webnovel

0537 เชื้อไฟ (2)

ตอนที่ 537 เชื้อไฟ (2)

เมื่อหรี่ตามองผ่านกล้องส่องทางไกล กู่ฉิงซานก็สามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในประตูเบื้องหน้าได้

งู

มันเป็นรังงูล่ะ!

ภายใต้สายตาของกู่ฉิงซาน ทั้งหมดที่เขาเห็นคืองูที่เลื้อยลด เกาะกลุ่มพัวพันกันอย่างหนาแน่น

ตลอดทั้งห้องเต็มไปด้วยงูกองพะเนินที่ซ้อนทับๆ กัน เพียงแค่ได้มอง หนังศีรษะก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกด้านชา

แต่น่าฉงนนัก ที่งูเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะมีภูมิปัญญา

พวกมันขดตัวเข้าด้วยกัน ทั้งหมดกำลังยืดชูคอสูง สาดสายตามองมาที่ประตูด้วยความเย็นชา

คล้ายกับว่ากำลังเฝ้ารอให้ประตูถูกเปิดออก และเมื่อจังหวะนั้นมาถึง พวกมันก็จะกรูกันออกไป และโถมท่วมทับผู้ที่กล้าบุกรุกเข้ามา!

และงูเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เพราะบนกายของพวกมัน ได้ปรากฏให้เห็นถึงพลังของธาตุต่างๆ สลับๆ กันไป

ไม่ว่าจะเป็น น้ำแข็ง ไฟ สายฟ้า ลม ความมืด และพิษ

พลังธาตุต่างๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดกระแสวังวนพลังงานที่ดูสับสนวุ่นวาย

เมื่อประตูถูกเปิดออก ผู้บุกรุกคงมิแคล้วถูกดูดกลืนเข้าสู่กระแสวังวนดังกล่าว

หากผู้บุกรุกไม่มีความสามารถมากพอ เขาก็คงมิอาจหลบหนีไปจากมัน โชคชะตาคงไม่พ้นต้องตกเป็นอาหารของงู

สิ่งที่ต้องเผชิญเบื้องหน้านี้ คงจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากมากทีเดียว

กู่ฉิงซานลองปรับเลนส์กล้องให้ยืดไกลออกไปอีกเล็กน้อย

แล้วฉากในห้องถัดไป ก็ปรากฏสู่สายตาของเขาผ่านกล้องส่องทางไกล

มันคือฝูงของวิญญาณชั่วร้ายที่กำลังต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงศพ แต่ละตนไม่มีตัวใดยินยอมแสดงความอ่อนแอออกมา

มองไปยังศพที่ถูกกัดแทะจนเหลือเพียงครึ่งร่าง ชัดเจนว่าคงจะเป็นรุ่นเยาว์บางคนที่เข้าร่วมการเรียกขานของวิหคหนามในครั้งนี้

มองลอดผ่านห้องที่สองไป กู่ฉิงซานก็เห็นอีกห้องหนึ่งที่เต็มไปด้วยวัวที่ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟ มันกำลังวิ่งวนไปรอบๆ ขณะเดียวกันสายตาก็คอยเหลือบมองมาทางบานประตูอยู่ตลอดเวลา

จากชั้นที่หกร้อยเขาคอยมองสำรวจมันผ่านกล้องไปเรื่อยๆ จนถึงขั้นที่ห้าร้อยห้าสิบ

ที่นี่มีเผ่ามารตัวจริงบางตนอาศัยอยู่ ขณะนี้พวกมันกำลังไล่ตามสองชายกับหนึ่งหญิงอย่างไม่หยุดยั้ง

มองไปมองมา อาจแลคล้ายว่าทั้งสองกลุ่มนี้กำลังละเล่นวิ่งไล่จับกันอยู่

แต่ที่เป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะความแข็งแกร่งระหว่างทั้งสองฝ่ายมันห่างไกลกันมากเกินไปต่างหาก

ถ้ามิใช่เพราะสองชายหนึ่งหญิงที่ว่า มีไม้กางเขนเงินคอยสาดแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาปกป้องแล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะถูกสังหารโดยเผ่ามารไปแล้ว!

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปในลักษณะนี้ พลังของไม้กางเขนก็คงจะถดถอยลง และสลายลงไปในที่สุด

หลังจากนั้น พวกเขาก็คงจะถูกเผ่ามารจับกิน และแต้มพลังวิญญาณก็จะถูกดูดกลืนสู่เชื้อไฟ

“นี่มันดูจะไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ของทริสเต้ซะแล้ว แต่มันเป็นปัญหาใหญ่ของฉันต่างหาก”

กู่ฉิงซานบ่นพึมพำ

เมื่อตระหนักได้ถึงภารกิจของระบบเทพสงคราม กู่ฉิงซานก็ปรับเลนส์เจาะทะลุไปหลายร้อยชั้น มองลอดสังเกตไปในชั้นที่สองร้อยสามสิบเก้า

ภายในชั้นนี้ มีผู้ที่เข้าสู่วิถีมารอยู่

เห็นแค่เพียงทรายดูดที่กระเพื่อมไหว บ้างสูงบ้างต่ำ ขยับเป็นคลื่นไปตลอดทั้งชั้น

มองไปยังเม็ดสายสีแดงไหม้ และชั้นอากาศที่ดูบิดเบี้ยว ก็พอจะคาดเดาได้ว่าอุณหภูมิในสถานที่นี้ นั้นสูงเพียงไร

ดูเหมือนว่าภายในชั้นนี้จะไม่มีอะไรเลยนอกจากทะเลทรายร้อนระอุ

อย่างไรก็ตาม ด้วยกล้องส่องทางไกล กู่ฉิงซานจึงสามารถมองเห็นเข้าไปจนถึงส่วนลึกที่สุดของทรายดูด ที่ซึ่งมีชายคนหนึ่งซุ่มซ่อนตัวอยู่ภายใน

ชายผู้นั้นถือดาบยาวสีกระจ่างใสดั่งหิมะ ยืนนิ่งอยู่เบื้องล่างของทรายดูด

แล้วจังหวะนั้นเอง ก็บังเอิญมีประตูถูกเปิดขึ้นเหนือทะเลทราย

พร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถือเคียวในมือกระโดดลงมาจากประตู

“ฮ่าๆ! ในที่สุดฉันก็ก้าวลงมาได้อีกระดับหนึ่งแล้ว!”

เขาหัวเราะเสียงดัง

แต่ทันใดนั้นเอง ท่ามกลางความเงียบ จู่ๆ ก็บังเกิดเส้นแสงบางเบาราวกับผ้าไหม กะพริบวาบ! ผ่านร่างของเขาไปอย่างกะทันหัน

ชายหนุ่มคนดังกล่าวแข็งค้างไปตลอดทั้งร่าง

วินาทีต่อมา หัวของเขาก็ร่วงตกลงไปในทะเลทราย ขณะที่ร่างของเขาถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนทั้งๆ ที่ยังอยู่กลางอากาศ

ชิ้ง...

ดาบบินมุดกลับเข้าไปทรายดูด และตกลงในมือของคนที่ซ่อนตัวอยู่ในพื้นทรายที่ได้อธิบายไปในตอนแรก

เขาคว้าจับดาบบิน สองตาค่อยๆ ปิดลง และกลับคืนสู่สภาวะตัดขาดกลิ่นอายอีกครั้ง

แล้วกู่ฉิงซานก็สังเกตเห็นว่า ใต้ฝ่าเท้าของผู้ฝึกดาบคนนั้น มีบานประตูไม้ตั้งอยู่

บนบานประตูไม้ มีแถบตัวเลขเขียนอยู่ว่า : สองร้อยสามสิบแปด

แท้จริงแล้ว กลับกลายเป็นว่าเดิมทีตำแหน่งที่คนๆ นั้นยืนอยู่คือประตูสู่ชั้นถัดไปนั่นเอง

ทว่าเขากลับเลือกแฝงตัวอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆ ไม่ยินยอมลงไป ขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้ ใครผ่านสถานที่แห่งนี้ไปเช่นกัน

‘หืม? เป็นนักฆ่าที่อำมหิตไม่เบาเลยนี่’ กู่ฉิงซานลอบประเมินอีกฝ่าย

“ระบบ คนที่ถูกฆ่าโดยชายผู้เข้าสู่วิถีมารคนนั้น เขาได้ทำการโหลดเชื้อไฟมาไหม?”

ระบบเทพสงครามตอบ “หากเป็นคนธรรมดาเกินไป เชื้อไฟจะเก็บพวกเขาไว้ใช้เป็นอาหารเท่านั้น”

“เข้าใจแล้ว”

สายตาของกู่ฉิงซานไม่ได้หยุดลงเพียงแค่นี้

เขายังคงหมุนเลนส์ยาวต่อไป กวาดสายตามองสำรวจตลอดทั้งหกร้อยชั้น

แล้วฉากต่างๆ ก็ปรากฏสู่สายตา ไม่ว่าจะเป็น บึงที่เต็มไปด้วยโคลนและกระดูก ป่าลึกลับ สระลาวาเดือด และเมืองเผ่ามาร…

ในบางชั้น กู่ฉิงซานก็ยังเห็นว่ามีผู้คนมากมายยังคงดิ้นรนต่อสู้อยู่

ท้ายที่สุดนี้ ต้องไม่ลืมนะว่ามีผู้คนมากมายจากโลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้นที่ตอบรับการเรียกขานของวิหคหนาม

กู่ฉิงซานเห็นคนหนึ่งที่พึ่งถูกกินโดยมอนสเตอร์ไป ทั้งๆ ที่คนๆ นั้นยังมีชีวิตอยู่

แต่น่าเสียดาย ที่นั่นมันเป็นชั้นที่เก้าสิบเจ็ดและอยู่ไกลเกินกว่าที่กู่ฉิงซานจะไปช่วยชีวิตได้

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่จะถามออกมา “ถ้าคนพวกนี้ตายลงในตัวตึก แต้มพลังวิญญาณจะถูกดูดซับไปโดยเชื้อไฟไหม?”

“แน่นอนว่าใช่ เชื้อไฟสามารถซึมซับแต้มพลังวิญญาณของคนที่ตกตายลงทั้งหมดในโลกแห่งนี้ได้” ระบบเทพสงครามตอบ

“แต่ฉันกำลังรีบอยู่ ถ้าฉันไม่เลือกที่จะไม่ช่วยพวกเขาเลย มันจะเป็นอะไรไหม?”

“คุณไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือคนเหล่านี้ก็ได้ แต่หากสิ่งมีชีวิตตลอดทั้งสิ่งปลูกสร้างหกร้อยชั้นนี้ตายลง ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงทีเดียวที่เชื้อไฟจะได้รับพลังมากพอจนเกิดการวิวัฒนาการ”

กู่ฉิงซานไม่พูดอีกต่อไป

เขาหมุนเลนส์ยาวกลับ ถอนสายตาคืนมาสำรวจชั้นที่ห้าร้อยห้าสิบอีกครั้ง

สองชายหนึ่งหญิงที่กำลังหลบหนี เริ่มตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแล้ว

เผ่ามารใกล้จะทำลายการป้องกันของกางเขนเงินสำเร็จในไม่ช้า

กู่ฉิงซานถอนสายตาออก ปากอ้าผ่อนลมหายใจยาว

ถ้าอย่างงั้นในกรณีนี้ เขาคงจำเป็นต้องช่วยเหลือทุกคน แต่ขณะเดียวกันตนก็ไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น…

“ทำไมเจ้าถึงได้ดูผิดหวังนัก? ไอเท็มของเรามันใช้งานได้ไม่ดีหรือ?” ลอร่าเอ่ยถาม

กู่ฉิงซานส่ายหน้าและยื่นกล้องส่องทางไกลคืนให้แก่ลอร่า

“เปล่าหรอก กระหม่อมแค่ยังหาแฟนสาวไม่พบน่ะ”

“นั่นเป็นข่าวร้ายจริงๆ” ลอร่าแสดงท่าทีเห็นใจ

กู่ฉิงซานลองขบคิดดูเล็กน้อย

ว่าถ้าหากตนลงมือช่วยเหลือผู้คนในตัวตึก ตนเองก็จะล่าช้า และกินเวลานานเกินไป

ทว่าหากละทิ้งพวกเขาไว้เฉยๆ ตนก็ไม่สามารถทำได้

เพราะเชื้อไฟจะได้รับแต้มพลังวิญญาณของพวกเขา และความน่าจะเป็นในการวิวัฒนาการของมันก็จะพุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

ในระหว่างที่กำลังลังเล กู่ฉิงซานก็หันไปเห็นข้อมูลบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอย่างไม่ตั้งใจ

“ภารกิจแรก : วิหค ได้ถูกปล่อยออกมาแล้ว!”

กู่ฉิงซานชะงักไป

ขณะเดียวกันก็เกิดประกายบางอย่าง วาบผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา

จริงสิ แต่เดิม เป็นเพราะตนรู้สึกว่า ตึกหกร้อยชั้นนี้มีความซับซ้อนและยุ่งยากเป็นอย่างยิ่ง และคงมีเพียงวิหคเท่านั้นที่จะสามารถละเลยทุกสิ่ง และโผบินจากตึกไปได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งใด ดังนั้นมันจึงได้ถูกตั้งเป็นชื่อของภารกิจ

แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องขอบคุณสมองของตน ที่ได้ตั้ง ‘วิหค’ เป็นชื่อภารกิจซะแล้ว

เขาชักดาบขุนเขาเทวะหกโลกาออกมา และค่อยๆตัดมันเป็นรูปสี่เหลี่ยมอย่างช้าๆบนพื้นดิน

แล้วปากทางเข้าในชั้นที่หกร้อยก็เปิดออก

“เปิดช่องว่างทิ้งไว้แบบนั้นทำไมกัน? นั่นเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”

ลอร่าเอ่ยถาม

“มันก็เป็นแค่การทดลองเล็กๆ น้อยๆ น่ะ” กู่ฉิงซานตอบ ขณะเดียวกันก็มองลึกเข้าไปในหลุมบนพื้น

“ดาบของเจ้าไม่เลวเลย การที่อาวุธเย็นสามารถเจาะทำลายกำแพงของโลกได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากจริงๆ” ลอร่ากล่าวด้วยความสนใจ

กู่ฉิงซานไม่ตอบเธอ เขาแค่เพียงลอบผ่อนคลายในหัวใจ

ช่วงก่อนหน้านี้ เขาเคยถูกขัง ติดอยู่ในกับดักการคุ้มภัยของจอมมารทะเลเลือดมาแล้ว และกว่าจะออกมาได้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย

ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น กู่ฉิงซานต้องแสร้งทำเป็นหลับ ไร้ซึ่งการป้องกัน แต่ด้วยการแสดงที่สมบูรณ์แบบนั้น ทำให้เขาต้องติดแหง่กไปโดยสมบูรณ์

แต่มาคราวนี้ เขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นแล้ว ตอนนี้แหละ! คือช่วงเวลาที่สามารถทำลายข้าวของได้อย่างสบายใจล่ะ!

โชคยังดีที่คราวนี้ พลังศักดิ์สิทธิ์ในการแหกกฎเกณฑ์ของดาบขุนเขาเทวะหกโลกามีผลโดยสมบูรณ์ มันสามารถตัดกำแพงของตึกหกร้อยชั้นนี้ได้โดยตรง และคงสภาพที่ตัดผ่านไว้ดังเดิม

หากเป็นแบบนี้ กู่ฉิงซานคิดว่า เขาก็น่าจะสามารถลงมือตามแผนในหัวของตนได้

ซี่ๆๆ~

เสียงขู่ฟ่อดังขึ้นออกมาจากช่องว่างที่กู่ฉิงซานพึ่งเปิดมัน

ภายในรังงู คลื่นความผันผวนของพลังธาตุเริ่มที่จะเกิดความโกลาหล

“นั่นมันเสียงอะไรกันน่ะ? มีอะไรอยู่ภายในนั้นเหรอ?” ลอร่าถามเสียงดัง

เธอนี่ช่างเป็นเด็กสาวขี้กังวล รู้สึกตื่นตระหนกอยู่เสมอๆ จริงๆ

“มันไม่เหมาะสมที่จะให้เด็กๆ ดูหรอกนะ” กู่ฉิงซานกล่าว

แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ลอร่ารีบยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาทันที เพื่อต้องการที่จะเห็นว่ามันคือสิ่งใด

แต่กู่ฉิงซานใช้มือหยุดมันเอาไว้ซะก่อน

“ไม่มองจะดีกว่านะ”

“ทำไมกัน?”

“เอาเถอะหน่า ไม่ต้องมองหรอก เพราะพวกมันไม่ใช่สิ่งที่สาวน้อยน่ารักควรจะให้ความสนใจเลย”

กล่าวจบ กู่ฉิงซานก็ทำการเปลี่ยนสมญาเทพสงครามของเขาเป็น ‘ไพ่ตายนักฆ่า’

“สมญา : ไพ่ตายนักฆ่า”

“เมื่อสวมใส่สมญานี้ จะได้รับสกิลพิเศษ : เก็บเกี่ยว(ขั้นสูง)”

“เก็บเกี่ยว(ขั้นสูง) : เมื่อใดก็ตามที่คุณสามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ในกระบวนท่าเดียว พลังวิญญาณที่สูญเสียไปในการโจมตีครั้งนั้นจะถูกฟื้นฟูกลับมาจนเต็มดังเดิม”

ด้วยวิธีนี้ มันจะช่วยรับประกันได้ว่าพลังวิญญาณของเขาจะไม่สูญเสียไป

กู่ฉิงซานตบลงในถุงสัมภาระอีกครั้ง

เห็นแค่เพียงชุดเกราะที่เต็มไปด้วยร่องรอยเสียหายบินออกมา

มันคือเกราะรบต่อสู้ของนายพลชั้นโหยวจี

ครั้งหนึ่ง เคยมีผู้คนมากมายเอ่ยถาม

ว่าเพราะเหตุใดสีของเกราะรบนายพลจึงโดดเด่นนัก โดดเด่นถึงเพียงนี้แล้วในยามที่อยู่ในสนามรบ ในด้านความปลอดภัยของนายพลมันจะไม่เป็นปัญหาเอาหรือ?

ในเวลานั้น นางเซียนไป่ฮั่วได้ตอบกลับไปเพียงประโยคเดียว ก็สามารถหุบปากของเหล่าผู้คนทั้งหมดที่ตั้งคำถามลงได้ในทันที

“ย่อมแน่นอนว่านั่นเป็นการจงใจ เพราะมีเพียงผู้ฝึกยุทธที่แกร่งพอจะแบกรับการโจมตีจากศัตรูได้เท่านั้น จึงจะเหมาะสมที่จะสวมใส่เกราะรบชั้นนายพล”

เกราะรบพลันกระจายตัวออกทันใด แต่ละชิ้น แต่ละส่วนราวกับมีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง ดูคล้ายกับปลาที่แหวกว่ายในสายธาร ชิ้นแล้วชิ้นเล่าเริ่มโคจรเข้ามาประกบติดกับส่วนต่างๆของร่างกายกู่ฉิงซาน

ชุดเกราะรบนายพลโหยวจีนี้ โดยรวมแล้วประกอบไปด้วย เกราะอก เกราะไหล่ เกราะแขน เกราะมือ เข็มขัด เกราะเข่า เกราะขา ฯลฯ แต่ละชิ้นส่วนล้วนดูเรียบง่าย มิได้รับการตกแต่งใดๆ เป็นพิเศษ ทว่าภายในกลับสลักไปด้วยอักษรรูนโบราณที่ดูลึกลับซับซ้อน

แม้เกราะรบจะมีสีทองแลดูองอาจอยู่แล้ว แต่เมื่อมันถูกสวมใส่ลงโดยกู่ฉิงซาน มันกลับส่งคลื่นความผันผวนอันคงกระพันออกมาอย่างมิอาจอธิบายได้

ลอร่าประเมินชุดเกราะของเขา และเอ่ยแสดงความคิดเห็น “เป็นชุดของเล่นที่งดงามไม่เลวเลยนี่”

“ของเล่นงั้นหรือ?”

“ใช่ เกราะนี่มันเลวร้ายเกินไป มันแย่กว่าดาบของเจ้าอย่างเทียบไม่ติดเลย” ลอร่าวิจารณ์จุกจิก

“แต่อย่างน้อยมันก็ยังใช้งานได้นะ”

ขณะกล่าว กู่ฉิงซานก็ยกลอร่าลงจากไหล่ และวางเธอลงบนอกเขา

ก่อนจะหยิบเชือกยาวออกมา และเริ่มมัดลอร่าเข้ากับตนเอง

“นี่เจ้าคิดจะทำอะไร?” ลอร่าเริ่มหวาดระแวง

“ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อที่ฝ่าบาทจะได้ไม่แยกจากกระหม่อมในระหว่างการต่อสู้ขั้นรุนแรงไง โปรดวางใจเถิด กระหม่อมได้ให้คำมั่นสาบานไปแล้ว ว่าจะนำพระองค์ออกไปจากที่แห่งนี้ให้จงได้” กู่ฉิงซานกล่าว

มือของเขาวูบไหวอย่างรวดเร็ว แล้วเชือกก็ผูกติดทั้งสองเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์

โอเคมันแน่นแล้ว ดีมาก

ทีนี้ก็ไม่ต้องมากังวลว่าลอร่าจะตกลงกลางทางแล้ว

เขาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“เหตุใดเราจึงรู้สึกคล้ายว่าเจ้ากำลังมีบางสิ่งปิดซ่อนจากเราอยู่กันนะ?” ลอร่าบ่นด้วยความสงสัย

“มีซะที่ไหนกันเล่า”

กู่ฉิงซานยิ้มแหะๆ และเร่งเดินตรงไปยังขอบระเบียงของสิ่งปลูกสร้างหกร้อยชั้นอย่างรวดเร็ว

“ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้น่ะ ก็เป็นแค่ฉากของวิหคที่จะโผบินก็เท่านั้นเอง”

ว่าจบ หน้ากากเงินก็ถูกสวมทับลงบนใบหน้า…เพียงเท่านี้เกราะรบชิ้นสุดท้ายก็ถูกสวมใส่โดยสมบูรณ์แล้ว

ลอร่าเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เธอเริ่มตะโกนโวยวาย “ช้าก่อน เจ้าก็รู้ว่าเรากลัวความสูง ทำไมพวกเราไม่คิดหาวิธี อ๊า กู่ฉิงซาน เราเกลียดเจ้า!”

ท่ามกลางเสียงกรีดร้องของลอร่า กู่ฉิงซานกระโดดลงจากตัวตึก

ทั้งสองร่วงตกลงมาอย่างรวดเร็ว ภายในหูอื้ออึงไปด้วยเสียงหอนของสายลมและหิมะ

พริบตาเดียวกู่ฉิงซานก็สามารถข้ามผ่านหลายสิบชั้นของตัวตึกมาได้อย่างรวดเร็ว

ด้วยวิธีนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับมันไปทีละชั้น ทีละชั้น แถมยังประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมากอีกด้วย

และแทบจะในทันที บนหน้าต่างเชื้อไฟ ปรากฏบรรทัดตัวอักษรกะพริบไหวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

และบรรทัดอักษรเหล่านั้นก็แปลงเป็นคำพูดในทันที

“โปรดกลับไปยังยอดบนสุดของสิ่งปลูกสร้างทันที!”

“โปรดกลับไปยังยอดบนสุดของสิ่งปลูกสร้างทันที!”

“คุณไม่สามารถกระโดดลงจากตัวสิ่งปลูกสร้างโดยตรงได้ มิฉะนั้นแล้วคุณจะไม่ได้รับรางวัลจากทริสเต้!”

“รางวัลงั้นเหรอ? ฉันไม่ต้องการรางวัลหรอก” กู่ฉิงซานกล่าว

“แต่ถ้าคุณกระโดดลงมาแบบนี้ คุณก็จะไม่ได้รับแต้มพลังวิญญาณใดๆเลยนะ”

เชื้อไฟกล่าวต่อว่า “โปรดไตร่ตรองถึงปัญหานี้อย่างจริงจังด้วย เพราะหากไม่มีแต้มพลังวิญญาณ คุณก็จะไม่ได้รับอะไรเลย!!”

หากไม่มีแต้มพลังวิญญาณ…

กู่ฉิงซานนิ่งงันไม่ตอบสนองไปครู่

แล้วจู่ๆ ทันใดนั้นก็มีดาบปรากฏขึ้นในมือของเขา

ดาบขุนเขาเทวะหกโลกา

“ชั้นที่ห้าร้อยห้าสิบ…อยู่ตรงนี้สินะ!” กู่ฉิงซานตะโกนเสียงต่ำ

พร้อมกับดาบที่วูบไหว

เทคนิคลับแห่งดาบ : ฝ่าวารีเชี่ยว!

บังเกิดรังสีดาบอันไพศาล ควบแน่นจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อน พุ่งเข้าเจาะกำแพงส่วนนอกของตัวตึกอย่างรวดเร็ว

ตึ้งๆๆ!

พร้อมด้วยเสียงระเบิดปะทะที่กึกก้องราวกับฟ้าร้อง กำแพงขนาดใหญ่ด้านนอกของชั้นที่ห้าร้อยห้าสิบเกิดการระเบิด เปิดช่องว่างแยกออกทันใด

สายลมและหิมะหวีดหวิวเข้าไปภายใน

กู่ฉิงซานผละดาบขุนเขาเทวะหกโลกา แล้วคว้าจับดาบพิภพออกมาแทนที่

ทันใดนั้น ทั้งคนทั้งร่างของเขาก็หายวับไปอย่างกะทันหัน

และเกือบจะในเวลาเดียวกัน ก็บังเกิดเสียงกรีดร้องร้ายแรงดังออกมาจากช่องกำแพงที่พึ่งถูกเปิดออก

ตามมาด้วยเสียงล้มตึงหนักทึบ ต่อด้วยเสียงโห่ร้องร่ำไห้ด้วยความปีติยินดี

หนึ่งลมหายใจต่อมา กู่ฉิงซานก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งภายนอกตัวตึก

เชายังคงร่วงตกลงไป

ขณะที่เลือดบนใบดาบถูกกระแสลมเป่า พัดกระจายไปกับสายลมและหิมะ

กู่ฉิงซานกุมดาบไว้ในมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกข้างโอบกอดลอร่าที่กำลังสั่นเทา

เขาหันไปกล่าวกับเชื้อไฟ “เป็นไง แค่นี้ฉันก็ได้รับแต้มพลังวิญญาณแล้วเห็นไหม”

…………………………………..........