webnovel

IANZO Since 2040

ในอนาคตที่โลกได้ดำเนินมาถึงจุดที่มนุษย์ไม่อาจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อีกต่อไป นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งก็ได้ทำการทดลองจนได้รับสิ่งที่ถูกนิยามว่า 'เวทมนตร์' ขึ้นมาใช้กอบกู้โลกที่มืดมนเหลือเกินในตอนนั้นให้กลับมาสงบสุขเรื่อยมาและก่อเกิดเป็น ‘เอียนโซ’ องค์กรนักเวทมนตร์ผู้ถูกสรรเสริญเป็นวีรบุรุษกอบกู้โลกในปี 2040 เรื่องราวการเดินทางของ ‘วีโอเลต รอจเจอร์’ เด็กสาวที่เกิดจากครอบครัวธรรมดา ผู้มีความฝันเกินกว่าความธรรมดา เธอฝันอยากจะก้าวข้ามไปอยู่ในโลกของนักเวทมนตร์เหมือนกับพ่อของเธอที่สละชีวิตเพื่อปกป้องโลกใบนี้ไปตั้งแต่ก่อนเธอจะลืมตาขึ้นมาดูโลกเสียอีก...ทว่าสุดท้ายแล้วเธอกลับลงเอยด้วยการกลายเป็น ‘นักเวทมนตร์นอกรีด’ ศัตรูตัวฉกาจขององค์กรเอียนโซอย่างปริศนา... จุดหักเหแห่งชีวิตของนักเวทมนตร์นอกรีดผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคตคนนี้มาจากอะไร? ยังคงเป็นเรื่องราวลึกลับและไม่อาจคาดเดาได้...

O_Jay · Fantasía
Sin suficientes valoraciones
42 Chs

บทที่ 4 เลียม เดแคลน

บทที่ 4

เลียม เดแคลน

หลังจากจบเหตุการณ์วุ่นวาย เหล่านักเวทที่สังกัดฝ่ายสมดุลอำนาจฯต่างพากันแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเอง บางส่วนก็ไปดูแลสภาพของสิ่งปลูกสร้างเพื่อสำรวจความเสียหาย บางส่วนก็ไปดูแลเหล่านักเวทสังกัดฝ่ายสิ่งแวดล้อมที่ผ่านการปะทะกับนักเวทนอกรีดเพื่อดูแลสภาพร่างกายของพวกเขา ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งซึ่งรวมถึงนักเวทคนดัง 'เลียม เดแคลน' พากันกระจายตัวไปพูดคุยสอบถามกับผู้คนในเหตุการณ์เพื่อสอบถามเหตุการณ์จากแต่ละมุมมอง

ชายหนุ่มตาฟ้าคนดังเดินตรงไปหาวีโอเลตที่ถูกขอให้นั่งรออยู่ในซุ้มชั่วคราวที่เหล่านักเวทจัดพื้นที่รับรองไว้ให้คนในเหตุการณ์ แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้ด้านหน้าเพื่อเตรียมพูดคุยกับเธอ

"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มทักทายเธอด้วยใบหน้าจริงจัง เด็กสาวจึงเงยหน้าขึ้นมามอง

"ค่ะ" เธอตอบรับด้วยท่าทางเตรียมตัวที่จะพูดคุย

"จากปากคำของทุกคน เห็นว่าคุณเป็นคนหยุดพลังเวทของแม่มดเอาไว้สินะ?" เขารีบเข้าเรื่องที่สนใจอย่างตรงประเด็น แววตามุ่งมั่นจ้องเข้าไปที่ดวงตาของเด็กสาว

"อ่า...ใช่ค่ะ คือสถานการณ์มันแย่มาก แล้วนักเวททุกคนก็ตึงมือกันไปหมด เลยคิดว่าควรต้องทำอะไรสักอย่างที่พอจะทำได้น่ะค่ะ"

"'งั้นเหรอ? มีสติมากเลยนะครับเนี่ย ปกติทุกคนที่เจออะไรพวกนี้จะตั้งสติไม่ค่อยได้ แม้แต่พวกนักเวทเอง ถ้าเป็นพวกมือใหม่ส่วนใหญ่ก็จะยังทำอะไรไม่ถูกกันทั้งนั้นเลยนะ...ไม่ทราบว่า คุณได้รับการทาบทามจากเอียนโซเป็นการส่วนตัวไปแล้วรึยัง?" ชายหนุ่มเริ่มคลายยิ้มบางๆออกมา หน้าตาดูเป็นมิตรมากขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับว่ากำลังประทับใจในการกระทำของเด็กสาวตรงหน้า

"คะ? ทาบทาม? หมายถึง?" วีโอเลตถามด้วยท่าทีสงสัยไม่เข้าใจ

"หมายถึงทาบทามเข้าเป็นนักเวทมนตร์ประจำองค์กรไงครับ คือ...เท่าที่ฟังแล้วนอกจากคุณจะมีสติมากที่สุดแล้วเนี่ย ยังมีพลังมากพอที่จะสกัดพลังเวทมนตร์ระดับแม่มดซะด้วย เอียนโซคงไม่ตาถั่วขนาดมองไม่เห็นเมจอย่างคุณหรอกนะ?" เลียมว่าพลางเอียงคอมองหน้าเด็กสาวพร้อมรอยยิ้มละไมโปรยเสน่ห์

ทว่าเด็กสาวที่ถูกเข้าใจว่าเป็น 'เมจ' กลับหน้าเจื่อนลงไปในทันที

"คือว่า...ฉันไม่ใช่เมจนะคะ" เธอตอบอย่างตะกุกตะกัก

พรึ่บ!

ทันทีที่ได้ยินคำตอบ เลียมก็ขมวดคิ้วสงสัยและเอื้อมมือไปจับที่ข้อมือขวาของเด็กสาวหงายขึ้นมาให้เห็นข้อมือด้านในอย่างรวดเร็วจนเธอไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ

และเมื่อพบว่าที่ข้อมือด้านขวาของเด็กสาวไม่ได้มีร่องรอยตราประทับใดๆ ต่างกันกับข้อมือขวาของเขาที่จับมือเธออยู่ซึ่งมีรอยประทับตัวอักษร M ติดอยู่...เลียมก็อ้าปากหวอด้วยความสงสัย และเงยหน้ามองตาเด็กสาวด้วยความไม่เข้าใจสุดขีด

"ไม่มีทาง...ถ้าอย่างงั้น...คุณสลายพลังของแม่มดได้ยังไง?"

"ฉัน...มีของวิเศษติดตัวอยู่น่ะค่ะ"

"ของวิเศษ? ของชิ้นนั้นคืออะไร? แล้วคนธรรมดาแบบคุณไปได้มันมาได้ยังไง?"

"มันเป็นสมบัติที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้น่ะค่ะ อย่างพวกเครื่องประดับแม่ก็จะยกให้ฉันทั้งหมดเลย"

"แสดงว่าพ่อคุณเป็นนักเวทมนตร์งั้นเหรอ?"

"...ใช่ค่ะ แต่ท่านเสียไปนานแล้ว"

"ชื่ออะไรเหรอ?" หน้าตาท่าทางของชายตรงหน้าดูจะอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ และดูเคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆด้วย

"คุณคงไม่รู้จักหรอกมั้ง"

"บอกมาเถอะน่า" น้ำเสียงของเขาดูห้วนขึ้นจนเด็กสาวเริ่มไม่ค่อยอยากคุยด้วยต่อสักเท่าไหร่นัก

"... 'วินเซนต์' ค่ะ" เธอตอบออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก

แต่คำตอบนั้นเรียกเอาความประหลาดใจให้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มตาฟ้า เขาอ้าปากค้างอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยความครุ่นคิด แล้วค่อยๆเก็บอาการกลับมา และเงยหน้ามองวีโอเลตชัดๆ ไม่นานนัก เขาก็เหลือบสายตาไปมองต่างหูข้างซ้ายที่ยังเหลืออยู่ของเธอ

พรึ่บ!

เป็นอีกครั้งที่เขาถือวิสาสะ เอื้อมมือไปหมายจะจับต่างหูสายยาวของเด็กสาว ทว่าครั้งนี้เธอไม่ยอม และได้เอี้ยวตัวหลบฝ่ามือของเขาด้วยใบหน้าหงุดหงิด

"อะไรกันคะ? คิดอยากจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ? ฉันแค่พยานในเหตุการณ์นะ ไม่ใช่ผู้ร้ายสักหน่อยคุณถึงจะได้ถือวิสาสะทำตัวไม่มีมารยาทแบบนี้ได้" เธอตอบโต้กลับโดยไม่คำนึงถึงความยิ่งใหญ่ของฐานะทางสังคมของชายตรงหน้าอีกต่อไป

"...อา ขอโทษที" เขายอมผละออกมา และปล่อยมือของเธอออกแต่โดยดี ก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "ว่าแต่ ผมนี่ก็เสียมารยาทจริงๆเลย มัวแต่ยิงคำถามอย่างเดียว ยังไม่ได้ถามชื่อคุณเลยเนอะ?"

"..." เด็กสาวดูไม่อยากตอบคำถามของชายตรงหน้าอีกแล้ว เธอนิ่งไปในขณะที่ทั้งคู่จ้องหน้ากันเขม็ง ก่อนที่ชายตรงหน้าจะหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วพูดออกมา

"ผมต้องบันทึกในรายงานส่งให้หัวหน้าน่ะ ถ้าไม่รู้ชื่อพลเมืองดีคนสำคัญแบบคุณล่ะก็ คงยุ่งเลยล่ะ ว่ามั้ย?" เขาโน้มน้าวพลางเอียงคอมองหน้าเธอและส่งรอยยิ้มละไมมาอีกครั้งหนึ่ง

"...วีโอเลต รอจเจอร์" แม้จะไม่อยาก แต่เธอก็ไม่อยากขัดขวางการทำหน้าที่ของเหล่านักเวทมนตร์ และยอมตอบด้วยสีหน้าไม่เต็มใจนัก

"อา...เข้าใจแล้ว" เมื่อได้ยินชื่อของเด็กสาว ชายหนุ่มก็พยักหน้าและดูเหมือนจะหายข้องใจไปพอสมควร ก่อนจะทำหน้าตาตึงเครียดมองไปที่เด็กสาวอีกครั้ง "ว่าแต่ว่า ตอนที่แม่มดพยายามจะโจมตีเกราะป้องกัน เห็นว่ามีการโจมตีพร้อมกันสองทางนี่นา อีกทางหนึ่งที่ยัยนั่นโจมตีก็คือ...พลังงานสีฟ้าตรงยอดหอคอย ถูกมั้ย?"

"ใช่ค่ะ"

"คุณรู้รึเปล่าว่าพลังงานนั่นมีความสำคัญยังไง? ทำไมถึงได้ตัดสินใจจัดการฝั่งนี้เองแล้วตะโกนบอกให้คุณ 'ยูกิ' ...เอ่อ ผมหมายถึงคุณนักเวทที่สู้กับแม่มดตอนแรกน่ะ ทำไมถึงบอกให้เขาไปปกป้องทางนั้นล่ะ?"

"...ก็พลังงานตรงนั้นคือพายุที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่โซนนี้นี่คะ เป็นพายุที่พวกนักเวทต้องคอยมาสลายเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายกับเมือง แต่ถ้ามวลพลังงานนั้นถูกทำลายก่อนที่จะถึงเวลาที่กำหนดไว้ ทั้งพายุและผลกระทบจากพลังเวทก็จะโจมตีโซนบริเวณนี้ทั้งหมด ฉันก็เลยคิดว่ามันสำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดเลยน่ะค่ะ ให้คุณนักเวทเขาไปป้องกันทางนั้นน่ะดูจะเข้าท่ากว่าเยอะเลย" เธอเผลออธิบายยาวเหยียดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และคำตอบนั้นก็ทำเอาคิ้วของชายตรงหน้าถึงกับขมวดมาชนกัน

"ทำไมถึงได้รู้ข้อมูลนี้ล่ะครับ?"

"ก็...แค่ชอบศึกษาหลายๆเรื่องก็เลยอ่านหนังสือเยอะน่ะค่ะ"

ปึ้ง!

ชายหนุ่มกระแทกฝ่ามือลงบนขอบพนักเก้าอี้ที่วีโอเลตนั่งอยู่อย่างแรง และเคลื่อนตัวให้เข้าไปประชิดกับเด็กสาวจนน่าตกใจ ดวงตาของเขาจ้องไปที่เธอเขม็งราวกับโมโหในคำตอบของเธอ

"ไม่มีทาง...ข้อมูลพวกนี้น่ะไม่ใช่อะไรที่ใครๆแค่นึกอยากจะรู้ก็รู้ได้ง่ายๆหรอก...อย่าบอกนะว่าที่คุณศึกษาข้อมูลพวกนี้ในเชิงลึกขนาดนี้เพราะ...อยากเป็นนักเวทมนตร์งั้นเหรอ?" เขาพูดพลางจ้องเขม็งรอคำตอบจากวีโอเลตที่นั่งมองเขาตัวแข็งทื่อด้วยความตื่นตกใจ

"..." เธอพูดไม่ออก ได้แต่พยายามพะงาบ ๆปากเพื่อจะกลั่นกรองประโยคคำพูดออกมา แต่เสียงกลับไม่ออกจากลำคอแม้แต่น้อย

"อย่าแม้แต่จะคิดเชียวนะ...คุณไม่ใช่เมจนี่นา ในเมื่อเกิดมาเป็นคนธรรมดาคุณก็ควรจะเจียมเนื้อเจียมตัวแล้วอยู่ในที่ของคุณไปซะสิ ข้อมือขวาที่ไม่มีตราประทับของคุณน่ะ มันคือสิ่งที่กำหนดเส้นทางชีวิตที่ควรจะเป็นของคุณเอาไว้แล้ว...ไม่คิดอย่างงั้นเหรอ?" เขาพูดในลักษณะที่ดูเหมือนการข่มขู่ พร้อมมองหน้าเด็กสาวอย่างไม่วางตา แววตาคู่นั้นฉายความรู้สึกที่ดูสะใจปนดูถูกมาจนเด็กสาวรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาเดี๋ยวนี้เลย

ไม่ได้ ห้ามร้องนะ จะร้องต่อหน้าคนแบบนี้ในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด

วีโอเลตคิดในใจพลางพยายามเก็บอาการเอาไว้...แต่มันยากเสียเหลือเกิน

"คุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ? เลียม" เสียงพูดที่ฟังดูเยือกเย็นดังมาจากบุคคลที่สามที่เพิ่งมาถึง เปรียบเสมือนเสียงระฆังช่วยชีวิตเด็กสาวเอาไว้อย่างฉิวเฉียด!

เมื่อได้ยินเสียงๆนั้น ชายหนุ่มนิสัยเสียก็ยอมผละตัวออกมาช้าๆ แต่ยังไม่ละสายตาจากนัยน์ตาสีบลูเบอร์รี่ตรงหน้า

"ก็แค่สอบสวนโดยละเอียดน่ะครับ" เขาตอบด้วยเสียงนิ่งโดยไม่หันไปมองหน้าคู่สนทนาผู้มาใหม่ ชายวัยกลางคนเจ้าของดวงตากลมโตและใบหน้าละมุนดูอ่อนกว่าวัยที่เป็นผู้นำของนักเวทสังกัดฝ่ายสิ่งแวดล้อม

"จากที่ฉันดู...มันเหมือนกับการข่มขู่เสียมากกว่านะ"

"คุณยูกิก็ว่าไปนั่น ผมไม่ใช่คนที่จะใช้อำนาจในทางมิชอบสักหน่อยนะครับ"

"ฉันก็ว่าอย่างนั้นนะ เพราะถ้าเธอมีพฤติกรรมแบบนั้นล่ะก็...มีหวังตำแหน่งซีเนียร์ที่กำลังจะได้รับของเธอก็คงสั่นคลอนเนอะ? ว่ามั้ย?"

ทันทีที่ประโยคนั้นออกมา เลียมก็ดูหน้าตาหงุดหงิดขึ้นอีกทวีคูณ เขายอมละสายตาจากเด็กสาวตรงหน้าแล้วมองไปทางอื่นที่ยังคงไม่ใช่คู่สนทนาซึ่งยืนมองเขาจากด้านหลังอยู่ดี

"ก็คงงั้นแหละครับ ว่าแต่คุณยูกิไปเช็คร่างกายมาเรียบร้อยแล้วเหรอครับ? ทำไมถึงมาเดินเล่นในเขตการทำงานของฝ่ายสมดุลอำนาจฯได้อย่างอิสระแบบนี้ล่ะครับ?" เลียมพูดจาเหน็บแนมสมกับท่าทีที่ดูนิสัยเสียของเขา

"เรียบร้อยแล้วล่ะ ฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไร แล้วก็...มีเรื่องต้องขอบคุณ 'พลเมืองดี' ที่ช่วยชีวิตคนในโซนนี้เอาไว้ได้ด้วยล่ะ...การสอบสวนก็ดูไม่น่าจะมีอะไรมากนะ ต้องใช้เวลานานเลยเหรอกว่าฉันจะได้คุยกับเด็กคนนี้น่ะ?" ยูกิพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่รูปประโยคนั้นกลับแลดูกดดัน จนเลียมเผลอจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดแล้วหันไปมองหน้าเขา

"ไม่นานหรอกครับ อันที่จริงผมก็กำลังจะไปแล้วล่ะ ยังไงซะก็ไม่ได้มีเรื่องให้คุยกับ 'เด็กธรรมดา' คนนี้สักเท่าไหร่น่ะครับ" เขาว่าก่อนจะยอมลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยท่าทางยโสโอหัง

แม้จะน่าหงุดหงิด แต่ยูกิก็ไม่ได้แสดงอาการใดๆ เขายืนนิ่งๆจนเห็นว่าแผ่นหลังของชายนิสัยเสียนั้นไกลออกไปแล้ว จึงค่อยนั่งลงบนเก้าอี้แทน แล้วปรับสีหน้าให้ดูอ่อนโยนลง

"หมอนั่นคงเสียมารยาทกับเธอไปเยอะเลยใช่มั้ย? เด็กนิสัยเสียก็แบบนี้ล่ะ อย่าไปจำคำพูดไร้มารยาทของเขามากนักล่ะ" ชายวัยกลางคนเอ่ยปลอบใจด้วยรอยยิ้มละไมที่ดูจริงใจกว่าของใครบางคนพอสมควร

"...ก็แค่ตกใจน่ะค่ะ...ว่าแต่คุณ...ยูกิใช่มั้ยคะ?"

"ใช่ ฉันจะมาขอบใจเธอน่ะที่ตอนนั้นเธอดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีก ถ้าไม่ได้เธอล่ะก็ฉันอาจจะปกป้องอะไรไม่ได้สักอย่างเลยก็ได้นะ แถมยังกล้าพอที่จะเขวี้ยงของใส่พลังของคนน่ากลัวแบบแม่มดอีก...ถามจริงนะ ไม่กลัวว่ายัยแม่มดนั่นจะเปลี่ยนเป้าหมายมาหาเธอแทนเหรอ?" เขาพูดพลางอมยิ้มอย่างถูกใจไปด้วย

"ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็ยังมีต่างหูอีกข้างน่ะค่ะ" เด็กสาวตอบพลางส่งยิ้มสดใสออกมา

"ใจกล้าจริงๆเลยแฮะ เอาจริงๆเธอมีนิสัยแบบที่ฉันหวังว่านักเวทหลายๆคนควรจะมีนะเนี่ย...ไม่สนใจอาชีพนี้งั้นเหรอ?"

"ถึงสนใจก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นได้นี่นาคะ ฉันไม่ใช่เมจสักหน่อย"

"อืม...ฉันจำได้ว่าเคยมีนักเวทที่ไม่ได้เป็นเมจอยู่นะ ถึงจะไม่รู้รายละเอียดก็เถอะ...แต่ไม่ใช่ว่าไม่ได้เป็นเมจแล้วจะเป็นนักเวทไม่ได้หรอกนะ" เขาพูดด้วยท่าทีสบายๆ และดูจริงใจเสียจนเด็กสาวเผลอใจเต้นแรงกับประโยคคำตอบนั้นโดยไม่รู้ตัว

วีโอเลตมองหน้าชายวัยกลางคนด้วยแววตาที่ดูมีประกายความหวังขึ้นมาเล็กน้อย

"มีด้วยเหรอคะ?"

"ถึงจะไม่มาก แต่ก็จำได้ว่ามีอยู่นะ เห็นว่ามีคนที่เคยไต่ไปจนถึงระดับซีเนียร์ด้วยล่ะ...แต่ถ้าให้พูดตามตรงล่ะก็ มันต้องใช้ความพยายามสูงเหมือนกันนะ...แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หรอก"

"..."

"ในอนาคตตอนที่อายุถึง ถ้าเธอสนใจ อยากจะเข้ามาลองสอบดูก็ไม่น่าจะเสียหายหรอกนะ"

"..." เด็กสาวดูสับสนกับสิ่งที่ได้ยินพอสมควร จนชายตรงหน้าสังเกตเห็นได้ไม่ยาก

"เงียบแบบนี้แสดงว่าสนใจจริงๆล่ะสิ? ถ้าสนใจล่ะก็ อย่างน้อยก็ลองพยายามให้สุดแรงสักครั้งดีมั้ยล่ะ? จะได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังไง"

"แต่ว่า..."

"ก็ไม่ได้บังคับอะไรหรอกนะ มันเป็นแค่คำเชิญชวนน่ะ เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนแมวมองที่ดันมาเจอเด็กที่น่าสนใจมากๆคนหนึ่งเข้าน่ะสิ จะตัดสินใจยังไงก็เป็นเรื่องของเธอล่ะนะ ยังไงซะเธอก็ยังเด็ก มีเวลาให้คิดอีกนี่นา"

"ฉัน...จะเป็นได้จริงๆเหรอคะ?" เด็กสาวเริ่มเผลอหลุดปากพูดออกมาโดยไม่พยายามปิดบังอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวเธออีกต่อไป

"ถ้าเธอพยายามมากพอล่ะก็...มันก็ไม่แน่หรอก ว่ามั้ย?" เขาเลือกที่จะถามกลับ พลางส่งรอยยิ้มใจดีมาให้เธอ

เด็กสาวอดที่จะยิ้มตามอย่างมีความหวังไม่ได้...ในจิตใจของเธอที่เคยมืดมิด เริ่มจะมีจุดเล็กๆแต่งแต้มเข้ามาเล็กน้อย

"ทำไมถึงดูเชียร์ให้ฉันเป็นนักเวทจังเลยล่ะคะ? แค่เพราะเมื่อกี้ฉันมีสติแล้วก็บ้าบิ่นงั้นเหรอ?"

"อืม...นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งน่ะนะ...แต่ไม่รู้เพราะอะไร...เธอให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยแปลกๆน่ะ จะว่ายังไงดี? ความรู้สึกรอบตัวเธอ โดยเฉพาะฉากที่ตั้งสติแล้วยอมเสี่ยงทำอะไรบางอย่างดูน่ะ...มันให้ความรู้สึกเหมือนกับใครบางคนที่ฉันเคยรู้จักน่ะ"

"..."

"...เธอ...ชื่อว่าอะไรนะ? พอดีเมื่อกี้ฉันมาทันแค่ตอนที่เธอเริ่มถูกข่มขู่แล้วน่ะ"

"..."

ยังไม่ทันที่เด็กสาวจะได้อ้าปากตอบ ก็มีเสียงของชายนิสัยเสียขัดขึ้นมาเสียก่อน

"คุณยูกิครับ ผมได้ยินมาว่าคุณยูกิมาช่วยงานที่นี่แบบเฉพาะกิจนี่นา ต้องรีบกลับไปดูแลที่โซนRอีกไม่ใช่เหรอครับ?" เลียมมายืนจ้องอยู่ด้านหลังไม่ไกลนักพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นการไล่ทางอ้อม

"...ให้ตายสิ นายนี่มันรู้ดีจริงๆเลยนะ"

"แน่นอนสิครับ ผมอุทิศทุกอย่างให้กับการทำงานในองค์กรอยู่แล้วล่ะ แล้วตอนนี้ผมก็ว่ามันดึกแล้วด้วย เราควรจะปล่อยเด็กคนนี้กลับบ้านได้แล้วนะครับ ไม่ใช่มานั่งเม้ามอยเรื่อยเปื่อยไร้ประโยชน์แบบนี้...อ้อ แม่เธอมารอแล้วนะ กลับไปได้แล้วล่ะ" เขาว่าก่อนจะหันไปเชิญวีโอเลตให้ออกไปเสียที

เมื่อคู่กรณีจ้องเขม็งมาขนาดนั้น เด็กสาวก็รู้สึกเกร็งจนไม่อยากอยู่ในสายตาเขาแล้ว เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วโค้งให้ยูกิเป็นการบอกลาเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไป

แม้ว่าบทสนทนาจะยังไม่จบ แต่คำพูดและความรู้สึกบางอย่างที่เธอได้รับมาจากชายวัยกลางคนนั้น ก็ดูเหมือนจะมากพอที่จะปลุกไฟบางอย่างในตัวเด็กสาวที่เคยมอดไหม้ไปให้ค่อยๆลุกโชนขึ้นอย่างช้าและน่าประหลาดใจ...

เด็กสาวเดินออกมาด้วยความฮึกเหิมและจินตนาการที่เห็นตัวเองในฐานะนักเวทมนตร์อีกครั้ง...จนกระทั่ง...เธอมาเจอกับหญิงสาววัยกลางคนผู้เป็นแม่ที่ยืนรอรับอยู่ด้านนอกของซุ้มชั่วคราว...

"วี! ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย!?" หญิงผู้เป็นแม่วิ่งเข้ามาโผกอดเธอเอาไว้แน่นด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นอะไรค่ะแม่ วีไม่เป็นไร" เธอลูบหลังแม่เป็นการตอบรับความรู้สึก ในขณะที่สีหน้าค่อยๆเจื่อนลง ความทรงจำเก่าๆกลับมาพร้อมกับสัมผัสอันแสนอบอุ่นของแม่

ความทรงจำในวัยห้าขวบ...ที่แม่ของเธอโอบกอดเธอไว้แน่นและร้องไห้สะอึกสะอื้น...ทว่าในความทรงจำนั้น ไม่ได้มีเพียงสัมผัสของแม่เท่านั้น...มันยังมีประโยคคำพูดที่ติดฝังอยู่ในใจของเธอจนทุกวันนี้ด้วย

แม่ที่กอดเธอไว้ด้วยร่างที่สั่นเทาวันนั้น เคยพูดกับเธอไว้ด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านว่า...

'อย่าเป็นนักเวทเลยนะวี...อย่านะ...อย่านะ...แม่ขอร้องล่ะ ฮึก...'

เสียงของแม่ในวันนั้นยังคงดังก้องและฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของเธอ...และกำลังกลับมาทำลายกองไฟแห่งความฝันที่กำลังจะลุกโชนของเธออีกครั้งหนึ่ง...

ฉันควรจะทำยังไงดีนะ?

เด็กสาวได้แต่วนเวียนถามคำถามเดิมกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า...