ตอนที่ 798 ดาบพิภพจะต้องไม่ตาย
ชายชราผมขาวสังเกตสีหน้าของกู่ฉิงซาน
จนกระทั่งคิ้วของกู่ฉิงซานไม่ขมวด ชายชราจึงกล่าวอย่างระแวดระวังว่า “ตามที่ท่านขอ ข้าบอกทุกสิ่งที่ข้ารู้ไปหมดแล้ว”
“ขอร้องล่ะ ปล่อยข้าไปเถอะ!”
ขณะพูด ชายชราหลั่งน้ำตาออกมา
กู่ฉิงซานไม่พูดสักคำ เพียงแค่ออกแรงดึง
คทาราชาแห่งความตายออกจากร่างของชายชราก่อนถูกเก็บกลับเข้าสู่ความว่างเปล่าโดยกู่ฉิงซาน
ชายชราเหาะกลับทันที
ขณะเหาะกลับ เขารีบขยับแสงสีม่วงบนร่างกาย
ด้วยความช่วยเหลือของพลังนิรันดร์ ชายชราผมขาวกลับสู่คนเป็นอีกครั้งหลังจากผ่านไปเพียงชั่วอึดใจ
ตอนนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโล่งอก
คทานั่นน่าสะพรึงกลัวเกินไป มันสามารถครอบงำเขาที่เป็นคนตายได้อย่างสมบูรณ์
จนกระทั่งเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง ความกลัวและความสิ้นหวังในใจจึงค่อยๆ หายไป
แต่ว่า
คนแบบนี้ใสซื่อเกินไป ทำแบบนี้ไม่เท่ากับฆ่าตัวเองหรอกหรือ
ชายชราเผยความสงสัยบนใบหน้าจนอดที่จะถามไม่ได้ “ท่านไม่ฆ่าข้าจริงๆ ใช่หรือไม่”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าปฏิบัติตามหลักข้อแลกเปลี่ยน ถ้าเจ้าพูดว่าจะแลกชีวิตเพื่อข้อมูล ข้าก็จะทำอย่างแน่นอน”
ชายชราส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “คาดไม่ถึงว่าท่านจะใสซื่อปานนี้ ความจริง ในโลกใบนี้ มีเพียงความตายเท่านั้นที่สามารถเก็บความลับได้ ทันทีที่ข้ารอดและไปรายงานเรื่องของท่านให้เทพที่แท้จริงทราบ ท่านจะหนีไม่รอดจากเงื้อมมือของเขา”
“ข้าไม่คิดแบบนั้นนะ แต่ข้าคิดว่ามีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะเก็บความลับเอาไว้ด้วยความตาย” กู่ฉิงซานกล่าว
“เจ้าโง่!” ชายชรากล่าว
ตูม
พลังวิญญาณโอ่อ่าระเบิดออกจากตัวเขา
เพียงพริบตา มือของชายชรากลายเป็นภาพติดตา เขาทำท่าทางเพื่อร่ายวิชาซับซ้อนอย่างรวดเร็ว
วิชาร่ายสำเร็จ!
ตอนนี้ ชายชราเพียงแค่กระตุ้นพลังวิญญาณเข้าสู่วิชาที่ประสานด้วยมือเท่านั้น วิชาทรงพลังที่เปี่ยมด้วยพลังวิเศษจะถูกปลดปล่อยออกมาทันที!
“ท่านเป็นคนโง่แท้ๆ แต่กลับได้เป็นหัวหน้าสำนักเซียนธารจันทรา ดูท่าสาเหตุการตกต่ำของสำนักเซียนธารจันทราจะเป็นที่ประจักษ์แล้ว!” ชายชรายิ้มกว้าง
เขากำลังจะใช้พลังวิญญาณ แต่เมื่อเห็นกู่ฉิงซานกุมมือเอาไว้ขณะมองมาด้วยความเกียจคร้านแล้ว
ชายชราถึงกับนิ่ง
อารมณ์ที่ไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูดได้ยังคงสั่งสมอยู่ในใจของเขา
เจ้าสารเลวคนนี้!
เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับความเป็นอมตะมาแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเขาพร้อมที่จะระเบิดวิชาสังหารทรงพลังชุดใหญ่แล้ว
แต่ทำไมเขาถึงไม่กล้าลงมือหลังจากถูกอีกฝ่ายมองแบบนั้นล่ะ
ชายชราได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน ท้ายที่สุดจนอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ท่านเอาแต่ยืนแบบนี้ นี่เตรียมใจที่จะตายด้วยมือข้าแล้วงั้นหรือ”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “เปล่านี่”
ชายชราถามว่า “ท่านคิดว่าหากไว้ชีวิตข้าหนหนึ่งแล้ว ข้าจะรู้สึกซาบซึ้งอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่เลย ข้าแค่คิดว่าด้วยความฉลาดของเจ้าน่าจะเข้าใจความหมายของเรื่องนี้อย่างแน่นอน” กู่ฉิงซานกล่าว
ชายชราตกตะลึง
ด้วยความฉลาดของข้า...
เจ้าคนสารเลว!
ทั้งที่ไม่รู้อะไรเลยแท้ๆ!
ชายชรากำลังคลุ้มคลั่ง
ตอนนี้ เสียงของกู่ฉิงซานดังขึ้น “ภารกิจของเจ้าคืออะไร”
ชายชรากล่าวว่า “แน่นอนว่าเป็นการให้แผ่นหยกกับเซี่ยกูหงแล้วขอให้เขาสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพขึ้นมา”
หลังจากพูดจบ เขาตกตะลึงอีกครั้ง
...ใช่แล้ว
เขาได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากเทพที่แท้จริงสำเร็จแล้ว
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ลูกน้องของข้าขังเทพของเจ้าไว้ที่อีกโลกหนึ่ง แต่ข้าเกรงว่าพวกเขาจะขังไว้ได้ไม่นาน เจ้าควรจะรีบไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ หลังจากนี้ข้าก็ต้องไปแล้วเช่นกัน”
ชายชราตกตะลึงอีกครั้ง
ใช่แล้ว ถ้าเขาทำหน้าที่สำเร็จแล้วก็จะต้องได้รับรางวัลจากเทพที่แท้จริง
แต่ถ้าเขาอยู่ที่นี่เพื่อสู้กับจ้าวอู๋จงก็คงไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ในชั่วอึดใจ
แถมยังมีปัญหาอื่นๆ อีก!
จ้าวอู๋จงคือหัวหน้าของสำนักเซียนธารจันทราที่มีอาวุธวิเศษนับไม่ถ้วน วิชาทรงพลัง อีกทั้งระดับการฝึกฝนยังเหนือกว่าเขา
ถึงแม้เขาจะเป็นอมตะ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชนะอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ทั้งสองฝั่งต่างเจอกับทางตัน
แบบนี้จะกลายเป็นการต่อสู้ระยะยาว
เมื่อถึงตอนนั้น เทพที่แท้จริงจะมาดูด้วยตัวเอง
และก็จะเห็นเขายังสู้กับคนคนนี้อยู่
จากนั้นเทพที่แท้จริงก็จะจับตัวจ้าวอู๋จงไว้ได้อย่างแน่นอน
จากนั้นหากเทพที่แท้จริงถามขึ้นมา เขาจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร
จะบอกเทพที่แท้จริงว่าถูกทรมานสาหัสจากอีกฝ่ายจนต้องบอกความลับของเทพที่แท้จริงไปอย่างนั้นหรือ
ชายชราสั่นสะท้าน
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบไหน การกล้าเปิดเผยความลับของเทพที่แท้จริงนับเป็นการทรยศที่หนักหนาที่สุด!
ต่อหน้าเทพนิรันดร์ที่แท้จริง โชคชะตาของผู้ทรยศก็คง...
ไอเย็นเยือกก่อตัวขึ้นในใจของชายชราโดยไม่ทันตั้งตัว
เรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น!
เขาเก็บวิชาวิเศษในมือเข้าไปก่อนกล่าวด้วยความไม่ใยดีว่า “เช่นนั้นข้าจะไปก่อน อีกเดี๋ยวท่านค่อยออกมา ฉะนั้นอย่าไปพบเทพที่แท้จริงเข้าล่ะ”
เมื่อเดินออกมา ชายชราย้ายร่างก่อนกวาดพื้นที่มีลวดลายเมฆาสีขาว
เมื่อเห็นว่ากู่ฉิงซานกำลังมองอยู่ เขาจึงอธิบายอย่างอดทนว่า “นี่คือสถานที่ที่ใช้ออกไป ทุกชั้นจะมีสิ่งนี้อยู่ ทันทีที่ท่านเลือกของเสร็จแล้ว มันจะเคลื่อนย้ายท่านกลับโลกบรรพกาล”
“อืม รักษาตัวด้วย” กู่ฉิงซานประสานมือ
“ท่านก็เช่นกัน รักษาตัวด้วย” ชายชราประสานมือตอบเพราะติดเป็นนิสัย
ร่างของเขาหายไปจากเมฆาสีขาว
ทันทีที่ออกมา ชายชราถึงรู้ตัวว่าเขาประสานมือแล้วบอกลาอีกฝ่ายไป
คนคนนี้...ทำบ้าอะไรน่ะ...
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความคิดหนึ่งพลันปรากฏขึ้นในใจของชายชรา
ข้าไม่อยากพบหัวหน้าจ้าวอีกในอนาคต
ต่อให้จะต้องสู้อย่างหนักหลายวันกับคนอื่นหรือต่อให้ต้องขึ้นเขาลุยทะเลเพลิงก็ยอม
แต่เขาจะไม่มีวันยอมพบกับอีกฝ่ายเด็ดขาด
...
หลังจากชายชราจากไป
กู่ฉิงซานสะบัดมือ
เส้นผมสีเงินที่กระจายไปทั่วลอยขึ้นจากพื้น เขาเก็บพวกมันใส่ถุงใบเล็กก่อนนำไปใส่ถุงเก็บของอีกที
เขาควบคุมอีกฝ่ายด้วยสะเทือนฝัน พอดาบคลื่นเสียงฟันลำคอของอีกฝ่ายก็มีเส้นผมบางส่วนถูกตัดออกมาด้วย
เมื่อถึงเวลาอันควร เขาอาจจะสามารถใช้เส้นผมพวกนี้ได้
ยังไงก็ตาม การเตรียมการเพิ่มย่อมดีกว่าไม่ได้ทำอะไร
กู่ฉิงซานเก็บของก่อนจมสู่ความคิด
กลายเป็นว่าดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพมาจากหุบเหวนิรันดร์
แถมมันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาวุธเท่านั้น
สิ่งที่ถูกวางแผนโดยวิญญาณกรีดร้องถึงกับล้มเหลว
เท่าที่รู้ ตอนตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวกถูกทำลาย เซี่ยกูหงขอให้หวงซานนำดาบพิภพที่ได้รับความเสียหายออกมา
แต่ตอนที่เขาเข้าไปยังส่วนนั้น กลับได้รู้ว่ามีเพียงเฉินหยางที่รอดมาได้ในบรรดาศิษย์สามคนสุดท้าย
เฉินหยางนำดาบพิภพและเซี่ยเต้าหลิงที่กำลังหลับใหลอยู่นั้นเข้าสู่เศษเสี้ยวของหวนคืนชาติภพหกวิถี
มีโลกการฝึกฝนของรุ่นหลังอยู่ที่นั่น
เฉินหยางอาจจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับจ้าวควน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สืบทอดระบบเต๋าทั้งหมดของตำหนักสวรรค์เมฆาวิเวก
ดังนั้น ระดับการฝึกฝนในโลกจึงไม่สูงส่งนัก ความรู้ที่จำเป็นจำนวนมากก็ไม่ได้เด่นชัดนัก
ในช่วงประวัติศาสตร์ ดาบพิภพถูกส่งต่อ เซี่ยเต้าหลิงรอดชีวิตเช่นกัน
บางทีวิญญาณกรีดร้องคงไม่คาดคิดว่าการข่มเหงของเทพจะทำให้ดาบพิภพพลันหายไปจากสวรรค์ดึกดำบรรพ์
ส่วนดาบศักดิ์สิทธิ์ มันถูกซ่อนโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยการใช้วิชาภาพซ้อนทับในยุคหนึ่ง
ดาบทั้งสองเล่มนี้นับว่าหาไม่ง่ายนัก
ดังนั้นในตอนท้ายของยุคโบราณ ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพจึงไม่ถูกพรากไปและไม่ได้เกิดเป็นอาวุธหุบเหวนิรันดร์
ในที่สุดแผนของวิญญาณกรีดร้องก็พังครืนลงมา
แต่ว่า!
แต่ว่า!
เขาข้ามเวลามานับไม่ถ้วนก่อนกลับมายุคโบราณจากอนาคตอันไกลลิบ
เขามาพร้อมกับดาบของตัวเอง
สถานที่ซ่อนดาบศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา
นี่ทำให้เทพนิรันดร์ที่แท้จริงมีโอกาสที่สองที่จะได้ดาบทั้งสองเล่มมาครอง
ความพิศวงของโชคชะตาช่างสุดจะอธิบายจริงๆ
กู่ฉิงซานขมวดคิ้วขณะคิดถึงแผนรับมือ
การคลี่คลายปัญหานี้นับว่างายมาก
ดาบพิภพกำลังจะแตกสลาย
ทันทีที่เขาทำลายดาบพิภพ โอกาสที่สองของเทพนิรันดร์ที่แท้จริงจะหายไปจนสิ้น
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู่ฉิงซานอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้
ฉับพลันนั้นมีพลังวิญญาณโผล่ขึ้นมาจากแท่นสูง
กู่ฉิงซานมองทันที
เขาเห็น “จ้าวอู๋จง” ปรากฏขึ้นที่ค่ายกลเคลื่อนย้ายพริบตา
สายตาของจ้าวอู๋จงทั้งสองคนสบกัน
ไม่มีใครคนไหนเป็นจ้าวอู๋จงจริงๆ
“หืม ไวขนาดนี้เลยหรือ แล้วหลินเต้าโหย่วล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“เขาหนีไปน่ะ” ฉานนู่กล่าว “ตอนเขาเห็นชายชราผมขาวปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองคนก็จากไปพร้อมกัน”
“พวกเขาไม่พูดอะไรเลย”
“ชายชราบอกเพียงแค่ว่าหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว ให้ถอยทันที จากนั้นหลินเต้าโหย่วรีบตามเขาไปเลย”
“โห มันเรียบง่ายปานนี้เชียว” กู่ฉิงซานกล่าว
ฉานนู่หยิบยันต์ออกมาก่อนส่งให้กู่ฉิงซาน
“นี่ของใครน่ะ” กู่ฉิงซานสงสัย
ฉานนู่ตอบว่า “หลินเต้าโหย่วอยากให้ข้าเข้ากลุ่ม ก่อนเขาจะไปก็คุยกันอย่างจริงจังมาก บางทีเขาคงรู้สึกเสียดายนิดหน่อยก็เลยทิ้งข้อมูลติดต่อเอาไว้ให้”
“ชายชราคนนั้นไม่สนเลยหรือ”
“ไม่ สีหน้าของเขาแปลกประหลาดนัก”
“สีหน้าแบบไหนล่ะ”
“ยากที่จะอธิบาย...” ฉานนู่ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “เหมือนกับคนวิ่งชนกำแพง”
“อืม ข้าพอจะเข้าใจคร่าวๆ ล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
ฉานนู่เหาะลงมายืนข้างกู่ฉิงซานก่อนชำเลืองมองอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน
“นายท่าน...ทำไมท่านดูไม่มีความสุขเลยล่ะ มีบางอย่างเกิดขึ้นหรือ”
“ใช่”
กู่ฉิงซานเล่าเรื่องราวให้ฟัง
ฉานนู่ครุ่นคิดสักพักแล้วกล่าวว่า “ข้าจะคิดหาทางทำให้วิญญาณกรีดร้องไม่สามารถทำสำเร็จได้”
“ทางแบบไหนล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“ถ้าดาบพิภพถูกทำลาย แผนของวิญญาณกรีดร้องจะล้มเหลวโดยเปล่าประโยชน์” ฉานนู่กล่าวอย่างแผ่วเบา
“ยัยโง่ พวกเรามาที่นี่เพื่อรักษาดาบเอาไว้นะ ไม่ใช่ทำลายมัน” กู่ฉิงซานกล่าว
ฉานนู่กล่าวอย่างวิตกว่า “แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ นายท่านอาจจะต้องสู้กับวิญญาณกรีดร้องเพื่อดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ อีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป พวกเราไม่มีหวังหรอก”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าอยากลองสักตั้ง”
ฉานนู่เริ่มกังวล “นายท่าน ในช่วงเวลาของพวกเรา แม้กระทั่งจ้าวโลกของสหพันธ์โลกเก้าร้อยล้านแห่งยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ท่านอย่าลองเลย”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฉานนู่ เจ้ารู้หรือเปล่าว่าความสิ้นหวังที่แท้จริงคืออะไร”
ฉานนู่กล่าวว่า “ความต่างด้านพละกำลังหรือ”
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่ ความสิ้นหวังที่แท้จริงคือการไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศัตรู ไม่รู้ความลับ ไม่รู้สภาพแวดล้อม พูดง่ายๆ ก็คือไม่รู้อะไรเลยนั่นแหละ ตอนนี้ เจ้าเพียงสู้ได้ด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ไม่สามารถคิดแผนการใดๆ ได้”
“แต่ตอนนี้พวกเรารู้ข้อมูลมากมาย พวกเราได้เห็นการต่อสู้ของเทพกรีดร้องมากับตาตัวเองแล้ว อัตราการชนะของพวกเราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
“ข้าจะไม่ปล่อยให้ดาบพัง ข้าขอสาบานเลย”
“ท้ายที่สุด ดาบศักดิ์สิทธิ์จะต้องเป็นของพวกเรา ข้าจะไม่ยกให้เทพที่แท้จริงเด็ดขาด”
ในที่สุดฉานนู่ผ่อนคลายลงหลังจากได้ยินเช่นนี้
นายท่านกล่าวว่าอัตราการชนะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นเป็นความจริง
นายท่านกล่าวว่าจะไม่ปล่อยให้ดาบพิภพพัง แน่นอนว่าดาบพิภพจะไม่พัง
หรือก็คือ นางไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว แค่เป็นคมดาบให้นายท่านก็พอ
..................................................................