นกน้อยทำรังแต่พอตัว
บทที่ 1
ผมเป็นนกติ๊ดครับผม
ยามเหมันตฤดูมาเยือน ความหนาวเย็นน่าสะพรึงโหมกระหน่ำโรมรันไปทั่วบริเวณป่าชั้นในของเกาะอันดาที่ยามนี้แห้งแล้งไร้ซึ่งใบไม้เขียวขจีอย่างที่เคย ดินแดนที่ไร้ซึ่งผู้คน ฝูงสัตว์น้อยใหญ่ต่างอพยพหลบหนีไปจากดินแดนแห่งนี้เมื่อนานแสนนานมาแล้ว ด้วยบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงสุดขั้วในช่วงฤดูผันผวนของดาวบลูสกาย ดาวบลูสกายเป็นดาวในเขตการปกครองชั้นต่ำ บริเวณชายแดนทางเหนือของจักรวรรดิเคลาสเทียร์ ดาวดวงนี้ถือเป็นดาวตกสำรวจ หรือจะเรียกว่าไม่มีอะไรดึงดูดใจให้มาสำรวจก็เป็นได้ ด้วยอารยธรรมในปัจจุบัน การสำรวจจะทำเพื่อเสาะหาทรัพยากร หรือบุกเบิกดวงดาวใหม่ที่ยังไม่มีใครครอบครองหรือย่างกายมาก่อน แต่ดาวบลูสกายเป็นดวงดาวรกร้างที่เคยมีการดับสูญหลายครั้ง และเคยมีการอพยพย้ายถิ่นฐานเมื่อหลายพันธุ์ปีก่อน ว่ากันว่าเผ่าพันธุ์ดั้งเดิมเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีรูปลักษณะภายนอกใกล้เคียงกับชาวดาวเคลาสเทียร์ในปัจจุบัน บางคนก็เชื่อกันว่าพวกเขาอาจเป็นบรรพบุรุษของชาวเคลาสเทียร์บางส่วนด้วย
ณ เวลานี้ดาวบลูสกายแห่งนี้มีเพียงสัตว์เท่านั้นที่อาศัยอยู่อย่างเบาบาง และมีเพียงนกบางชนิดที่กลับมายังป่าแห่งนี้บ้างเป็นครั้งคราวยามวสันต์มาเยือน แต่ครานี้ท่ามกลางหิมะหนาแสนหนาวเหน็บกลับมีเจ้านกติ๊ดสีขาวตัวน้อย ที่มีลวดลายบริเวณดวงตากลมโตเป็นสีดำแปลกตา เดินเตาะแตะ ไม่ยอมใช้ปีกบินเช่นนกตัวอื่น ๆ สร้างความประหลาดใจให้ผู้คนที่พบเห็นไม่น้อย ติดตรงที่ ณ ป่าแห่งนี้ นอกจากนกน้อยตัวจิ๊ว ก็ไม่มีผู้ใดอีก คงไม่ต้องกลัวผู้ใดมาครหาเรื่องที่เป็นนก กลับเดินมากกว่าบินเป็นแน่
แต่ใช่ว่าเจ้านกน้อยจะไม่พยายามโผบิน เพียงแต่นี่ก็นับเป็นอีกครั้งที่นกน้อยจางเฉี่ยนผู้โดดเดี่ยว ณ ป่าแห่งนี้ ล้มเหลวกับการฝึกบิน ปีกน้อย ๆ ตกกระแทกพื้นเข้าอย่างจังครั้งแล้วครั้งเล่าจนเกิดแผลถลอกตามตัวนับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้นเจ้านกน้อยก็ทำได้เพียงข่มความเจ็บปวดแหงนหน้ามองท้องฟ้าด้วยความเศร้าใจในโชคชะตาแสนอาภัพของตน
แม้จะพยายามสักเท่าใด ปีกน้อย ๆ นี้ ก็เหมือนจะไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้เพียงนิด แล้วจะทำเช่นไรได้เล่า นอกจากถอดถอนใจ และพยายามต่อไปเท่านั้น เพราะหากเขายังไม่รีบบินให้ได้เร็ว ๆ ละก็ คงไม่วายอดตายเป็นแน่ วัฏจักรชีวิตมักจะโหดร้ายกับผู้ที่อ่อนแอเสมอ
ก่อนหน้านี้หนึ่งสัปดาห์จางเฉี่ยนเป็นเพียงนักศึกษาของสถาบันการศึกษาอคาเรียธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่กำลังเดินทางข้ามดวงดาวไปฝึกงานกับนักวิจัยชื่อดังอย่างดอกเตอร์ เกรย์ ฮิวสตัน นักวิจัยเรื่องสัตว์อสูรวิญญาณผู้โด่งดัง ที่จางเฉี่ยนเป็นแฟนคลับอยู่ แต่แทนที่จะถูกส่งไปยังดาวกรีนวิชตามกำหนดการเดิมที่ได้รับมา กลับถูกส่งมาอยู่ดาวกันดารดวงนี้เสียได้ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าเป็นคำสั่งของดอกเตอร์เกรย์ที่ต้องการให้จางเฉี่ยนมาสำรวจที่ดาวดวงนี้เพื่อทำวิจัยต่อไป เจ้านกน้อยรอแล้วรอเล่า รอมาเป็นอาทิตย์ก็ยังไร้การติดต่อจากดอกเตอร์ เกรย์ แถมชีวิตเจ้ากรรมเหมือนเล่นตลก พลังสัตว์อสูรวิญญาณดันมาตื่นในตอนที่ไม่มีใคร แถมยังเป็นแค่นกติ๊ดตัวจิ๋วเท่านั้น คงต้องรออีกสักพักถึงจะกลายร่างเป็นคนเช่นเดิมได้
จางเฉี่ยนซุกหน้าลงกับหิมะขาวหางชี้ขึ้นฟ้าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ระหว่างครุ่นคิดไว้อาลัยให้กับชีวิตแสนเศร้าของตนเอง เมื่อ 1 ปีก่อน เพราะพ่อแม่เสียไปตั้งแต่อายุ 5 ขวบ จางเฉี่ยนจึงตกไปอยู่ในความดูแลของลุงที่คนขึ้นมาเป็นผู้ดูแลตระกูลแทนคุณปู่ที่ชราลง ตระกูลจางเฉี๋ยนเป็นตระกูลเก่าแก่สืบทอดสายเลือดผู้มีพลังสัตว์อสูรวิญญาณที่แข็งแกร่งมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่เมื่อเติบโตมากลับไล่พลังของสัตว์อสูรวิญญาณ รอจนจางเฉี่ยนอายุได้ 18 ปี ก็ยังคงไม่มีพลังสัตว์อสูรวิญญาณ เหมือนคนอื่น ๆ ในตระกูลเสียที แถมพี่ชายที่เรียกได้ว่าเป็นญาติเพียงคนเดียวของตนก็ยังหายสาบสูญ จางเฉี่ยนน้อยผู้ไร้ญาติขาดมิตรจึงถูกไล่ออกจากตระกูล ผู้คนในตระกูลที่หวังเห็นสภาพน่าสังเวรของเขากลับหารู้ไม่ว่าในตอนนั้นเจ้าเด็กน้อยที่พวกเขาสังเวชจะรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้ออกจากตระกูลบ้า ๆ นี่ไปเสียที เพราะมีความฝันที่อยากจะเป็นนักวิจัยเหมือนเช่นพ่อ แม่ ถึงขั้นไปเปลี่ยนชื่อจะได้ตัดขาดจากตระกูลได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะลำบากหน่อยที่ไม่มีเงินก็ตามที ส่วนสิ่งที่นำติดตัวออกมาจากตระกูลได้ก็มีเพียงงานวิจัยของพ่อและแม่ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ในจี้ห้อยคอของจางเฉี่ยน ไม่งั้นแม้แต่งานวิจัยพวกนี้คนในตระกูลพวกนั้นก็คงเอาไปเช่นเดียวกับมรดกอื่น ๆ ที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้จางเฉี่ยนกับพี่ชายเป็นแน่
เฮ้อ ชีวิตนี่มันช่างน่าเหนื่อยใจจริง ๆ
กลับมาสู่สภาพปัจจุบันของนกน้อยจางเฉี่ยน แล้วทำไมพอได้มีพลังสัตว์อสูรวิญญาณกับเขาทั้งที ทำไมไม่เป็นสัตว์ตัวใหญ่ ๆ ละโว้ย มาเกิดเป็นนกประหลาด ๆ แบบนี้ทำไมกันเนี่ยยย...
ในตอนแรกที่นกน้อยได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองมีพลังสัตว์อสูรวิญญาณ สามารถกลายร่างเป็นสัตว์ได้ก็กระโดดโลดเต้นด้วยความลิงโลดว่าอย่างน้อยตนก็มีพลัง จะได้ไม่ถูกพวกเพื่อนที่อคาเรียค่อนแคะว่า เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา ริอยากจะเป็นนักวิจัยสัตว์อสูรวิญญาณ หวังสูงเกินไปหน่อยมั้ง แม้จะไม่ได้มีการห้ามหรือกีดกันมนุษย์ธรรมดาในด้านการศึกษา แต่ก็ยังคงมีการแบ่งแยกทางด้านจิตใจอยู่มากทีเดียว ยิ่งจางเฉี่ยนทำอันดับในสถาบันได้ค่อนข้างดีตั้งแต่ตอนเข้าเรียน ก็ยิ่งมีคนไม่ชอบมากเท่านั้น
เฮ้อ...ชีวิตจะมีเรื่องดี ๆ สักครั้งได้มั้ยเนี่ย
นกน้อยยกร่างตนเองขึ้นมาจากหิมะ เอาเถอะไหน ๆ ก็ไหน ๆ มาลองกันอีกสักตั้ง สงสัยชาติก่อนกินไก่เยอะเกินชาตินี้ถึงได้มาเกิดเป็นนก ที่บินไม่ได้แบบนี้ หรือไขมันของเขามันจะข้ามชาติตามมาด้วยนะ ไม่ได้การต้องรีบออกกำลังกายลดหุ่นซะแล้ว
นกน้อยตัวกลมทำท่าทางประหลาดเด้งขึ้นเด้งลง หวังลดน้ำหนักตัวลงแต่กลายเป็นจะหน้ามืดเสียก่อน ดินแดนเหมันต์แห่งนี้ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน แถมนกตัวนี้กินอะไรเป็นอาหารได้บางก็มิอาจรู้ได้ แต่ตนไม่ยอมกินไส้เดือนเป็นอาหารแน่ แต่ถ้าไม่มีอะไรกินจริง ๆ จะยอมกินก็ได้...
ดินแดนเหมันต์ที่เงียบสงบไร้แววของเผ่าพันธุ์อื่น นอกจากจางเฉี่ยน อยู่ ๆ ก็เกิดเสียงแตกฮือของฝูงนกทั่วทั้งบริเวณ เหล่านกน้อยใหญ่บินแตกฮือออกจากรังพร้อมกับเสียงร้องแตกตื่นอย่างวุ่นวายอลหม่านผิดวิสัยของนกแทบนี้ เจ้านกน้อยจางเฉี่ยนพยายามกระพือปีกบินตามกระแสของนกเหล่านั้น แต่ก็ไร้ค่า เพียงพริบตาเดียวความอลหม่านเมื่อครู่ก็สงบลงพร้อมกับฝูงนกทั่วทั้งผืนป่าที่บินจากไปอย่างกะทันหัน
ป่าเหมันตฤดูแห่งนี้ยามปกตินั้นเงียบสงบราวกับไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใด ๆ คราวนี้กลับเงียบจนคนฟังรู้สึกวังเวง ความอ้างว้างนี่มันอะไรกัน เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนป่าแห่งนี้นอกจากตนแล้ว ไม่มีผู้อื่นอีก แม้กระทั่งแมงมุมที่สร้างรังรวมตัวกันมากมายเพื่อหนีหนาว กลับทิ้งรังไปไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว
...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ทำไมไม่มีใครอยู่เลยละ มันแปลกเกินไปแล้ว...
จางเฉี่ยนพยายามจินตนาการถึงร่างมนุษย์ของตนเอง ออกแรงเบ่งพลังเพื่อกลายร่าง นี่เป็นวิธีกลายร่างที่นกน้อยเรียนรู้ได้โดยบังเอิญ แต่ก็ออกจะยากหน่อย ๆ นะ ถ้าปวดท้องจะขี้ออกมาด้วยไหมนะ เบ่งขนาดนี้
นกน้อยที่บัดนี้กลายร่างเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้ม ผมสีดำเงา ผิวขาวกระจ่างใส น่ารัก ไม่ว่าจะอยู่ในร่างนกติ๊ดตัวน้อย หรือร่างมนุษย์ก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก ด้วยในวัยของรูปร่างที่ปรากฏอยู่นี้ก็ถือว่าเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่าปกติอยู่บ้าง
...นี่สินะ เหตุผลที่พอมีพลังสัตว์อสูรวิญญาณทั้งทีกลับเป็นนกพันธุ์เล็ก เพราะตัวเล็กมาตั้งแต่ตอนเป็นมนุษย์แล้ว...
สองขาก้าวเดินย่ำไปบนหิมะหนาอย่างระแวดระวังป่าเหมันต์ที่ไร้ซึ่งผู้คนแห่งนี้ มิได้ปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย เมื่อป่าแห่งนี้เป็นที่ซ่องซุ่มอย่างดีของเหล่าสัตว์อันตรายที่แม้จะมีสัตว์อาศัยอยู่น้อยแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่เลย
สองเท้าก้าวเดินไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ แม้จะอยากกลับให้ถึงบ้านพักโดยเร็วแต่จากเหตุการณ์ฝูงนกแตกฮือเมื่อครู่ก็อดทำจางเฉี่ยนระแวดระวังมากกว่าเดิมไม่ได้ ร่างเล็กค่อย ๆ เดินไปตามทางที่คุ้นเคยเรื่อย ๆ อีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงบ้านหลังน้อยที่เขาใช้หลบหนาวและซุกหัวนอนแล้ว
ก้าวแล้ว ก้าวเล่า จนเท้าบางสัมผัสเข้ากับบางสิ่งที่ให้สัมผัสลื่น ๆ ประหลาดเท้า ต่างจากพื้นหิมะนุ่มเย็น จางเฉี่ยน ก้มลงมองสิ่งที่ตนกำลังเหยียบด้วยใจที่หวาดหวั่น ใต้ฝ่าเท้าของนกน้อยในร่างมนุษย์ปรากฏสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าลูกหมาชิวาว่า ตัวสีดำด้าน หายใจหอบถี่ด้วยความยากลำบาก บริเวณท้องมีบาดแผลใหญ่ที่ยังคงมีเลือดสีแดงขุ่นคล้ายยางไม้ ไหลออกมาจนหิมะขาวค่อย ๆ แปลเปลี่ยนเป็นสีแดงของเลือดสัตว์
"!?"
จางเฉี่ยนก้มลงอุ้มเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตรงหน้าเข้าแนบอก อย่างอดสงสารไม่ได้ ก่อนออกวิ่งกลับบ้านพักหลังเดียวบนดาวดวงนี้ของตนด้วยความเร็ว เนื่องกลัวว่าผู้ที่ทำร้ายเจ้าตัวน้อยจะยังคงอยู่แถวนี้ ลมหายใจที่โรยรินของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยตรงหน้าสร้างความเจ็บปวดให้กับจางเฉี่ยนผู้เป็นคนรักสัตว์อย่างถึงที่สุด
…ใครกันมันช่างกล้าทำกับสัตว์ตัวเล็กเท่าลูกหมาเช่นนี้ได้ คอยดูนะถ้าเจอพ่อจะตีให้ แต่อย่าเจอเลยนะ เค้าไม่สู้คน…
จางเฉี่ยนอุ้มเจ้าสัตว์ตรงหน้ากลับบ้านหลังน้อยที่ซุกหัวนอนของตน วางเจ้าตัวน้อยลงบนเตียงแคบขนาดสามฟุต อย่างเบามือ ลงมือค้นหาหินพลังงานเวทที่มีเวทรักษาแฝงอยู่ที่นำติดตัวมาด้วยเผื่อกรณีฉุกเฉิน ในยุคแห่งสหพันธ์ดวงดาวพลังงานต่าง ๆ ล้วนมาจากหินพลังงานเวทที่จะมีคุณสมบัติต่าง ๆ กันไป โดยหินพลังงานเวทจะสามารถหาได้จากการขุดเหมือง แต่ด้วยปริมาณของหินพลังงานเวทในปัจจุบัน ส่งผลให้มีราคาที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากทรัพยากรที่มีจำกัดมากขึ้นทุกที หินที่จางเฉี่ยนพกมาก็เป็นเพียงหินพลังงานเวทระดับต่ำที่เขาพอจะหาซื้อได้จากเงินเก็บอันน้อยนิดเท่านั้น และเพื่อช่วยเจ้าตัวน้อยตรงหน้า ตนก็ไม่ห่วงหินพลังเวทเลยแม้แต่น้อย หวังว่าเจ้าตัวเล็กจะหายดีโดยเร็ว เมื่อหินพลังงานเวทเริ่มทำงานบาดแผลตามตัวของมังกรน้อยก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับแต่ด้วยระดับของหินพลังเวทระดับต่ำ แต่บาดแผลค่อนข้างรุนแรงคงจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์แผลจึงจะหายสนิท แม้หินพลังงานเวทจะสามารถรักษาบาดแผลตามร่างกายได้ แต่ไม่อาจฟื้นฟูพลังวิญญาณในร่างกายได้ และเพราะสูญเสียพลังไปมากแม้แผลภายนอกจะดูดีขึ้น แต่ก็ส่งผลให้เจ้าของร่างน้อยบนเตียงซอมซ่อยังคงหลับใหลด้วยความเหนื่อยล้า และอ่อนแรง แต่แค่นี้ก็ทำให้จางเฉี่ยนวางใจไปได้เปาะหนึ่ง
นกน้อยในร่างมนุษย์จ้องมองพินิจพิเคราะห์สัตว์ตัวน้อยตรงหน้า ที่มีรูปร่างหน้าตาต่างจากสิ่งมีชีวิตที่เขาเคยพบเจอมาในชีวิตนี้
เจ้าตัวเล็กทั่วทั้งตัวมีสีดำด้านคล้ายหินออบซิเดียน มีสี่ขา อุ้งเท้าอวบทุกข้างมีกรงเล็บน้อย ๆ พุบเข้าออกได้เหมือนอุ้งเท้าแมว มีเกล็ดสีดำตามตัว มีปีกสองข้างอยู่บนหลังคล้ายกับปีกค้างคาว ขนาดตัวเล็กเท่าหมาชิวาว่า แต่กลับดูอ้วนกลมน่ารัก น่าชัง
...นี่มัน เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ...
จางเฉี่ยนรู้สึกคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของเจ้าสัตว์ชนิดนี้เป็นอย่างมาก อยู่ ๆ ในสมองน้อย ๆ ของจางเฉี่ยนก็ปรากฏภาพสัตว์หายากที่น่าจะสูญพันธ์ไปแล้ว
...นี่ นี่มันมังกรจิ๋วย่อส่วนนี่บ้าไปแล้ว...
จางเฉี่ยนรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย แค่อยู่ ๆ พลังสัตว์อสูรวิญญาณตื่นขึ้นมาแล้วเป็นแค่นกติ๊ด ยังพีคไม่พออีกหรอ ยังจะมีมังกรอีกคุณพระ แล้วแบบนี้เขาจะทำยังไงกับเจ้ามังกรตัวน้อยบนเตียงเก่า ๆ ของเขาดีละเนี่ย
----
จางเฉี่ยน: ฝากตัวด้วยคับ