ตอนที่ 637 ประกาศของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานนำสายใยกฎเกณฑ์ของโลกผีร้ายกลับมายังโลกมนุษย์พร้อมกับเสี่ยวเหมียว
ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นบนยอดเขาสูงในขั้วโลกเหนืออีกครั้ง
“นั่นคือสายใยกฎเกณฑ์ใช่ไหม?” แบรี่ถามด้วยความสนใจ
“ใช่ มันคือแหล่งกำเนิดที่ใช้เชื่อมต่อกับโลกผีร้าย และสามารถนำมาใช้ผสานโลกได้ตลอดเวลา” กู่ฉิงซานกล่าว
ในสายตาของเขา เส้นแสงหิ่งห้อยขนาดเล็กลอยอยู่ตลอดเวลา
“คุณได้รับสายใยกฎเกณฑ์”
“นี่คือสายใยกฎเกณฑ์ของโลกผีร้าย หนึ่งในหกวิถีแห่งสังสารวัฏ”
“หากคุณปล่อยมันลงในโลกมนุษย์ โลกผีร้ายก็จะถูกฉุดดึงโดยสายใยกฎเกณฑ์ และค่อยผสานเข้ากับโลกมนุษย์ กลายเป็นโลกใบใหม่”
กู่ฉิงซานเดินไปที่ขอบยอดเขา ยื่นมือของเขา และเตรียมจะโยนสายใยกฎเกณฑ์ออกไป
ทว่าเขาก็ชะงักไปอย่างกะทันหัน
“มีอะไรงั้นเหรอ?” แบรี่เอ่ยถาม
“ทำไมจู่ๆ นายถึงลังเลขึ้นมาล่ะ?” เสี่ยวเหมียวเองก็ถามด้วย
กู่ฉิงซานไตร่ตรอง และกล่าวอย่างช้าๆ “ผมกำลังคิดว่า ผมควรจะต้องรีบกลับไปยังโลกเทวะให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น…”
“เพราะฉะนั้น…?” เสี่ยวเหมียวทวนซ้ำ
กู่ฉิงซานหันกลับไปมองทั้งสองและกล่าว “ฉะนั้นมันคงจะเป็นการดีกว่า ถ้าจะทำทุกอย่างให้มันจบลงไปเลยในครั้งเดียว เป็นการจัดการปัญหาทั้งหมดโดยตรง”
พี่ชายและน้องสาวตกตะลึง แต่ก็สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
“นายต้องการที่จะจัดการปัญหาทั้งหมดในครั้งเดียวอย่างงั้นเหรอ?”
“ใช่”
“มือเติบโดยแท้”
แบรี่ยิ้ม และยกนิ้วโป้งให้เขา
เสี่ยวเหมียวพูดด้วยความตื่นเต้น “ถ้านายจะทำแบบนั้นจริงๆ มันคงจะสนุกแน่ๆ!”
“รอดูวิธีการที่ผมจะใช้จัดการได้เลย”
ขณะกล่าว กู่ฉิงซานก็หยิบสมองควอนตัมส่วนบุคคลของตัวเองออกมา และเริ่มทำการเรียกเทพธิดากงเจิ้ง
“ใต้เท้า มีอะไรให้รับใช้?”
เทพธิดากงเจิ้งถาม
“อาชูร่า ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ และจ้าวอสูรจากไปแล้วรึยัง?”
พร้อมกันกับคำถามนี้ สามจอม่านแสงก็ผุดขึ้นมาจากในสมองควอนตัมของเขา
เห็นแค่เพียงอาชูร่าหลายตนกำลังรวมตัวกันภายใต้การนำของกษัตริย์อาชูร่า เหมือนกับว่าพวกเขากำลังร่วมกันหารืออะไรบางอย่าง
ส่วนผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ พวกเขากำลังเร่งรวบรวมสินสงครามที่ได้มา และคอยสั่งการมนุษย์ที่จับตัวมาให้เดินเข้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่
แต่จ้าวอสูรนั้นแตกต่างจากทั้งสองที่กล่าวมา พวกมันกำลังมุ่งหน้าตรงมายังขั้วโลกเหนือ
เทพธิดากงเจิ้ง “กลุ่มอาชูร่ากำลังหารือกันว่าจะมาพบกับคุณดีหรือไม่ กลุ่มผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพกำลังเตรียมที่จะเดินทางจากไป ส่วนกลุ่มจ้าวอสูร พวกมันตัดสินใจที่จะยอมแพ้”
กู่ฉิงซานกล่าว “เสี่ยวเหมี่ยว คุณพอจะล็อกมิติ ไม่ให้พวกผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพหนีไปจะได้ไหม?”
“นี่มันเรื่องง่ายๆ”
เสี่ยวเหมียวหยิบคทาออกมา และปักลงมันบนพื้นอย่างแรง
“จงกักขัง!”
เธอตะโกนเสียงต่ำ
บังเกิดระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นแผ่ออกมาจากตัวคทา หมุนวนขึ้นไปบนท้องฟ้า แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกอย่างรวดเร็ว
“โอเค ทีนี้พวกเขาก็จะไม่สามารถหนีไปได้แล้ว” เสี่ยวเหมียวกล่าว
กู่ฉิงซาน “ขอบคุณมากจริงๆ ต่อไปก็ถึงตาผมคุยกับพวกเขาแล้ว”
เขาส่งสัญญาณมือเล็กๆ น้อยๆ ให้เทพธิดากงเจิ้ง
“ใต้เท้า คุณต้องการถ่ายทอดสดเหมือนกับเพชฌฆาตตัวตลกใช่หรือไม่?”
“ใช่”
“กรุณารอสักครู่ ฉันจะไปเตรียมการให้ทันที”
แล้วเทพธิดาก็เริ่มจัดการด้วยกำลังทั้งหมดที่เธอมี
อีกด้านหนึ่ง
ณ สถานที่รวมตัวกันของผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ
เทพสวรรค์ตะโกนเสียงดัง “อย่าชักช้า! ตอนนี้พวกเขากำลังไปยังเมืองผีร้าย! ราชาผีเพลิงน้ำแข็งน่าจะช่วยถ่วงเวลาให้พวกเราได้หลายนาที ระหว่างนั้นพวกเราจะต้องทำเวลาให้ดีที่สุด และรีบหนีไป!”
“นายท่าน ค่ายกลพร้อมใช้งานแล้ว”
“เปิดใช้งานค่ายกลเดี๋ยวนี้!”
“รับทราบ!”
อย่างรวดเร็ว ค่ายกลเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ ที่มุ่งตรงสู่โลกสวรรค์ก็ส่งเสียงหึ่งๆ ออกมาอย่างรวดเร็ว
ค่ายกลเข้าสู่สถานะการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ และเริ่มส่งผ่านไปยังทิศทางที่ถูกกำหนดไว้
ม่านแสงปรากฏขึ้น เข้าห่อหุ้มทุกคนที่อยู่ในค่ายกลเอาไว้
วินาทีต่อมา คนทั้งหมดก็หายไป
แต่หลังจากนั้นหนึ่งลมหายใจ
ค่ายกลก็สว่างขึ้นอีกครั้ง
ทุกคนปรากฏตัวขึ้นอีกครา
“ดีมาก...ไม่สิ! มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเราถึงยังอยู่ที่นี่!?” เทพสวรรค์ถามด้วยความโกรธ
“นายท่าน มิติถูกจองจำ พวกเราไม่สามารถออกไปได้!”
“ว่าไงนะ!”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ โลกทั้งใบถูกห่อหุ้มด้วยชั้นความผันผวนที่ไม่อาจอธิบาย ส่งผลให้ไม่มีใครสามารถใช้การเคลื่อนย้ายระยะไกลได้”
เทพสวรรค์ตกตะลึง หัวใจของเขาราวกับร่วงหล่นลงสู่หุบเหวลึก
ในเวลานั้นเอง ผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพคนหนึ่งก็ตะโกนออกมา “ดูนั่นเร็ว!”
ทุกคนต่างตอบสนอง ทั้งหมดเงยหน้าขึ้น
เห็นแค่เพียงบนท้องฟ้า โดรนขนาดเล็กจำนวนมากกำลังบินตรงเข้ามา
พวกมันถูกจัดเรียงตามลำดับ และทยอยกันเริ่มกระบวนการทำงาน
แสงและเงาถูกฉายขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า ก่อรูปเป็นภาพโฮโลแกรมขึ้น
สถานการณ์เดียวกันนี้ปรากฏขึ้นในตำแหน่งของอาชูร่าและจ้าวอสูรเช่นกัน
ณ ขั้วโลกเหนือ
กู่ฉิงซานเฝ้ารออยู่เงียบๆ เป็นเวลากว่าหลายนาที
เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้นอีกครั้ง “เรียบร้อย ใต้เท้า คุณสามารถเริ่มการถ่ายทอดสดได้ตลอดเวลา เมื่อคุณพูด โลกทั้งใบก็จะเห็น และได้ยินเสียงของคุณ”
“งั้นก็เริ่มกันเลย” กู่ฉิงซานกล่าว
ด้วยคำพูดของเขา อุปกรณ์ที่ฉายแสงและเงาก็สว่างขึ้นพร้อมกันทั่วโลก
มนุษย์ อาชูร่า จ้าวอสูร และผู้สืบสายโลหิตต่างก็เห็นภาพของกู่ฉิงซานจากในอุปกรณ์ฉายแสงที่อยู่ใกล้เคียงที่สุด
“สวัสดีทุกท่าน”
กู่ฉิงซานเริ่มพูด
“ผมคือนักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลกลาง ชื่อว่ากู่ฉิงซาน”
“ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่รู้จักผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหายอย่างผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพ อาชูร่า และจ้าวอสูร เพราะพวกเราเพิ่งพบกันเมื่อไม่นานมานี้เอง”
“และตอนนี้ ผมมีบางอย่างที่จะบอกพวกคุณ”
“นั่นคือ โลกทั้งหกวิถีจะต้องถูกผสานรวมเข้าด้วยกัน ดังนั้นขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ และยินยอมน้อมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในครั้งนี้ด้วย”
“มืออาชีพทางฝั่งมนุษย์โปรดตั้งใจฟังให้ดี พวกคุณจะต้องใช้โอกาสนี้คว้าโอกาสที่จะพัฒนาความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของตัวเอง เร่งเพิ่มพูนมันให้เร็วที่สุด”
“สำหรับสหายอย่างผู้สืบสายโลหิต อาชูร่า และจ้าวอสูร ทุกท่านโปรดมายังขั้วโลกเหนือ และบอกตำแหน่งที่แน่นอนของแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าในโลกของพวกคุณด้วย”
“แม้ว่าแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าจะถูกนำไปใช้หลอมรวมเข้ากับอุปกรณ์บางอย่างก็ไม่เป็นไร ขอแค่บอกข้อมูลของมันแก่ผมก็พอ”
“และผมขอเตือนทุกท่านว่าการประกาศนี้เป็นเพียงการแจ้งเตือนเท่านั้น”
“ผมหมายถึงว่า ผมแค่ประกาศให้พวกคุณทราบถึงเรื่องนี้เฉยๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีที่ว่างให้พวกคุณคัดค้านหรือโต้แย้งใดๆ”
“อ้าจริงสิ ขออธิบายเพิ่มสักเล็กๆ น้อยๆ นะ”
“เมื่อโลกทั้งหกผสานรวมเข้าด้วยกัน แต่ละอาณาจักรก็จะยังคงสามารถใช้โครงสร้างอำนาจเดิมของตนเอง รวมไปถึงกฎปฏิบัติที่เกี่ยวข้องเหมือนเดิมได้”
“สำหรับผู้สืบสายโลหิต อาชูร่า และจ้าวอสูร พวกคุณสามารถสร้างประเทศของตัวเอง หรือจะอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ก็ได้ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัวของพวกคุณเลย ผมจะไม่ปิดกั้นใดๆ และจะไม่มีใครสามารถปิดกั้นพวกคุณได้เช่นกัน”
“ผมมาเตือนด้วยความหวังดี”
กู่ฉิงซานยกนิ้วขึ้นและยิ้ม “ระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ขอให้อยู่กันอย่างสงบ การกระทำใดๆ ที่เป็นการฆ่าสิ่งมีชีวิตของชาติพันธุ์อื่นๆ จะต้องถูกลงโทษอย่างร้ายแรงตามกฎหมาย”
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ขอเชิญตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดมายังขั้วโลกเหนือ เพื่อแจ้งแหล่งกำเนิดธาตุทั้งห้าของพวกคุณให้แก่ผมด้วย”
“คุณสามารถเลือกที่จะไม่ให้ความร่วมมือ หรือเลือกที่จะสู้กับผมก็ได้ แต่ผมขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่เลือกวิธีการ เพื่อที่จะได้รับข้อมูลที่ต้องการมา”
“และเชื่อผมเถอะ สิทธิ์ที่ว่านั่น ไม่ใช่เรื่องที่ดีหรอก”
“มีอีกประโยคหนึ่งที่จะมอบให้กับสหายต่างโลก ที่ตอนนี้กำลังปรากฏความคิดมากมายอยู่ในจิตใจ”
“ไม่ว่าพวกคุณจะมีความอาฆาตพยาบาทอะไร มีกลอุบายอะไร หรือมีวิธีการบางอย่างที่อาจจะก่อให้เกิดการล่มสลายของโลก…”
กู่ฉิงซานยกนิ้วต่อไปของเขาขึ้น
ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา ตะขอเกี่ยววิญญาณแห่งสายธารแห่งการหลงเลือน และไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูต พลันปรากฏขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า ลอยอยู่เบื้องหลังเขาอย่างเงียบๆ
นี่คือสามสิ่งประดิษฐ์เทวะจากนรก!
พวกมันกำลังส่งคลื่นความผันผวนของกฎเกณฑ์ออกมาอย่างหนาแน่น เพื่อให้เหล่าผู้คนที่กำลังเฝ้ามองอยู่สามารถตระหนักได้อย่างชัดเจน ว่าพวกมันมาจากที่ไหน
กู่ฉิงซานเริ่มพูดต่อ
“ผมขอเตือนทุกท่าน ว่าปรภพคืออาณาจักรของผม”
“และผมอยู่ที่นี่ก็เพื่อรับรองว่าทุกท่านที่ไม่ซื่อสัตย์จะต้องได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หลังจากที่พวกเขาตายลง และจะไม่มีโอกาสได้กลับไปเกิดใหม่อีกเลย”
“โอเค ตอนนี้ก็เกือบจะหมดเรื่องคุยแล้ว”
กู่ฉิงซานมองไปที่กล้อง
เขามองไปยังทุกคนที่กำลังดูอยู่
“สิ่งสุดท้ายที่ผมต้องการจะบอกก็คือ สหายต่างชาติพันธุ์ทุกท่าน พวกคุณไม่จำเป็นต้องเกิดความแค้น หรือความไม่พอใจใดๆ ที่โลกของตัวเองจะต้องถูกผสานรวมเข้ากับโลกใบนี้หรอก”
“เพราะเมื่อไหร่ที่พวกคุณเกิดความริษยาในโลกมนุษย์ และวางแผนที่จะยึดครองมัน คุณก็เตรียมใจรับในทุกๆ ความเป็นไปได้เอาไว้ได้เลย”
เขาเอ่ยเสียงกระซิบ “มาเถอะ มาผสานรวมกัน แล้วพวกคุณจะได้รู้ถึงสิ่งดีๆ ที่จะได้รับตอบแทนกลับไป”
........................................