ตอนที่ 418 ผสานโลก
ปฏิกิริยาตอบสนองของหมาดำ ส่งผลให้กู่ฉิงซานแอบประหลาดใจ
เจ้าหมาตัวนี้มันแปลกจริง...
กู่ฉิงซานไม่รีรออีกต่อไป หย่อนร่างจิตลงไปในกายมนุษย์ของตนเองทันที
เขาลืมตาขึ้น
แล้วเขาก็พบว่าสายใยแห่งกฎเกณฑ์ก็ตามมาด้วยเช่นกัน เวลานี้มันกำลังสาดประกายแสงห้าสีอยู่ในมือของเขา
ขณะนี้คนอื่นก็เริ่มรับรู้ถึงการกลับมาของเขากันบ้างแล้ว
“เป็นยังไงบ้าง?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถามเสียงหม่น
ในจุดที่ไกลออกไป ประธานาธิบดีและสมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่าก็ยืนขึ้นเช่นกัน
“ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี” กู่ฉิงซานกล่าว
“กู่ฉิงซาน!”
แอนนากรีดร้อง เธอผุดลุกจากโซฟาและกระโจนโผเข้าสู่อ้อมอกเขา
“ว่าไง มีอะไรอย่างนั้นเหรอ? ไม่ต้องกังวลถึงขนาดนี้ก็ได้นะ ฉันยังสบายดี” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เหอะ! ซูเซี่ยเอ๋อยังกอดนายได้ แล้วทำไมฉันถึงกอดไม่ได้!” สองตาอันงดงามของแอนนาเบิกกว้าง ปากเอ่ยกล่าว
ขณะที่สีหน้าของเธอค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแดงก่ำอย่างช้าๆ กระทั่งใบหูเธอก็ยังแดงเรื่อเล็กน้อย
ซูเซี่ยเอ๋อต้องไม่รู้แน่ๆ เลยว่า การยั่วยุของตนจะได้ก่อให้เกิดการกระทำรุกกลับเช่นนี้
ถ้าเธอรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้แล้วล่ะก็ เธอย่อมจะไม่ใช้วิธีดังกล่าวยั่วยุแอนนาเป็นแน่
เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของประธานาธิบดีก็เผยถึงความสุข เขาหันหลังกลับและจ้องมองทัศนียภาพภายนอกหน้าต่าง มองไกลออกไป
ขณะที่สมเด็จพระจักรพรรดินีเวโรน่ายกสองมือขึ้นกอดอก ส่ายหัวเล็กน้อย
“เอาล่ะๆ ตอนนี้เราก็มาจัดการเรื่องราวให้มันถูกต้องกันก่อนเถอะ” กู่ฉิงซานตบแผ่นหลังของแอนนาเบาๆ
“โอ้” แอนนาผละตัวออกจากเขา
กู่ฉิงซานลุกขึ้นยืน และเดินออกไปจากห้องพร้อมกับถือสายใยกฎเกณฑ์ห้าสีในมือ
เขายืนอยู่ในพื้นที่โล่งกว้างบนภูเขา และโยนสายใยกฎเกณฑ์ออกไป
สายใยกฎเกณฑ์ละลายลงในความว่างเปล่า
มันค่อยๆ ละลายราวกับหิมะที่ต้องกับแสงอาทิตย์ จนกระทั่งหายไปโดยสมบูรณ์
“ทำแบบนี้ถูกต้องแล้วใช่ไหมนะ?” กู่ฉิงซานเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน
เขาเอ่ยถามออกมา “เทพธิดากงเจิ้ง ในโลกของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นบ้างรึเปล่า?”
สมองควอนตัมของเขาสาดแสงขึ้นในทันใด
เทพธิดากงเจิ้งตอบกลับมา “ใต้เท้า โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น”
“จริงเหรอ? แล้วอะไรกันที่มันเปลี่ยนแปลงไป” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“เส้นผ่านศูนย์กลางของโลกกำลังเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันดาวโลกก็กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ!”
“หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ โลกมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมสินะ? แล้วอย่างอื่นล่ะ ภูมิอากาศมีเปลี่ยนไปหรือไม่ แล้วเกิดภัยพิบัติ ขึ้นหรือเปล่า?” กู่ฉิงซานเร่งเอ่ยถาม
“ในปัจจุบันนี้ทุกอย่างยังคงปกติดี นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ สิ่งนี้มันเกินกว่าความรู้ความเข้าใจของฉันไปแล้ว” เทพธิดากงเจิ้งอุทานออกมา
ทันใดนั้นเองกู่ฉิงซานก็สัมผัสได้รางๆ ถึงบางสิ่ง
เขาหลับตาลงและพยายามที่จะตระหนักถึงมันอย่างระมัดระวัง
เห็นได้ชัดว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ตัวเขาเองก็มิได้ฝึกยุทธอะไรมากมายนัก
แต่เวลานี้ พลังวิญญาณที่รายล้อมรอบตัวเขากำลังเติบโตขึ้นอย่างรุนแรง!
แต่เดิม ตนก็ยกระดับขึ้นมายังขอบเขตก้าวสู่เทพขั้นปลายแล้ว และพลังวิญญาณทั้งร่างยังคงอยู่ในกระบวนการปั่นป่วน
แต่ในขณะนี้ พลังวิญญาณทั้งร่างกายของเขากลับรู้สึกราวกับถูกเติมเต็ม มันมั่นคงและมีเสถียรภาพมาก
กระบวนการนี้ มันแลคล้ายกับ กระบวนการเดียวกับตอนที่กำลังจะทะลวงขอบเขตประทับเทพเลยไม่ใช่เหรอ?
ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็จดจำได้ถึงคำพูดของร่างใหญ่อายุกว่าแสนปี
“เมื่อโลกหนึ่งถูกหลอมรวมเข้ากับอีกโลกหนึ่ง สิ่งมีชีวิตในโลกใบนั้นก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
กู่ฉิงซานพยักหน้าอย่างเงียบๆ
“แล้วตอนนี้ดาวโลกได้หยุดการเปลี่ยนแปลงรึยัง?” เขาเอ่ยถาม
“ยัง ดาวโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ และค่อยเป็นค่อยไป ทว่าโครงสร้างเดิมของมันกลับยังคงสามารถรักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ใหม่ๆ ถือกำเนิดขึ้นมากมายอีกด้วย” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
กู่ฉิงซานถอนหายใจยาว บรรเทาความตึงเครียด
ดูเหมือนว่าการผสานรวมกันระหว่างสองโลกจะยังคงดำเนินต่อไป
อย่างไรก็ตาม กระบวนการของมันกลับค่อนข้างราบรื่นกว่าที่คิด
แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งอย่างกะทันหัน
จริงสิ! ตอนนี้เรามีปัญหาที่จะต้องแก้ทันทีอย่างหอกหลากสีอยู่นี่นา!
หากยังไม่แก้ปัญหานี้ เมื่อการผสานรวมระหว่างสองโลกเสร็จสมบูรณ์ หอกหลากสีก็จะปรากฏตัวขึ้นในโลกมนุษย์และสังหารหมู่ทุกผู้คนบนโลก!
“พวกนายรอฉันก่อนนะ พอดีว่าในปรภพมีปัญหาสุดท้ายที่ยังไม่ได้แก้ไขอยู่น่ะ...แถมยังเป็นเรื่องเร่งด่วนมากซะด้วย!”
เขาเอ่ยออกมา ขณะเดียวกันก็เดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น นั่งลงในท่วงท่าทำสมาธิ และเริ่มต้นจีบออกด้วยนิ้วหัวแม่มืออีกที
เทคนิคลับ ผนึกร่างสู่หยิน
เทคนิคลับ วิญญาณหวนคืน
ทุกคนติดตามเขากลับเข้ามาที่ห้อง
เย่เฟย์หยูทนไม่ไหวต้องเอ่ยถามออกมา “คราวนี้เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ?”
กู่ฉิงซานที่กำลังจีบออกด้วยสองวิชาลับหันกลับมาตอบเขา “เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ประมาณว่า…บางทีหลังจากนี้ ถ้านายตายลง ก็คงไม่จำเป็นต้องถูกส่งไปยังโลกอื่นแล้วล่ะ”
ว่าจบ เขาก็กลับไปอยู่ในสถานะตายอีกรอบ
เขาไม่หยุดวิ่งเลยขณะที่กำลังข้ามมิติอันเชี่ยวกราก ผ่านถ้ำอันมืดมิด และในที่สุดก็มาถึงโลกปรภพ
ภายในนรกทะเลเลือด ฉานนู่กำลังรอเขาด้วยความกระวนกระวาย
“โลกปรภพเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แต่ข้าไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร” ฉานนู่กล่าว
“มันไม่เป็นไรหรอก นี่แหละคือโอกาสของพวกเราล่ะ”
“โอกาสอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ ข้าอยากจะให้เจ้าช่วยยืนยันเสียหน่อย ว่าในเวลานี้ตัวเจ้าสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์นั้นได้หรือไม่?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“พลังศักดิ์สิทธิ์นั้น? พลังศักดิ์สิทธิ์อันใดกัน?” ฉานนู่ไม่รู้เลยว่ากู่ฉิงซานกำลังกล่าวถึงสิ่งใด
“ก็ ‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ปกปักโลกา’ อย่างไรเล่า!”
ฉานนู่หลับตาลง ชั่วขณะหนึ่งเธอก็เอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ “น่าฉงนนัก ตอนนี้ข้าสามารถเปลี่ยนแปลงภูเขาล้อมเหล็กได้แล้วจริงๆ!”
“ยอดเยี่ยมยิ่งนัก” กู่ฉิงซานกล่าว
นี่แหละคือแสงแห่งรุ่งอรุณที่แท้จริงล่ะ!
ได้ยินแค่เพียงเสียงของฉานนู่ที่เอ่ยพึมพำ “ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าสามารถเปลี่ยนภูเขาล้อมเหล็กได้จริงๆ แต่ระยะเวลาที่ใช้ควบคุมมันนั้นช่างสั้นนัก แค่ราวๆ สิบลมหายใจเท่านั้น”
“ท่าไม่ดีแล้ว! เร็วเข้า! ขอให้ข้าได้ควบคุมมันเอง!” กู่ฉิงซานเริ่มร้อนรน
ฉานนู่มองตาเขาวูบหนึ่ง กัดฟันกรอด และเปลี่ยนตนเองเป็นดาบยาว
ภูเขาล้อมเหล็กมีหน้าที่ปกป้องหกโลก หากในเวลานี้กู่ฉิงซานทำอะไรผิดพลาดไปล่ะก็ สายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลก็จะเล็ดลอดเข้ามาทันที
และหากเป็นในกรณีนั้น โลกทั้งหกก็จะถูกทำลายลง!
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีสุดท้าย เธอก็ตัดสินใจที่เชื่อมั่นในตัวกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานคว้าจับดาบขุนเขาเทวะหกโลกา ทั้งคนทั้งร่างตั้งหลักอย่างมั่นคง
แล้วจู่ๆ ในความนึกคิดของเขาก็เกิดภาพมายาขึ้นทันใด
ตัวเขาขณะนี้คือภูเขา
ภูเขาล้อมเหล็กอันกว้างใหญ่
ขณะที่โลกปรภพทั้งหมดอยู่ต่อหน้าเขาในปัจจุบัน
โลกทั้งหกได้รับการคุ้มครองโดยตัวของเขาเอง
ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต็มไปด้วยการรู้แจ้งอันกระจ่างชัด
ว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างของภูเขาล้อมเหล็กได้โดยอาศัยเพียงแค่ความคิดของตนเอง
เสียงของฉานนู่กังวานขึ้น “นายน้อย ข้ายังคงมีเวลาเหลืออีกราวๆ เจ็ดลมหายใจ โปรดไตร่ตรองให้เร็วที่สุดว่าจะทำอะไรกับภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วยเถอะ!”
“เข้าใจแล้ว!”
กู่ฉิงซานพยายามที่จะปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะ และกวาดมันไปทั่วทุกตารางนิ้วบนพื้นดินของภูเขา
เส้นทางราบรื่น ไม่มีอุปสรรคขวางกั้นใดๆ
กู่ฉิงซานยังคงจัดการกับจิตสัมผัสเทวะอีกครั้ง และคราวนี้เขาค้นเข้าไปในส่วนลึกของภูเขาล้อมเหล็ก
ภูเขาทั้งลูกเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงไป เทือกเขาบ้างก็ชันขึ้น บ้างก็ดิ่งลงเป็นคลื่นดั่งที่ใจเขาปรารถนา
หุบเขาเริ่มเกิดการก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ยอดเขาแหลมชันแสนอันตรายแปรเปลี่ยนสภาพเป็นพื้นราบ ขณะที่เนินเขาธรรมดาๆ สามารถพุ่งทะยานตัวขึ้นกลายเป็นยอดแหลม...ทุกอย่างช่างง่ายดาย
‘ที่จริงแล้ววิธีการควบคุมมันก็เป็นอย่างนี้นี่เอง’ กู่ฉิงซานลอบพูดอย่างลับๆ
ยังคงเหลืออีกห้าลมหายใจ
ไม่สามารถรีรอได้อีกต่อไปแล้ว!
กู่ฉิงซานควบจิตสัมผัสเทวะของเขาไปกองรวมกันที่ยอดภูเขาล้อมเหล็ก
ไม่นานนัก เขาก็ค้นพบถึงการดำรงอยู่ของหอกหลากสี
หอกยังคงอยู่ท่ามกลางชั้นหินขนาดใหญ่ที่มันใช้เอนอิง
เหลืออีกสี่ลมหายใจ!
กู่ฉิงซานเริ่มลงมือทันที
“...ดูท่าแล้วเวลาคงจะไม่เพียงพอ แต่ยังไงก็ต้องขอลองสักตั้ง!” เขาคำรณเสียงต่ำ
หอกหลากสีที่พิงอยู่กับหินใหญ่ยังคงนิ่ง ไม่ขยับเขยื้อน
ณ เวลานี้ กู่ฉิงซานได้เตรียมพร้อมแล้ว
ในชั่วขณะนั้นเอง หอกหลากสีที่นิ่งงันรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพื้นดิน แต่ก็แค่พื้นดินเท่านั้น สำหรับการกระทำของกู่ฉิงซาน มันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่
สามลมหายใจ!
พริบตานั้นภูผาสูงใหญ่หลายสิบจั้งก็ผุดขึ้นมาบนยอดเขา
เหลืออีกสองลมหายใจ!
ภูผาสูงเหล่านั้นโค้งงอลงราวกับมือยักษ์ ถลาลงไปคว้าจับหอกหลากสี
หอกหลากสีเริ่มตอบสนองทันควัน
มันส่งเฉดเงาหอกอันไร้ที่สิ้นสุดออกไป จ้วงแทงโจมตีเข้าใส่คลื่นภูผายักษ์
อย่างไรก็ตาม มันไร้ประโยชน์!
ไม่มีพลังอำนาจใดสามารถทำลายภูเขาล้อมเหล็กได้
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ถือกฎเกณฑ์ของทั้งโลกปรภพ!
กระทั่งสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลที่สามารถทำลายล้างทั้งโลกได้ก็ยังถูกขวางกั้นโดยภูเขาลูกนี้ แล้วนับประสาอะไรกับอำนาจของหอกเพียงเล่มเดียว!
ลมหายใจสุดท้าย!
“ไปเลย!”
กู่ฉิงซานอ้าปากตะโกนสุดเสียง
ขณะเดียวกันกับเสียงของเขา ภูผายักษ์ก็โถมเข้าใส่ตำแหน่งที่หอกหลากสีอยู่ในทันใด
เอี๊ยด!
บังเกิดเสียงอันรุนแรงของแรงเสียดทาน ชั้นอากาศบังเกิดประกายไฟระลอกใหญ่ ตัดผ่านไปทั่วฟ้า
หอกหลากสีแปรเปลี่ยนเป็นภาพติดตา พุ่งทะยานหลบหนีออกจากยอดภูเขาล้อมเหล็ก
มันบินหลุดพ้นจากโลกปรภพ และทะลุช่องว่างที่เกิดขึ้นในระหว่างการม้วนตัวเป็นเกลียวคลื่นของภูผา ทะลวงอากาศหลุดออกไปยังส่วนหลังของภูเขาล้อมเหล็ก!
และบริเวณส่วนหลังของภูเขาล้อมเหล็กคือหน้าผาสูงชันหลายหมื่นจั้ง...มันคือพื้นที่ที่อยู่นอกเขตแดนของโลกทั้งหก!
เวลา...หมดลงแล้ว!
และพลังในการควบคุมภูเขาก็หยุดลง
คลื่นภูผาใหญ่ค่อยๆ จมลงกลับไปในหน้าผาสูงชัน ปกปิดช่องว่างที่หอกหลากสีพุ่งออกไป และเปลี่ยนเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ดังเดิมอย่างเงียบๆ
ฉานนู่ปรากฏร่างขึ้นจากดาบยาว เอ่ยพึมพำอย่างเหม่อลอย “จริงสิ ภายนอกภูเขาล้อมเหล็กมีสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลอันไร้ที่สิ้นสุดอยู่ หากกระทั่งโลกยังไม่สามารถหลบหนีจากการทำลายล้างของมันได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับอาวุธเพียงลำพัง”
กู่ฉิงซานปาดเหงื่อบนหน้าผาก ผ่อนลมหายใจยาว
“เนื่องจากมันทรงพลังมากเกินไป แถมไม่แบ่งแยกการดำรงอยู่ระหว่างมิตรหรือศัตรู ฉะนั้นเราจึงโยนมันทิ้งไว้ภายนอกโลก และปล่อยให้มันต่อสู้กับสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลแทน”
“แม้ว่ามันจะสามารถปลอดภัยอยู่ภายในทัณฑ์โกลาหล แต่อย่างไรมันก็ไม่สามารถกลับมายังปรภพได้อีกครั้งอยู่ดี” กู่ฉิงซานกล่าว
วิกฤตทั้งหมด ถูกลบออกไปแล้ว
คนตายบางส่วนที่พยายามจะทำลายนรกและยึดครองโลกก็หายไปแล้วเช่นกัน ขณะที่บางส่วนแม้ยังจะถูกเก็บเอาไว้ แต่ก็คงจะได้ไปเกิดใหม่ในไม่ช้า
เผ่ามารและอสุรกายทั้งหมดที่กระจายตัวอยู่ตลอดทั้งโลกปรภพก็ได้ตายลงไปแล้ว
โลกปรภพได้กลับคืนสู่ความเงียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ติ๊งๆๆ!
เสียงของเครื่องจักรคำนวณบุญรายบุคคล ดังก้องอยู่ในหูของคนตายทุกตนในแต่ละนรก
“เอาล่ะ มาเริ่มนับบุญที่ได้รับกันเถอะ” เครื่องจักรกล่าว
อีกด้านหนึ่ง
หอกหลากสีได้บินออกจากอาณาเขตโลกทั้งหก
มันบินเข้าสู่ปฐมบทแห่งความโกลาหล
และสายลมสีเทาจางๆ ก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบๆ
สายลมพัดกระพือเข้าใส่หอก
เคร้ง!
บังเกิดเสียงก้องกังวานชนิดเขย่าได้ทั้งสวรรค์และโลก
หอกที่สังหารได้กระทั่งเทพและอสุรกายถูกสายลมตีกระเด็นไปทันที
สายลมกรรโชกนี้ครอบครองอำนาจอันมหาศาล หอกหลากสีถูกเป่าปลิวไปด้วยความเร็วแรงที่เกินสามัญสำนึกของมนุษย์จักรับรู้ได้
ใช่แล้ว มันคือสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหล!
สายลมที่สามารถดับสูญได้ทั้งโลกหล้า!
แส้สายลมเริ่มก่อตัวขึ้นอีกเส้นหนึ่ง
สายลมค่อยๆ พัดแรงขึ้น ดุดันขึ้น แข็งกร้าวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ!
เสียงสายลมที่เสียดสีกับตัวหอกส่งเสียงหวีดหวิว มันม้วนกลิ้งไปตามอากาศ
หอกหลากสีถูกห้อมล้อมด้วยสายลม ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมัน ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่อง
ตัวหอกโกรธแค้น มันไม่ยินยอมที่จะแสดงความอ่อนแอของตนออกมา จึงสาดเฉดเงาหลากสีกระจายออกไปกระแทกเข้ากับสายลมในทันใด
เคร้งๆๆ!
การเผชิญหน้าอันยาวนานยังคงดำเนินต่อไป
เฉดเงาหลากสีบนตัวหอกยังคงผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง
กล่าวได้ว่ามันกับสายลมแห่งทัณฑ์โกลาหลนั้นคล้ายคลึงกัน ทั้งสองดุร้ายและแข็งกร้าว อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าแทบเทียบเคียงได้กับการอยู่ยงคงกระพันทั้งคู่
หอกและลมได้ต่อสู้กัน โบยบินฉวัดเฉวียนเข้าสู่ทิศทางที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถเข้าถึงได้
ท่ามกลางมิติและห้วงเวลาที่มิอาจคาดคะเน ได้บังเกิดสภาวะการทำลายล้างระหว่างทั้งสองขึ้น
วิ้ง!
บังเกิดเสียงอื้ออึง แม้ดูเหมือนว่าเสียงนี้จะกังวานนานนับพันหมื่นปี แต่จริงๆ แล้วมันผ่านไปเพียงพริบตาเท่านั้น!
พอได้สติกลับคืน ตัวมันเองก็ไม่รู้ว่าแล้วเหมือนกันว่าตนได้มาอยู่ที่ใด
แต่หอกกับสายลมก็ยังคงเข้าห้ำหั่นกันต่อ
อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเองก็บังเกิดเสียงเสียงหนึ่งก้องขึ้น
“หืม? ที่นี่มีหอกอยู่ด้วยแฮะ”
ยามเมื่อเสียงพูดนั้นตกลง ก็ปรากฏมือเอื้อมออกมา คว้าจับลงบนหอกหลากสี
........................................