ตอนที่ 326 พบเจอ
“ฉันมีอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นต้องรายงานต่อคุณ” เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยขึ้นอย่างกะทันหัน “เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางกองทัพของฟูซี เทพนักสู้ซางซ่งหยางจึงได้ออกจากทำเนียบประธานาธิบดี และตรงไปยังแนวหน้าแล้ว”
กู่ฉิงซานเผยท่าทีจริงจังขึ้นทันใด ปากเร่งเอ่ยถาม “แล้วท่านประธานาธิบดีล่ะ?”
“ประธานาธิบดีกำลังวุ่นอยู่กับกิจการต่างๆ เลยไม่มีเวลาที่จะทำการตอบรับการเชื่อมต่อของฉัน”
“ไม่ตอบรับการเชื่อมต่อของคุณอย่างนั้นหรือ...แล้วเขากำลังทำอะไรอยู่?”
“กำลังจัดเตรียมสามเหล่าทัพก่อนเริ่มสงคราม นอกจากนี้ ท่านประธานาธิบดียังเตรียมที่จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ทางโทรทัศน์ในอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อทำการปลุกระดมรัฐบาลกลางก่อนเข้าสู่สงครามอีกด้วย”
ไม่มีใครสามารถทำใจเชื่อได้ว่าสองประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกกำลังจะก่อสงครามเต็มรูปแบบขึ้น
จะมีผู้คนนับไม่ถ้วนตกตายลงในสงครามครั้งนี้
“ในเมื่อเทพนักสู้ไปที่แนวหน้า...ถ้าอย่างนั้นไม่ดีแน่ สถานการณ์ทางฝั่งท่านประธานาธิบดีคงจะไม่ปลอดภัย ฉันจะต้องรีบไปพบกับเขาเดี๋ยวนี้!” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาเคลื่อนกาย ทะยานสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
และรถเหินเวหาที่จอดรออยู่กลางอากาศก็เปิดประตูต้อนรับเขา ก่อนจะเร่งความเร็วมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเมืองหลวงทันที
เนื่องจากบริเวณนี้คือป่าในแถบชานเมืองของเมืองหลวง ดังนั้นจึงใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงทำเนียบประธานาธิบดี
ในระหว่างที่กู่ฉิงซานกำลังซ่อมแซมดาบเช่าหยิน เหลียวฮังก็นั่งรอเขาอยู่ในบ้าน
ขณะที่กำลังยกบุหรี่ขึ้นมาสูบ และเฝ้ารอกู่ฉิงซานจัดการเรื่องทั้งหมด แล้วจึงค่อยเอ่ยถามทุกสิ่งให้มันชัดเจน
แต่ใครจะรู้ จู่ๆ กู่ฉิงซานกลับบินหนีไปซะอย่างนั้น
เหลียวฮังรีบดับบุหรี่ แล้วเปิดสมองควอนตัมติดต่อหากู่ฉิงซานทันที
“อ้าว แล้วนั่นแกจะรีบไปไหน แกยังไม่ได้มาอธิบายถึงเรื่องที่เพิ่งพูดมาเลยนะ”
“เอาไว้ผมจะบอกคุณเรื่องนี้อีกครั้งในภายหลัง นี่เป็นสถานการณ์เร่งด่วน ผมจะต้องรีบไปพบกับท่านประธานาธิบดีทันที” กู่ฉิงซานกล่าว
พร้อมกับการเชื่อมต่อที่ถูกตัดสายไป
“บ้าเอ๊ย!”
เหลียวฮังตบลงบนสมองควอนตัมของตัวเองอย่างแรง ปากตะโกนสบถเสียงดัง
“มีเรื่องอะไรเหรอ?” เย่เฟย์หยูขมวดคิ้วพลางเอ่ยถาม
“ก็ฉันยังไม่ทันจะรู้ถึงความจริงของเรื่องราวทั้งหมดเลย ความรู้สึกแบบนี้เนี่ย สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้วมันทรมานแทบตายเลยนะ!”
เหลียวฮังหอบหายใจ กล่าวด้วยความหดหู่
“ถามหน่อยเถอะ ถ้าคุณรู้ไป แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา คุณจะไปทำอะไรได้?” เย่เฟย์หยูถามจี้จุด
เหลียวฮังจ้องมองอีกฝ่าย และมิอาจเอ่ยคำใดออกมาได้แม้จะผ่านไปแล้วสักพัก
เย่เฟย์หยู “ในเมื่อคุณมีเทคนิคฝึกยุทธเอาไว้ฝึกฝนอยู่แล้ว คุณก็ควรจะใช้เวลานี้เพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวเองนะ เผื่อว่าจะมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น คุณจะได้ไปแก้แค้นด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปขอร้องรบกวนคนอื่นอีก”
“เฮอะ!” เหลียวฮังไม่ตอบ เขาเพียงแค่หันหลังแล้วเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูห้องเสียงดังปัง
เย่เฟย์หยูยืนนิ่ง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ
ในช่วงเวลานั้นเอง ผีหญิงสาวได้บินเข้ามา และพูดอะไรบางอย่างกับเขา
เย่เฟย์หยูหันไปมองเธอแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “ที่ทำแบบนี้ฉันหวังดีกับเขานะ เขาแค่ต้องถูกกระตุ้นซักเล็กๆ น้อยๆ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกทิ้งห่างจากคนอื่นมากเกินไป ก็คงจะไม่มีใครช่วยอะไรเขาได้”
ส่วนตัวเย่เฟย์หยูเอง ก็เตรียมที่จะเรียนรู้วิชาลับที่ได้รับมาจากกู่ฉิงซาน เพื่อที่จะสามารถมองเห็นตัวหลิวชิจุนได้เสียที
หญิงสาวก้มลงข้างหูเขา และเอ่ยกระซิบบางสิ่งบางอย่าง
“เข้าใจแล้ว เอาไว้เธอรู้สึกดีขึ้นเมื่อไหร่ ฉันจะไปชักชวนเขาเอง”
…
เหลียวฮังสัมผัสลงบนสมองควอนตัมของตัวเอง
“เทพธิดากงเจิ้ง”
“ฉันอยู่นี่ มิสเตอร์เหลียว”
“คุณจะต้องบอกฉันทันทีว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?”
เหลียวฮังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงรุนแรง แสดงท่าทีจริงจังอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
“ฉันจำเป็นต้องเรียนถามใต้เท้ากู่ฉิงซานเสียก่อน” เทพธิดาตอบ
หลังจากนั้นไม่นานนัก
เทพธิดากงเจิ้งก็บอกเล่าถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้
“มีหลายสิ่งเกิดขึ้นแท้ๆ แต่ทำไมคุณถึงไม่สามารถสังเกตเห็นถึงมันได้ล่วงหน้าล่ะ?” เหลียวฮังเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“มิสเตอร์เหลียว ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกันถ้ามนุษย์ที่ตามหามีความสามารถมากพอที่จะหลบเลี่ยงอุปกรณ์เฝ้าระวังทุกชนิดน่ะ”
“แต่อย่างน้อยคุณก็ควรจะบอกเจ้ากู่ฉิงซานเกี่ยวกับเรื่องของถังจุน!” เหลียวฮังเริ่มเสียงดัง
“ไม่มีอะไรที่ฉันจะสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องของถังจุน” เทพธิดากล่าว
“ทำไม?”
“เพราะมืออาชีพที่ทรงพลังได้ลงมืออย่างรวดเร็ว มันไม่มีทางที่ฉันจะสามารถหยุดพวกเขาได้ ฉันเป็นแค่จักรกล ดังนั้นจึงไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของมนุษย์ที่คิดจะก่ออาชญากรรมและการสังหารได้” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
“แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตมากมาย ทำไมแกถึงได้ไร้ความสามารถแบบนี้!” เหลียวฮังคำราม
แต่แล้วสมองควอนตัมก็ดับลงอย่างกะทันหัน
เทพธิดากงเจิ้งได้ทำการตัดการเชื่อมต่อลง
ณ ป้อมปราการดวงดาวเฉินเตี้ยนเฮ่า
ข้อมูลทั้งหมดได้หายวับไปจากจอม่านแสงขนาดใหญ่
พร้อมกับท่าทีการแสดงออกร่ำไห้ที่ปรากฏขึ้น
ในส่วนลึกเข้าไปในเฉินเตี้ยนเฮ่า อุปกรณ์ทุกอย่างของแชมป์เปี้ยนในเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ของแต่ละคนได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์
ไม่มีใครรู้ว่าเทพธิดากงเจิ้งทำได้อย่างไร
ท่าทีแสดงออกถึงการร่ำไห้ได้หายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้น ไม่กี่บรรทัดตัวอักษรก็ปรากฏขึ้นบนจอม่านแสง
“โปรเจกต์: ความลับสุดยอด”
“คนวงในที่มีสิทธิ์รู้เรื่องของโปรเจกต์: สองคน”
“ชื่อโปรเจกต์: การวิจัยกฎเกณฑ์ขั้นสูงและการยับยั้งพลังงานของโลก”
“วิเคราะห์กระบวนการความก้าวหน้าของโปรเจกต์”
“ข้อสรุป: กระบวนการวิจัยนี้ได้ก้าวหน้าไปแล้วกว่าสามสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์”
“ระยะเวลาการของการวิจัยโดยประมาณ”
“หลังจากนี้อีกห้าร้อยหกสิบสี่ชั่วโมง หัวข้อโครงการนี้จะถูกปิดลง”
“พิจารณาจากข้อจำกัดด้านระยะเวลาที่ค่อนข้างเข้มงวด ดังนั้นจึงขอทำการเพิ่มการลงทุนในโครงการ นับจากนี้เป็นต้นไป”
…
เหลียวฮังยืนอยู่อยู่ที่เดิม ปากอ้าหอบหายใจ
“คุณกล้าหาญไม่เลวเลยนี่ ถึงขั้นโกรธเทพธิดากงเจิ้งเป็นฟืนเป็นไฟ” เย่เฟย์หยูปรากฏตัวขึ้นในห้องนั่งเล่น เอ่ยหยอกล้อ
เหลียวฮังหลับตาลงและถอนหายใจอย่างหงุดหงิด “ฉันอาจจะหยาบคายไปบ้างจริงๆ แต่ก็คงจะไม่เป็นอะไรหรอก เพราะอย่างไรมันเป็นแค่จักรกลนี่...”
“ปล่อยให้กู่ฉิงซานเป็นคนจัดการเถอะ” เย่เฟย์หยูช่วยปลอบอีกฝ่าย “เจ้าเด็กนั่นแข็งแกร่งมาก แกร่งยิ่งกว่าแต่ก่อนสุดๆ ชนิดที่เรียกได้ไม่ชอบมาพากลเลยทีเดียว แต่ถ้าหากปล่อยให้เขาลงมือ มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
“แน่นอนว่ามันไม่เป็นปัญหา แต่ในฐานะตัวฉันเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะอันแสนโดดเด่น แต่ตัวเองกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย ความรู้สึกแบบนี้มัน...” เหลียวฮังถอนหายใจ
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะกำลังนึกถึงบางสิ่ง ท่าทีการแสดงออกของเขาเผยถึงความโศกเศร้าที่ไม่อาจพรรณนาออกมาได้
“คุณไม่เป็นไรนะ” เย่เฟย์หยูเอ่ยถามด้วยความกังวล
พอคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็เดินไปหยิบขวดเหล้า และเทมันลงสองจอก
จากนั้นทั้งสองก็นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น
ยกจอกขึ้นชนกัน
เย่เฟย์หยูเติมเหล้าให้จอกของเหลียวฮัง ก็จะเริ่มรินให้ตัวเองอีกจอกหนึ่ง
ในที่สุดสีหน้าของเหลียวฮังก็ค่อยดูดีขึ้น
อีกฝ่ายเอ่ยปากออกมา “เออ ขอบใจสำหรับเหล้าดีๆ นะ”
“ไม่จำเป็นต้องสุภาพหรอก ผู้ชายอย่างเราๆ ก็มีบ้างเป็นบางครั้งที่จะคิดมากเกี่ยวกับตัวเอง อย่าอารมณ์เสียไปเลย” เย่เฟย์หยูกล่าวพลางผุดลุกขึ้น
“นั่นแกจะไปไหนน่ะ?” เหลียวฮังเอ่ยถาม
“ไปฝึกยุทธกับแฟน”
เย่เฟย์หยูกล่าวต่อ “หลังจากที่ผมเริ่มฝึกยุทธ ผมก็ได้ค้นพบถึงความลึกลับของวิวัฒนาการ แถมยังค้นพบวิธีการโจมตีใหม่ๆอีกด้วย เวลานี้น่ะนะ พูดได้เลยว่าบนโลกใบนี้เหลืออีกไม่กี่คนแล้วล่ะที่ยังสามารถเอาชนะผมได้”
เขาหมุนตัวกลับและเดินจากไป
เหลียวฮังนิ่งงันไปครู่หนึ่ง
แล้วจู่ๆ เขาก็วางจอกเหล้าลง และกลับไปที่ห้องของตัวเอง
เหลียวฮังนั่งลงบนเตียง ยืดหลังตรง หยิบหนังสือเทคนิคฝึกยุทธขึ้นมาเปิด และเริ่มต้นอ่านมันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
“เจ้าพวกนี้มันเรียบง่าย เป็นเรื่องง่ายดายมากๆ...ถึงแม้ร่างกายของฉันจะอ่อนแอ แต่จะต้องแซงแกได้แน่ๆ”
เขาบ่นพึมพำ
บนท้องฟ้า ฝนโปรยปรายมิเคยหยุด
มันเย็นฉ่ำร่วงโรยอยู่ท่ามกลางสายลม
ณ ทำเนียบประธานาธิบดี
บริเวณสนามหญ้า
ประธานาธิบดียืนอยู่ที่นั่น สองมือของเขาไขว้หลัง และกำลังเฝ้ารออย่างเงียบๆ
โดยมีบุคลากรร่างกายกำยำสูงใหญ่ช่วยถือร่มให้แก่เขา
พร้อมด้วยหน่วยสืบราชการลับที่แยกย้ายกันอยู่ในบริเวณรอบๆ
‘เปรี้ยง!’ ท่ามกลางเสียงฟ้าร้อง ปรากฏกระแสแสงเส้นหนึ่งวูบตรงเข้ามา
รถเหินเวหาของกู่ฉิงซานค่อยๆ ลดระดับลงจากท้องฟ้า
ประตูรถเหินเวหาเปิดออก
พร้อมกับกู่ฉิงซานที่เดินลงมา
ประธานาธิบดียืนอยู่ที่นั่นและยื่นมือของเขาออกไป
ทั้งสองจับมือทักทายกัน
“ฝนตกหนักขนาดนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องออกมารอรับผมก็ได้” กู่ฉิงซานกล่าว
เขาทอดถอนหายใจด้วยอารมณ์ ท่านประธานาธิบดีได้ใช้ร่างโคลนเป็นตัวตายตัวแทน เพื่อหลีกเลี่ยงการลอบสังหารจากเก้าตระกูลใหญ่นับครั้งไม่ถ้วน
แม้จะแก่ แต่เขาก็เป็นชายที่แก่ไปด้วยประสบการณ์ และมีจิตใจที่แข็งแกร่งจริงๆ
“งานของฉันค่อนข้างยุ่ง เลยคิดว่าจะใช้โอกาสนี้พักหายใจมันซะเลยน่ะ” ประธานาธิบดีกล่าว
ใบหน้าของเขาดูหนักอึ้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกิจการของทางรัฐที่ยุ่งมาก หรือเป็นเพราะสงครามที่กำลังใกล้เข้ามากันแน่
ทั้งสองเดินจากสนามหญ้า กลับเข้าไปในคฤหาสน์
ประตูไม้ขนาดใหญ่ปิดลง ทิ้งลมและฝนเอาไว้เบื้องหลังพวกเขา
เมฆที่แขวนอยู่บนฟากฟ้าแลคล้ายกับสีตะกั่ว ส่งเสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้อง
สวรรค์และโลกตกลงสู่ความมืดมิด
………………..………………..