webnovel

บทนำ : ลิ้มรสเชอร์รี่

เลือดก็เหมือนดั่งเครื่องดื่มรสเลิศ ทั้งหอมและมีรสชาติหลากหลายให้คุณได้ลิ้มลอง เหล่าแวมไพร์ไม่ได้กินเลือดเป็นอาหารหลักแต่กินเพราะความหลงใหลและเลือดรสชาติดีๆก็ใช่ว่าจะหากันง่ายๆในสมัยก่อนตอนแวมไพร์ทรงอิทธิพลไปทั่วโลกมนุษย์ต่างหวาดกลัวเพราะพวกเราตามหาเลือดที่มีรสชาติไร้ที่ติมีมนุษย์ถูกสูบเอาเลือดจนหมดตัวไปบรรจุใส่ขวดไวน์ตั้งราคาตามรสชาติ กลิ่น และความยากที่จะได้มา

หึ..ผมก็ไม่ได้อยากจะอวดหรอกนะแต่เลือดที่มีราคาสูงที่สุดในแวดวงแวมไพร์มันอยู่ที่ผมเอง ผมขอเรียกมันว่าเลือดโสเภณีผู้สิ้นหวัง เจ้าของเลือดในขวดคือโสเภณีในฝรั่งเศสที่ยอมขายเลือดตัวเองเพื่อซื้อขนมปังให้ลูกทั้งสามคนกิน มันเป็นเรื่องหดหู่ในสังคมที่ไม่เท่าเทียมและแน่นอนว่าไอเลือดขวดนี้มันไม่ได้แพงแค่เพราะเรื่องราวของมันแต่กลิ่นไอที่หอมฟุ้งมันทำให้ยิ่งยอดเยี่ยม

ผมขออนุญาติแนะนำเลยแล้วกันผมคือ อันนิรันดร์ กานต์จรุณเกล้า เป็นนักชิมอาหารชื่อดังที่ไม่มีใครรู้ว่าผมเป็นแวมไพร์คนอื่นๆต่างก็คิดว่าตำแหน่งลิ้นทองคำนั้นตกทอดมารุ่นสู่รุ่นและก็มักจะทักผมบ่อยๆว่าหน้าตาเหมือนคุณพ่อและคุณปู่มาก ก็จะไม่ให้เหมือนได้อย่างไรเพราะไม่ว่าคุณปู่ คุณพ่อ คุณทวดก็คือผมเองนี่แหละแค่เปลี่ยนทรงผมและการแต่งตัวตามยุคสมัยนั้นๆ

ผมโดนชมแล้วชมเล่าว่าหน้าตาดีบ้างหรือไม่ก็เป็นคนที่สมบูรณ์แบบจนมีนิตยสารมาเขียนคอลั่มว่าผมคือชายในฝันของผู้หญิงตั้งหลายเล่ม แต่คำชมที่ผมชื่นชอบที่สุดคือคำชมว่ารสนิยมผมมันดีเยี่ยม

"คุณอันครับ ทางร้านโมโกบี จัดที่นั่งพิเศษให้เรียบร้อยแล้วครับไม่ทราบว่าคุณอันจะไปตอนนี้เลยมั้ยครับ" คุณพ่อบ้านพูดขึ้นผมหันไปหาด้วยใบหน้านิ่งเฉย

"ขอทำผมสิบห้านาที" ผมพูดและกระดกเลือดในแก้วไวน์จนหมดผมเดินไปจัดทรงผมให้ดูดีก่อนจะออกจากบ้านขึ้นรถไปทำงานภาพลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญมากไม่ว่าคุณจะมีความสามารถขนาดไหนแต่ภาพแรกที่คนอื่นมองเห็นจะต้องเป็นความประทับใจแรกให้กับพวกเขาให้ได้เพราะคนเราน่ะใช้ความสามารถแค่50%ก็พอ อีก50%ใช้หน้าตาและวาทศิลป์

"ขอบใจ..คุณกลับบ้านไปได้เลยเดี๊ยวเสร็จแล้วผมกลับเอง" ผมบอกเซบัสเตียนหรือพ่อบ้านที่ขับรถมาส่งที่ร้านอาหารชื่อดังที่เพิ่งเปิดสาขาใหม่ในไทยและผมคือผู้ถูกรับเชิญให้มาทานอาหารที่นี่

"สวัสดีค่ะ " พนักงานต้อนรับปละให้บริการเป็นอย่างดีสมกับเป็นร้านอาหารที่กล้าเชิญผมมาชิม

จานอาหารถูกวางลงบนโต๊ะมีผู้บรรยายว่าแต่ละจานมีความน่าสนใจและวัตถุดิบสดใหม่แค่ไหน ผมชิมทีละจานก็ต้องยอมรับว่ารสชาติที่ถูกปรุงมาให้ผมได้ชิมนั้นมันแสนจะประณีตจริงๆมีความใส่ใจในแต่ละเมนูจานถูกจัดแต่งอย่างสวยงามเข้ากับยุคสมัยและให้ความรู้สึกอยากอาหารเพิ่มขึ้น ผมใช้มีดตัดเนื้อวัวชั้นดีเข้าปากแต่ว่า....

"เลือด?..." ผมพูดขึ้นมาเมื่อลิ้นผมสัมผัสได้ถึงเลือดมนุษย์

"ครับ? คุณอันนิรันดร์ ต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าครับ" พนักงานถามผม

"จานนี้มันมีเลือดคนอยู่" พนักงานในร้านเริ่มหน้าเสียและเหงื่อออกกันทั่วหน้า

"ผมเปลี่ยนจานให้ใหม่นะครับ" พนักงานเตรียมยกจานออกจากโต๊ะแต่ผมยกมือห้ามและใช้ผ้าค่อยๆเช็ดริมฝีปากเบาๆ

"เรียกคนที่ทำจานนี้มาคุยกับผมหน่อย"ผมบอกพนักงานในร้านที่หน้าซีดๆเพราะความกังวนแต่เขาก็เดินไปบอกเชฟให้ตามที่ผมต้องการไม่เกินสามนาทีคนในเครื่องแบบนักปรุงอาหารก็มายืนอยู่ข้างหน้าผม

"ขออภัยครับคุณ อันนิรันดร์ ผมไม่ระวังตัวและสะเพร่าจนเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นให้ผมเปลี่ยนจานให้ใหม่ดีกว่าครับ" เชฟพูดขึ้นส่วนผมก็นั่งฟังอย่างพิจารณารูปร่างของคนที่กำลังรู้สึกผิด

"รูปร่างดี สูง ไหล่กว้าง ทรงผมก็ดูดี หน้าตาก็ดูมีสไตล์นะ ตาเฉี่ยวผิวแทนผมชอบ"ผมพูดขึ้นและเอาเนื้อในจานเข้าปาก

"คุณครับอย่าทานเข้าไปดีกว่าให้ผมเปลี่ยนจานใหม่ให้เถอะครับ" เชฟดูตกใจมาก

"รู้มั้ยว่าเลือดคุณมีรสชาติเหมือนกับเหล้ารสเชอร์รี่ซึ่งผม.....ชอบ" คนที่ได้ฟังหยุดนิ่งและพนักงานทุกคนต่างเงียบเมื่อได้ยินผมพูด

"มันสกปรกนะคุณ คุณควรหยุดทาน"ผมที่ไม่สนใจก็ทานต่อไป

"คุณเชฟครับคุณชื่ออะไร?" ผมถามหลังเคี้ยวเนื้อในปากเสร็จ

"ฌาณ ครับ" เขาบอกผมด้วยสีหน้าที่ยังกังวนไม่หาย

"ผมขอคุยกับคุณอีกหลายๆครั้งจะได้มั้ยผมพูดตรงๆว่าอยากจะมีสัมพันธ์กับคุณ" เชฟทำหน้างงเป็นไก่ตาแตกเมื่อได้ยินคำพูดผม

"สัมพันธ์?" เขาทวนคำพูดจนผมต้องหัวเราะออกมา

"หึ...ใช่ สัมพันธ์เราสองคน" คิ้วหนาของผู้ชายผิวแทนขมวดเข้าหากัน

"เราควรจะคุยกันแค่ในฐานะเชฟกับผู้ที่มาทานอาหารแค่นั้นพอครับเพราะนั่นคือสัมพันธ์ที่ดีงามและเหมาะสมที่สุด" เสียงแข็งๆเหมือนคนที่พยายามเก็บอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ภายใน

"โอเคครับคุณผู้ชายรสเชอร์รี่ " ผมหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปากและเดินออกจากร้านไป

"รสชาติเลือดที่ดีแบบนี้ถ้าได้ลิ้มรสทุกวันมันคงจะเป็นอะไรที่....น่าลุ่มหลง"

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะคะ

Alisa_Chenkhuntodcreators' thoughts