ตอนที่ 1063 ตรวจพบ!
ในความว่างเปล่าอันมืดมิด อุกกาบาตได้เคลื่อนผ่านไป
ความเร็วของดาวดวงนี้ไวมาก มันเคลื่อนผ่านโลกนับล้าน ในที่สุดก็ตกลงไปในโลกสีเทาแห้งแล้งยิ่ง
อุกกาบาตตกลงไปในพื้นอย่างเงียบงัน ไม่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงแต่อย่างใด
มังกรมารยืนอยู่ในที่ที่อุกกาบาต
เขาปล่อยความผันผวนของพลังอันไร้ที่ติเพื่อเริ่มพูดกับโลกทั้งใบ
“เทพแห่งความโกลาหล วิญญาณกรีดร้อง ข้ารู้ว่าเจ้าซ่อนอยู่ที่นี่”
ไม่มีการตอบรับ
โลกเงียบสงัด
มังกรมารกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าจะเงียบก็ได้ แต่ถ้าหากข้าทำลายโลกใบนี้ อย่างไรเจ้าก็ต้องออกมาหาข้าอยู่ดี”
หลังจากรออีกหนึ่งอึดใจ
ทันใดนั้น เสียงอันชั่วร้ายดังทั่วโลก
“มังกรมาร! เจ้าต้องการอะไร คิดจะฉวยโอกาสโจมตีหรือ”
มังกรมารหัวเราะแล้วตอบว่า “ไม่ เจ้าคือเทพผู้เปิดยุคแห่งความโกลาหล ความโกลาหลจะเชื่อฟังเจ้า ข้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเจ้าอยู่แล้ว”
เสียงดังกล่าวหยุดลง จากนั้นถามว่า “เช่นนั้นเจ้ามาหาข้าเพราะอะไร อยากเห็นรูปร่างอันน่าสมเพชของข้าหรือ”
มังกรมารส่ายหน้าแล้วตอบว่า “หยุดทดสอบได้แล้ว มาคุยอย่างเป็นรูปธรรมกันดีกว่า”
เขาแบมือ เผยสามเหรียญแล้วกล่าวว่า
“กู่ฉิงซานกำลังรวบรวมสามเหรียญ มันอยากกลับอดีตเพื่อช่วยบัญญัติ”
เสียงของวิญญาณกรีดร้องพลันดังขึ้น “เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร พูดมา!”
“ฟังนะ ข้าไม่ได้กลัวเจ้า แต่เพื่อแสดงความจริงใจ ข้าจะยังคงเล่าให้ฟังต่อ”
มังกรมารยิ้มแล้วกล่าวต่อว่า “มันมาถามข้าเองว่าเหรียญอยู่ที่ไหน จากนั้นตอนเจ้ายุ่งอยู่กับการไล่ตามมัน ข้าได้ตระเตรียมให้ใครบางคนไปดูดกลืนพลังของไพ่ทูตสวรรค์แห่งบาป นั่นจะช่วยให้มันเคลื่อนไหวได้ช้าเล็กน้อย แต่เจ้ารู้อะไรไหม มันมีความคิดที่น่ากลัวมากมาย หากเจ้าอยากฆ่ามันร่วมกับข้า พวกเราอาจจะไม่มีเวลามาคุยกันช้าๆ แล้ว”
“ทำไมข้าควรเชื่อคำพูดของเจ้าล่ะ เจ้าต้องแสดงความจริงใจกับข้าให้มากกว่านี้” วิญญาณกรีดร้องสงสัย
มังกรมารกล่าวอย่างเฉยชาว่า “ข้าสามารถบอกเจ้าได้ว่ากู่ฉิงซานอยากไปที่ไหน… นั่นก็คือช่วงเวลาที่สมาพันธ์หอคอยถูกทำลายยังไงล่ะ”
วิญญาณกรีดร้องตกอยู่ในความเงียบ
ไม่ช้า
ปฐพีเริ่มสั่นไหว
โลกทั้งใบแยกออกเป็นสองฝั่ง
มังกรมารก้มมองขณะขยับเล็กน้อย
ในปฐพี ตั้งแต่ชั้นผิวจนถึงก้นบึ้งของโลก มีกองซากศพจำนวนมาก
ซากศพนับไม่ถ้วนเป็นของยอดฝีมือ
โลกทั้งใบถูกขุดคุ้ยเพื่อเก็บซากศพนับไม่ถ้วน
สองร่างพุ่งออกมาจากพื้น
เป็นสัตว์ประหลาดหกแขนที่มีใบหน้าชายหญิง
และก็...
หญิงชราที่มีหนวดสีดำทั่วร่าง
มังกรมารมองวิญญาณกรีดร้อง ลึกๆ แอบประหลาดใจบ้าง
สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่เหมือนอย่างที่ข้อมูลแจ้งมา ถึงแม้จะอ่อนแอเล็กน้อย แต่บาดแผลก็แทบจะหายดีแล้ว
สายตาของมังกรมารกวาดผ่านซากศพทั่วโลกหก่อนเข้าใจช้าๆ
เขามองหญิงชราแล้วถามว่า “แล้วนี่ใครกัน”
วิญญาณกรีดร้องตอบว่า “เทพองค์ที่สองของยุคแห่งความโกลาหล”
มังกรมารครุ่นคิด
วิญญาณกรีดร้องถามว่า “มังกรมาร เจ้าต้องการอะไร”
มังกรมารตอบว่า “ครั้งนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเจ้า”
วิญญาณกรีดร้องเย้ยหยัน “ช่วยข้าหรือ เหลวไหล ทำไมข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าด้วย”
มังกรมารตอบอย่างสงบว่า “ข้าให้เหรียญหรือถึงขั้นเตรียมสามตัวตนพิเศษให้เจ้าได้ อาจจะสามารถช่วยเจ้าฆ่ากู่ฉิงซานเพื่อป้องกันไม่ให้ไปช่วยบัญญัติได้อีกด้วย”
ใบหน้าเย้ยหยันของวิญญาณกรีดร้องหายไป
มันเพิ่งล้มเหลวมา…
กู่ฉิงซานชิงทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพไปจากมือของมัน
กู่ฉิงซานหลอกมันจนอยู่หมัด
บัญญัติราชามารของกู่ฉิงซานคืออุปสรรคสุดท้ายในยุคแห่งความโกลาหล
ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีก มีเพียงกู่ฉิงซานเท่านั้นที่จะทำให้วิญญาณกรีดร้องลงมืออย่างจริงจัง
มันจ้องมังกรมารแล้วถามด้วยเสียงผู้ชายว่า “เจ้าต้องการอะไรจากข้า”
มังกรมารหยิบหน้ากากมารออกมาแสดงให้อีกฝ่ายดู
มังกรมารตอบอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้ามาที่นี่ในฐานะตัวแทนเจตจำนงของโลกคู่ขนาน ข้าอยากแสวงหาพันธมิตรกับยุคแห่งความโกลาหล”
“จะแสวงหาพันธมิตรไปเพื่ออะไร”
“เอาชนะหุบเหวนิรันดร์ ทำลายบัญญัติทั้งหมด และแน่นอน ฆ่ากู่ฉิงซาน”
“ดีมาก ตกลง!”
…
อีกด้าน
ยานอวกาศของอาณาจักรหนามกำลังบินอยู่ในวังวนความว่างเปล่า
จางหยิงห่าวกล่าวว่า “ในตอนนั้น ข้าเพิ่งถูกลูกสาวของท่านประธานหักอกจนต้องนั่งดื่มอยู่ทุกวัน”
เย่เฟยหลีกล่าวว่า “ในตอนนั้น ข้าเล่นเกมทั้งคืนก่อนถูกภรรยาลงโทษด้วยการให้คุกเข่าซักผ้า”
ลอร่ากล่าวว่า “ในตอนนั้น ข้ายังอยู่ในอาณาจักรหนาม ไม่ได้ไปที่ไหน”
เหล่าต้ากล่าวว่า “ในตอนนั้น ข้ากำลังหลับอยู่”
กู่ฉิงซานปรบมือแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ขอแค่พวกเจ้าไม่เข้าไปในฉากตอนวิญญาณกรีดร้องโจมตีสมาพันธ์ผู้พิทักษ์หอคอย พวกเจ้าก็จะไม่ต้องพบกับตัวเอง”
“ถ้าพบกับตัวเองจะตายอย่างนั้นเหรอ?” เย่เฟยหลีถามด้วยความสงสัย
“อืม เชื่อข้าเถอะ เจ้าจะต้องตายแน่นอน” กู่ฉิงซานพยักหน้าหนักแน่น
จางหยิงห่าวมองเขาด้วยความสับสน “เจ้า… ทำไมเจ้าดูเหมือนจะคุ้นเคยเป็นอย่างดีล่ะ”
“อย่าพูดถึงอดีตเลย”
กู่ฉิงซานโบกมือ
เหล่าต้าหัวเราะแล้วถามว่า “น่าสนใจ พวกเราจะไปกันตอนไหนล่ะ”
กู่ฉิงซานหยิบไพ่ทูตสวรรค์แห่งบาปออกมา มองเสี่ยวซีที่อยู่บนนั้นแล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “นางกำลังหลับอยู่ พวกเราต้องรอให้นางตื่นขึ้นมา”
ศีรษะขนาดเล็กของลอร่าเอนเข้ามาขณะมองผู้หญิงบนไพ่แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “เมื่อไหร่นางจะตื่นล่ะ”
“ข้าไม่รู้ ยังไงก็ช่าง ข้าต้องรอ” กู่ฉิงซานตอบอย่างกังวล
เขามองไพ่
เสี่ยวซีบนไพ่ซีดเผือด มือข้างหนึ่งรองศีรษะตัวเองไว้เพื่อนอนตะแคง
…มันไม่ถูก
กู่ฉิงซานมองหน้าต่างระบบเทพสงครามก่อนเห็นแถวข้อความปรากฏขึ้น
“ทูตสวรรค์แห่งบาป เสี่ยวซี ไพ่มรกต ไม่เหลือพลัง อ่อนแอมาก อยู่ในอาการสาหัส”
ไม่เหลือพลัง
อ่อนแอมาก
นางไปเจอกับอะไรมา
เสี่ยวซีถูกมังกรมารซ่อนไว้ในวิหารแห่งชะตากรรม ดังนั้นเรื่องนี้น่าจะข้องเกี่ยวกับมังกรมาร
กู่ฉิงซานมองเหล่าต้าแล้วถามว่า “มังกรมารเป็นไงบ้าง”
“ศีรษะของมังกรมารสลายไปนานแล้ว ดูท่าการหลับใหลของมันจะเสร็จสิ้นเร็วกว่าที่คิดเอาไว้” เหล่าต้าตอบ
“เชื่อใจมันได้หรือ” เย่เฟยหลีขัด
“ไม่แน่นอน” กู่ฉิงซานและเหล่าต้าตอบพร้อมกัน
กู่ฉิงซานอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้มันเกรงกลัวพลังของเหล่าต้า อีกทั้งยังเหลือเพียงศีรษะ ทำให้ไม่กล้าขัดขืน แต่ในอนาคตก็ไม่แน่”
เหล่าต้ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเช่นกันว่า “มังกรมารคือสิ่งประดิษฐ์วิญญาณทรงพลังที่ถูกสร้างโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ มันสักการะในพลังเท่านั้น ในตอนแรก มันเอาเหรียญจำนวนมากไปลงทุนในหุบเหว แต่หุบเหวเมินเฉย ท้ายที่สุด มันพยายามแสนสาหัสจนได้ผลตอบแทนในที่สุด พลังของหุบเหวนั่นเอง”
“เหรียญหรือ” กู่ฉิงซานถามอย่างกระตือรือร้น
“ใช่ เผ่าพันธุ์โบราณได้เหรียญมามากมาย เหรียญเหล่านั้นสามารถย้อนเวลาได้… สามเหรียญของเจ้าก็เป็นส่วนหนึ่งจากในนั้น” เหล่าต้าตอบ
กู่ฉิงซานพลันนึกถึงบทสนทนาระหว่างเขากับหลินในตอนท้ายของยุคโบราณ
ในตอนนั้นเขาบอกว่า “ข้าจำได้ว่าสามตัวตนพิเศษคือสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เหรียญนี้ทำงาน สามตัวตนนี้สืบทอดมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์…”
หลินกล่าวว่า “ในยุคโบราณ เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถใช้เหรียญมากมายในหุบเหวได้… ช่างเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันเองนัก ด้านหนึ่งมันหวาดกลัวหุบเหว อีกด้านกลับแสวงหาความนิรันดร์ เจ้ารู้หรือเปล่าว่ามีกลุ่มอำนาจในโลกที่ยอมทุ่มเทเพื่อให้ได้มันมา”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ กู่ฉิงซานพลันกล่าวเสียงหลง “ไม่ดีแล้ว!”
ทุกคนประหลาดใจ
“มีอะไรหรือ” ลอร่าถาม
“ไว้ข้าจะบอกทีหลัง”
กู่ฉิงซานกัดฟัน กางไพ่ทูตสวรรค์แห่งบาปในมือเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียด
บนไพ่ เสี่ยวซีหลับตาอยู่ ไม่ขยับเขยื้อน ยังคงเอาศีรษะรองมือ ยังคงอยู่ในท่านอนตะแคง
นี่ดูไม่มีอะไรผิดปกติ
กู่ฉิงซานมองเสี่ยวซีอย่างละเอียด ดวงตาของเขาพลันจับจ้องมือของเสี่ยวซี
เขาเห็นว่ามือที่รองศีรษะเอาไว้ แต่นิ้วข้างหนึ่งกลับชี้งอไปทางปิ่นปักผมบนศีรษะเล็กน้อย
กู่ฉิงซานมองตามนิ้วนางขณะมองไพ่
ปิ่นปักผมทำจากโลหะ แกะสลักรูปเทวดาสององค์เอนหลังเข้าหากัน
เทวดาสององค์…
นี่มันดูคุ้นเคยมาก เขาเคยเห็นเมื่อไหร่กันนะ
กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างหนักสักพัก ในที่สุดก็นึกถึงฉากหนึ่งขึ้นมาได้
ด้วยความคิด เขาพลันกล่าวว่า “กู่ฉิงซาน ผู้ส่งสารแห่งบาป ขอเปิดใช้งานโหมดเงาคู่”
ทันทีที่สิ้นเสียง แถวตัวอักษรขนาดเล็กพลันผุดขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“เพื่อใช้งานโหมดเงาคู่ ท่านต้องจ่ายพลังวิญญาณหนึ่งพันแต้ม ท่านแน่ใจหรือไม่”
กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าแน่ใจ”
เขาเห็นเทวดาสององค์บนไพ่ที่อยู่กับเสี่ยวซีกลายเป็นแสงแพรวพราวก่อนพลันหายไป
ไม่ผิดแน่ มันคือการปรากฏของไพ่เงาคู่!
นี่คือไพ่ที่เป็นของผู้ส่งสารแห่งบาป มีเพียงเสี่ยวซีกับตัวเขาเท่านั้น
ตอนนี้ แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ไพ่พิเศษ: เงาคู่ ทำงาน”
“ผู้ส่งสารแห่งบาปกู่ฉิงซานพยายามทำการประสาน”
“นางฟ้าแห่งการพิพากษา ชี กำลังพยายามประสาน”
“ทำการประสานสำเร็จ”
“โหมดเงาคู่ทำงาน”
ตัวอักษรหิ่งห้อยขนาดเล็กยังคงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“โหมดต่อสู้เงาคู่: ในโหมดต่อสู้นี้ ผู้ส่งสารแห่งบาปสองคนสามารถแบ่งไพ่ต่อสู้ รวมถึงประสบการณ์การต่อสู้จากไพ่ต่างๆ ให้กันได้”
“ท่านได้รับไพ่ระดับมรกต: สิทธิ์ในการใช้ไพ่ต่อสู้ของนางฟ้าแห่งการพิพากษา ชี”
กู่ฉิงซานข้ามคำพูดเหล่านี้แล้วกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ไม่เอาน่า เสี่ยวซี เจ้าอยากบอกอะไรข้ากันแน่”
เขายื่นมือไปในความว่างเปล่าเพื่อแตะอย่างแผ่วเบา
ไพ่ถูกเขาจั่วออกมา
เขาเห็นแผ่นเสียงเก่าๆ อยู่บนไพ่ใบนี้
นี่คือไพ่ที่เป็นของเสี่ยวซี ในโหมดเงาคู่ มันถูกกู่ฉิงซานจั่วออกมา!
กู่ฉิงซานโยนไพ่ออกไป
‘ปัง!’
ภาพถ่ายปรากฏตรงหน้าทุกคน
เสียงของเสี่ยวซีมาจากแผ่นเสียง
“กู่ฉิงซาน ข้าไม่รู้ว่านี่จะเป็นประโยชน์หรือไม่ แต่พละกำลังของข้ากำลังลดลงเรื่อยๆ ข้าไม่สามารถคิดหาทางอื่นได้แล้ว ข้าหวังเพียงแค่ว่าเจ้าจะสามารถได้ยินสิ่งที่ข้าพูด”
“มังกรมารรู้ว่าเจ้าจะกลับไปช่วยแม่นางเฮยไห่”
“มันเตรียมชุดเหรียญไว้ในมือตัวเองแล้ว อีกทั้งยังสั่งให้ลูกน้องจำนวนมากไปสอบถามเกี่ยวกับตำแหน่งของวิญญาณกรีดร้อง ข้าเกรงว่ามันตั้งใจจะร่วมมือกับวิญญาณกรีดร้อง”
“ข้าคิดว่ามันอยากกลับไปจุดเวลาในอดีตเพื่อรอ ทันทีที่เจ้าไป มันจะลอบโจมตีเพื่อฆ่าเจ้า!”
“กู่ฉิงซาน ระวังตัวด้วย!”
‘ปัง!’
หลังจากพูดจบ แผ่นเสียงกลับมาเป็นไพ่ก่อนลอยกลับมาอยู่ในมือกู่ฉิงซาน
………………….