ตอนที่ 9 การตอบโต้อย่างสุภาพชน
ณ คฤหาสน์ดวงดาว
ปรากฏชายสองคนที่อยู่ในสถานที่ที่มองเห็นกระแสคนเข้าออกอย่างชัดเจน
ภายในคฤหาสน์ปรากฏชายวัยกลางคนในชุดสุภาพกำลังเดินวนไปมาอย่างกระวนกระวายใจ พร้อมชายวัยกลางคนอีกคนที่อยู่ข้างๆ แต่ดูสงบนิ่งกว่ามาก
“พี่ใหญ่ ไฉนถึงไม่มีข่าวคราวจากหลิวอันเลยล่ะ?”
“เป็นไปได้หรือไม่ว่าชายร่างกำยำนั้นจะถูกรักษาเย่ฮานสำเร็จแล้ว?”
คนที่กำลังพูดอยู่คือชายที่กำลังเดินวนไปมาอย่างกระวนกระวายใจรอบๆหวังตงไห่ เขาเป็นน้องชายของหวังตงไห่ และยังเป็นนักหลอมโอสถเช่นกัน ส่วนอีกคนที่ดูสงบนิ่งนั้นคือหวังตงไห่นั่นเอง
“ตงหยาง เจ้าสงบสติอารมณ์ก่อน ความสามารถของเย่ฮานมันก็ไม่ได้มากมายจนถึงขนาดสามารถรักษาพิษเหล่านั้นได้ พวกเรามานั่งรอข่าวดีได้เลย”
“พี่ใหญ่ หอโอสถเป็นศัตรูตัวฉกาจของเรามาเป็นเวลานานแล้ว และในที่สุดโอกาสทองเช่นนี้ก็มาถึง นี่แหละคือโอกาสที่จะได้แก้แค้นพวกนั้นเสียที แต่ถ้าหากพวกเราแก้แค้นไม่สำเร็จล่ะ?”
หวังตงหยางก้มหน้าพร้อมกัดฟันพูดเบาๆ
“ฮ่าๆ ตงหยางเมื่อไหร่เจ้าจะเลิกนิสัยคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เสียที มิเช่นนั้นเจ้าจะไม่มีทางบรรลุขึ้นเป็นเซียนโอสถได้เสียที หากยังเป็นแบบนี้? พิษที่ชายร่างกำยำโดนเข้าไปนั้น…มันดูผิดประหลาดมาก หากข้าเดาไม่ผิด มันคงเป็นพิษงูเมฆาเจ็ดสีกระมั่ง แต่ข้าก็ไม่มั่นใจว่ามันมีจริงหรือไม่? แต่ข้าเคยบังเอิญไปอ่านเจอเล็กน้อยเกี่ยวกับพิษชนิดนี้ หากใช่… ข้าก็เกรงว่า คฤหาสน์ดวงดาวแห่งนี้คงพบกับปัญหาอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามข้าก็โยนปัญหานี้ให้กับเย่ฮานไปเรียบร้อยแล้ว สมควรแล้วล่ะที่เจ้านั้นจะโชคร้าย แม้แผนการในครั้งนี้จะไม่สามารถถอนรากถอนโคนเย่ฮานได้ก็เถอะ แต่มันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะลดความน่าเชื่อถือในธุรกิจเจ้านั้น”
หวังตงไห่กล่าวอย่างไร้ความกังวล
แม้ว่าหวังตงไห่จะกล่าวแบบนั้นก็ตาม แต่ความไม่สบายใจของหวังตงหยางก็ยังไม่จางหายไปอยู่ดี สังเกตได้จากใบหน้าของตงหยางที่ยังเหมือนเดิม จากนักหลอมโอสถระดับสูงก้าวข้ามไปเป็นเซียนโอสถเสมือนเป็นเรื่องง่าย แต่ในความเป็นจริงกลับยากเย็นแสนเข็ญนัก มิฉะนั้นคนที่อยู่ในระดับชั้นเซียนโอสถในรัฐฉินคงไม่มีน้อยเช่นนี้
แต่อย่างไรก็ตามความวิตกกังวลของเขาก็ยังไม่จางหายไป เขาจึงถามออกไปในทันทีว่า
“พี่ใหญ่ ไฉนข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เราไม่ลองส่งคนลงไปตรวจสอบสถานการณ์ที่นั่นเสียหน่อย?”
หวังตงไห่กลัวว่าหากเขากระโตกกระตากมากเกินไป จะทำให้เย่ฮานจับได้ในท้ายที่สุด เขาจึงส่งหลิวอันไปเพียงคนเดียวในการไปสืบเรื่องราว แต่ถ้าหากทางด้านนั้นเริ่มเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาหลิวอันก็ควรจะรีบมารายงานเขาไปนานแล้ว
เว้นแต่จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้นจริงๆ
“เอาล่ะ เจ้าส่งสักคนไปตรวจสอบดู”
หลังจากที่ครุ่นคิดสักครู่ หวังตงไห่ก็คล้อยเห็นด้วย
หวังตงไห่นั้นไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ว่า จะเกิดอันตรายกับหลิวอัน เพราะเขาเป็นถึงนักล่าสัตว์อสูรผู้มีพลังสูงถึงอาณาจักรแก่นแท้แห่งปราณระดับแปด ซึ่งนั่นมิใช่ชนชั้นอ่อนด้อยเลย
หวังตงหยางรับคำสั่งและกำลังจะออกไปในทันที แต่จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูอย่างร้อนใจดังขึ้น
“ทะ-ท่านผู้นำ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! มีบางคนมาสร้างปัญหาถึงที่นี่!”
หื้มมม
ประตูตำหนักได้เปิดออกมาในทันทีโดยมีเสียงหวังตงไห่ กล่าวอย่างสงบว่า
“ใครกัน?”
“ใครกัน ช่างกล้าขนาดนี้ นี่มันมาหยามถึงที่นี่เลยรึ?!แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?!”
เมื่อหวังตงหยางได้ยินเข้า อารมณ์ของเขาก็ได้ปะทุออกมาทันที
ใบหน้าของคนใช้ซีดลงพร้อมพูดว่า
“จะ-จริงๆแล้ว พวกนั้นก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรหรอก…มะ-มันก็เป็นแค่เรื่องการรักษา”
เมื่อเห็นคิ้วของหวังตงไห่ที่ขมวดเข้มยิ่งขึ้น เขาก็รีบกล่าวต่อว่า
“ไม่ๆๆ ไม่ใช่แบบที่พวกท่านคิด แต่พวกนั้นเอาเรื่องการรักษามาบังหน้าเพื่อที่จะท้าทายพวกเรา”
“เจ้านั้นมันเป็นใคร?”
ความอดทนของหวังตงไห่ได้หมดลงแล้วในตอนนี้
“มะ-มันคือ สวะตระกูลเย่ ลูกของเย่ฮาน เย่หยวน!”
คนใช้พูดออกมาในขณะที่ร่างกายสั่นไปทั่วร่าง
“ก็แค่ขยะชิ้นหนึ่ง เจ้าจะกลัวไปทำไมกัน? เจ้าบ้าไปแล้วรึ? เรื่องแค่นี้จะถึงมารายงานถึงเจ้าสำนักเลยอย่างนั้นรึ?”
ขณะที่หวังตงหยางได้ยินว่าเป็นเย่หยวนเขาก็รีบไล่คนใช้ไปในทันที
“ช่างมันเถอะ ไหนลองออกไปดูหน่อย”
หวังตงไห่ได้ออกคำสั่ง
ทั้งสามได้เดินไปยังห้องโถงและเห็นชายหนุ่มกำลังนั่งด้วยท่าทีที่จองหอง บนเก้าอี้อันทรงเกียรติ
หวังตงไห่จ้องเขม็งไปยังเก้าอี้ตัวนั้นพร้อมกับต้องการจะจัดการเขาในทันที
ขณะที่หวังตงไห่กำลังเดินไปจัดการกับเย่หยวน เขาก็เหลือบไปมองใต้เท้าของเย่หยวน ก็ได้พบกับร่างของหลินอันที่กำลังนอนทุรนทุรายอย่างกับสุนัขบนพื้น หัวใจของหวังตงไห่ได้เต้นแรงขึ้นมาในทันที
เมื่อเย่หยวนเห็นหวังตงไห่ปรากฏตัวออกมา เขาก็ลุกขึ้นและเดินไปหาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมพูดว่า
“ท่านผู้นำหวัง พอดี...หลานชายตัวน้อยๆคนนี้ มีเรื่องกะทันหันนิดหน่อย หวังว่าท่านคงไม่ถือสากัน”
ใบหน้าของหวังตงไห่กระตุกอย่างรุนแรง ในตอนนี้เขาอยากจะตบเย่หยวน ให้ตายคามือภายในฝ่ามือเดียวเลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็จำต้องฝืนยิ้มพร้อมพูดว่า
“ไม่เป็นไร เราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน ข้าก็ตกใจในคราแรก…คิดว่ามีพวกขยะที่ไหนกล้ามาหาเรื่องกันถึงคฤหาสน์ดวงดาวของเราแบบนี้ หากวันหลังเจ้าจะมาละก็…เจ้าก็ควรแจ้งพวกเราให้ทราบล่วงหน้าก่อนจะดีกว่า พวกเราเองจะได้ไม่ตกใจแบบนี้”
แม้ว่าหวังตงไห่ อยากจะเลาะฟันออกจากปากเด็กหนุ่มคนนี้เพียงใด แต่เขาไม่ต้องการแสดงความเกลียดชังต่อหน้าคนไข้ในห้องโถงเช่นกัน เขาจึงเพียงแต่พูดไล่ไสส่งอ้อมๆเท่านั้น ในความเป็นจริง…ทุกคนรู้ดีว่าคฤหาสน์ดวงดาวกับหอโอสถ นั้นเป็นศัตรูคู่อริกัน แต่ท่าทีที่แสดงออกมานั้นก็ยังดูสุภาพและรักใครกันดี แต่นั่นก็เพียงภายนอกเท่านั้น พวกเขาต่างเป็นคนที่เป็นหน้าเป็นตาของแต่ละตระกูล ดังนั้นหากเกิดการต่อสู้กันตรงนี้จริงๆ แล้วต่อไปใครจะกล้ามารักษากับพวกเขาอีกล่ะ?
เย่หยวนยิ้มในใจเมื่อเห็น หวังตงไห่พยายามกัดฟันพูดดีด้วย เขาจึงยิ้มพร้อมกับพูดกลับว่า
“...เพราะข้ากังวลมากไป ในการจะช่วยชีวิตผู้คน จึงทำให้ข้าไม่มีทางเลือกและได้กระโตกกระตากมาแบบนี้ข้าได้ยินคำเลื่องลือมานานแล้ว...เกี่ยวกับฝีมือการหลอมโอสถของท่าน ฟังว่าฝีมือของท่านเป็นอันดับหนึ่งแห่งรัฐฉิน ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องขึ้น...ข้าจึงนึกถึงท่านเป็นคนแรกทันที”
เมื่อได้ยินที่เย่หยวนพูดออกมาหวังตงไห่ ก็ประหลาดใจอย่างมาก…เพราะในครานี้ เจ้าเด็กนี่มันต่างไปจากทุกทีอย่างสิ้นเชิง
ถ้าคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากคนอื่นก็คงดี แต่กลับกันคำพูดเหล่านี้ดันออกมาจากปากของเย่หยวน ณ ห้องโถงแห่งคฤหาสน์ดวงดาวจึงได้เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายในขณะนั้น
ในคราแรก หวังตงไห่กลัวว่า เย่หยวนจะพาคนมาสร้างความวุ่นวายในคฤหาสน์ดวงดาวเสียอีก
คำพูดเหล่านั้นที่ออกมา ทำให้ผู้คนจำนวนมากในห้องโถงได้หันมาสนใจเขากันใหญ่ มากจนทั่วบริเวณนั้นไม่สามารถเดินผ่านไปมาได้แล้วในขณะนี้
คำพูดเหล่านั้น มีใจความว่า… หวังตงไห่คืออันดับหนึ่งแห่งรัฐฉิน และผู้คนโดยรอบได้ยินอย่างชัดเจน แต่จริงๆแล้ว ผู้ที่บรรลุอาณาจักรรเซียนโอสถในรัฐฉิน ไม่ได้มีเพียงหวังตงไห่และเย่ฮานเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีนักหลอมโอสถจากตระกูลราชวงศ์อีกด้วย
ถ้าหากคำพูดเหล่านี้แผ่กระจายไปถึงหูของพวกตระกูลราชวงศ์ละก็ หวังตงไห่จะถูกจับจ้องจากตระกูลราชวงศ์ทันที อย่างกับว่า เขาได้นั่งอยู่บนเข็มที่แหล่มคมนับพัน...หากพลาดแม้แต่นิดเดียว เข็มเหล่านั้นก็จะรุมทำร้ายเขาในทันที
พวกสายสืบของตระกูลราชวงศ์นั้นมีอยู่ทั่วทุกที่ในรัฐฉิน มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่ทรงทราบว่า ในบรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องโถงนี้นั้น จะมีพวกสายสืบของตระกูลราชวงศ์หรือไม่
ในตอนนี้หวังตงไห่รู้สึกอึดอัดใจอย่างมาก แต่เขาก็ต้องกัดฟันยิ้มและตอบเย่หยวนกลับไปว่า
“เจ้าพูดอะไรกันหลานข้า? อย่างข้าน่ะรึจะกล้าอวดอ้างตนเองว่า เป็นอันดับหนึ่งในรัฐฉิน?”
“อย่างข้าก็มีฝีมือไม่ต่างไปกับพ่อและลุงของเจ้านักหรอก อย่างไรก็ตาม ข้าก็รู้สึกแปลกๆที่หลานชายผู้นี้มาขอความช่วยเหลือจากคฤหาสน์ดวงดาวของเรา ทั้งๆที่พ่อของเจ้าก็สามารถช่วยได้ แต่ทำไมเจ้าก็ยังจะมาคฤหาสน์ดวงดาวแทน?”
เย่หยวนยิ้มและพูดว่า
“เหตุที่ข้ามา ณ ที่แห่งนี้ มีสองประการ ประการแรก เมื่อเกิดปัญหาข้าก็นึกถึงท่าน ผู้เป็นถึงอันดับหนึ่งแห่งรัฐฉินก่อนใคร ประการที่สอง จุดที่ข้าเห็นชายผู้นี้นั้นอยู่ใกล้กับที่นี่มากที่สุด”
ขณะที่เย่หยวนกล่าวเสร็จ เขาก็ได้ชี้ลงไปยังหลิวอันที่นอนทุรนทุรายอยู่บนพื้น ต่อมาสีหน้าของเย่หยวนก็เต็มไปด้วยความสงสารและพูดต่อว่า
“ข้าได้พบกับชายผู้นี้ เขาได้นอนชักด้วยความทรมานอยู่บนท้องถนน ด้วยความสงสาร…ข้าจึงรีบพาเขามายัง คฤหาสน์ดวงดาว เพื่อขอความช่วยเหลือในทันที แต่ใครจะไปรู้ว่า...อาการของเขานั้นยากที่จะวินิจฉัย ขนาดเปลี่ยนนักหลอมโอสถตั้งหลายท่านก็ยังไม่สามารถรักษาได้”
หวังตงไห่ตระหนักได้ในทันทีว่า เขาไม่ได้ประโยชน์ใดๆจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เลย
ต้องมีบางอย่างผิดพลาด เมื่อวานนี้...หยวนเอ๋อพึ่งส่งข่าวกลับมาอยู่เลยว่า เขาได้วางแผน วางยาพิษแก่ลูกของเย่ฮานเพื่อปลิดชีพ แต่ทำไมวันนี้เขาถึงโผล่หน้ามาคฤหาสน์ดวงดาวได้?
แต่อย่าพึ่งพูดถึงเรื่องนั้นเลย ในตอนนี้เย่หยวนพบกับผู้เคราะห์ร้ายบางคนเข้า หากพบคนอื่น หวังตงไห่ก็ไม่แปลกใจนัก แต่คนที่เขาพบดันเป็นหลิวอันนี่สิ...มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไป
มันเป็นเรื่องที่ดีหากเขาสามารถรักษาความลับของตัวเขาไว้ได้ แต่ถ้าหากไม่ มันก็เท่ากับว่า...หลิวอันทรยศต่อคฤหาสน์ดวงดาว ข้อมูลต่างๆของหลิวอันไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ นอกจากนั้นยังมีนักหลอมโอสถและนักล่าสัตว์อสูรจำนวนมากอยู่ที่นั่น เมื่อตัวตนของหลิวอันถูกเปิดเผยออกมาละก็...มันก็จะส่งผลต่อคฤหาสน์ดวงดาวอย่างมาก
แล้ว...เกิดอะไรขึ้นกับหลิวอัน? เขาได้เตรียมการมาอย่างสมบูรณ์แล้วแท้ๆก่อนที่หลิวอันจะออกไปยังหอโอสถ เขาเพียงแค่… ทำให้บางจุดที่ไม่สำคัญภายในร่างกายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพื่อให้เนียนต่อการแฝงตัว แต่ทำไมเมื่อหลิวอันกลับมาถึงมีสภาพปางตายเช่นนี้?
ด้วยความสามารถของหมอในคฤหาสน์ดวงดาวแห่งนี้ หมอท่านนั้นได้แต่วินิจฉัยว่า...เขาถูกวางยาพิษ แต่หมอท่านนั้นก็จนปัญญาในการรักษา และในที่สุดก็ต้องไปเชิญหัวหน้าสำนักออกมาด้วยตัวเอง?
ในขณะนั้นหวังตงไห่คิดวิเคราะห์ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้น และเขาก็ตระหนักได้ว่า มันผิดปกติอย่างมาก หากเขาไม่สามารถรับมือไว้ได้เรื่องนี้จะเป็นเหตุให้คฤหาสน์ดวงดาวเสื่อมเสียเป็นแน่แท้
……………………………..