ตอนที่ 495 คำอำลา
กู่ฉิงซานทำตามที่เสี่ยวถายร้องขอ แต่ในหัวใจกลับบังเกิดคลื่นระลอกใหญ่
เขามองเสี่ยวถายด้วยห้วงสติและอารมณ์ที่แปรปรวนเล็กน้อย
เสี่ยวถายดูจะมีความสุขมาก
เพราะในที่สุดเธอก็ได้พบกับแบรี่อีกครั้งเสียที
แต่ทั้งสองคนคงจะลืมเลือนเรื่องหนึ่งไป
แบรี่น่ะ
มิใช่คนที่จะปิดบังอะไรได้ง่ายๆ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการส่งสายตาลับๆ แต่แบรี่ก็สามารถตรวจพบถึงการกระทำดังกล่าวได้ในทันที
“อะไร? มีเรื่องอะไรอย่างงั้นเหรอ?”
แบรี่เอ่ยถาม
เขามองตามสายตาของเสี่ยวถายไปยังกู่ฉิงซาน ก่อนจะสลับกลับมาดูเสี่ยวถายอีกครั้ง
สองคนนี้กำลังส่งสัญญาณอะไรให้กันงั้นเหรอ?
บังเกิดร่องรอยของความสงสัยขึ้นในจิตใจของแบรี่
เสี่ยวถายดูจะเป็นกังวล
คล้ายกับว่าเธอพยายามปิดซ่อนถึงความรู้สึกของตัวเองอยู่
และความกังวลของเธอก็ถูกจับได้ในทันทีโดยแบรี่
เวลานี้แม้กระทั่งเสี่ยวเหมียวก็ยังสังเกตเห็นได้ว่าการแสดงออกทางสีหน้าของเธอว่ามันผิดปกติไปเล็กน้อย
“แน่นอน เธอยังมีบางอย่างที่ไม่ได้บอก และมันก็เป็นเรื่องสำคัญมากอีกด้วย”
เสียงของกู่ฉิงซานดังขึ้น
ไม่นะ!
อย่าพูดมันออกไป!
เสี่ยวถายจิกริมฝีปาก สายตามองไปยังกู่ฉิงซาน ในหัวใจของเธออดไม่ได้ที่จะร่ำร้อง
แบรี่กับเสี่ยวเหมียวหันมามองกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานมิได้เลี่ยงหลบสายตาของแบรี่
เมื่อเผชิญกับสายตาของคนทั้งหลาย กู่ฉิงซานก็ตบลงในถุงสัมภาระและหยิบเหล้าขวดหนึ่งขึ้นมา
เขาย้อนนึกไปถึงรูปปั้นทองคำ
มันไม่เพียงใส่แค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวเร่งรีบออกไปช่วยโลกเท่านั้น แต่ในมือของแบรี่ยังถือขวดเหล้าเอาไว้อีกด้วย
ดังนั้นการจะจัดการกับสถานการณ์ในตอนนี้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ขณะที่ความตึงเครียดของเสี่ยวถายเริ่มพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กู่ฉิงซานก็ยกขวดเหล้าไปให้แบรี่
“เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เสี่ยวถายเลยฝากให้ผมนำสุรามาให้”
กูฉิงซานกล่าว “แต่ด้วยความรีบร้อย เสี่ยวถายจึงไม่รู้ว่าควรจะซื้อสุราแบบไหนดีอันที่จริงแล้วเธอไม่รู้ว่าสุรา แบบไหนถึงจะถูกปากคุณ”
ร่างของแบรี่แข็งค้างไปครู่หนึ่ง
เขามองดูขวดเหล้า พร้อมกับเสียงกลืนน้ำลายดังเอิ๊ก ในลำคอของเขา
“เสี่ยวถายมีน้ำใจจัง เธอยังจำได้สินะว่าพี่ชายของฉันชอบดื่มน่ะ”
เสี่ยวเหมียวยิ้มออกมา “ช่วงเวลาหายากที่ได้กลับมารวมตัวกันแบบนี้ มีเหล้าสักขวดมันคงจะดีกว่าจริงๆ”
“อะฮ่าฮ่าฮ่า เสี่ยวถาย เธอไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก” แบรี่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ตราบใดที่มันเป็นเหล้าน่ะ จะถูกจะแพงฉันก็ชอบมันทั้งนั้นแหละ!”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของแบรี่ ใบหน้าของเสี่ยวถายก็เริ่มกลับมายิ้มแย้มอีกครั้ง
กู่ฉิงซานนำจอกหลายใบออกมา และเริ่มรินมันให้แบรี่กับเสี่ยวเหมียว
“ให้หนูดื่มด้วยจะได้ไหม” เสี่ยวถายเอ่ยถาม
“เอาสิ จะดื่มก็ดื่ม เธออายุเกินสิบแปดปีแล้วนี่” แบรี่กล่าว
“ตั้งแต่เมื่อพันกว่าปีก่อนแล้ว ลุงแบรี่น่ะ ไม่เคยยอมให้หนูดื่มเลย” เสี่ยวถายพูดด้วยสีหน้าโกรธๆ
แบรี่ยิ้มแล้วยกจอกให้กับเธอ
เสี่ยวเหมียวยกจอกหันไปทางกู่ฉิงซาน “กว่านายจะนำของมีค่าแบบนี้มาส่งได้ มันคงจะไม่ง่ายเลยสินะ”
“ก็ไม่ยากไปกว่าที่คิดหรอก” กู่ฉิงซานยกจอกขึ้นชนกับอีกฝ่าย
“พี่สาวเสี่ยวเหมียว ขอบคุณสำหรับการดูแลเสมอมานะ” เสี่ยวถายยกจอกไปทางเสี่ยวเหมียวบ้าง
“ฉันยังจำในตอนที่ฉันตีก้นเธอได้อยู่เลย” เสี่ยวเหมียวกล่าว
“นั่นมันเป็นเพราะหนูไม่เชื่อฟัง แล้วฉีกนิยายที่พี่เขียนไว้ต่างหากล่ะ” เสี่ยวถายยิ้มน้อยๆ
…
ทั้งหมดดื่มเหล้า และเริ่มพูดคุยถึงเรื่องในครั้งอดีต
ทุกคนดูจะมีความสุขมาก
ระหว่างสนทนา เหล้าในขวดก็ลดฮวบๆ ลงอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด แต่จู่ๆ ก็เกิดประกายแสงขึ้น
กู่ฉิงซานมองไปที่มัน
เห็นแค่เพียงร่างของเสี่ยวถายเริ่มจะเลือนลาง กลายเป็นเพียงภาพลวงตา
ผลของเทคนิคมนตรา กำลังจะจบลงแล้ว
เสี่ยวถายก้มลงมองร่างกายของเธอ และวางจอกเหล้าลงด้วยความเสียดาย
เธอหันไปพยักหน้าให้กับกู่ฉิงซาน
“ขอบคุณนะ นี่เป็นรางวัลสำหรับนายที่ช่วยฉันส่งของ” เธอกล่าว
พร้อมกับคำพูดของเธอ ม้วนคัมภีร์ก็ค่อยๆ ตกลงมาเบาๆ เบื้องหน้ากู่ฉิงซาน
“อ๊ะ ไม่จำเป็นหรอก มันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย” กู่ฉิงซานรีบปฏิเสธไป
ก่อนหน้านี้ เสี่ยวถายได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงแลกเปลี่ยนเล็กๆ น้อยๆ กับเธอโดยการนำ ดอกไม้คริสตัลมามอบให้กับแบรี่
เท่านี้ทั้งสองก็นับว่าหมดหนี้กันแล้ว
ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้นในจิตใจของกู่ฉิงซาน
“ไม่หรอก ฉันยังอยากจะขอบคุณอยู่น่ะ เพราะในที่สุดฉันก็ได้พบกับเขาซะที สามารถเห็นเขามีความสุขอีกครั้ง นี่นับว่าเป็นจุดจบที่สมบูรณ์แบบแล้วสำหรับฉัน”
“คุณดูจะสนใจเขามากเลยนะ”
“เขาเป็นนักสู้ และเขาเป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้ ฉันเลยไม่สามารถบอกให้เขารู้ได้ว่าฉันเปลี่ยนรูปเป็นมารไปแล้ว เพราะนั่นมันจะกระทบกระเทือนจิตใจของเขาอย่างร้าวลึก”
กู่ฉิงซานรับฟังอย่างระมัดระวัง
เสี่ยวถายยกจอกในมือ มองไปทางกู่ฉิงซาน
“จอกสุดท้ายแล้ว พวกเรามาดื่มกันเถอะ” เธอยิ้ม
“ตกลง”
กู่ฉิงซานยกขึ้นซดหมดจอก ขณะที่ในหัวใจของเขาราวกับปรากฏถึงบางสิ่งที่ยากจะอธิบาย
ท้ายที่สุดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะส่งความคิดออกมาว่า “ฟังนะ ผมมีบางอย่างที่จะต้องบอกกับคุณ”
เสี่ยวถายที่กำลังจิบเหล้าเบาๆ แสดงท่าทีคล้ายกำลังตั้งใจฟัง
กู่ฉิงซานส่งความคิดอย่างต่อเนื่อง “บางคนอาจจะใส่ใจเกี่ยวกับอัตลักษณ์ ใส่ใจเรื่องการแข่งขัน ใส่ใจเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่น สำหรับบางคน เรื่องพวกนี้มันสำคัญก็จริง ยังไงก็ตามนะเสี่ยวถาย คุณก็รู้ดีว่าฉันคิดยังไง ฉันคิดว่าต่อให้โลกทั้งหมดถูกทำลาย ในหัวใจของฉันก็รู้ยังคงสึกกตัญญูต่อคนที่เคยได้ช่วยชีวิตเอาไว้ ไม่ว่าร่างกายของคุณจะเปลี่ยนไปแล้วก็ตาม แต่สำหรับฉัน คุณก็ยังไม่ใช่มารอยู่ดี”
“ฉันหวังว่าสักวันหนึ่ง คุณจะมาหาเขา และบอกเขาด้วยตัวเอง ว่าแม้กายจะเปลี่ยนไป แต่หัวใจของคุณไม่เคยเปลี่ยนแปลง คุณยังคงเป็นเด็กสาวตัวน้อยๆที่เคยถูกเขาช่วยชีวิตเอาไว้เสมอมา”
เสี่ยวถายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกจอกขึ้นดื่มจนหมด
“ขอบคุณ”
เธอเอ่ยเพียงสั้นๆ และกวักมือออกไปให้ม้วนคัมภีร์ลอยกลับมา
แล้วเธอก็เดินไปด้านหน้าของกู่ฉิงซานด้วยตัวเอง ก่อนจะประทับฝ่ามือลงเบาๆบนหน้าอกของเขา
บังเกิดแสงสลัวๆ ขึ้น พร้อมกับสัญลักษณ์พิเศษที่ผลุบเข้าไปในร่างกายของกู่ฉิงซาน
“ถือซะว่านี่เป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ”
กล่าวจบ เธอก็หันหลังเดินกลับไป
บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม หลายบรรทัดแสงหิ่งห้อยปรากฏขึ้นทันที
“คุณได้เชื่อมต่อเข้ากับความลี้ลับบางอย่าง”
“การเชื่อมต่อนี้จะไม่ได้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับคุณ แต่มันจะสามารถช่วยคุณได้ครั้งหนึ่ง ในสถานการณ์วิกฤต”
กู่ฉิงซานสัมผัสถึงมัน
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ด้วยการรับรู้ของตนเอง เขาสามารถบอกได้ว่าตน กำลังเชื่อมต่อกับบางสิ่งที่ดูคลุมเครือ
มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่อาจทำความเข้าใจได้
เสี่ยวถายหันมาสบตากับแบรี่อีกครั้ง และโค้งกายแสดงความขอบคุณอย่างจริงจัง
“ลุงแบรี่ หนูไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว หนูต้องไปแล้ว” เธอกล่าวเบาๆ
“อ่าไปเถอะ คราวหน้าอย่าลืมพาลูกมาด้วยล่ะ ฉันจะรอต้อนรับเธออยู่ที่นี่เสมอ”
แบรี่ลูบหัวของอีกฝ่าย
เสี่ยวถายเผยรอยยิ้มแย้ม แสดงออกถึงความไม่ยินยอมที่จะไปจากแบรี่
ทว่าแสงที่ควบแน่นอยู่บนร่างของเธอกลับพังทลายลง สุดท้ายก็แยกตัวออกจากกัน แปรสภาพกลายเป็นจุดแสงเล็กๆ พัดปลิวหายไปกับสายลม
การอำลาได้จบลงแล้ว
เสี่ยวถายหายไปอย่างสมบูรณ์
และมีเพียงกู่ฉิงซานเท่านั้น ที่รู้ถึงความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
แน่นอนว่าเขาจะรักษาความจริงนี้เอาไว้ชั่วนิรันดร์
ผ่านไปชั่วเวลาหนึ่ง
แบรี่ก็ยังคงยื่นนิ่งอยู่อย่างนั้น พร้อมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่กำลังหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต
เขาไม่รู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นกับเสี่ยวถาย
ในตอนนี้ ภายในหัวใจของเขาเติมเต็มไปด้วยความสุขจากการร่ำลาของสหายในครั้งเก่าก่อน
“นายรู้อะไรไหม เธอเพิ่งจะอายุแค่สิบเอ็ดปีเท่านั้นเอง ในช่วงเวลานั้นพ่อแม่ของเธอได้ตายลงแล้ว ทั้งโลกเต็มไปด้วยซากศพ มันเต็มไปด้วยความตายในตอนที่ฉันไปถึง”
เขาพูดกับกู่ฉิงซาน
“เธอร้องไห้อย่างหนักทั้งวันคืน เป็นอย่างงี้อยู่หลายวัน ตอนนั้นฉันปวดหัวจริงๆ นะกับเรื่องร้องห่ม ร้องไห้ของเธอ”
แบรี่ตบไหล่ของกู่ฉิงซาน และเริ่มเล่าต่อไป
ขณะที่เสี่ยวเหมียวหัวเราะและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วดูตอนนี้สิ เหมือนจะแค่พริบตาเดียว เด็กสาวขี้แยคนนั้นก็ได้กลายเป็นผู้ใช้คัมภีร์ที่แสนโดดเด่นไปซะแล้ว แถมเธอยังมีเด็กอีก!”
“เออ เรื่องนั้นฉันก็ตกใจเหมือนกัน!” แบรี่กล่าวเห็นด้วย
อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานมิได้ตอบอะไรกลับไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ กู่ฉิงซานไม่ได้รบกวนการพบเจอกันอีกครั้งระหว่างเสี่ยวถายกับแบรี่เลย
ในขณะนี้… หลงเหลืออีกเพียงเจ็ดนาทีเท่านั้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
เจ็ดนาทีสุดท้าย
ถ้าหากกู่ฉิงซานยังไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ ภารกิจแห่งโชคชะตาของเขาก็จะล้มเหลว
กู่ฉิงซานยกเหล้าขึ้นซดอึกหนึ่งและเติมมันอีกครั้ง
เขาหยิบจอกตัวเองขึ้นมาแล้ว หันไปยิ้มกับทั้งสอง “มาเถอะ จอกนี้เพื่อแสดงความนับถืออีกครั้ง ”
…………………………………..........