ตอนที่ 970 ร่ายรำ! ร่ายรำ! ร่ายรำ!
เครื่องสายขยับ
ท่วงทำนองเล็กๆ เป็นจังหวะดังก้องอยู่ในหู ราวกับเป็นสิ่งที่ไปสะกิดใจเรา ทำให้ผู้คนอดที่จะอยากร่ายรำตามไม่ได้
ขาของกู่ฉิงซานขยับตามจังหวะโดยไม่ได้ตั้งใจ
ดนตรีอันแผ่วเบาพลันหายไป
เสียงเบสหนักแน่นพลันดังก้อง
ควบคุมไม่ได้แล้ว!
กู่ฉิงซานยืนขึ้นทันทีก่อนเดินไปกลางสถานที่จัดงาน
บนลานจัดพิธี
กู่ฉิงซานเดินมาอยู่ระหว่าง “ลอร่า” และเย่เฟยหลี
ในฐานะอารักขา เขาพลันลุกขึ้นมาขัดขวางพิธีการกระทำเช่นนี้ทำให้สะดุดตาผู้คนเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งแขกในงาน ผู้ชมถ่ายทอดสดของโลกเก้าร้อยล้านชั้นและแม้กระทั่งมังกรมารที่อยู่นอกท้องนภา
คำถามเดียวกันก่อเกิดในใจของทุกคน
อารักขาคนนี้มันทำบ้าอะไร
“ลอร่า” พบสิ่งผิดปกติ หลังจากครุ่นคิดสักพัก นางเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ทันที
มันจบแล้ว
การร่ายรำของนายท่านถึงกับเริ่มทำงานในเวลานี้
หัวใจของฉานนู่ดิ่งวูบ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
เมื่อหันกลับมามองดูกู่ฉิงซาน เขาดีดนิ้วอย่างควบคุมไม่ได้ขณะฟังบางอย่างอยู่
เขากำลังฟังผู้ชายคนนั้น
ชายชราสผู้สอนระบำสังเวยชีพให้เขา ผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ
“เร็วเข้า เตรียมตัวให้พร้อม การร่ายรำกลุ่มกำลังจะเริ่มแล้ว”
น้ำเสียงจริงจังของชายชราดังในหูของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานตะโกนในใจอย่างบ้าคลั่งว่า “ตอนนี้มันช่วงเวลาสำคัญที่สุดเลยนะ ทำไมท่านไม่ส่งสัญญาณให้เร็วกว่านี้!”
ชายชราตอบว่า “โยนความคิดไร้สาระของเจ้าทิ้งไป ข้าบอกได้เลยว่าเรื่องไร้สาระตรงหน้าเจ้าตอนนี้ไม่สำคัญเท่ากับระบำสังเวยชีพ!”
“แต่ข้าจะไปทำร้ายคนจำนวนมากที่อยู่ที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจน่ะสิ!” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไม่ขนาดนั้น นี่เป็นการร่ายรำของเจ้าครั้งแรก การร่ายรำหมู่นี้ต้องการสองคน เจ้าต้องรีบแต่งตั้งคนคนนั้น หากสายเกินไป เจ้าได้เจอปัญหาแน่” ชายชรากล่าวอย่างแตกตื่น
กู่ฉิงซานเห็นถึงความร้อนรนในน้ำเสียงนั่น
พูดตามตรง กู่ฉิงซานเข้าใจอยู่เต็มอกเช่นกันว่าการร่ายรำนี้ห้ามถูกขัดขวางโดยเด็ดขาด
หากแม้แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดยังหวาดกลัว เช่นนั้นเขาก็คงจะทำตัวชักช้าไม่ได้จริงๆ
“สองคนหรือ แล้วจะเลือกยังไงล่ะ” กู่ฉิงซานรีบถาม
“ใช้ใจเจ้าเลือกสิ! เจ้าโง่!”
“ได้”
กู่ฉิงซานไม่ลังเลที่จะจับจ้องไปยังจางหยิงห่าวและเย่เฟยหลี
ไม่มีทางแล้ว ตอนนี้ต้องพึ่งพวกเขาแล้ว
ด้วยทางเลือกนี้ ชายชราหัวล้านตะโกนเสียงดังว่า “โอ้ เฮ้!”
นี่คล้ายกับเป็นสัญญาณ
กู่ฉิงซานว่าพบว่าเกราะทั้งหมดบนร่างได้หายไปแล้ว
เขาสวมชุดคลุมหรูหราขอบทองกับหน้ากากสีขาวที่มีเส้นสีดำสามเส้นแยกออกมา ทำให้ดูเหมือนใบหน้าร่ำไห้
แต่เย่เฟยหลีและจางหยิงห่าวเปลี่ยนเป็นชุดดำขอบแดง พวกเขาสวมหน้ากากสีขาวบนใบหน้าเช่นกัน เส้นสีดำสามเส้นก่อเกิดเป็นใบหน้ารอยยิ้ม
แต่งตัวหรือ
กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้า
นี่เป็นการเปิดเผยความรู้สึกของพิธีกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อนได้อย่างไร
บัดซบเอ๊ย การร่ายรำนี้ต้องใช้ความรู้สึกของพิธีกรรมด้วย!
ถ้าอย่างนั้น หรือจะมีบางสิ่งที่พิเศษเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
อีกด้าน จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีก็ไม่ได้นิ่งนอนใจเช่นกัน
“เฟยหลี นี่มันสถานการณ์อะไร ความสามารถของเจ้าหรือ”
จางหยิงห่าวกระซิบ
หลังจาถามเสร็จ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหยุดขยับขาตามกู่ฉิงซานได้
เย่เฟยหลีกล่าวด้วยความสับสนเช่นกัน “ไม่ได้เกี่ยวกับข้าเลย ข้ายังอยากจะถามเจ้าด้วยซ้ำ”
ขณะกล่าว เขายกมือขึ้นจับก้น
อีกครั้ง
อีกครั้ง
และอีกครั้ง
เมื่อพวกเขาทั้งสองเห็นการกระทำของอีกฝ่าย พวกเขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
พวกเขารู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทำแบบนั้นแน่
จางหยิงห่าวอดที่อยากจะคว้าปืนพกขึ้นมาไม่ได้ แม้กระทั่งนักฆ่าอย่างเขาก็เริ่มแตกตื่นขึ้นมา
ตอนนี้กู่ฉิงซานไม่มีทางเลือกนอกจากพูดกับพวกเขาสองคนว่า “การร่ายรำนี้เคยช่วยชีวิตข้าเอาไว้ พวกเจ้าต้องร่ายรำแบบนี้ร่วมกับข้าถึงจะทำให้ข้าสามารถรอดชีวิตได้”
“ว่าไงนะ!”
จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีอุทานเสียงหลง
พวกเขาคิดว่ามันเป็นแค่พลังแปลกประหลาด ใครจะรู้ล่ะว่ามีชีวิตของกู่ฉิงซานเป็นเดิมพัน
ตอนนี้ ดนตรีประกอบดังก้องในหูของพวกเขา
ตึงๆ! ตึงๆ โป๊ะ!
ตึงๆ! ตึงๆ โป๊ะ!
ชายชราพลันมองท้องนภาแล้วคำรามออกมา “โอ้ๆ ”
หลังจากนั้น เสียงอิเล็กทรอนิกส์ทรงพลังพุ่งเข้ามา
จังหวะหนักทำให้ทั้งสามพยักหน้าตามดนตรีอย่างต่อเนื่อง
เส้นขนของพวกเขาค่อยๆ ตั้งขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น”
จางหยิงห่าวพยักหน้าขณะถามอย่างจริงจัง
“สรุปสั้นๆ ละกัน การร่ายรำนี้สามารถกำจัดพลังชั่วร้ายในร่างกายข้าได้”
กู่ฉิงซานผ่านไปได้ครึ่งทาง แขนกางออก ขยับเป็นระลอกคลื่นขณะพยายามทำท่าวิหคโผบิน
เย่เฟยหลีทำตาม
จางหยิงห่าวทำตาม
กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ข้าต้องการนักเต้นสองคนมาทำให้พิธีนี้เสร็จสมบูรณ์เพื่อกำจัดสิ่งชั่วร้าย”
เขาเสริมว่า “อย่าห่วงไปเลย ครั้งนี้พวกเจ้าไม่ต้องออกแรงเอง เพราะพละกำลังของพวกเจ้าอ่อนแอเกินไป กฎเกณฑ์ลึกลับจะควบคุมร่างกายของเจ้าเพื่อทำการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องให้”
จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีมองหน้ากันขณะกางแขนออก
กู่ฉิงซานไม่มีทางโกหกเรื่องที่จริงจังแบบนี้แน่นอน
พวกเขาจึงไม่มีอะไรโต้แย้ง
ถ้าเพื่อช่วยกู่ฉิงซานแล้ว การร่ายรำนี้ก็ต้องทำให้สำเร็จ
โชคดี โชคดีแค่ไหนที่พวกเขาสวมหน้ากาก
แบบนี้ก็จะไม่มีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริง
เพราะโลกเก้าร้อยล้านชั้นกำลังจับตาดูพวกเขา
ไม่อย่างนั้นในอนาคต เวลาพวกเขาจะต้องเดินทางไปทั่วทุกทิศแล้วพบเจอกับผู้คนมากมาย มีหวังโดนหัวเราะเยาะจนตายก่อนจะทันได้พูดอะไรแน่ นี่ช่างเป็นเรื่องที่อาจหาญเกินไป แถมสิ่งที่พวกเขาทำก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาได้เรียนรู้จริง ๆ ด้วย
“ข้าไม่เป็นไร” จางหยิงห่าวกล่าว
“ข้าก็เหมือนกัน” เย่เฟยหลีกล่าว
กู่ฉิงซานกล่าวทันทีว่า “เจ้าช่วยทีสิ ฉานนู่ เริ่มจากประกาศว่านี่เป็นการเต้นตามพิธีเพื่อเรียกขวัญให้ทุกคน”
“อา ได้” ฉานนู่รีบตอบรับ
นางกล่าวกับแขกทุกคนที่นั่งรับชมรวมถึงผู้รับชมในโลกเก้าร้อยล้านชั้นว่า “ขั้นตอนต่อไป เชิญรับชมการเต้นตามพิธีของพวกเราเผ่าวิหคหนาม”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง
กลายเป็นว่านี่คือการเต้นตามพิธีของเผ่าวิหคหนาม
ผู้ชมส่งเสียงเชียร์และปรบมือก่อนลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้กระทั่งพิธีแต่งตั้งก็ต้องมีการเต้นพิเศษ
พิเศษเกินไปแล้ว!
บนท้องนภา เผ่าพันธุ์เทพกำลังกระซิบเช่นกัน
“จับตาดูไว้”
ผู้นำเผ่าพันธุ์เทพสั่ง
ในสถานที่ลับของตำหนักลอร่าลอบภาวนาด้วยความไม่เต็มใจ
นางดูสำนึกผิดยิ่งนัก
“ท่านพ่อ อภัยให้ข้าด้วย ข้าทำให้ชื่อเสียงวิหคหนามป่นปี้แล้ว…”
บนลานพิธี “ลอร่า” ลงจากเวทีเพื่อหนี
มีเพียงสามคนที่ยังอยู่บนเวที
ทันใดนั้น ทุกคนรวมถึงนางก็ได้ยินเสียงอิเล็กทรอนิกส์อันหนักหน่วง
กู่ฉิงซานกล่าวในใจเงียบๆ ว่า “มาเริ่มกันเลย”
ชายชราหัวล้านตะโกนว่า “สาม สอง หนึ่ง กระโดดพร้อมกัน!”
คลื่นเสียงรุนแรงและหนักแน่นปกคลุมทั่วทั้งฉาก
กู่ฉิงซานและคนอื่นเริ่มร่ายรำตามจังหวะ
การเคลื่อนไหวของพวกเขารวดเร็วและหมดจด มีการสอดประสานร่วมกันจนค่อยๆ เกิดเป็นภาพติดตา
ทันทีที่ภาพติดตาปรากฏขึ้น เขาพบว่าตัวเองอยู่บนเวทีและกำลังเข้าร่วมการร่ายรำ
มีภาพติดตามากมาย
ชายชราหัวล้านนับอยู่ด้านข้างก่อนตะโกนอีกครั้งว่า “นี่คือพลังเงาของข้า ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเจ้าระบำสังเวยชีพได้เสร็จสมบูรณ์ เป็นท่ายากมากเลยล่ะ!”
ทั้งสามคนบนเวทีได้ยินคำพูดดังนั้นจึงทำการออกลวดลายการเต้นแท็ป ร่างกายของพวกเขาเอียงได้องศา
หลังจากนั้น
บิด!
บิด! บิด! บิด!
ระบำหน้าท้องเวอร์ชันเกรี้ยวกราด!
พวกเขาสามคนทุ่มพละกำลังทั้งหมดที่มีขณะเหงื่อไหล
ในที่สุด เงาสุดท้ายก็ปรากฏขึ้น
เงาเก้าร่าง
รวมกับพวกกู่ฉิงซานสามคน
มีนักเต้นทั้งหมดสิบสองร่าง
ตอนนี้กลายเป็นการร่ายรำหมู่ของแท้
ตึงๆ โป๊ะ!
ตึงๆ โป๊ะ!
ดนตรีเร่งเร้าขึ้น
การร่ายรำเดือดดาลมากขึ้นเล่นกัน
การเคลื่อนไหวของนักเต้นสิบสองคนเปี่ยมด้วยพลัง พวกเขาพร้อมเพรียงทุกท่า ทำให้ผู้คนมองเห็นความเป็นหนึ่งเดียว
หลังจากกระโดดอย่างสุดแรงเกิด
กู่ฉิงซานพลันยื่นมือออกไป กางมือขึ้นแล้วโบกให้กับผู้ชมทุกคน
จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีผู้อยู่ข้างเขาเริ่มโบกมือเช่นกัน
เงาอีกเก้าร่างโบกมือ
“ในที่สุดช่วงเวลานี้ก็มาถึง”
ชายชราหัวล้านถอนหายใจแล้วพลันแผดเสียงคำรามแหบพร่าออกมา
“การสังเวยเจตจำนงชีพ ในสถานการณ์วันสิ้นโลกหลังจากผ่านมาหลายร้อยล้านปี ข้าทำอะไรไม่ได้ แต่ด้วยการระบำสังเวยอันศักดิ์สิทธิ์และสูงศักดิ์ยิ่งนี้ ข้าขอก้มกราบวิงวอนเพื่อท่าน”
“จงมา”
เขายังคงตะโกนราวกับคนบ้า ท่าทีไม่แปรเปลี่ยนแต่อย่างใด
หลังจากนั้น
บางสิ่งที่น่าทึ่งได้เกิดขึ้น
เว้นเพียงนักเต้นสิบสองคน ผู้ชมต่างเงียบกริบ
ทุกคนตกอยู่ในสภาพเฉื่อยชา
ในฉากดังกล่าว ผู้ชมทั้งหมดของโลกเก้าร้อยล้านชั้นที่เห็นหรือได้ยินตัวตนของดนตรีร่ายรำนี้ล้วนตกอยู่ในสภาพเฉื่อยชา
ผู้ชมที่อยู่ใกล้กู่ฉิงซานที่สุดคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิระหว่างดวงดาวแห่งหนึ่ง เขากล่าวโดยไม่สบตาว่า
“ข้าอยากทำสัญญากับอาณาจักรหนาม ทำแบบนี้ จักรวรรดิของข้าก็จะไม่ตกต่ำ”
กลุ่มอำนาจจ้าวโลกข้างเขากล่าวเช่นกันว่า “ข้าด้วย! ข้าต้องขอคุยกับเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรหนามเสียหน่อย ให้พวกเขายอมให้ข้าเลือกอาวุธจากคลังสมบัติของอาณาจักรหนามที”
คนที่พูดต่อมาคือหญิงสาวผู้มีท่วงท่างดงามเป็นสง่ายิ่ง
“ข้าอยากรู้จักลอร่าและจะพยายามสุดความสามารถเพื่อให้นางยินดี คงดีไม่ใช่น้อยถ้านางมาเยือนโลกข้าในฐานะแขก ไม่ว่ายังไงก็อยากให้นางได้แต่งงานกับลูกชายของข้า”
ผู้คนเริ่มพูดถึงความปรารถนาของเขา
……….……….……….……….