webnovel

IANZO Since 2040

ในอนาคตที่โลกได้ดำเนินมาถึงจุดที่มนุษย์ไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งก็ได้ทำการทดลองจนได้รับสิ่งที่ถูกนิยามว่า 'เวทมนตร์' ขึ้นมาใช้กอบกู้โลกที่มืดมนเหลือเกินในตอนนั้นให้กลับมาสงบสุขเรื่อยมาและก่อเกิดเป็น ‘เอียนโซ’ องค์กรนักเวทมนตร์ผู้ถูกสรรเสริญเป็นวีรบุรุษกอบกู้โลกในปี 2040 เรื่องราวการเดินทางของ ‘วีโอเลต รอจเจอร์’ เด็กสาวที่เกิดจากครอบครัวธรรมดา ผู้มีความฝันเกินกว่าความธรรมดา เธอฝันอยากจะก้าวข้ามไปอยู่ในโลกของนักเวทมนตร์เหมือนกับพ่อของเธอที่สละชีวิตเพื่อปกป้องโลกใบนี้ไปตั้งแต่ก่อนเธอจะลืมตาขึ้นมาดูโลกเสียอีก...ทว่าสุดท้ายแล้วเธอกลับลงเอยด้วยการกลายเป็น ‘นักเวทมนตร์นอกรีด’ ศัตรูตัวฉกาจขององค์กรเอียนโซอย่างปริศนา... จุดหักเหแห่งชีวิตของนักเวทมนตร์นอกรีดผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตคนนี้มาจากอะไร? ยังคงเป็นเรื่องราวลึกลับและไม่อาจคาดเดาได้...

O_Jay · Fantasía
Sin suficientes valoraciones
42 Chs

บทนำ : วีโอเลต รอจเจอร์ แห่งปราสาทนักเวทมนตร์นอกรีด

บทนำ : วีโอเลต รอจเจอร์ แห่งปราสาทนักเวทมนตร์นอกรีด

(Violet Rojjer)

ปี ค.ศ.2180

ณ ปราสาทเวทมนตร์สไตล์โบราณสีดำสนิทซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่ปริศนารายล้อมไปด้วยป่าทึบที่แลดูขมุกขมัว พื้นหลังคือท้องฟ้าครึ้มสีเทาเข้มและหมอกหนาที่รายล้อมไปทั่ว

ด้านในของปราสาทถูกแบ่งเป็นบริเวณห้องต่างๆตามการใช้งานคล้ายกันกับ 'ปราสาทเอียนโซ' ที่แสนจะโด่งดัง แต่บรรยากาศกลับดูเงียบสงัดกว่ามาก ทุกๆห้องตกแต่งด้วยสไตล์ลอฟท์เน้นเป็นปูนเปลือยสีเทาขาวสว่าง และข้าวของเครื่องใช้สไตล์โมเดิร์นถูกจัดวางอย่างเรียบง่ายเช่นเดียวกัน และแทบจะตำแหน่งเดียวกันกับปราสาทของทางฝั่งนั้น

นอกเหนือจากห้องทั่วไปที่คล้ายกันมากๆแล้ว ยังมีประตูทางเข้าลับๆที่แอบอยู่ในมุมหนึ่งของผนัง ซึ่งดูเหมือนว่าคนที่จะเข้าไปได้จะต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น บุคคลผู้ได้รับอนุญาตจะต้องประทับฝ่ามือลงบนผนังในตำแหน่งที่กำหนดไว้ เขาคนนั้นจึงจะถูกพาวาร์ปเข้าไปยัง...

ชั้นใต้ดิน 'ปราสาทนักเวทมนตร์นอกรีด'

แม้ว่าปราสาทนอกรีดนี้จะมีความคล้ายกับปราสาทเอียนโซมากมายหลายจุดเหลือเกิน ทว่า บรรยากาศชั้นใต้ดินกลับต่างกันอย่างสิ้นเชิง...ชั้นใต้ดินของที่นี่เป็นเหมือนห้องส่วนตัวของใครบางคน บรรยากาศดูสบายๆ คล้ายห้องรับแขก มีทั้งชั้นหนังสือมหาศาลที่วางเรียงรายกินพื้นที่เกือบครึ่งห้อง ตรงกึ่งกลางของห้องมีเสาขนาดใหญ่ถูกตั้งเอาไว้เหมือนของประดับห้องที่มองดูแล้วอาจจะทำให้เกิดคำถามว่า...ทำไมมันถึงมาตั้งอยู่ตรงนั้น?

อีกฝั่งหนึ่งของห้อง มีโซนห้องรับแขกที่วางโซฟาและโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ตอนนี้มีเพียงร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา นัยน์ตาสีบลูเบอร์รี่ของเธอจ้องมองเข้าไปที่หน้าจอแท็บเล็ตขนาดใหญ่ในมืออย่างจดจ่อคล้ายกับกำลังทำงานด้วยใจขมักขเม้น ในขณะเดียวกันก็เปิดโทรทัศน์ทิ้งเอาไว้ด้วย

แม้ว่าเธอจะไม่ได้สนใจหน้าจอโทรทัศน์ที่แสดงภาพและเสียงอยู่เบื้องหน้า แต่ก็ยังปล่อยให้มันทำงานอยู่แบบนั้นคล้ายกับติดเป็นนิสัย จนกระทั่ง...

"ต่อไปจะเป็นแถลงการณ์ด่วนจากตัวแทนของ 'องค์กรเอียนโซ' ถึงประเด็นร้อนที่เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก เรื่องมาตรการตอบโต้ 'ปราสาทนอกรีด' ค่ะ และตัวแทนในวันนี้ที่มาแถลงคือผู้นำตระกูลนักเวทมนตร์ผู้ทรงเกียรติทั้งสองตระกูลอย่าง 'ตระกูลวิริญ' และ 'ตระกูลพิมารัน' ค่ะ" เสียงผู้ประกาศข่าวสาวในหน้าจอตรงหน้าที่เธอไม่ได้ให้ความสนใจนักดังขึ้น พร้อมทั้งเอ่ยคีย์เวิร์ดที่โสตประสาทของเธอดูจะสนใจเป็นพิเศษอย่าง 'ปราสาทเอียนโซ' 'ตระกูลวิริญ' 'ตระกูลพิมารัน'

หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีบลูเบอร์รี่และเรือนผมสั้นระดับปลางคางสีดำธรรมชาติเงยหน้าขึ้นมาจากงานที่อยู่ในแท็บเล็ต ดวงตาเผลอจ้องมองเข้าไปที่หน้าจอทีวีอย่างห้ามไม่ได้

หน้าจอที่เธอเลือกจะมองนั้น บัดนี้ปรากฏภาพของชายหนุ่มและหญิงสาวที่ถูกเรียกว่าเป็นตัวแทนของปราสาทเอียนโซเมื่อสักครู่นี้ คนหนึ่งคือชายหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีดำอันว่างเปล่าอ่านอารมณ์ไม่ออกที่มองมาที่กล้อง สีหน้าเฉยชาดูเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ด้านหน้าของเขามีป้ายชื่อตั้งโต๊ะวางอยู่เป็นชื่อ 'เตวิช วิริญ'

อีกคนที่นั่งอยู่ข้างกันคือหญิงสาวเจ้าของร่างที่เรียวบางแต่ก็ยังดูสมส่วนกับความสูงชะลูด ผมยาวสีบลอนด์และผิวสีแทนประกอบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ส่งรังสีแห่งความไม่ยอมคนออกมาชัดเจน ให้ภาพลักษณ์ที่ดูสวยงามและแข็งแกร่งอย่างบอกไม่ถูก ด้านหน้าของเธอมีป้ายชื่อตั้งโต๊ะแบบเดียวกัน 'เซเนท พิมารัน'

"ตอนนี้ทางเอียนโซมีมาตรการที่จะจัดการกับผู้นำนักเวทนอกรีดคนปัจจุบันอย่าง 'วีโอเลตและวิคเตอร์' อย่างไรบ้างครับ?" นักข่าวคนหนึ่งในงานเอ่ยถามขึ้นอย่างฉะฉาน

ยิ่งได้ยินชื่อของตัวเองในหัวข้อที่ว่า หญิงสาวก็อดใจหายไม่ได้ แววตาของเธอสั่นคลอนไปไม่น้อย

"ทางเอียนโซจะดำเนินการสุดกำลังเพื่อป้องกันไม่ให้นักเวทนอกรีดมาทำอันตรายกับผู้คนได้ เราจะมุ่งไปที่การป้องกันเป็นหลักเพื่อความมั่นใจของประชาชนก่อนครับ" เตวิชตอบอย่างหนักแน่น ทว่าดูจะยังไม่ใช่คำตอบที่เหล่านักข่าวต้องการนัก

"จะมีปฏิบัติการกวาดล้างนักเวทมนตร์นอกรีดอีกครั้งหลังจากที่ครั้งที่แล้วทำไม่สำเร็จรึเปล่าครับ?"

"ทางเอียนโซยังไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำแบบนั้นครับ อย่างที่พูดไป เราจะเน้นความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักและตั้งรับกันก่อน" เขายังคงยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและแววตาที่ไร้อารมณ์

"รอบที่แล้วที่ทางเอียนโซบุกไป มีตระกูลใหญ่เข้าร่วมทั้งหมด รวมถึง 'ตระกูลวิริญ' ของคุณเตวิชด้วย ทำไมถึงยังไม่สำเร็จงั้นเหรอครับ?" นักข่าวอีกคนถามจี้ต่อถึงเรื่องในอดีต

"เรื่องนั้นน่ะ..." ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตอบจบประโยค นักข่าวเจ้าของคำถามล่าสุดก็โพล่งขัดขึ้นมาเสียก่อน

"ไม่ใช่ว่าคุณเตวิชแอบช่วยเหลือวีโอเลตเพราะ 'ความสัมพันธ์เก่าๆ' หรอกเหรอครับ?"

คำถามของเขาสร้างความฮือฮาในกลุ่มผู้คนไม่ใช่น้อย แม้แต่กับชายหนุ่มเจ้าของแววตาว่างเปล่าเอง ก็ยังมีหลุดความสั่นไหวในแววตาออกมาเล็กน้อยอย่างที่ไม่ค่อยเป็น

แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้จับผิดอาการผิดปกติของเตวิช หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างกันก็รีบแก้สถานการณ์ด้วยการเอ่ยปากขึ้นมาอย่างแข็งกร้าว

"ไม่มีทางที่เตวิชจะทำแบบนั้นได้หรอกค่ะ อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าปฏิบัติการครั้งนั้นมีตระกูลนักเวทมนตร์เข้าร่วมกันมากมาย ต่อให้พยายามช่วยเหลือจริง จะทำได้งั้นเหรอคะ? ไม่มีทางซะหรอก แล้วอีกอย่าง ถ้ามองย้อนกลับไปในวันนั้น เตวิชกับดิฉันเองก็เพิ่งจะเตรียมตัวเข้ารับตำแหน่งผู้นำตระกูลกันเองค่ะ ยังไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมีอำนาจมากพอจะทำให้ปฏิบัติการที่แข็งแรงขนาดนั้นล้มเหลวได้หรอกค่ะ"

"แต่ถึงอย่างนั้น จาก 'ภาพที่หลุดออกมา' ดูเหมือนว่าคุณเตวิชกับวีโอเลตจะเคยมีความสนิทสนมกันเกินกว่าเพื่อนนะครับ การให้คุณเตวิชเข้าร่วมกับกองกำลังหลักขององค์กรเอียนโซแบบนี้จะถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมจริงๆเหรอครับ? พวกเราจะมั่นใจได้ยังไงกัน?" นักข่าวคนเดิมยังจิกประเด็นเดิมไม่ยอมปล่อยง่ายๆ "หรือว่าทางคุณเตวิชจะสามารถอธิบายความสัมพันธ์ของคุณกับผู้นำคนปัจจุบันของนักเวทมนตร์นอกรีดอย่าง 'วีโอเลต' ได้รึเปล่าครับ?"

คำถามของชายคนนั้นยิ่งเสียดแทงเข้าไปที่ชายหนุ่มแววตาว่างเปล่ามากขึ้นเรื่อย แม้ว่าเขาจะเก็บอาการได้ดีจนไม่มีใครมองออก ทว่าเซเนทที่นั่งอยู่ข้างกันเพียงหันไปมองแว่บเดียวก็รู้สึกได้แล้วว่าเขากำลังตกที่นั่งลำบาก

"ภาพที่หลุดออกมาเป็นภาพที่เก่ามากๆแล้ว ฉันไม่เข้าใจเท่าไหร่เลยว่าทำไมถึงยังไปขุดมาโยงอะไรกันมั่วซั่วอย่างกับเป็นข่าวซุบซิบดารากันแบบนี้? ในอดีตตอนนั้นวีโอเลตไม่ได้มีสถานะเป็นผู้นำนักเวทนอกรีด และดูไม่มีท่าทีจะเป็นแม้แต่น้อย ทำไมถึงคิดว่าเตวิชจำเป็นต้องมานั่งอธิบายเรื่องส่วนตัวในอดีตนานมาแล้วขนาดนั้นด้วยคะ?" สาวผมบลอนด์เอ่ยตอบแทนอย่างขึงขัง แววตาของเธอจ้องไปที่ดวงตาของเจ้าของคำถามอย่างเย็นยะเยือก

"แต่ภาพที่หลุดออกมามันทำให้ประชาชนอย่างพวกเราไม่สบายใจนี่ครับ ถึงจะเป็นอดีตก็เถอะ"

"งั้นเหรอคะ? ถ้างั้นทำไมถึงไม่เห็นมีใครขุดเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเรากับ 'วิคเตอร์' บ้างเลยล่ะ? ว่ากันตามตรง ดิฉันกับเตวิชเป็นเพื่อนสนิทกับวิคเตอร์มาตั้งแต่สมัยเด็กด้วยซ้ำ และต่อมาในตอนที่เข้าไปเป็นนักเวทมนตร์ขององค์กรอย่างเป็นทางการ พวกเราก็ไปสนิทกับวีโอเลต เราทั้งสี่คนสนิทกันมากในฐานะเพื่อนที่ไว้ใจกัน ทุกคนก็ดูจะมุ่งไปทางเดียวกันหมด ดิฉันกับเตวิชไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าทั้งวีโอเลตและวิคเตอร์ไปได้รับพลังนอกรีดมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เธอจงใจขุดเรื่องเก่าขึ้นมาพูดด้วยแววตามุ่งมั่นที่ซ่อนความสั่นไหวไว้ข้างในอย่างมิดชิด

ถ้าไม่ใช่ว่าหญิงสาวนัยน์ตาบลูเบอร์รี่คนนี้ที่นั่งดูอยู่นั้นรู้จักกับเซเนทมากพอสมควรล่ะก็ คงจะดูไม่ออกและเข้าใจว่าเซเนทพูดโดยไม่รู้สึกอะไรกับประโยคที่เธอพูดออกมาเลยแม้แต่น้อย

บัดนี้บรรยากาศในที่แถลงการณ์ดูสงบลงด้วยความกดดันที่แผ่ออกมาจากดวงตาเย็นชาของสาวผมบลอนด์

"เราสองคนไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขอดีตได้ และเราสองคนในอดีตก็ไม่ได้มีความสามารถที่จะหยั่งรู้อนาคตได้เลยว่าเพื่อนคนไหนของเราจะตัดสินใจเลือกทางเดินไหนในชีวิตของพวกเขา...เพราะฉะนั้นพวกเราทำได้เพียงให้คำมั่นสัญญาในฐานะตัวแทนขององค์กรเอียนโซว่าพวกเราจะไม่มีทางใจอ่อนกับ 'อดีตคนสนิท' ที่ได้กลายเป็นผู้นำนักเวทมนตร์นอกรีดไปแล้วทั้งสองคนนั้นอย่างแน่นอน และพวกเราจะปกป้องผู้คนจากอันตรายอย่างสุดชีวิต จะต้องไม่มีใครได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มนอกรีดอีก"

คำมั่นสัญญาทิ้งท้ายที่แสนเยือกเย็น มั่นคง และสง่างามของเซเนทนั้นได้เข้าไปจับใจผู้คนที่ฟังอยู่ได้ไม่ยาก...ไม่เว้นแม้แต่หญิงสาว 'อดีตคนสนิท' ที่นั่งมองเธอจากจอทีวีด้วยแววตาประทับใจไม่แพ้กัน

นี่สิ เซนที่ฉันรู้จัก

หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีบลูเบอร์รี่คิดในใจก่อนจะคลี่ยิ้มบางที่ปะปนความโศกเศร้าไปด้วยโดยไม่ทันรู้ตัว ดวงตาของเธอเลื่อนไปมองภาพของชายหนุ่มที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะพลันส่งความรู้สึกผิดออกมาอย่างห้ามไม่ได้

ปิ๊บ!

เธอไม่ปล่อยให้ความรู้สึกผิดเข้าเกาะกินจิตใจนานนัก และรีบกดรีโมตปิดหน้าจอทีวีลง

ทันทีที่หน้าจอดับลง ที่ประตูทางเข้าก็มีร่างของผู้มาใหม่เดินเข้ามาและตรงไปหาหญิงสาวอย่างมุ่งมั่น

"งานที่โซนGฉันไปจัดการมาเรียบร้อยหมดแล้วนะ ถึงจะลำบากนิดหน่อยเพราะดันไปเจอแจ็คพอตเป็นโจทก์เก่ามาก็เถอะ" ชายหนุ่มเจ้าของแววตาเฉี่ยวคมแลดูเจ้าเล่ห์และขี้เล่น ร่างสูงหุ่นนักกีฬาผิวสีแทนของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเดียวกันกับหญิงสาวด้วยท่าทีสบายใจ

"ใครล่ะ? เลียม?" เธอตอบกลับด้วยสีหน้าที่ดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด

"ถูกเผง" ชายหนุ่มพยักหน้ารับด้วยท่าทางหยอกล้อกับหญิงตรงหน้า ก่อนที่ทั้งคู่จะขำเบาๆในลำคอ

"ในเมื่อจบงานฝั่งนั้นได้ไว งั้นเดี๋ยวฉันส่งงานเพิ่มให้เป็นรางวัลก็แล้วกันเนอะ"

"โหย ใจคอจะจิกหัวใช้ฉันให้หมดเรี่ยวหมดแรงขยับตัวไปไหนไม่ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย?" เขาโอดโอยทันที

"พลังนายออกจะเยอะแยะ ไม่หมดง่ายๆหรอกน่า ทำเป็นบ่น"

"เฮอะ ถ้าคำสั่งส่งตรงมาจากผู้นำปราสาทแบบนี้ ไอ้พ่อมดต็อกต๋อยแบบฉันจะไปทำอะไรได้ล่ะ?" เขาบ่นเชิงประชดประชันก่อนจะยู่ปากอย่างน้อยใจ

ภาพของชายหนุ่มขี้เล่นที่ทำหน้าเหมือนเด็กน้อยถูกแม่ขัดใจนั้นทำให้หญิงสาวผ่อนคลายลงได้ไม่น้อย เธอคลายยิ้มออกมาด้วยความสนุกก่อนจะพูดต่อ

"ไม่ต้องมาประชดกันเลยนะวิคเตอร์ ฉันไม่ได้ใจร้ายขนาดจะไม่ให้นายพักหรอกน่า อุตส่าห์เตรียมวันหยุดไว้ให้ในตารางด้วยนะเนี่ย"

และในทันทีที่ชายหนุ่มเจ้าของชื่อ 'วิคเตอร์' ได้ยินคำว่าวันหยุด ดวงตาของเขาก็พลันเปล่งประกายวิบวับเหมือนเด็กเห็นของเล่นที่อยากได้

"แต่ว่า...งานรอบหน้าต้องมีเวทมนตร์ต้องห้ามเข้ามาช่วยเสริมอีกแรง เพราะงั้น..." หญิงสาวพูดต่อ ก่อนจะหันไปมองชั้นหนังสืออีกฝั่งของห้อง และส่งมวลพลังงานสีม่วงจากฝ่ามือไปยังหนังสือเล่มหนึ่งบนชั้น ก่อนจะนำพามันกลับมาอยู่ในมืออย่างง่ายดาย "อ่านแล้วฝึกมาดีๆด้วยล่ะ" เธอว่าก่อนจะยื่นหนังสือตรงไปให้วิคเตอร์ที่นั่งทำหน้ามุ่ยอีกครั้ง

"แถวบ้านฉันไม่เรียกว่าให้พักนะเนี่ย แบบนี้มันใช้งานกันต่อชัดๆ เธอก็รู้ว่าฉันเกลียดหนังสือจะตาย โดยเฉพาะหนังสือของ 'ตระกูลเดแคลน' ยิ่งแล้วใหญ่"

"อย่างอแงน่า สุดท้ายแล้วนายก็จะยอมทำตามคำสั่งของฉันอยู่ดีไม่ใช่รึไง?" เธอว่าพลางมองเข้าไปที่ดวงตาเฉี่ยวคู่ตรงหน้า ก่อนจะยกมือขวาขึ้นไปลูบที่เรือนผมสีดำของชายตรงหน้าอย่างทะนุถนอม

ชายหนุ่มที่เพิ่งจะทำหน้างอนได้ไม่ทันถึงนาที พลันเปลี่ยนเป็นหน้าตาของคนใจอ่อนยวบยาบ เขากุมมือของเธอที่ลูบหัวตัวเองอยู่เบาๆและดึงลงมาช้าๆ ก่อนจะจุมพิตที่หลังมืออย่างทะนุถนอมไม่ต่างกัน

"ก็จริงของเธอล่ะนะ...ว่าแต่ว่า ได้ข่าวว่าองค์กรเอียนโซจะแถลงการณ์เรื่องมาตรการปราบปรามพวกเราวันนี้นี่นา จบไปรึยังน่ะ?" เขาว่าพลางลดระดับมือของตัวเองและหญิงสาวลงมาวางที่ตัก แต่ยังไม่ยอมปล่อย

"จบไปก่อนนายจะมาแปบเดียวเองเนี่ย"

"โหย อะไรอ่ะ อดดูหน้าตาเคร่งเครียดของเพื่อนรักเลยนะเนี่ย...แล้วสองคนนั้นว่ายังไงบ้างล่ะ?"

"ก็เหมือนเดิมแหละ มีแค่มาตรการป้องกัน ยังไม่ได้ประกาศบุก"

"แต่ 'เลียม' กับ 'ติณณ์' ดูจะไม่ได้คิดแบบนั้นนะ ดูเหมือนจะตามร่องรอยของฉันมาอยู่เรื่อยเลย ช่วงนี้ฉันไปที่ไหนๆก็ได้เจอหน้าหนึ่งในสองคนนั้นตลอด"

"กลัวเหรอ?"

"นี่เธอใช้คำว่ากลัวกับใคร? ฉันเหรอ? ฉันคือวิคเตอร์ ดีกรีอดีตว่าที่ผู้นำตระกูลเดแคลนเชียวนะ" ทั้งคู่หยอกล้อกันไปมาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก จนกระทั่งสายตาของหญิงสาวก้มลงมาเห็นความผิดปกติที่ข้อมือด้านขวาของชายหนุ่ม

ที่ด้านในข้อมือของเขามีรอยประทับบนผิวหนังเป็นตัวอักษร 'M' สีฟ้าอ่อนที่เริ่มมีประกายสีม่วงปะปนเข้ามา

"นี่รอยประทับของนาย...เป็นยังไงบ้าง?" เธอถามพลางเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของวิคเตอร์อย่างจริงจัง

"ก็...ตั้งแต่เริ่มใช้พลังนอกรีดเต็มที่ สีมันก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นสีม่วงเรื่อย ๆน่ะ...แล้วเธอล่ะ?" เขาถามกลับด้วยแววตาจริงจังแบบเดียวกัน

"...ก็มีตาข้างขวาที่เริ่มมีประกายสีม่วงโผล่มาบ้างเป็นระยะๆ ถ้าชัดกว่านี้คงต้องใช้เวทพลางเวลาอยู่ข้างนอกนั่นแหละ ส่วนที่ข้อมือก็มีรอยประทับขึ้นมาแบบจางๆ..." เธอบอกเล่าสิ่งที่เริ่มเปลี่ยนไปในร่างกาย ก่อนจะไล่ไปถึงที่ข้อมือด้านขวา สายตามองตรงไปที่รอยจางๆที่พูดถึงบนข้อมือข้างที่ยังกุมอยู่กับมือของชายหนุ่มอยู่ เธอมองนิ่งอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนที่แววตาจะพลันเปลี่ยนเป็นเศร้าโศกอย่างเห็นได้ชัด

หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรออกมา ความรู้สึกบางอย่างที่น่าอึดอัดพลันจุกที่อกอย่างกะทันหัน แม้ว่าจะไม่มีประโยคใดๆเปล่งออกมา แต่ชายหนุ่มตรงหน้าที่มองมาที่เธอนั้นก็รับรู้ความรู้สึกของเธอได้อย่างง่ายดาย

แขนที่แข็งแรงของวิคเตอร์เอื้อมไปโอบที่ท้ายทอยของหญิงสาวอย่างช้าและเบามือ ก่อนจะออกแรงเล็กน้อยเพื่อดึงให้เธอโน้มตัวเข้ามาหาเขา

หญิงสาวไม่ได้ต้านแรงแม้แต่น้อย เธอขยับตัวไปตามนั้นเพื่อจัดท่าทางให้ตัวเองซบไปที่ไหล่ข้างขวาของชายหนุ่มได้ถนัด แล้วจึงทิ้งตัวอยู่แบบนั้น

ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ชายหนุ่มเพียงลูบหัวเธอเบาๆเป็นการปลอบประโลม ในขณะที่หญิงสาวเองก็นั่งนิ่งอยู่กับที่ หลับตาลงและเริ่มคิดฟุ้งซ่านในหัวสมองอย่างห้ามไม่ได้

เพียงแค่ปิดเปลือกตาลง ภาพในความทรงจำของเธอก็พลันไหลย้อนกลับมาอย่างง่ายดาย พร้อมกับคำถามไร้ประโยชน์ที่มักจะมาด้วยกัน

อะไรกันแน่นะที่พาให้เธอมาอยู่จุด ๆนี้?

อาจจะเป็น...ตอนที่ความฝันลมๆแล้งๆนี้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่เธอได้เห็นภาพของปราสาทในโหลแก้วที่สวยงามจนไม่อาจละสายตาไปได้...

อาจจะเป็น...วันที่ได้รับรู้ถึงความมหัศจรรย์ของอาชีพนักเวทมนตร์...

อาจจะเป็น...วันนั้นที่เธอยังเด็กมากเหลือเกิน...เด็กมากจนมองและคิดเอาเองว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น...

ความทรงจำที่มีร่วมกับชายคนหนึ่งที่เธอเรียกว่า 'คุณน้า' ในตอนอายุ5ปี...ผุดกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

ความทรงจำที่อบอวลไปด้วยไออุ่น ทว่ากลับเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดที่เธอต้องเผชิญในปัจจุบันอย่างไม่คาดคิดมาก่อน...