ตอนที่ 1017 ชุดเกราะ
ประตูทองแดงปิดไล่หลัง
ความมืดมาเยือน
ไม่อาจมองเห็นรอบข้างได้
กลุ่มคนเหาะไปข้างหน้าตามเส้นทางลับ
“เจ้าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับซากปรักหักพังแห่งนี้หรือ” กู่ฉิงซานถาม
“ผนึกลับที่ตระกูลพวกข้าสืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณถูกประทับอยู่ในใจ หากไปถึงสถานที่ที่ข้องเกี่ยวในซากปรักหักพัง ผนึกจะคลายจนพวกเราสามารถทราบสิ่งที่เกี่ยวข้องได้” ราชาตอบ
กู่ฉิงซานชื่นชม “วิธีอันแสนวิเศษเพื่อหลบเลี่ยงการรั่วไหลของความลับโดยไม่ได้ตั้งใจ”
เขาไม่กังวลว่าราชาจะพูดโกหก
เขาละทิ้งผลประโยชน์ที่เป็นไปได้ทั้งหมดเพียงเพื่อขอข้อมูล
ตามสัญญา ทุกสิ่งที่ราชารู้จะต้องถูกบอกกล่าว
เส้นทางลับอันมืดมิดยาวไกลนัก
ทุกคนเหาะมานานก่อนจะลดความเร็วลง
มีหน้าผาอยู่ข้างหน้า
เหนือหน้าผาคือสายลมปั่นป่วนผสานกับไอเย็นเยือกที่แผ่ออกมาจากส่วนลึกของพื้นพัดหวีดหวิวอยู่ในความมืดที่มองไม่เห็น
เสาขนาดใหญ่ที่สูงถึงท้องนภาตั้งอยู่นอกหน้าผา เผยความน่าสะพรึงให้ทุกคนได้สัมผัส
ซากศพนับไม่ถ้วนถูกตรึงไว้กับเสา
หรือก็คือ เดิมทีเสาประกอบขึ้นจากซากศพ
ทั้งหมดเป็นซากศพที่ลึกลับและคาดเดาไม่ได้
เปลือกแมลงหนาทึบ
ซากศพมนุษย์ซ้อนทับและกอดกัน
สัตว์อสูรแปลกประหลาดที่เน่าเปื่อย
สัตว์ประหลาดหุบเหวที่แปลกพิลึกสุดจะคาดเดา
จำนวนไม่อาจนับได้
กู่ฉิงซานถึงขั้นเห็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากตำนานฝั่งฝึกฝนรวมอยู่ด้วย
เทียนหลง
เทียนหลงห้อมล้อมเสาซากศพเอาไว้ ร่างขนาดใหญ่เป็นสีเทาขาวราวกับตัวตนที่สูญสิ้นชีวิตไปแล้ว
เสาซากศพเหล่านี้ตั้งอยู่ในความมืดที่มองไม่เห็น มุ่งตรงสู่ท้องนภากว้างใหญ่ไม่มีสิ้นสุด
ทั้งบนและล่างต่างมีจุดหมายไกลสุดสายตา
ฉากนี้สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน
ราชากุมหน้าผากด้วยมือข้างหนึ่งขณะคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
เขาหักห้ามความเจ็บปวดขณะพึมพำว่า “อืม…ข้าสัมผัสได้ถึงความลับบางอย่าง ผนึกของมันถูกเผยแล้ว รอสักครู่”
ทุกคนยืนรออยู่กับที่
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ลอร่า เจ้าต้องสวมเกราะนะ”
ลอร่าตกตะลึง
นางสวมเกราะราชาหนามก่อน จากนั้นมาหากู่ฉิงซานแล้วมอบก้อนน้ำแข็งสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเท่าฝ่ามือให้
“นี่คืออะไร” กู่ฉิงซานถามอย่างสงสัย
สีหน้าลอร่าดูลึกลับ นางไม่ตอบตรงๆ แต่สื่อสารกับเขาทางจิตว่า “เจ้ายังจำตอนนั้นได้หรือเปล่า นอกหุบเหวที่แตกสลายของเศษเสี้ยวโลก ข้าเคยบอกว่ามีบางสิ่งที่ทรงพลังกว่าเกราะของราชากำลังเข้าใกล้พวกเราจากวังวน แต่ข้าก็ยังไปตกปลา”
“จำได้สิ ตอนนั้นพวกเราหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ สุดท้ายก็ตกปลาได้” กู่ฉิงซานกล่าว
“มันคือสิ่งนี้แหละ ข้ายังไม่รู้ประโยชน์ของมัน แต่รู้สึกได้ว่ามันเหนือกว่าเกราะทุกชุดของข้าอย่างแน่นอน เจ้าสามารถลองได้นะ” ลอร่ากล่าว
นางส่งก้อนน้ำแข็งไปให้กู่ฉิงซาน
ความเย็นก่อตัวขึ้น
กู่ฉิงซานถือก้อนน้ำแข็งเอาไว้ก่อนพบว่ามันคือคริสทัลน้ำแข็งใส มีบางสิ่งไหลรินอยู่ข้างใน ไม่อาจทราบได้ว่าเป็นกระแสน้ำหรือสิ่งอื่น มันยังคงไหลรินต่อไป
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“จักรวรรดิธาตุ บทเพลงแห่งราตรี เกราะส่วนตัวของราชาวิญญาณธาตุ: อ้อมกอดและคำชื่นชมแห่งน้ำแข็งราตรีนิรันดร์และสายลมปั่นป่วน”
“คำอธิบาย: นี่คือชุดศักดิ์สิทธิ์ที่สาบสูญสภาพไม่สมบูรณ์ ท่านไม่สามารถใช้คุณลักษณะได้อย่างเต็มที่”
“คำอธิบาย: นี่คือเทวภัณฑ์ ท่านต้องคุยกับวิญญาณวัตถุก่อนจึงจะทราบคุณลักษณะของมัน”
“หมายเหตุพิเศษ: วิญญาณอาวุธของเกราะชุดนี้หายไปเมื่อนานมาแล้ว แต่หน้าต่างระบบเทพสงครามมีบันทึกที่ข้องเกี่ยวกับเกราะชุดนี้อยู่ ท่านจึงรู้คุณลักษณะของมันดังต่อไปนี้”
“บทเพลงแห่งน้ำแข็ง: เมื่อใดก็ตามที่การโจมตีของศัตรูจะสัมผัสกับเกราะชุดนี้ ความเร็วการโจมตีของอีกฝ่ายจะลดลงสามเปอร์เซ็นต์จนกระทั่งถูกแช่แข็งอย่างสมบูรณ์ (ไม่พร้อมใช้งาน)”
“คำชื่นชมราตรีนิรันดร์: เมื่อราตรีคล้อยต่ำ พลังป้องกันของท่านจะเพิ่มขึ้นสามเท่า”
“บทเพลงแห่งสายลมเย็นเยือก: เมื่อใดก็ตามที่ท่านฆ่าศัตรู พลังวิญญาณทั้งหมดจะถูกปกคลุมรอบอาวุธของท่านเพื่อเสริมพลังการโจมตีในครั้งต่อไป (ไม่พร้อมใช้งาน)”
“คำชื่นชมของสายลมแห่งความโกลาหล: สายลมแห่งความโกลาหลจะห้อมล้อมท่านเพื่อทำลายการโจมตีของอีกฝ่ายจนสิ้น ใช้ได้หนึ่งครั้งในหนึ่งวัน”
กู่ฉิงซานมองด้วยความประหลาดใจก่อนถามว่า “หน้าต่างระบบเทพสงคราม ทำไมถึงมีความสามารถสองอย่างที่ไม่พร้อมใช้งานล่ะ”
‘ติ๊ง!’
สิ้นเสียงคมชัด หน้าต่างระบบเทพสงครามตอบว่า “เพราะเกราะชุดนี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ความสามารถครึ่งหนึ่งจึงไม่พร้อมใช้งาน แต่ท่านมีสองคำชื่นชมแล้ว น่าจะมากเกินพอ”
ทันทีที่สิ้นเสียง น้ำแข็งในมือของกู่ฉิงซานแตกร้าวจนกลายสภาพเป็นล่องหน
แถวตัวอักษรขนาดเล็กพลันผุดขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“การตัดสินเวลา: ราตรีมืดมิด”
“คำชื่นชมราตรีนิรันดร์และคำชื่นชมของสายลมแห่งความโกลาหลจะทำงานพร้อมกัน”
“ทุกการโจมตีของศัตรูที่ใส่ท่านจะถูกเกราะกำจัดจนสิ้น ใช้ได้สามครั้ง
กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงสายลมอันอ่อนโยนขณะขยับไปข้างหน้าและข้างหลังตามร่างกายของเขา
นี่คือชุดเกราะล่องหน
โห
นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว
เขาอดที่จะมองลอร่าไม่ได้
ตอนนี้ ลอร่านำชุดเกราะออกมาสามชุดก่อนส่งให้จางหยิงห่าว เย่เฟยหลีและเหล่าต้า
ชุดเกราะที่นางครอบครองแข็งแกร่งที่สุดในโลกเก้าร้อยล้านชั้น
ทุกคนขอบคุณนางคนแล้วคนเล่าก่อนสวมเกราะ
เย่เฟยหลีถอนหายใจ “โดยทั่วไปแล้ว ตามกฎของเกม เจ้าต้องฆ่าสัตว์ประหลาดทั้งหมดก่อนจึงจะได้รางวัลมา แต่พวกเราได้เกราะทรงพลังก่อนจะเริ่มต่อสู้มาเสียอย่างนั้น”
เขาสวมเกราะสีชาด ปีกมายาหนึ่งคู่อยู่ตรงแผ่นหลัง ทั่วร่างดูแปลกประหลาดมาก
ลอร่ายิ้มกว้างแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถต่อสู้ได้ ทำให้ต้องพึ่งการปกป้องจากเจ้าในอนาคต”
“ได้อยู่แล้ว ท่านราชินี” เย่เฟยหลีกล่าว
ตอนนี้ ราชาลืมตาขึ้นขณะมองกลุ่มเสาซากศพตรงหน้าแล้วกล่าวว่า
“ข้ารู้วิธีผ่านแล้ว”
เขาเดินมาสุดขอบหน้าผา คุกเข่าลงตรงหน้ากองหินแล้วกระซิบคำอธิษฐานของเทพแห่งชีวิต
ผ่านไปสักพัก
กองหินยังคงสั่นไหว
นอกหน้าผา แผ่นหินลอยขึ้นจากอากาศบาง
ราชายืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “พวกเราต้องยืนบนแผ่นหิน มันจะพาพวกเราข้ามป่าซากศพนี้ไปได้”
“จำเอาไว้ อย่าปล่อยพลังใดๆ ไม่อย่างนั้นจะดึงดูดสัตว์ประหลาดที่ไม่รู้จักมาได้”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
ลอร่าถามอย่างสงสัยว่า “หากใช้พลังแรงโน้มถ่วง มันจะเกิดอะไรขึ้นหรือ”
ราชาหยิบกล่องใบเล็กละเอียดอ่อนออกมาจากแขนเสื้อก่อนโยนไปในป่าซากศพที่อยู่ไกลออกไป
กล่องกระแทกกับเสาซากศพจนแตกสลาย เผยให้เห็นคัมภีร์ที่แผ่ความผันผวนพลังเวทมนตร์อยู่ข้างใน
‘อา!’
เสียงกรีดร้องนับพันล้าน
มีเสียงคำรามจากเสาซากศพทั้งหมด
ก่อนทุกคนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คัมภีร์หายไปในอากาศธาตุ
ซากศพทั้งหมดบนเสาซากศพคล้ายกับมีชีวิตขณะมองหาการเคลื่อนไหวใหม่ในทุกทิศทาง
ถึงขั้นมีแขนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยซากศพออกมาจากเสาซากศพ
แขนนี้คว้าออกไปในความว่างเปล่า
ความว่างเปล่าแตกสลาย
พวกกู่ฉิงซานยังคงเงียบขณะมองฉากนี้เงียบๆ
ราชาอดที่จะเช็ดเหงื่อเย็นจากหน้าผากไม่ได้
เขาแค่อยากสาธิตให้ดู ใครจะรู้ล่ะว่าสถานการณ์มันจะน่ากลัวที่คาดเอาไว้
“เห็นหรือยัง อย่าปล่อยพลังเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นมันจะถูกทำลายเป็นชิ้นๆ ทันที”
“แล้วการพูดล่ะ”
“การพูดไม่ได้สร้างความแตกต่างมากนัก แต่ข้าแนะนำว่าให้สื่อสารทางจิตจะดีกว่า”
ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
พละกำลังของแขนนั่นน่าสะพรึงเกินไป ให้ความรู้สึกว่าขัดขืนไม่ได้เมื่อมองดู
“เอาล่ะ ระวังด้วย ไปกันเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าว
เขากระโดดขึ้นไปบนแผ่นหินอย่างแผ่วเบา
ทุกคนทำตามก่อนไปยืนอย่างมั่นคง
ตอนนี้ราชาค้นพบสิ่งใหม่
พวกคนที่สำรวจซากปรักหักพังกับเขาล้วนสวมเกราะศึก
ใช่แล้ว เพื่อสำรวจซากปรักหักพังที่อันตราย แน่นอนว่าต้องสวมเกราะศึก
แต่ประเด็นอยู่ที่เกราะพวกนี้นี่แหละ!
สายตาของราชามองดูกลุ่มคน สายตาจ้องตรงไม่ขยับ
เขารู้จักของดี รู้จักเกราะที่ทรงพลังกว่าของจางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีด้วยซ้ำ
คนพวกนี้ไม่ได้แข็งแกร่ง
แต่ความสามารถพิเศษของพวกเขาทรงพลังมาก
แถมอุปกรณ์ยังดีมากด้วย
ดีมากจริงๆ
จางหยิงห่าวสังเกตเห็นสายตาของเขาจึงถามว่า “เจ้าดูอะไร มีปัญหาอะไรหรือ”
เขาสวมเกราะสีดำ ทั่วร่างซ่อนอยู่ในความว่างเปล่าเป็นครั้งคราว ดูลึกลับเป็นอย่างยิ่ง
ราชาเงียบไปนาน ในที่สุดก็กระซิบว่า “คือ”
“พูดมา”
“ที่จริงข้ามีปัญหาน่ะ”
“ทั้งที่เป็นราชาแท้ๆ”
“แต่ข้าก็มีความคิดในอุดมคติเช่นกัน”
“เจ้าก็รู้นี่ การเป็นราชามันยากมากเลยล่ะ ไม่ใช่ว่าข้าอยากจะเป็นจริงๆ เสียหน่อย”
จางหยิงห่าวสับสนจนอดถามไม่ได้ว่า “เจ้าพยายามจะพูดอะไรกันแน่”
“เจ้ายังรับคนอยู่หรือเปล่า”
ราชาถาม
……………………………………….