ตอนที่ 937 วิชาโลกที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ขณะมองการ์ดตรงหน้า กู่ฉิงซานสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนพยายามสงบสติ
เขาแยกการ์ดสี่ใบที่เป็นตัวแทนดิน น้ำ ไฟและลมออกมาวางเป็นแถวอย่างระเบียบ
จากนั้นเขาเริ่มหลับตาเพื่อปรับลมหายใจ
ผ่านไปสักพัก
เมื่อกู่ฉิงซานสัมผัสได้ว่าสภาพของเขาปรับจนถึงขีดสุดแล้ว เขายื่นมือออกไปเพื่อเริ่มใช้การ์ดต่อสู้อย่างเป็นทางการ
อย่างแรก ดิน น้ำ ไฟและลมเป็นโลกพื้นฐาน
เขานำการ์ดสี่ใบรวมกัน
การ์ดสี่ใบตรงหน้าเขาสร้างต้นแบบของโลกที่เต็มไปด้วยแสงและเงาเช่นกัน
กู่ฉิงซานหยิบการ์ดก่อนประกอบเข้าด้วยกัน
นี่คือการ์ดใบเดียวที่มีชื่อว่า “หัวใจมนุษย์”
การ์ดนี้จะทำให้กู่ฉิงซานสามารถสร้างโลกที่แตกต่างไปตามความคิดของตัวเองได้
หลังจากมาถึงขั้นนี้ กู่ฉิงซานหยิบการ์ดออกมาอีกสองใบ
ต่อมาโลกจะต้องสามารถสลับไปมาระหว่างภาพลวงตากับความเป็นจริง ตอนนี้เขาต้องรวม “แดนฝันลวงตา” และ “เนตรสัจจะ” เข้าด้วยกัน
เมื่อการ์ดสองใบนี้รวมเข้าด้วยกัน ภาพทั้งหมดเริ่มปรากฏขึ้นในโลกที่มีแสงระยิบระยับ
ความเสมือนและความจริงของโลกก่อตัวขึ้น
กู่ฉิงซานหยิบการ์ดมาอีกใบ
“ผู้สังเกตการณ์ภาพลวงตา”
การ์ดใบนี้ทำให้เขาสังเกตการณ์คนอื่นได้ อีกทั้งยังทำให้คนอื่นรู้สึกถึงภาพลวงตาและความเป็นจริงที่สร้างขึ้นโดยเขา
เมื่อทุกสิ่งสามารถมองเห็นและรู้สึกได้ เขาสามารถดึงผู้คนเข้าสู่โลกหรือเดินไปพร้อมกับผู้คน
ในกรณีนี้อ้อมกอดของตาข่ายเวทมนตร์จะต้องถูกเสริมเข้ามา
กู่ฉิงซานประกบการ์ดเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การชี้นำของเขา การ์ดทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นอย่างดีก่อนค่อยๆ เกิดเป็นภาพโลกขึ้นมา
โลกห้อยโหน
กู่ฉิงซานมองโลกห้อยโหน จิตของเขาขยับ
โลกทั้งใบเปลี่ยนไปกลายเป็นอาบรูซิ
จิตของกู่ฉิงซานขยับอีกครั้ง
ด้วยความคิดของเขา โลกเปลี่ยนเป็นตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก
ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก!
กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย
โลกที่สร้างจากการ์ดพิเศษอาจหายากมากแม้แต่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้น
ตอนนี้เขาสามารถเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายได้แล้ว
เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย
กู่ฉิงซานกลั้นหายใจขณะมองโลกแสงและเงาที่เกิดจากการ์ด
ภายใต้การมองของเขา โลกทั้งใบพลันหายไป
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ท่านใช้การ์ดโลกภายในเพื่อสร้างโลกขึ้นมา”
“ท่านหลอมรวมโลกใบนี้ด้วยเนตรดาบ สร้างโลกที่สมบูรณ์ด้วยกฎเกณฑ์ของโลกภายใน”
“เนตรดาบของท่านเปลี่ยนไป”
“ท่านสร้างวิชาโลกใหม่ขึ้นมา โปรดตั้งชื่อวิชานั้นด้วย”
กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ไม่มีคำอธิบายสำหรับวิชาเนตรนี้เลยหรือ?”
แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ท่านไม่รู้จักความสามารถที่สร้างขึ้นมาเองงั้นหรือ?”
กู่ฉิงซานตอบตามตรงว่า “การผสมการ์ดคือความเป็นไปได้ไม่มีสิ้นสุด ข้าไม่รู้จริงๆ ว่านี่คือความสามารถอะไร”
แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นอีกครั้งบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“มีเพียงทวยเทพเท่านั้นที่รู้ว่าความสามารถที่ท่านสร้างคืออะไร ข้าไม่เคยเห็นวิชาสร้างโลกแบบนี้มาก่อน ท่านจะมาคิดว่าข้ารู้จักวิชานี้ทั้งที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนไม่ได้”
กู่ฉิงซานเงียบ
เห็นได้ชัดว่านี่คือวิชาสร้างโลกที่ใช้ผู้ส่งสารแห่งบาปเป็นตัวตน การ์ดของโลกภายในเป็นกฎเกณฑ์พื้นฐาน ผสานเข้ากับโลกที่สร้างจากเนตรสัจจะฟาดฟันวิญญาณตัวเอง จากนั้นหลอมรวมทั้งหมดจนเกิดเป็นวิชาสร้างโลกขึ้นมา
ถึงแม้ทุกกระบวนการจะชัดเจน แต่เขายังไม่สามารถรู้ได้ว่าความสามารถที่พัฒนาขึ้นคืออะไร
แม้กระทั่งระบบเทพสงครามก็ไม่รู้ว่านี่คืออะไร
“นี่ ข้าต้องการคำใบ้หน่อย” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างไม่พอใจ
แถวข้อความออกมาจากหน้าต่างระบบเทพสงครามอีกครั้ง
“ท่านต้องพยายามเข้าใจและฝึกฝนความสามารถนี้ด้วยตัวเอง อีกอย่างท่านต้องมอบชื่อวิชาให้กับโลกใบนี้ ข้าอยากเก็บมันเอาไว้”
หลังจากแถวข้อความนี้ปรากฏขึ้น ไม่ว่ากู่ฉิงซานจะถามเท่าไหร่ หน้าต่างระบบเทพสงครามก็ไม่ให้ความสนใจเขาอีก
กู่ฉิงซานถอนหายใจแล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความสามารถนี้คืออะไร แล้วข้าจะไปตั้งชื่อให้มันได้ยังไง?”
เขาหยิบยาเม็ดออกมา ใส่มันเข้าปากแล้วเริ่มหลับตาลงเพื่อปรับลมหายใจ
ก่อนจะหลบหนีออกจากมหาภัยพิบัติ เขาใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์เพื่อปรับการฝึกฝนกลับไปเป็นขั้นต้นของระดับสามพันโลก
ตอนนี้ รีบสร้างโลกกันดีกว่า!
ต่อมากู่ฉิงซานทะลวงพลังด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เขาก็ไปถึงขั้นกลางระดับสามพันโลกแล้ว
ยังไงเสียเขาก็ประสบกับการเลื่อนขั้น เขาคุ้นเคยกับกระบวนการทั้งหมด เขาเพียงต้องพัฒนาพลังวิญญาณต่อไป
หลังจากพัฒนามาถึงขั้นกลางของระดับสามพันโลกได้สำเร็จ กู่ฉิงซานหยุดชั่วคราว
ตอนนี้เขาต้องระแวดระวัง ไม่รีบพัฒนารวดเดียวเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเพราะพลังไม่มั่นคง
ยังไงเสีย มหาภัยพิบัตินั้นน่ากลัวมาก
กู่ฉิงซานยืนขึ้น เดินอยู่ขอบดาดฟ้า มองวังวนความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด
สิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดนับพันรีบเข้ามาในความว่างเปล่า
จุดจบกำลังใกล้เข้ามา ความว่างเปล่ามีชีวิตชีวา
ตอนนี้ เสียงของลอร่าพลันมาจากด้านหลัง
“กู่ฉิงซาน ข้าได้รับข้อความ”
กู่ฉิงซานหันมามอง
เขาเห็นลอร่าขึ้นมาบนดาดฟ้าก่อนเดินมาหา
“ข่าวอะไรหรือ?” กู่ฉิงซานถาม
“เกี่ยวกับเย่เฟยหลีตัวจริง ข้าพบร่องรอยของเขาจากลูกน้องน่ะ” ลอร่ากล่าวด้วยใบหน้าแปลกประหลาด
“น่าแปลก เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในโลกดั้งเดิม คนของเจ้าจะตามหาเจอได้ยังไง” กู่ฉิงซานสงสัย
ลอร่าพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ของเย่เฟยหลี
ความจริง ต่อหน้าอาณาจักรหนามที่ครอบครองความแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แทบทุกสิ่งในโลกเก้าร้อยล้านชั้นไม่สามารถซ่อนตัวได้
เดิมสิ่งที่เกี่ยวกับข้อมูลเป็นธุรกิจที่ดีมากมาตลอด
หนามวิหคไม่เคยขาดเงิน
หลังจากฟังการสรุปของลอร่าแล้ว กู่ฉิงซานยิ้มแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ก็ยังสามารถให้ใครบางคนพาเขาไปอาณาจักรหนามเพื่อให้มารวมกับพวกเราได้ ข้าว่าจางหยิงห่าวจะต้องรีบมาเมื่อทราบข่าวอย่างแน่นอน”
“พวกเขาล้วนเป็นสหายเจ้าหรือ?”
“ใช่ ข้ามีสหายที่ดีมาก แถมประสบหลายสิ่งมาด้วยกัน”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะตระเตรียมให้” ลอร่ากล่าวขณะเดินไปที่ห้องพัก
กู่ฉิงซานรู้สึกดีขึ้น
ถ้าจางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีสามารถสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันได้ แรงกดดันของพวกเขาจะลดลงไปมาก
ใครบ้างไม่อยากมีสหายที่พึ่งพาได้อยู่ข้างกาย
ตอนนี้ กู่ฉิงซานพลันพบว่าสีหน้าของหลินผิดปกติเล็กน้อย
นางคล้ายกับนึกถึงบางสิ่ง ถึงแม้ใบหน้าจะยังสงบ แต่ร่องรอยความเศร้าโศกยังปรากฏในดวงตาของนาง
กู่ฉิงซานมองในดวงตาของหลินและเตรียมจะพูดบางอย่างเพื่อเบนความสนใจของนาง
ตอนนี้กู่ฉิงซานพลันสัมผัสถึงบางสิ่งได้
ความคิดหนึ่งที่ไม่ได้เป็นของเขาเข้าสู่จิตใจ
ในเวลาเดียวกัน หลังจากสร้างวิชาโลกใหม่สำเร็จจนตกอยู่ในความเงียบ มันก็ทำงานขึ้นมา!
เป็นเพราะเขาสบตากับหลินจนตรงตามเงื่อนไข กลายเป็นแรงบันดาลให้กับวิชานี้หรือเปล่า
กู่ฉิงซานลอบครุ่นคิด
นี่เป็นโอกาสดีที่จะเข้าใจความสามารถนี้
เขาอดที่จะใช้วิชานี้ต่อไม่ได้ก่อนเริ่มขั้นต่อไปในการเปลี่ยนจากโลกเสมือนเป็นโลกจริง
ทันใดนั้น
หลิน เรือใบ กระแสวังวนความว่างเปล่าและทุกสรรพสิ่งหายไปจากดวงตาของกู่ฉิงซาน
โลกทั้งใบจางหายไปจากเขา
ไม่มีอะไร
หลังจากนั้น โลกอีกใบปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาด้วยความเร็วแสง
ท้องนภาลุกเป็นไฟด้วยสีดำและแดง
ควันหนาทึบลอยมา
ปฐพีขยับไปมาอยู่ตลอดเหมือนกับเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง
กู่ฉิงสัมผัสได้เล็กน้อย เขาเงยหน้ามองก่อนเห็นหลินอยู่ไม่ไกลนัก
หลินสวมเกราะที่แตกหักขณะคุกเข่าอยู่ตรงหน้าผู้หญิงที่กำลังตาย
มีซากศพทุกหนแห่ง
ศพมนุษย์
“ขอร้องล่ะ อย่าตายนะ รออีกนิดเดียว บางทีช่องทางการสื่อสารน่าจะเปิดได้ในไม่ช้า” หลินกอดผู้หญิงเอาไว้ พยายามข่มน้ำเสียงแล้วขอร้องอย่างแผ่วเบา
หยาดน้ำตาไหลอาบใบหน้า
ผู้หญิงยกมือขึ้นเพื่อเช็ดคราบน้ำตาจากใบหน้าหลินอย่างไม่เต็มใจ
“เปล่าประโยชน์ พวกเราจะตายกันหมด มีเพียงเจ้าที่สามารถใช้ชีวิตได้ถ้าหากปรับตัวในหุบเหว”
ผู้หญิงยิ้มเคร่งขรึมขณะกล่าวเช่นนั้น
หลินอดที่จะร้องไห้ไม่ได้
“พวกเจ้าถูกฆ่าก็เพราะข้า ข้าเป็นคนพาพวกเจ้ามาที่นี่” นางคร่ำครวญ
นางกล่าวเช่นนั้นพร้อมหยิบกริชออกมาแทงหัวใจ
ผู้หญิงใช้พละกำลังสุดท้ายเพื่อคว้ามือของหลินเอาไว้
“อย่าโทษตัวเองเลย…หลิน เจ้าต้องสัญญากับข้านะว่าจะไม่รนหาที่ตาย ต้องเข้มแข็งเข้าไว้”
ผู้หญิงกระอักโลหิตออกมาขณะกล่าวต่อว่า “หลิน ถ้าเจ้าตายไปด้วยอีกคน ความตายของพวกข้าทั้งหมดก็จะสูญเปล่า”
“มีชีวิต มีชีวิตเพื่อพวกข้าทุกคน…”
เสียงของผู้หญิงเลือนหาย
นางตายแล้ว
หลินนิ่งไปสักพัก ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วกรีดร้องออกมา “อ๊าก!”
หยาดน้ำตาและโลหิตไหลออกมาจากดวงตา
บรรยากาศที่อธิบายไม่ได้รวมตัวจากทุกทิศทางก่อนจมเข้าสู่ร่างของนาง
ร่างของนางค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนไป
นางกลายเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งมนุษย์ครึ่งแมงมุม!
“ข้าจะตายไม่ได้! ข้าอยากแก้แค้นให้ทุกคน!”
ทั่วโลกดังก้องด้วยน้ำเสียงสิ้นหวังของนาง
กู่ฉิงซานมองฉากตรงหน้าด้วยความตกตะลึงก่อนจะทันตอบสนอง
หลินในร่างหุบเหว ซากศพทุกทิศทาง โลกที่ไม่รู้จัก ทุกสิ่งหายไปจากดวงตาของเขา
เพียงพริบตา โลกเดิมก็กลับมา
กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองยังยืนอยู่บนดาดฟ้าและกำลังมองหลิน
คล้ายกับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
กู่ฉิงซานเช็ดเหงื่อเย็นจากหน้าผากก่อนสัมผัสรอบข้าง
ใช่ นี่คือโลกจริง
เวลาคล้ายกับผ่านไปเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
แล้วเมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ
เขาจับความคิดที่เป็นของหลินได้ จากนั้นก็สร้างเป็นโลกเสมือนจริงขึ้นมาอย่างนั้นหรือ
วิชาโลกนี้มันคืออะไรกันแน่!!!
ไม่ ใจเย็นๆ ก่อน
ใจเย็น
ความสำเร็จไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก
ถ้าอยากเข้าใจความสามารถของวิชาโลกนี้อย่างถ่องแท้ เขาต้องลองอีกหลายครั้ง…
ตอนนี้ หลินสังเกตเห็นสายตาของเขาก่อนถามว่า “เจ้ามองข้าแบบนี้ มีอะไรอยากบอกข้าหรือเปล่า”
“เปล่า ข้าแค่คิดว่าเจ้าดูเหมือนจะเสียใจอยู่น่ะ” กู่ฉิงซานตอบอย่างสงบ
“ไม่ใช่สิ่งที่ต้องกังวลไป แค่นึกถึงบางสิ่งในอดีตเท่านั้นเอง”
หลินกล่าวอย่างสงบ
กู่ฉิงซานนิ่งจนอดที่จะโน้มน้าวไม่ได้ว่า “อดีตผ่านไปแล้ว ทำไมถึงยังคิดให้มากความอีก”
หลินมองเขาก่อนส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “แต่มีบางสิ่งที่ปล่อยผ่านไปไม่ได้ มันอยู่ในใจเสมอ ข้าจะจดจำมันไว้ตลอดเวลาเพราะรู้ว่าหากลืมมันไปจะเท่ากับเป็นการทรยศอดีตตัวเอง”
กู่ฉิงซานเงียบ
หลินเดินไปที่ราวบันไดของเรือใบเพียงลำพัง พิงกับราวขณะมองความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุดนอกเรือ
นางดูโดดเดี่ยวมาก
........................................