webnovel

0011- ลอบสังเกตการณ์

ตอนที่ 11 ลอบสังเกตการณ์

ผ่านไปครู่หนึ่งหญิงงามก็กล่าวเสียงนุ่มราวกระซิบ “ไปจัดการเปิดวิดีโอเมื่อครู่ให้เล่นใหม่ ฉันต้องการจะดูภาพการต่อสู้เมื่อกี้อีกครั้ง”

ชายสวมแว่นกันแดดถอนหายใจด้วยความผ่อนคลาย และเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แต่มันเป็นแค่การต่อสู้ระดับปรมาจารย์นักสู้ ท่านยังต้องการจะดูจริงๆ หรือ?”

หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “เจ้าเด็กยากจนนี่มีบางอย่างแปลกๆ ฉันต้องการดูอีกครั้ง”

ชายสวมแว่นเปิดวิดีโอในห้อง และกลอย้อนกลับไปเล่นใหม่ตั้งแต่ต้น

“หยุด”หญิงสาวสั่ง

ชายสวมแว่นกดปุ่มหยุดชั่วคราว และภาพก็หยุดนิ่ง

นี่คือช่วงเวลาสุดท้ายที่กู่ฉิงซานเปิดใช้งานพลังวิญญาณและถ่ายเทมันลงไปคลุมลูกศร

“คุณเห็นนั่นไหม” หญิงสาวหรี่สองตาของเธอ และชี้ไปยังตำแหน่งหัวลูกศร “ชั้นอากาศเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากที่สุด และอากาศจะตอบสนองต่อพลังใดๆ ที่ปรากฏในอากาศ”

ชายสวมแว่นเพ่งมองอย่างจริงจังไปยังหัวลูกศร ก่อนจะพบว่าตรงเบื้องหน้าของมันเกิดสองระลอกคลื่นโปร่งใสบิดเป็นเกลียวขึ้น

เขาส่ายหัวและกล่าว “ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ไม่แน่มันอาจจะเป็นเฉาฟ่าน ผ่าเหล่า”

“น่าสนใจจริงๆ แม้ว่ารูปลักษณ์ของพลังนี้จะดูเล็กจ้อยและอ่อนแอ แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงเอกลักษณ์ที่พิเศษบางอย่าง” หญิงสาวเอ่ยพึมพำ ขณะที่สายตายังคงจดจ้องอยู่บนจอ “พวกเราต้องหาวิธีติดต่อกับเด็กยากจนคนนี้”

ค่ำคืนที่ยาวนาน ในที่สุดก็ผ่านพ้นไป

ทางตอนใต้ของเมือง ย่านที่พักอาศัยหรู

“นายไม่ต้องการที่จะแก้แค้นให้พรรคพวกเหรอ?” กู่ฉิงซานมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม

หวังหมิงส่ายหัวและกล่าว “พวกเราทุกคนก็แค่ถูกดึงดูดโดยเงินรางวัลของภารกิจ และมาร่วมมือกันชั่วคราว ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ”

หวังหมิงโยนกุญแจให้กู่ฉิงซานและกล่าว “นายไว้ชีวิตฉัน สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำเพื่อนายได้ก็คือมอบสถานที่ลับแห่งนี้ไว้ให้นายพักผ่อน หลังจากทั้งหมดนี้ ทุกคนในตระกูลเนี่ยมีอำนาจมากเกินไป”

กู่ฉิงซานคว้ากุญแจ ก่อนจะมองไปยังอีกฝ่ายและกล่าว “ขอบคุณสำหรับน้ำใจของนาย ตอนนี้ฉันคงต้องขอตัวก่อน”

หวังหมิงรีบเอ่ยถาม “นายจะไปไหน?”

“ไปทำงาน”

“ทำงาน?” หวังหมิงนิ่งไปครู่หนึ่ง

“อ่า ก็ทำงานหาเงิน ฉันก็ต้องกินต้องใช้ อธิบายง่ายๆไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น” กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจริงจัง

เขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่อยู่ลำพัง ดังนั้นหากต้องการเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำ ค่าเล่าเรียนจะต้องสูงมาก แถมยังต้องใช้แต้มบุญอีกด้วย

นอกจากนี้วิชาเอกที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษคือสาขาหุ่นรบ ซึ่งเป็นสาขาที่มีค่าใช้จ่ายมากกว่าสาขาอื่นหลายเท่าตัว

กู่ฉิงซานทำงานหลายอย่างเพื่อสะสมเงิน และยังคอยสะสมแต้มบุญที่เป็นทักษะส่วนบุคคลไว้ใช้สำหรับอนาคต นอกจากนี้เขายังต้องหาที่เงียบๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการสอบที่จะมาถึงด้วย

หวังหมิงสงสัยว่าหูของเขาคงมีปัญหา และได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายผิดไป

เบื้องหน้าของเขาคือเด็กหนุ่มที่สามารถสังหารนักฆ่าห้าคนได้ในหนึ่งลมหายใจ แม้กระทั่งหวูเต๋าระดับปรมาจารย์นักสู้สุดแกร่งก็ยังถูกเขาสอยตกจากตึกชั้นยี่สิบสองกลายเป็นโคลนเหลวไปโดยระเบียบ

ตัวตนแบบนี้ ยังต้องไปทำงานหาเงินเพื่อรักษาความเป็นอยู่ของตัวเองอีกหรือ?

ฟังที่เขาพูดเมื่อครู่ เจ้าตัวบอกว่าเตรียมตัวที่จะไปเรียนมหาวิทยาลัย?

หวังหมิงที่มีชีวิตอยู่มายาวนานกว่าสามสิบปี วันนี้นับว่าเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าค่านิยมของตนถูกพลิกคว่ำลงโดยสมบูรณ์

“ฉันจะรับกุญแจนี่ไว้” กู่ฉิงซานชูกุญแจขึ้น ก่อนจะขบคิดและกล่าวต่อ “และจะขอแนะนำนายสักหน่อย ตอนนี้นายรีบหนีออกจากมณฑลฉางหนิง แล้วมุ่งไปทางตะวันออก หนีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าสู่สาธารณรัฐฟูซี”

“ทำไมล่ะ?”หวังหมิงกล่าว

“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน ทางด้านฉันนั้นอยู่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตระกูลซู ครั้งนี้ตระกูลเนี่ยทำไม่สำเร็จ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีครั้งต่อไป ทว่าอย่างไรเสียก็คงสำหรับฉันพวกเขาคงไม่อาจทำอะไรได้ในเร็วๆ นี้แน่นอน แต่นายแตกต่างออกไป นายเป็นนักฆ่าไม่ควรอยู่ในที่แจ้ง ถ้านายยังไม่รีบไปจากที่นี่ในอนาคตนายอาจจะถูกฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้”

หวังหมิงเงียบอยู่นาน สุดท้ายจึงเริ่มเอ่ยปาก “ฉันจะไป แล้วหวังว่าในอนาคตเราจะได้พบกันอีกครั้งในฐานะเพื่อนที่ดี ลาก่อน”

การตัดสินใจเด็ดขาดเช่นนี้ไม่ง่ายเลย แต่เขากลับแทบจะไม่เสียเวลาคิดด้วยซ้ำ ความกล้าของชายคนนี้นับว่าไม่เลวเลย

กู่ฉิงซานพยักหน้าด้วยความชื่นชม และออกจากห้องไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา กู่ฉิงซานก็มาถึงอาคารที่สูงตระหง่านดูล้ำสมัย

หลังจากที่รูดบัตร เจ้าตัวก็ตรงเข้าสู่อาคาร ก่อนจะรูดอีกครั้ง และมุ่งหน้าลงสู่ในส่วนของชั้นใต้ดิน

หลังจากที่ผ่านการตรวจสอบสแกนม่านตาและลายนิ้วมือแล้ว กู่ฉิงซานก็เปลี่ยนเสื้อคลุมทำงาน ก่อนจะเข้าลิฟต์และมุ่งลงสู่อาคารใต้ดินชั้นที่ห้าสิบ

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

“ยินดีต้อนรับหมายเลข สี่หนึ่งหนึ่งห้าเจ็ด สู่แผนกวิจัยและพัฒนาเกราะรบกังเตี๋ยแห่งมณฑลฉางหนิง”

กู่ฉิงซานก้าวเข้ามาด้านใน

ตรงข้ามกับเขา มีหุ่นรบกังเตี๋ยสูงประมาณห้าเมตร และคนในชุดทำงานหลานคนกำลังวุ่นอยู่รอบหุ่นรบ ดูเหมือนพวกเขากำลังถกเถียงกันอยู่

นี่คือศูนย์วิจัยและพัฒนาหุ่นรบที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลฉางหนิง นอกจากนี้ยังเป็นอุตสาหกรรมหลักของตระกูลซู แม้กระทั่งเด็กๆ ในตระกูลซู หากไม่มีความสามารถมากพอ เช่นเดียวกันก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่พื้นที่นี้

กู่ฉิงซานมองไปยังเหล่าหุ่นรบต่อสู้ ในหัวใจของเผยให้เห็นถึงความตื่นเต้น

นี่คือผลิตภัณฑ์ของอารยธรรมมนุษย์ มันคือการตกผลึกของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกิดจากการบรรจบกันของวิชาการในสาขาชั้นสูงต่างๆนับไม่ถ้วน และเป็นตัวแทนของกำลังรบที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุดในโลก

ไม่ว่าจะรถเหินเวหาหรืออะไรก็ตาม เมื่ออยู่ต่อหน้าหุ่นรบกังเตี๋ยนี้ มันก็จะเป็นเพียงสิ่งอ่อนแอที่ถูกระเบิดทิ้งลงอย่างง่ายดาย

เจ้าเครื่องจักรเลือดเย็นอันยอดเยี่ยมนี้ ช่างมีเสน่ห์เหลือร้ายสำหรับผู้ชายทุกคนจริงๆ

“หมายเลข สี่หนึ่งหนึ่งห้าเจ็ด สมัครหัวข้อวิจัย”กู่ฉิงซานกล่าว

“โปรดอธิบายเนื้อหาหัวข้อที่คุณกำลังจะทำ เพื่อให้สมองกลของช่วยเตรียมการ” เสียง

อิเล็กทรอนิกส์สังเคราะห์ดังขึ้น

“การควบคุบพลังงานอิเล็คตรอนในการขับเคลื่อนหุ่นรบเครื่องที่”

“หมายเลข สี่หนึ่งหนึ่งห้าเจ็ด หัวข้อของคุณได้รับการอนุมัติแล้ว ระยะเวลาวิจัยคือหกวัน ห้องพักของคุณคือห้องหมายเลขสี่ศูนย์ศูนย์เหก้า เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานและสุขภาพที่ดี โปรดใส่ใจกับการพักผ่อน และกินดื่มให้ตรงเวลาด้วย”

“ขอบคุณ” กู่ฉิงซานโล่งใจ

เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ เขาสามารถอยู่ที่นี่ได้เป็นเวลาหกวันติดต่อกัน และหากหัวข้อโครงการเสร็จสมบูรณ์ก็จะได้รับรางวัลที่สมน้ำสมเนื้อ

หากเขาอยู่ที่นี่ มันจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน จะเว้นก็แต่จักรวรรดิฟูซีทำการโจมตีรัฐบาลกลาง แต่หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น คงมิใช่แค่เพียงเขาที่ต้องเผชิญกับอันตราย แต่เป็นทั่วทั้งมณฑลฉางหนิงเลยต่างหาก

เงื้อมมือของตระกูลเนี่ยไม่อาจเอื้อมเข้ามาถึงที่นี่ได้

หกวันต่อจากนี้ จะเป็นวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยพอดิบพอดี

เมื่อถึงเวลาเสร็จสิ้นการสอบ ฉันก็จะหายตัวไปได้ทันที

สำหรับปัจจุบันนี้ มาสงบจิตใจโดยการวิจัยหุ่นรบดีกว่า!

กู่ฉิงซานอดไม่ได้ที่เดินกระโดดพลางฮัมเพลงเล็กๆ น้อยๆ ด้วยความสุข เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะตรงไปหามัน

ในชีวิตที่ผ่านมาของเขา ฉิงซานได้พัฒนาสิ่งดีๆ ไปแล้วมากมาย ตลอดสิบปีจวบจนถึงวันสิ้นโลก เขาไม่เคยเลิกวิจัยหุ่นรบเลย นั่นทำให้ความรู้และงานวิจัยของเขาอาจจะไกลเกินกว่ายุคปัจจุบันนี้ไปมากโข

และสภาวะในที่แห่งนี้ก็นับว่าดีทีเดียว หากเขามีความคิดอะไรดีๆ ก็สามารถนำมาทดสอบได้เลยโดยตรง

ภายนอกของบริษัทวิจัยหุ่นรบกังเตี๋ย ณ ชั้นบนสุดของตึกอีกแห่งหนึ่ง

ชายตัวใหญ่ไว้ผมยาวสวมแว่นกันแดดสีดำกำลังยืนอยู่บนดาดฟ้า ในมือถืออุปกรณ์สื่อสาร และกำลังรายงานเกี่ยวกับเรื่องของกู่ฉิงซานอย่างหมดหนทาง

“ดังนั้นคุณกำลังจะบอกว่าเขาเป็นนักวิจัยหุ่นรบ?”

น้ำเสียงเย็นชาของหญิงสาวส่งมาจากปลายสาย ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงแป้นพิมพ์ดังมาเป็นระยะๆ

“เป็นเช่นนั้น ฝ่าบาท ที่ๆเขาอยู่มีการป้องกันแน่นหนามาก เกรงว่าต่อให้กระหม่อมเปิดเผยความสามารถและทุ่มสุดตัว ก็คงจะไม่อาจนำตัวเขาออกมาได้ ตรงกันข้ามมันจะกลายเป็นฉนวนไปสู่สงครามเสียมากกว่า”

“เข้าใจแล้ว กลับมาก่อน ไม่จำเป็นต้องสร้างปัญหาใดๆ พวกเราจะใช้ช่องทางปกติเอา”หญิงสาวขบคิดแล้วกล่าวออกมา

“ช่องทางปกติ? ท่านกำลังจะกล่าวอะไร?”

ชายสวมแว่นกันแดดเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

ไม่น่าแปลกใจหรอกที่เขาต้องถามอย่างระมัดระวังเช่นนี้ ครั้งสุดท้ายที่ฝ่าบาทของเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา นั่นคือการประกาศสงคราม เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องในช่วงเวลานั้น ชายสวมแว่นก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน

“คุณมั่นใจได้ ฉันจะเตรียมตัวไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องปลอมตัวหรือปกปิดสถานะ” หญิงสาวกล่าว

ชายสวมแว่นผ่อนคลายลงและกล่าว “แล้วภารกิจที่พวกเราต้องทำล่ะ?”

“ภารกิจอะไร?”

“เฟ้นหาผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดจากรัฐบาลกลางอย่างไรเล่า ฝ่าบาท”

“แล้วสิ่งที่พวกเรากำลังกระทำอยู่นี่เรียกว่าอะไร”

ใบหน้าของชายสวมแว่นเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าหนูคนนี้ คือผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดจริงๆ น่ะหรือ?”

ปลายสาย หญิงสาวหุ่นเพรียวบางหน้าตางดงามกำลังพรมมือทั้งสองของเธอบนจอภาพเสมือนที่เป็นม่านแสงและกล่าว “ฉันได้ลองคำนวณดูแล้วว่าพลังอันไร้ที่มาของเขาที่ใช้หนุนเสริมพลังงานจลน์ของลูกศรนั้นน่าทึ่งมากทีเดียว และคุณก็ควรจะไปมองหาบทความในวารสารวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลกลางที่ตีพิมพ์เกี่ยวกับการจำลองหุ่นรบให้เลียนแบบพฤติกรรมมนุษย์มาอ่านบ้างนะ”

“ทำไมต้องอ่านด้วย?”

“ก็เพราะคนที่เขียนมันคือกู่ฉิงซานอย่างไรล่ะ”

หญิงสาวคนนั้นมองข้อความบนม่านแสงพลางเลียริมฝีปากของเธอเบาๆ สีหน้าที่เผยถึงความตื่นเต้นของเธอราวกับว่าว่าตัวเธอเป็นแมวที่กำลังจับจ้องชิ้นปลามัน

........................................