับกับทางลาดเอียงเลาะเลียบไปกับถนนตรอกซอกซอยต่าง ๆ ของเมืองซึ่งปลูกสร้างอยู่บนแนวเขาด้านล่างเป็นอ่าวที่ใช้เป็นท่าเรือตามธรรมชาติ

เมื่อนายตำรวจสืบสวนทั้งสองมาถึง ก็พบว่าอนาสเตเซียกับนิโคลาโยส วาลลาซได้มาถึงและนั่งดื่มกาแฟคอยอยู่ก่อนแล้วในห้องรับรอง ทั้งหมดทักทายกันตามธรรมเนียม ดราโก้สังเกตเห็นใบหน้าที่ดูเหมือนมีรอยฟกช้ำซึ่งยังไม่จางลงของนิโคลาโยส เขาเก็บความแปลกใจไว้กับตัวเองด้วยไม่อาจเสียมารยาทเอ่ยถามได้โดยที่เป็นเรื่องส่วนตัว และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคดีที่เขาทำอยู่

ไม่นานกฤชก็มาถึงพร้อมกับอาคิล โรคาสพ่อบ้านเก่าแก่ของคิโรส คิริยาคอส

ดราโก้ลอบสังเกตความห่างเหินราวกับคนแปลกหน้า ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทางเรียบเฉยเป็นผู้ดีระหว่างอนาสเตเซียและนิโคลาโยส วาลลาซอย่างสนใจ และเมื่อกฤชมาถึงเขาก็อดที่จะสะดุดตากับกระแสหรือสายใยบางอย่างที่เขาจับสังเกตได้ในระหว่างการทักทายกันของกฤชกับอนาสเตเซีย

มันมีความเก้อเขินแปลก ๆ ในท่าทีของอนาสเตเซีย กับแววตาห่วงหาอาวรณ์จับจ้องไม่วางตาของกฤช

ชายหนุ่มจับมือทักทายกับนิโคลาโยสแบบผิวเผิน จนแทบจะเป็นเพียงการแตะมือพอเป็นพิธี ไม่ได้กระชับแน่นอย่างตอนที่จับมือกับเขาหรือผู้หมวดไอวาน

หากแต่ตอนสัมผัสต้นแขนอนาสเตเซียในขณะที่หอมแก้มซ้ายขวาเธอซึ่งเป็นธรรมเนียมการทักทายแบบยุโรปซึ่งจะกระทำต่อสุภาพสตรีนั้น เขาลอบเห็นความผิดปกติระหว่างคนทั้งสอง

เขาไม่คิดว่าตัวเองตาฝาดที่เห็นอาการอ้อยอิ่งนิดหนึ่งของกฤชยามที่แก้มชนกับแก้มอนาสเตเซีย และเห็นชายหนุ่มแอบสูดดมกลิ่นผมของเธอโดยไม่รู้ตัว

อนาสเตเซียเองก็มีอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อยามสัมผัสใกล้ชิดกับกฤช ใบหน้าที่เคยดูเยือกเย็นเรียบเฉยกลับมีสีแดงเรื่อขึ้นอย่างน่าสงสัย

สารวัตรหนุ่มใหญ่ลอบมองปฏิกิริยาของคนทั้งสองด้วยความสนใจ เขาทำทีเป็นนั่งฟังผู้หมวดไอวานพล่ามอะไรเกี่ยวกับเจ้าลาตัวหนึ่งที่ผู้หมวดไปเช่าขี่บนเกาะปาโรส แถบปาริเกีย แล้วเจ้าลามันดื้อไม่ยอมเดิน

แต่จริงๆ แล้วดราโก้แอบสังเกตจริตกิริยาของแต่ละคนภายในห้องและเก็บบันทึกไว้ในคลังสมองอย่างละเอียด แววอาทรที่แฝงประกายรุ่มร้อนถวิลหาในดวงตาของกฤชยามที่มองดูอนาสเตเซียนั้นมันผิดปกติเกินกว่าผู้เป็นญาติจะมีให้กัน

และแววรวดร้าวใจเหมือนเห็นของรักที่ไม่อาจแตะต้องได้ ในดวงตากลมสีฟ้าใสของอนาสเตเซียยามที่มองดูกฤชก็ดูผิดปกติเกินกว่าจะมองข้ามไปได้

ดราโก้รู้สึกได้ถึงคลื่นหรือแรงดึงดูดที่มองไม่เห็นระหว่างคนสองคนนั้น ราวกับทั้งคู่มีความหลังและอดีตอันยาวนานร่วมกัน และลึกซึ้งเกินกว่าที่ใคร ๆ ในที่นี่จะล่วงรู้ และสายสัมพันธ์นั้นก็ดูจะเหนียวแน่นกว่าสายสัมพันธ์ระหว่างอนาสเตเซียกับนิโคลาโยสสามีของเธอมากมายนัก

ไอวานยังคงพร่ำบ่นถึงเจ้าลาโง่ตัวนั้นไม่เสร็จ โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าผู้บังคับบัญชาของเขาเออออกับเขาไปโดยไม่ได้ใส่ใจฟังเรื่องที่เขาเล่าอย่างจริงจังสักนิด

เมื่อถึงเวลานัด สเตฟานอส ลูคาสนักกฏหมายซึ่งเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสำนักงานกฏหมายชื่อดังในเขตคลิคลาเดส ก็เดินออกมาเชิญทุกคนเข้าไปนั่งในห้องประชุมขนาดเล็ก เขาเป็นชายสูงวัยอายุราวห้าสิบปลาย ร่างเตี้ยผมหงอกเทา ใบหน้าบ่งบอกแววฉลาด และไหวพริบดีสมเป็นนักกฎหมายที่คิโรสไว้วางใจให้ดูแลเรื่องผลประโยชน์ของเขา

สเตฟานอสกล่าวเริ่มต้นตามธรรมเนียมถึงการจัดการพินัยกรรม ซึ่งเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมายมีพยานพร้อม และกระทำโดยที่คิโรส คิริยาคอสมีสติสัมปชัญญะดี ไม่ได้ถูกบังคับ หรือครอบงำโดยใครหรืออิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น ก่อนจะนำเข้าสู่การเปิดพินัยกรรมของคิโรส

เขาจัดแจงเปิดผนึกซองใส่พินัยกรรมต่อหน้าพยานทุกคน แล้วดึงแผ่นพับที่หน้าปกเป็นตราประจำตระกูลคิริยาคอสและมีชื่อของคิโรสอยู่ตรงมุมล่างด้านขวา ข้างในแผ่นพับเป็นกระดาษที่พิมพ์ขึ้นและมีคิโรสเซ็นกำกับ

"วันที่เปิดอ่านพินัยกรรมฉบับนี้คือวันพุธที่ 18 มิถุนายน 2008

พินัยกรรมฉบับล่าสุดของนายคิโรส คิริยาคอสซึ่งทำไว้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเสียชีวิตไปในวันอังคารที่ 29 เมษายน 2008

พินัยกรรมฉบับล่าสุดนี้ทำขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2008 โดยมีผม นายสเตฟานอส ลูคาส เป็นนักกฎหมายที่มีหน้าที่รับรองและเก็บรักษาพินัยกรรมฉบับนี้ ทั้งยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานพร้อมกับนายอาคิล โรคาซพ่อบ้านของนายคิโรส คิริยาคอส"

สเตฟานอสพูดถึงตรงนี้ก็เงยหน้ามองทุกคนในห้อง ก่อนจะเริ่มอ่านความจำนงของผู้ตายตามรายการที่บันทึกไว้ในพินัยกรรม

"ข้าพเจ้านายคิโรส คิริยาคอส ได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นใหม่แทนฉบับเดิม พินัยกรรมฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นในวันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2008 เวลา 10.00 น.

ข้าพเจ้าขอมอบทรัพย์สินตามรายการต่าง ๆ ของข้าพเจ้าให้กับบุคคลต่อไปนี้

รายการที่ 1: หุ้นส่วนในบริษัทเดินเรือคิริยาคอสจำนวน 45%

รายการที่ 2: หุ้นส่วนในบริษัทเดินอากาศคิริยาคอสจำนวน 20%

รายการที่ 3: หุ้นส่วนในบริษัทเรือขนส่งสินค้าคิริยาคอสจำนวน 45%

รายการที่ 4: หุ้นส่วนในกลุ่มบริษัทค้าปลีกคิริยาคอสจำนวน 45%

รายการที่ 5: หุ้นส่วนในกลุ่มโรงแรมสปาสถานออกกำลังกายจำนวน 35%

จากรายการที่ 1-5 นั้น ข้าพเจ้าขอแบ่งออกเป็นสองส่วน

ส่วนที่หนึ่งขอมอบให้นางอนาสเตเซีย คิริยาคอส/ วาลลาซ บุตรสาวคนเดียวของข้าพเจ้าเป็นสินส่วนตัว โดยมอบให้รายการละสิบเปอร์เซ็นต์ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ข้าพเจ้าถือครองอยู่

ส่วนที่สอง ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดจากรายการที่ 1-5 ขอมอบให้นายคริสตอฟ อลาสเตอร์ อนาโตลาคิส หลานชายบุญธรรมของอดีตภรรยาข้าพเจ้านางอแนสซ่า อนาโตลาคิส/คิริยาคอส"

สเตฟานอสอ่านถึงตอนนี้ก็เงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองผู้ฟังในห้องอีกครั้ง สีหน้าของแต่ละคนแม้จะหลากหลาย อารมณ์ แต่มีหนึ่งความรู้สึกที่ต่างเหมือนกันคือคาดไม่ถึง

"ข้าพเจ้าขอมอบเงินบำนาญจำนวนสองแสนยูโร พร้อมวิลล่ารับรองของข้าพเจ้าบนเกาะนักซอสให้แก่นายอาคิล โรคาซ พ่อบ้านของข้าพเจ้า

นอกจากนี้พนักงานที่ทำงานในบ้านข้าพเจ้าตั้งแต่สามปี ทุกคนจะได้รับเงินบำนาญเทียบเท่ากับปีละสามพันยูโรคูณด้วยจำนวนปีที่ทำงาน

สุดท้ายข้าพเจ้าขอมอบทรัพย์สินและเงินฝากในธนาคารรวมถึงหุ้นกู้ พันธบัตรและหุ้นส่วนต่าง ๆ ที่ข้าพเจ้าลงทุนไว้กับสถาบันการเงินต่าง ๆ ทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามี อสังหาริมทรัพย์ทุกแห่งทั้งในกรีซและในต่างประเทศตามรายละเอียดแนบท้ายหลังพินัยกรรม เครื่องเพชรและทรัพย์สินมีค่าที่ฝากไว้ในธนาคาร รถยนต์ เครื่องบิน เรือใบ เรือยอชท์เรือเร็วทุกชนิดที่อยู่ในความครอบครองของข้าพเจ้า รวมถึงทรัพย์สินอื่นที่เป็นของข้าพเจ้าโดยชอบธรรมและไม่ได้หยิบยกมาพูดถึงในพินัยกรรมฉบับนี้ ขอยกให้เป็นสินส่วนตัวของบุตรสาวคนเดียวคือนางอนาสเตเซีย คิริยาคอส/ วาลลาซ

ด้านล่างนี้คือรายการทรัพย์สินและรายละเอียด ….."

ทนายลูคาสอ่านรายการทรัพย์สินยาวเหยียดของคิโรสที่จะตกเป็นของอนาสเตเซียทั้งอสังหาริมทรัพย์นับไม่ถ้วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รถยนต์ เรือ เครื่องบิน เครื่องเพชร หุ้นส่วนต่าง ๆ ที่เขาลงทุนในบริษัทการเงินและบริษัทอหังสาริมทรัพย์ใหญ่ ๆ ระดับโลกต่าง ๆ รวมทั้งเงินฝากในบัญชีธนาคารรวมมูลค่าแล้วร่วมหกร้อยล้านยูโร

หากแต่นิโคลาโยสหาได้มีสีหน้าปลาบปลื้มใจไม่ เขาพยายามตีสีหน้านิ่ง แต่หากสังเกตให้ดี จะเห็นได้ชัดว่าภายในใจนั้นเดือดพล่านทีเดียว จนแทบจะเรียกได้ว่าเกือบเห็นเปลวไฟแลบออกมาจากดวงตาสีทองของเขา

ใช่ ที่กฤชได้ไปหากตีเป็นมูลค่าระยาวแล้ว มันมากมายมหาศาลกว่าอนาสเตเซียมากนัก เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดคิโรสจึงอุตริยกหุ้นส่วนในธุรกิจหลักสำคัญ ๆ ของตัวเองให้กับหลานชายบุญธรรมของเมียที่ตายไปนานแล้ว ซึ่งไม่ใช่แม้แต่เชื้อสายจริงของตระกูลทางเมียด้วยซ้ำ เป็นแค่เด็กกำพร้าลูกครึ่งเอเชียผิวผสมจากประเทศเล็ก ๆ ในโลกที่สามเท่านั้นเอง

เขาพยายามรักษาสีหน้าให้ดูสบาย ๆ ไม่เดือดร้อนอะไร ทั้งที่ภายในแทบระเบิดด้วยความผิดหวังโกรธแค้น

"หุ้นส่วนจำนวน 3% ในกลุ่มบริษัทก่อสร้างและปิโตรเคมีโอลิมปัส ขอมอบให้กับอนาสเตเซีย คิริยาคอส/ วาลลาซ บุตรสาว"

สเตฟานอสยังคงอ่านรายการทรัพย์สินตามพินัยกรรมต่อไปเรื่อย ๆ และรายการหุ้นส่วนในบริษัทก่อสร้างและปิโตรเคมีมูลค่าเหยียบหมื่นล้านยูโรนั้น แม้จะมีมูลค่าหุ้นส่วนอยู่เพียงสามเปอร์เซ็น แต่ก็สร้างความสนใจให้กับนิโคลาโยสไม่น้อยเลยทีเดียว

ดราโก้ลอบสังเกตใบหน้าของแต่ละคนในขณะที่สเตฟานอสอ่านพินัยกรรม เขาเห็นสีหน้าแปลกใจและไม่เข้าใจของอนาสเตเซีย รวมทั้งสีหน้าประหลาดใจและคาดไม่ถึงที่ดูเป็นธรรมชาติของกฤชยามที่ได้ยินว่าตนได้หุ้นส่วนเกือบทั้งหมดในกิจการหลักของคิโรส และเห็นประกายตาลุกโชนด้วยความโกรธเคืองชั่ววูบหนึ่งก่อนที่เจ้าตัวจะควบคุมไว้ได้ของนิโคลาโยส

เมื่อสเตฟานอสอ่านพินัยกรรมเสร็จก็ให้แต่ละคนที่มีชื่ออยู่ในพินัยกรรมเซ็นชื่อ

ผู้หมวดอลองโซ่มองดูแต่ละคนภายในห้องนั้นอย่างไม่เข้าใจ ในที่สุดก็อดรนทนไม่ได้ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

"ทำไมคุณคิริยาคอสถึงไม่ระบุชื่อภรรยาและบุตรชายของเขาในพินัยกรรมเลยล่ะ"

คำถามของไอวานครั้งนี้ไม่พลาดเป้า ตรงกันข้ามมันตรงกับใจของแทบทุกคนในที่นั้น หากแต่ละคนไม่ยอมเป็นฝ่ายเอ่ยปากถามออกมาก่อนให้เสียเชิง

อนาสเตเซียไม่ถามเพราะหยิ่งเกินกว่าจะถาม ความเป็นผู้ดีที่ต้องสำรวมกิริยาอาการนั้นแทรกซึมอยู่ทุกอณูสายเลือดเกินกว่าที่จะแสดงกิริยาที่ไม่งาม หรือความสนใจใคร่รู้อย่างออกหน้าออกตาต่อธารกำนัล

นิโคลาโยสไม่ถาม เพราะไม่มีชื่อตัวเองเกี่ยวข้องกับมรดก และเขายังได้เซ็นสัญญายินยอม ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัวของอนาสเตเซียไปแล้ว จึงไม่ควรแสดงออกถึงความสนใจใด ๆ ในมรดกของเธอให้ใครได้เห็น

กฤชไม่ถาม เพราะบางสิ่งที่เพิ่งรู้มาเกี่ยวกับลีย่า ซิออนดิส คิริยาคอส แม้อาจไม่ใช่เรื่องจริง แต่มันก็ทำให้เขาลังเลเกินกว่าจะสงสัยว่าเหตุใดลีย่าและลูกชายที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอดของเธอจึงไม่ได้รับอะไรเลย บางทีคิโรสอาจจะบังเอิญรู้อะไรมาเหมือนกันก็ได้

เขาคิดเล่น ๆ แต่แล้วก็ตกใจกับความคิดเล่น ๆ ชั่ววูบนั้นของตน

เป็นไปได้ไหมว่าคิโรสจะรู้อะไรมา

ดราโก้แอบเก็บข้อมูลจากสีหน้าที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน มันน่าแปลกจริง ๆ นั่นล่ะ คิโรสแจกเงินให้ทุกคนกระทั่งคนรับใช้ในบ้าน และแม้แต่พ่อบ้านก็ได้บ้านหนึ่งหลังพร้อมเงินเกษียณมากถึงสองแสนยูโร ทว่ากลับไม่คิดจะให้เงินภรรยาเลยแม้แต่เหรียญเดียว หากคุณนายคิริยาคอสไม่ได้สูญหายไป ดราโก้ก็เชื่อว่าเธอคงต้องตั้งทนายฟ้องคัดค้านพินัยกรรมอย่างแน่นอน

สเตฟานอส ขยับแว่นสายตาก่อนอธิบายขึ้นหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งราวกับต้องการเวลาเรียบเรียงคำพูด

"พินัยกรรมฉบับนี้เพิ่งเขียนขึ้นใหม่ต่อหน้าพยานซึ่งรวมตัวผมด้วย และไม่มีการเอ่ยถึงคุณลีย่า คิริยาคอสและทายาทในครรภ์ของเธอในพินัยกรรมฉบับนี้ ตัวผมเองก็ไม่ทราบถึงเหตุผลและไม่อยู่ในวิสัยที่จะสอบถามจากลูกความ"

"แปลว่ามีฉบับก่อนหน้านี้งั้นหรือครับ" ไอวานถามอีก

สเตฟานอสนิ่งคิดอยู่ครู่จึงตอบ

"ครับ ท่านมีพินัยกรรมเก่าแก่ที่ทำนานมากแล้ว กว่ายี่สิบปีโน่น ตั้งแต่สมัยที่ภรรยาเก่าของท่านยังมีชีวิตอยู่ และเพิ่งเปลี่ยนใหม่หลังจากที่ทราบว่าคุณลีย่าตั้งครรภ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้"

"และเมื่อเดือนเมษายนท่านก็มาหาผมที่สำนักงาน ขอเปลี่ยนพินัยกรรมใหม่และยกเลิกของเดิมทั้งหมด ผมก็ทำตามที่ท่านขอ ก็เพียงเท่านี้ครับ" สเตฟานอสอธิบาย

มาหาถึงสำนักงานที่เกาะซีโรสงั้นหรือ ดราโก้คิด คนระดับคิโรส คิริยาคอส น่าจะเป็นฝ่ายเรียกตัวสเตฟานอสไปหาเขาถึงที่บ้านมากกว่าจะเป็นฝ่ายเดินทางมาหาที่สำนักงานของนักกฎหมาย

เขากังวลว่าจะมีใครรู้เรื่องการเปลี่ยนพินัยกรรมของเขาอย่างนั้นหรือ เขามีเหตุผลอะไรจึงต้องระมัดระวังเรื่องการติดต่อกับสเตฟานอสเกี่ยวกับการทำพินัยกรรมใหม่มากถึงขนาดนั้น

ทั้งอนาสเตเซียและกฤชต่างก็กำลังครุ่นคิดในประเด็นเดียวกันกับสารวัตร พฤติกรรมของคิโรสแปลกไปกว่าที่เคยเป็นมากทีเดียว สมัยเด็กอนาสเตเซียจำได้ว่าสเตฟานอส ลูคาสเป็นฝ่ายไปพบบิดาของเธอทุกครั้งที่มีธุระด้านกฎหมาย เช่นพวกทรัพย์สินหรืออสังหาริมทรัพย์ใด ๆ ของคิโรสที่เพิ่งซื้อ จะซื้อหรือจะขายไป ทั้งการร่างสัญญา พิจารณาสัญญา การเซ็นชื่อซื้อ ขาย และโอนหุ้น รวมถึงเอกสารทรัพย์สินอื่น ๆ ตั้งแต่จำความได้อนาสเตเซียเห็นหน้าสเตฟานอสบ่อยเป็นหลายสิบครั้งที่บ้านของเธอ

สารวัตรลาซารอสปล่อยให้ผู้หมวดอลองโซ่ ผู้ช่วยของเขาเป็นฝ่ายตั้งคำถามไป ในขณะที่ตัวเขาเป็นฝ่ายแอบจับสังเกตทั้งสีหน้า คำพูด น้ำเสียงของทุกคน

ใช่! เป็นคำถามที่ดีทีเดียว ทำไมจึงไม่มีชื่อภรรยาและลูกชายซึ่งยังไม่เกิด และทำไมจึงมีการเปลี่ยนพินัยกรรมหลังจากที่เพิ่งเปลี่ยนใหม่ไปก่อนหน้านั้นเพียงชั่วเวลาสองเดือน

"คุณทนายลูคาส ผมจะขอดูพินัยกรรมฉบับก่อนหน้าทั้งสองฉบับเพื่อเปรียบเทียบกับฉบับนี้ได้มั้ยครับ บางทีอาจได้ข้อมูลประกอบการพิจารณาคดีของคุณนายคิริยาคอส" สารวัตรเอ่ยถาม

สเตฟานอส เขม้นมองสารวัตร "สารวัตรต้องมีหมายศาลมาครับ ไม่เช่นนั้นผมไม่อาจให้ได้"

ลาซารอสยิ้ม "ได้ครับ ผมจะรีบทำเรื่องผ่านอัยการโดยด่วน"