webnovel

บทที่ 2 นรสิงห์

นักธุรกิจหนุ่มวิ่งหนีอย่างไร้ทิศทาง อยากจะไปให้พ้นจากเรื่องบ้า ๆ ที่เกิดขึ้น เพียงแต่ตัวเองมาที่นี่ได้ยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งไม่รู้ว่าจะออกจากป่าได้อย่างไร

"มีใครอยู่ไหม?! มีใครอยู่บ้าง?!"

ตะโกนถามอย่างสิ้นหวัง ได้ยินเสียงตอบรับเป็นเพียงเสียงลมพัดแผ่ว ใบไม้กรีดกันดังเบา ๆ แม้จะเต็มไปด้วยความร่มรื่น แต่จิตใจของชายหนุ่มกลับร้อนยิ่งกว่าถูกไฟเผา

วิ่งหาทางออกไปทั่ว สุดท้ายก็หลงหนักกว่าเดิม ธันน์ทรุดนั่งที่ใต้ต้นไม้อย่างท้อแท้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อราวน้ำตก

'กูมาที่นี่ได้ไงวะ?'

เฝ้าถามตัวเองในใจ พยายามทวนความทรงจำหวนนึก จำได้ว่าเขาไปให้คนที่เรียกว่า 'พ่อหมอ' ทำพิธี จากนั้นตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ที่นี่แล้ว

"ไม่น่าเลย..."

เจ็บใจที่หลงเชื่อพวกใช้ไสยเวท ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเสียเปล่า ๆ ยังสงสัยว่าที่เขาเห็นตอนนี้เป็นภาพมายาหรือเรื่องจริงก็ไม่รู้ หากกำลังฝันก็ขอให้ตื่นจากฝันบ้า ๆ นี่เสียที

แต่รอแล้วรอเล่าทุกอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีการตื่นหรือเกิดปาฏิหาริย์ใดทั้งสิ้น ที่สำคัญ แหวนอาถรรพ์ที่ตนเองได้มายังสวมอยู่ที่นิ้วชี้ขวา หรือว่าที่พ่อหมอบอกว่ามันเป็นของเขาคือเรื่องจริง

แสงอาทิตย์อัสดงพ้นขอบฟ้า ราตรีแห่งหิมพานต์แดนพนาเข้ามาเยือน ดวงจันทร์แม้ฉายแสงสุกสกาว แต่ยังไม่งามเท่าแสงรัศมีที่ฉายลงมาจากยอดเขาพระสุเมรุ[1]ซึ่งสูงเสียดฟ้าไม่เห็นยอด ส่องประกายเป็นสีสันต่าง ๆ สาดทั่วผืนพนา เพิ่มความงามยามราตรีของแดนสัตว์วิเศษ

แต่ธันน์ไม่มีอารมณ์จะใส่ใจต่อความงดงามของป่าลี้ลับ เนื่องจากท้องร้องประท้วงต้องการอาหาร ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก พยายามนึกถึงเส้นทางที่วิ่งมา อย่างน้อยกลับไปดื่มน้ำในบึงประทังหิวก็ยังดี

จึงลุกขึ้นจากใต้ต้นไม้ใหญ่ มองหารอยเท้าของตนเองที่ทิ้งไว้ แม้จะเป็นค่ำมืดยามราตรี ยังดีที่แสงรัศมีจากเขาพระสุเมรุส่องลงมาพอให้เห็นทาง

เดินไปสักพักก็ได้ยินเสียงคำรามทุ้มต่ำ ธันน์หยุดชะงักหันมองรอบตัว แต่ก็ไม่พบอะไร

เสียงนั้นเข้ามาใกล้ หนุ่มนักธุรกิจเริ่มใจคอไม่ดี ขณะที่จะหันหลังก้าวเท้าหนี พลันมีเงายักษ์กระโจนออกมาจากหลังต้นไม้

"เฮ้ย!"

สิงห์ตัวใหญ่เท่าโค ผิวสีเหลืองเหมือนไม้ใบแห้ง สายตาดุร้ายอำมหิต โถมใส่เขาราวกับพายุกระโชก

ธันน์เห็นว่าหนีไม่ทันแน่ จึงย่อตัวกลิ้งกายหลบตามสัญชาตญาณ เมื่อเท้าทั้งสี่ของสิงห์เหลืองสัมผัสพื้น มันก็หันหาธันน์อย่างว่องไว

"ช่วยด้วย ช่วยด้วย!"

ชายหนุ่มร้องสุดเสียง ประคองกายลุกขึ้นรีบวิ่งหนี ทว่าสิงห์ยักษ์คำรามเสียงดุดัน เท้าทั้งสี่สะกิดผิวดิน พุ่งหาเหยื่ออย่างแม่นยำ

ธันน์รู้ตัวดีว่าหนีไม่พ้นแน่ จึงหันกายไปสู้ แต่ยังไม่ทันได้สวนกลับ ขาหน้าของสิงห์เหลืองก็กดหน้าอกเขาล้มลง แผ่นหลังกระแทกพื้นอย่างรุนแรง

"โอ๊ย!"

น้ำหนักสัตว์ป่าตัวนี้ช่างมากเหลือเกิน แม้จะดิ้นสุดแรงก็ไม่อาจสลัดพ้น สิงห์เหลืองคำรามแยกเขี้ยวขู่ มองเหยื่อซึ่งอยู่ใต้อุ้งเท้าด้วยความพึงพอใจ ปากกัดลงที่คออีกฝ่าย หมายปลิดชีพให้สิ้นฤทธิ์

ด้วยความต้องการเอาชีวิตรอด ธันน์จึงยกหมัดขวาต่อยหน้ามัน แต่หมัดยังไม่ทันสัมผัสถูกตัว เพชรจากแหวนนพเก้าก็เปล่งแสงเป็นสีสันต่าง ๆ ถึงเก้าสีในเวลาเดียวกัน สาดแสงสว่างจ้าทั่วหิมพานต์ในเวลาอึดใจ

แผ่นดินสั่นสะเทือนเล็กน้อย ท้องฟ้าร้องครืนครัน เสียงนกกาแตกตื่นบินหนีจากรังที่อาศัย สัตว์ป่าบริเวณนั้นร้องระงมเสียงสับสน บ้างวิ่งหนี บ้างมุดเข้าไปในรังอย่างหวาดกลัว

สิงห์เหลืองตกใจรีบกระโดดถอย ธันน์เองก็ตกใจไม่แพ้กัน เขามองแหวนในมือด้วยความอัศจรรย์ มันช่วยให้เขารอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์

แหวน...แหวนนี้...

เหมือนกับคุ้นเคยมาเนิ่นนาน เหมือนเขาเคยใช้พลังของมันมาแล้ว

สิงห์เหลืองยังมองธันน์ด้วยสายตาที่กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายทำอะไร แม้จะรู้สึกหวาดกลัวคิดหนี แต่ก็เสียดายเหยื่อที่ไร้เรี่ยวแรง

"ไป ไปซะ!"

ธันน์ตวาด เจ้าสิงห์ก้าวเท้าถอยสองก้าว ชายหนุ่มพยายามโบกมือข้างที่มีแหวนเพื่อข่มขู่

"ไป กูบอกให้ไปไง!"

สิงห์เหลืองหยุดท่าทีดุร้าย แต่มันพลันเงยคอคำรามเสียงกังวาน นักธุรกิจหนุ่มสงสัยมากว่ามันทำอะไร

ไม่นานก็ได้คำตอบ เมื่อได้ยินเสียงคำรามตอบรับดังมา ธันน์ฉุกคิดได้ถึงอะไรบางอย่าง

"แย่...แย่แล้ว!"

หน้าซีดเผือดเหมือนซากศพ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว สิงห์เหลืองตัวใหญ่เท่าโคเต็มวัยอีกสามตัวมาสมทบ หนุ่มวัยยี่สิบห้าไม่ต้องคิดมากหันหลังวิ่งเตลิด

พวกสิงห์มีฝีเท้าเร็วยิ่งกว่า กระจายกำลังล้อมธันน์จากสี่ทิศอย่างรวดเร็ว ใช้แผนล่าเหยื่อของฝูง ไม่เหลือที่ให้เขาหนีได้อีก

สิงห์ตัวหนึ่งคำรามส่งสัญญาณ พวกมันกระโจนเข้าหาเหยื่อพร้อมกัน ธันน์รีบยกมือป้องศีรษะ ภาวนาให้แหวนสำแดงปาฏิหาริย์อีกครั้ง

แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...

ขณะที่สิงห์ทั้งสี่เข้ามาถึงตัวเขา พลันมีเงาสีทองพุ่งวาบออกจากดงไม้ เงานั้นเหวี่ยงหมัดด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองทัน ต่อยสิงห์สี่ตัวกระเด็นไปคนละทิศทาง

อีกครั้งแล้วที่หนุ่มนักธุรกิจรอดชีวิต ขณะที่จะเอ่ยขอบคุณผู้ช่วยเหลือกลับต้องอุทานด้วยความตกใจ

เพราะที่ธันน์เห็น คือบุรุษผู้มีผิวกายสีทอง ตัวสูงใหญ่กว่าเขาเกือบครึ่งเท่า มีแขนมากถึงสี่แขน ที่สำคัญมีใบหน้าเป็นสิงโต หางยาวกวัดแกว่งไปมา

"นรสิงห์!"

เอ่ยเรียกเสียงดัง ก้าวเท้าถอยด้วยความกลัว นรสิงห์ตนนี้เหมือนกับที่เขาเคยเห็นที่หน้าห้องไม่ผิดเพี้ยน

นรสิงห์จ้องหน้าธันน์ เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ

"เจ้า...นวเรศ"

"ห๊ะ?"

ยังไม่ทันหายสงสัยก็ได้ยินเสียงลมพัด สิงห์สี่ตัวกระโจนเข้ามาพร้อมกัน ธันน์ร้อง

"ระวัง!"

นรสิงห์ผู้มีกายทองหันขวับ อ้าปากเผยเขี้ยวแหลมส่องประกายเป็นแสงเพชร เปล่งคลื่นเสียงดังกัมปนาท แม้แต่ฟ้าร้องคำรามก็ยังไม่ดังเท่า ธันน์รู้สึกเจ็บแก้วหูราวกับเยื่อจะฉีก รีบยกมืออุดหูทันที

คลื่นเสียงซัดสิงห์เหลืองทั้งสี่ปลิวว่อนดุจกระดาษบาง ร่างพวกมันกลิ้งทอดกับพื้น พากันลุกขึ้นวิ่งหนีสภาพไม่ต่างจากสุนัขพ่ายศึก

หัวใจธันน์เต้นแรงจนไม่รู้ว่าจะแรงกว่านี้ได้อย่างไร เรื่องที่เจอทำให้เขาแทบเสียสติ

"เจ้ามาจนได้"

นรสิงห์กางกรงเล็บคว้าคอธันน์และยกร่างเขาลอยขึ้น ธันน์อึดอัดแทบหายใจไม่ออก

"ปล่อย...ปล่อยนะ..."

พยายามเค้นเสียงสั่ง และระดมหมัดต่อยใส่หน้าอกอีกฝ่ายซึ่งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กหนา นรสิงห์ไม่รู้สึกรู้สา เอ่ยเสียงเย็นชา

"เจ้ากล้าดียังไงถึงกลับมาที่นี่"

"ฉันไม่ใช่นวเรศอะไรของนาย ปล่อยนะเว้ย ปล่อย"

"นาย?" มนุษย์สิงโตทวนคำ ไม่ค่อยเข้าใจภาษานัก

"ฉันบอกว่าฉันไม่ใช่นวเรศ นายจำคนผิดแล้ว"

นรสิงห์ไม่เข้าใจคำว่า 'ฉัน' กับ 'นาย' เท่าใดนัก แต่มันพอจะจับใจความได้จากคำอื่น

"ข้าไม่ได้จำผิด"

กรงเล็บอันแข็งแกร่งบีบแรงขึ้น ธันน์แทบหายใจไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงค่อกแค่กในลำคอ

หากเพิ่มกำลังอีกนิด ธันน์คงต้องตายใต้เงื้อมมือมัน แต่เมื่อเห็นสีหน้าอันเจ็บปวดของอีกฝ่าย มนุษย์เศียรสิงโตกลับทำไม่ลง

ตุบ!

ร่างถูกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี นรสิงห์มองธันน์ซึ่งกำลังหอบหายใจด้วยแววตาราบเรียบดุจกระจก ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

ทว่าสายตามันเหลือบเห็นแหวนเพชรที่อยู่ในมืออีกฝ่าย พลันอุทานเบา ๆ

"เพชรนพเก้า"

ธันน์สงสัย

"แกก็รู้จักเหรอ?"

ขณะที่นรสิงห์จะตอบ พลันเกิดลมกระโชกแรงพัดมา ไม่ต่างจากบรรยากาศก่อนฝนตกพายุเข้า เศษดินเศษหญ้าปลิวกระจาย แผงคอมนุษย์สิงโตพลิ้วไสว

คิ้วทองของนรสิงห์ขมวดเข้าหากัน มือหยาบคว้าเอวธันน์มาแนบตัว

"ทำอะไร?! ปล่อยกูนะ!" ธันน์ร้อง

"มันมาแล้ว" นรสิงห์พึมพำ

เท้าทั้งสองถีบพุ่งไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยความไวปานจักรผัน ทิ้งต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่าไว้ด้านหลัง พาหนุ่มวัยยี่สิบห้าไปยังถ้ำแห่งหนึ่ง

ตุบ!

ร่างธันน์ถูกโยนลงพื้นอีกครั้ง คราวนี้พื้นถ้ำเป็นหินจึงเจ็บปวดไม่น้อย

"ทำไมต้องโยนด้วยวะ วางลงดี ๆ ไม่ได้หรือไง!"

"เจ้าอ่อนแอลง"

พูดเหมือนกับรู้จักเขามาก่อน แต่ธันน์มั่นใจว่าไม่รู้จักนรสิงห์ตนนี้แน่ แต่เมื่อได้ยินคำดูถูก เขาก็มีโทสะไม่ยอมแพ้

"ฉันไม่ได้อ่อนแอ แต่ใครมันจะไปสู้กับไอ้ตัวอย่างนั้นได้วะ"

มนุษย์ครึ่งสิงโตแค่นเสียง

"นี่น่ะรึมิอ่อนแอ แค่บัณฑุราชสีห์[2]ยังสู้มิได้ ฤทธิ์เจ้าด้อยลงไปมาก"

"ก็ฉันเป็นคน ไม่ใช่...ไม่ใช่สิงโตอย่างแก แล้วก็ไม่ใช่นวเรศอะไรนั่นด้วย"

"เจ้าน่ะหรือมิใช่ มิว่าจักเป็นใบหน้าหรือนัยน์ตาก็ยังคงเดิมมิผิดเพี้ยน"

"แกจำคนผิด"

นรสิงห์โค้งร่างสูงใหญ่ลงมา ใช้ปลายจมูกสูดดมผิวกายจากชายหนุ่ม

"มิผิดดอก กลิ่นกายเจ้ายังคงเดิมเฉกเช่นกัน"

เป็นหมาหรือไง?...ธันน์คิดใจในแต่ไม่กล้าพูด หากเขาขืนทำซ่าปากพล่อย มีหวังถูกฆ่าแน่

"แล้ว...นวเรศที่แกว่า เขาเป็นใคร?"

นรสิงห์ไม่ตอบ แต่จ้องหน้าธันน์ด้วยสายตาแปลกประหลาด ตัวธันน์เองก็อธิบายไม่ถูกว่ามันคือความรู้สึกอะไร

"เจ้าจำมิได้จริง ๆ ?"

หนุ่มคิ้วคมส่ายหน้า "ไม่สักนิด"

เมื่อดูการแต่งกาย นรสิงห์พบว่าอีกฝ่ายแต่งกายแปลกไป เสื้อนอกแขนยาวสีดำสวมทับเสื้อด้านในสีขาว กางเกงสีดำเนื้อผ้าประหลาด รองเท้าหุ้มซึ่งไม่เคยเห็นจากแห่งไหน รวมทั้งคำเรียกและภาษาพูดที่เปลี่ยนไป ทำให้นรสิงห์ฉุกคิดได้

"เจ้าเกิดในมนุษย์ภพแล้ว"

"อะไรนะ?" ธันน์เลิกคิ้วด้วยความสงสัย

ทว่านรสิงห์กลับเอียงคอเหมือนเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง สักพักจึงเอ่ย

"เสียงลมเงียบสงบ มันไปแล้ว"

"ใครไป?"

"ไชยสรวง (ผู้มีชัยเหนือสวรรค์) ครุฑที่ตามล่าเจ้า"

"ครุฑ!"

นรสิงห์พยักหน้า

"แม้เจ้าจักไปเกิดในมนุษย์ภพ แต่มันก็สาบานเอาไว้ หากไม่ได้ตัวเจ้า มันจักมิเลิกจองล้างจองผลาญแน่"

ภายในจิตใจชายหนุ่มหนักอึ้งด้วยความกังวล นี่เขาไปทำอะไรไว้กันแน่?

----- จบตอน -----

ปริศนามาเต็ม ไม่รู้ว่านายเอกตัวแสบเราไปทำอะไรไว้ แต่บอกเลยว่าแสบสุด ๆ ใครชอบส่งกำลังใจให้ด้วยเน้อ สงสัยหรืออ่านแล้วงงก็บอกกันมาได้นะ ติชมกันเต็มที่เลย

[1] เขาพระสุเมรุ - ภูเขาซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่าเทวดาและถือว่าเป็นสวรรค์ด้วย

[2] บัณฑุราชสีห์ (บัน-ดุ-ราช-ชะ-สี) หนึ่งในสี่สิงห์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งป่าหิมพานต์ มีผิวเหลืองลายพาดกลอน ตัวใหญ่เหมือนวัว ล่าเนื้อเป็นอาหาร