ตอนที่ 1133 สายหยินเก่าของมังกรฟ้า
ศีรษะของมังกรฟ้าตกลงบนพื้นก่อนถูกสัตว์ประหลาดหุบเหวหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“ตามข้อตกลง ร่างมังกรและวิญญาณมังกรเป็นของหุบเหว” มันมองกู่ฉิงซานขณะกล่าวอย่างระแวดระวัง
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “แน่นอน”
สัตว์ประหลาดหุบเหวถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ได้เวลาไปแล้ว”
มันถ่ายทอดคำสั่ง สัตว์ประหลาดหุบเหวทั้งหมดทะยานขึ้นก่อนทะลวงเข้าสู่ท้องนภา
กู่ฉิงซานรออยู่หลายอึดใจก่อนพลันคุกเข่าลงกับพื้น
“อ้ากกกกก…”
เขาอดที่จะคำรามออกมาไม่ได้
เงาสีฟ้าและเงาสีดำพัวพันไปมาอยู่ด้านหลังขณะแผ่พลังอันน่าสะพรึงที่ทำให้ใจสั่นสะท้านได้
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กกำลังรีอย่างต่อเนื่อง
“ถึงแม้ท่านจะสามารถถูกนับว่าเป็นมังกรมารหลับใหลได้ แต่พลังที่ดูดกลืนในครั้งนี้มากเกินไป ต้องใช้เวลาหนึ่งนาทีในการแบกรับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสเพื่อกักเก็บมันไว้ก่อนทำการย่อยในภายหลัง”
ใช่แล้ว มังกรฟ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตาย แต่ตราบที่มันได้รับการรักษาก็สามารถฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็ว
มันคือเผ่ามังกรทรงพลังที่หาได้ยากในหมู่วิญญาณชั่วร้าย
ถ้าไม่ได้อ่อนแอเกินไป มันอาจจะมีทางขัดขืนสายเลือดของมังกรมาร
กู่ฉิงซานกลืนกินพลังของมันเข้าไป โชคยังดีที่มันไม่ได้ระเบิดออกมา
…โชคยังดี เขาเปลี่ยนพลังมังกรมารไปมากจนสามารถแบบนี้ได้สำเร็จ
“ถึงแม้ท่านจะมีตัวตนของเทพปฐพี แต่ตอนนี้ท่านยังเป็นมนุษย์”
“ดังนั้นนี่จึงเป็นการฆ่าข้ามขั้นโดยสมบูรณ์”
“หน้าต่างระบบเทพสงครามจะดึงพลังวิญญาณทั้งหมดจากมังกรฟ้า”
“ท่านได้รับพลังวิญญาณหกล้านแต้ม”
หกล้าน!
กู่ฉิงซานอยู่ในสภาพที่เจ็บปวดแสนสาหัส แต่เมื่อเห็นจำนวนนี้เข้า หัวใจของเขาก็สงบลง
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หิ่งห้อยขนาดเล็กยังคงผุดขึ้นมา
“ท่านกำลังใช้สายเลือดของมังกรมารเพื่อกลืนกินพลังของสิ่งมีชีวิตวิเศษ: มังกรฟ้า”
“พลังของตัวตนนี้มากเกินไป มันถูกเก็บเอาไว้แล้วทำการกลืนกินมันอย่างช้า ๆ ในแต่ละวัน”
“หมายเหตุพิเศษ: ความสามารถการโจมตีหลักของมังกรฟ้าได้กลายเป็นพลังสำรองที่ถูกเก็บเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีความสามารถพิเศษอีกหลายอย่างอยู่”
“ท่านสามารถเลือกหนึ่งในความสามารถพิเศษเหล่านี้เพื่อเปลี่ยนให้เป็นพลังเหนือธรรมชาติของท่าน; หรือใช้พลังมังกรมารกลืนกินพวกมันให้หมดเพื่อแทนที่ความสามารถของสายเลือดมังกรมาร”
“หมายเหตุ!”
“มังกรมารคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณที่สร้างโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ หากท่านเลือกกลืนกินมันเข้าไป ท่านจะเสียพลังของสายเลือดมังกรมารก่อนถูกแทนที่ด้วยความสามารถใหม่ที่ไม่รู้จัก”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ไม่ ไม่ต้องกลืนกิน”
ล้อกันเล่นใช่ไหม!
บางครั้งกู่ฉิงซานถึงขั้นคิดว่าพลังของสายเลือดมังกรมารคือจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ
การปลดปล่อยพลังของสายเลือดมังกรมารไปถึงกับใช้เวลานานมาก การรอเก็บเกี่ยวพลังของสายเลือดมังกรมารที่เติบใหญ่คือสิ่งที่จะทำให้ได้ผลประโยชน์มากที่สุด
การใช้พลังนี้ในการต่อสู้จะนำความเจ็บปวดสุดแสนมาสู่ศัตรู
หลังจากสังหารศัตรู เขายังสามารถดูดกลืนพลังของอีกฝ่ายได้ด้วย
ความสามารถนี้เหมือนกับนิทาน: มนุษย์ที่ต่อสู้กับมังกรจะกลายเป็นมังกรในท้ายที่สุด
…แต่ในวันสิ้นโลก โลกจะยังคงถูกทำลาย แล้วใครล่ะจะมาสนว่าคนอื่นเป็นอะไร
แน่นอนว่าศัตรูทรงพลังยิ่งเหล่านั้นอย่างมังกรฟ้า หากอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ มันย่อมมีหนทางป้องกันการกัดกร่อนจากพลังนี้ได้
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หิ่งห้อยขนาดเล็กวูบไหวไปมาขณะรีอีกครั้ง
“ท่านตัดใจจากการกลืนกินและเลือกที่จะรับความสามารถพิเศษเพื่อเปลี่ยนมันเป็นพลังเหนือธรรมชาติ”
“โปรดเลือกความสามารถพิเศษต่อไปนี้แล้วเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังเหนือธรรมชาติของท่าน”
“หนึ่ง: มังกรคำราม”
“มังกรคำราม: ศัตรูที่ถูกท่านเล่นงานจะกระเด็นขึ้นในอากาศทันที”
“สอง: โล่มังกรเกล็ดฟ้า”
“โล่มังกรเกล็ดฟ้า: ท่านสามารถใช้โล่มังกรเกล็ดฟ้าได้ทุก ๆ ห้านาทีเพื่อขัดขืนการโจมตีส่วนใหญ่ได้ ทำให้ท่านได้รับความเสียหายเพียงสามในสิบจากการโจมตี”
“สาม: การก้าวกระโดดของจุดกำเนิด”
“การก้าวกระโดดของจุดกำเนิด: ก้าวข้ามความว่างเปล่าโดยตรง เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว สองพันเปอร์เซ็นต์ ต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนหนึ่ง (หมายเหตุ: ท่านไม่สามารถโจมตีในระหว่างการเคลื่อนที่ได้ ไม่อย่างนั้นการเคลื่อนที่จะถูกยกเลิก)”
“สี่: คำสาปของเงามังกรฟ้า · พันธนาการ”
“คำสาปของเงามังกรฟ้า · พันธนาการ: เมื่อท่านสนทนากับศัตรู คาถาจะเปลี่ยนเป็นพันธนาการเงามังกรที่อีกฝ่ายไม่สามารถตรวจจับผ่านการสนทนาได้ มันจะผูกมัดให้ความเร็วการเคลื่อนไหวและความเร็วการโจมตีของอีกฝ่ายช้าลง ผลของมันขึ้นอยู่กับสัดส่วนกับระยะเวลาของบทสนทนา”
ตอนนี้ ความเจ็บปวดของกู่ฉิงซานค่อย ๆ เบาลง
เขามองความสามารถเหล่านี้ขณะเผยสีหน้าประหลาดใจช้า ๆ
พลังพิเศษสองอย่างแรกอย่างมังกรคำรามกับโล่มังกรเกล็ดฟ้านับว่าไม่เลว
พลังพิเศษที่สามทรงพลัง
…การก้าวกระโดดของจุดกำเนิด
นี่คือรากฐานของร่างมังกรฟ้า สามารถเคลื่อนที่ผ่านความว่างเปล่าได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีใครสามารถไล่ตามได้ทัน
การที่มันสามารถไล่ตามเขามาตลอดทางตั้งแต่โลกเทียนจูจนมาถึงบริเวณหุบเหวนิรันดร์ มันก็ได้ใช้ความสามารถนี้เช่นกัน
ส่วนคำสาปของเงามังกรฟ้า · พันธนาการ ความสามารถนี้ทำให้กู่ฉิงซานรู้สึกแปลก ๆ อยู่ในใจ
เขาพลันได้สติขึ้นมา
หลังจากมังกรฟ้าเคลื่อนลงมาจากท้องนภา การที่มันเอาแต่พูดกับตัวเอง กลายเป็นว่ามันเตรียมจะปลดปล่อยคำสาปพันธนาการนี้
ขอเพียงสนทนากับผู้คน มันสามารถปลดปล่อยวิชาได้
…พละกำลังของมังกรฟ้าไม่อาจรู้ได้ว่าแข็งแกร่งกว่าเท่าไหร่ เขาจึงต้องระแวดระวังในการต่อสู้อยู่ดี
หรือก็คือ มันร้ายกาจจริง
ช่างน่าประทับใจจริง ๆ
ความจริง ทั้งสองฝ่ายต่างถือไพ่ที่อีกฝ่ายไม่รู้ แต่ไพ่ที่ถือไว้ของกู่ฉิงซานยึดตามกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์ พลังมังกรมารและกองทัพจากหุบเหวนิรันดร์
ไม่อย่างนั้น ใครจะอยู่ใครจะไปก็ไม่อาจรู้ได้!
นี่คือความไม่แน่นอนของการต่อสู้ในโลก
จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย ไม่มีใครรู้ว่าไพ่ที่ถืออยู่ของอีกฝ่ายคืออะไร
ไม่มีใครรู้ว่ามันจะชนะหรือเปล่า!
กู่ฉิงซานถอนหายใจยาวออกมา อาการใจสั่นของเขายังไม่จางหาย
มังกรฟ้าที่ทรงพลังขนาดนั้น คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสายหยินเก่า…
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง
…เอ
ไม่ถูกสิ
วิชานี้ดูจะเหมาะกับเขามาก
สายตาของกู่ฉิงซานจับจ้องหน้าต่างระบบเทพสงครามโดยอยู่ระหว่าง “การก้าวกระโดดของจุดกำเนิด” และ “คำสาปของเงามังกรฟ้า · พันธนาการ”
เสียงของหน้าต่างระบบเทพสงครามดังขึ้น “โปรดเลือกวิชามังกรฟ้าที่ท่านต้องการเปลี่ยนภายในหนึ่งนาที ทันทีที่หมดเวลา ตามกฎแล้ว วิชาเหล่านี้จะพังทลาย ไม่สามารถดูดกลืนได้อีก”
ในที่สุดกู่ฉิงซานหยุดลังเล
“ข้าเลือกคำสาปของเงามังกรฟ้า · พันธนาการ”
“ท่านแน่ใจหรือ”
“แน่ใจ” กู่ฉิงซานกัดฟัน
หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “ทำการกลืนกินความสามารถพิเศษอื่นเพื่อเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นพลังเหนือธรรมชาติของท่าน”
“โปรดรอสิบนาที”
กู่ฉิงซานยืนขึ้นช้า ๆ
ความเจ็บปวดค่อย ๆ หายไป
พลังมากมายปรากฏขึ้นในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
นี่คือพลังสำรองที่เป็นส่วนผสมของมังกรมารและมังกรฟ้า
นับจากนี้ไป กู่ฉิงซานจะแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง!
ในเวลาเดียวกัน เขายังคงได้รับพลังพิเศษจากมังกรฟ้า
นี่คือการสังหารมังกรเพื่อกอบโกยผลประโยชน์นับไม่ถ้วนอย่างแท้จริง
มังกรมาร… มังกรฟ้า… จะมีมังกรอะไรอีกหรือเปล่า
ขณะตั้งตารอเช่นนั้น กู่ฉิงซานกล่าวว่า
“ไม่ต้องรอแล้ว แจ้งข้าเมื่อเวลาหมดแล้ว ตอนนี้ข้าจะไล่ตามพวกอาจารย์ให้ทัน”
หลังจากพูดจบ ร่างของเขาขยับก่อนทะยานขึ้นท้องนภา
เมื่อเขากวาดไปในหมู่เมฆก็ได้เห็นนกอีกตัวกำลังบินอยู่
นกที่กำลังบินอยู่กระพือปีกเล็กน้อยก่อนมาเกาะบนไหล่ของเขา
เสียงของเซี่ยเต้าหลิงดังขึ้น
“จากที่นี่ ให้ลอบเข้าสู่ทะเลสาบเซียน”
…
ทะเลสาบเซียนกลับด้าน
กู่ฉิงซานทะยานออกจากน้ำก่อนปะปนเข้ากับทุกคน
“ขอโทษด้วย เรื่องส่วนตัวน่ะ” เขายิ้มขณะประสานมือให้ทุกคน
ทุกคน…ประสานมือกลับ สีหน้าแสดงให้เห็นว่าพวกเขารอมานานพอสมควร
…เด็กคนนี้คือศิษย์ของจ้าวสำนักเซี่ย
ทั้งสองคืออาจารย์และศิษย์ คนหนึ่งมาเพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติขุนเขาเซียวหมี อีกคนมาก้าวข้ามภัยพิบัติราชาแห่งอิสรภาพ นี่แสดงให้เห็นถึงพละกำลังของสำนัก
สำหรับคนคนนี้ การเป็นมิตรกับเขาคือทางเลือกที่ดีที่สุด
เสียงของกิเลนสั่นสะเทือนโลก
“เอาเถอะ พวกเจ้ามากันครบแล้ว อยากเริ่มปีนเขาเซียวหมีแล้วหรือยัง”
เซี่ยเต้าหลิงพยักหน้าก่อนตอบว่า “มาเริ่มกันเลยเถอะ”
กิเลนกระโจนออกจากอากาศบางก่อนกลายเป็นภาพมายาโปร่งแสงที่ปลดปล่อยแสงหลากสีสันออกมา
ภาพมายาค่อย ๆ ก่อตัวเป็นรูปร่างที่จับต้องได้
มันคือพันธนาการขุนเขาของกิเลน เป็นหอคอยหลากสีสันสูงสิบห้าเมตร กว้างยี่สิบเมตร!
พันธนาการนั่นพยักหน้าให้เซี่ยเต้าหลิง
“เปิด…ประ…ตู!”
เสียงคำรามหนักหน่วงของกิเลนทะลุความว่างเปล่าสิบทิศ
ทั่วโลกแยกออกไปสองด้าน
ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นแก้วหลากสีสันและสูงจนถึงสวรรค์ปรากฏตรงหน้าทุกคน!
ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้เห็นมัน
เสียงของสัตว์อสูรกิเลนดังขึ้นอีกครั้ง
“ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ใสกระจ่าง บริสุทธิ์และปราศจากมลทิน เกิดจากโลกแห่งความผาสุกนับไม่ถ้วน ทว่า หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดก็มีบางโลกบนขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังจะสูญพันธุ์”
สิ้นเสียงของมัน ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ใสกระจ่างค่อย ๆ กลายเป็นสีเทา ขุนเขาทั้งลูกเต็มไปด้วยสีหมองหม่น เผยให้เห็นร่องรอยการทำลายล้างและการกัดกร่อน
“พระเจ้าช่วย! ไม่สงสัยเลยว่าทำไมไม่มีใครก้าวข้ามภัยพิบัติได้สำเร็จอีก!” ใครบางคนกล่าวเสียงหลง
อีกคนชี้ไปที่ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วยอาการสั่นสะท้าน “ตอนข้ามาที่นี่เมื่อหลายร้อยปีก่อน ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เป็นแบบนี้ ตอนนี้โลกแทบทุกใบบนขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายไปแล้ว นี่มันหายนะชัด ๆ !”
“ตั้งแต่ตีนเขายันยอดเขา การจะก้าวข้ามแต่ละขั้นมันช่างยาก! เหลือ! เกิน!”
ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนพึมพำกับตัวเองก่อนถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เขาเร่งร่ายวิชาเพื่อย้อนกลับพลังวิญญาณก่อนกระแทกใส่จุดตันเถียนอย่างรุนแรง
พรวด…
ทุกคนเห็นเขากระอักโลหิตออกมา ภายในเวลาอันสั้น ร่างของเขาหายไปจากภัยพิบัติ
…คนคนนี้ถดถอยพลังโดยตรงเพื่อกลับสู่โลกผู้ฝึกยุทธ์ของตัวเอง
เสียงของกิเลนดังขึ้นอีกครั้ง
“เซี่ยเต้าหลิง!”
“เจ้าต้องผ่านโลกที่พังพินาศ กว้างล้างสิ่งสกปรกตามทางเพื่อขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ ท้ายที่สุดก็ไปถึงยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ถึงตอนนั้นเจ้าจะสามารถกลายเป็นจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมีได้!”
เซี่ยเต้าหลิงยืนขึ้นขณะมองขุนเขาสีดำโดยไม่พูดไม่จาสักพัก
กู่ฉิงซานเดินมาที่ข้างหลังนางแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “อาจารย์ ไม่ต้องกังวลไป ข้ารู้จักสิ่งนี้ดี”
..............................