webnovel

อนุภาค Particle

ที่ซ่อนตัวครั้งแรกในวัยเด็กคือโรงรถของบ้านเบน คราวนี้พวกเราทั้งสองอยู่ซ่อนตัวอยู่ในพาโล อัลโต สหรัฐอเมริกา

สามวันหลังจากเครื่องบินลงบนดินแดนเสรีมีแค่พัฒน์กับเบนอยู่ที่นี่ ไมล์ไปฮาวาย ขณะที่โชอยู่นิวยอร์ก ในพื้นที่ของนกอินทรี พวกเรารู้ว่าถ้าอยู่ที่นี่เราจะไม่ตายฟรีอย่างน้อยก็จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อญาติ "แหงล่ะ ถ้ามีอะนะ" แต่ถ้าอยู่ในประเทศไทยการหายตัวไปจากการอุ้มหายเป็นเรื่องปกติในภาคใต้มีมากเป็นพิเศษ แถมคนยังไม่ชอบการพูดถึงคนตายที่หายไปดื้อ ๆ เพราะคนที่พูดอาจจะหายไปด้วยในวันถัดมา

การมาอเมริกาแค่ไม่ตายฟรีแต่เราทุกคนต้องตายอยู่ดี สำนักงานข่าวเทคโนโลยีของที่นี่ลงถึงชมรมสุดท้ายมากกว่าในไทยเสียด้วยซ้ำ ในประเทศไทยตั้งแต่พัฒน์เกิดจนโตมาข่าวยังเป็นเนื้อหาเดิมคนเสียสติ ฆาตกร ดาราคบคนไหน เลิกกับคนไหน จริง ๆ สำหรับพัฒน์แค่ดูวัฒนธรรมข่าวและการหาค่าเปอร์เซ็นต์ เวลาและเนื้อหาสิ่งที่ถูกพูดถึงก็รู้แล้วว่าประเทศไหนจะเจริญหรือไม่เจริญแน่นอนว่าอารยธรรมไม่สามารถตัดสินได้ว่าอันไหนจะดีหรือไม่ดีแค่ที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงทำให้คนมีงานทำ มีที่ทางของตัวเองของคนที่เติบโต ดาวเคราะห์โลกไม่ได้เปราะบาง เพียงแต่มนุษย์ต่างหากตายง่ายและตายได้และคิดจะให้คนอื่นตายหรือจบลงที่ตัวเองตาย

มนุษย์ก็เป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมเจ็บปวดเปราะบาง ซับซ้อน อ่อนแอ พัฒน์คิดเรื่องนี้จุดรวมสายตารวมอยู่ที่จอสี่เหลี่ยมสีฟ้าพิงโซฟา ในอุ้งมือของเบน ชามเซรามิกสีฟ้า ภายในชามอิ่มเอมไปด้วยคอนเฟลกที่ถูกกอดแน่นด้วยนมสีขาว เบนยืนพิงตัวอยู่ชั้นวางโซนครัว ดูโทรทัศน์ไปพร้อมกับพัฒน์ ได้กระเพื่อมแรงกดดันทางสังคมก่อตัวขึ้นในการตามตัวพัฒน์

"นายดูทีวีบ้างหรือเปล่า มีแต่ข่าววิจารณ์นายทั้งนั้นเลย" เบนพูดก่อนหยิบรีโมทโทรทัศน์กดปุ่มเปิดโทรทัศน์ให้พัฒน์ดู

เสียงในทีวีและพิธีกรสาวผมบลอนด์ผู้อยู่ในทีวีพูดถึงพัฒน์ "คนคนนี้เป็นบ้าหรือเปล่า เขาพยายามจะขายอวัยวะให้กับคนทั้งโลกวันนี้เราอยู่กับทนายจำเลย คริสโตเฟอร์ ลูท์ นักบุญที่ช่วยให้ของตลาดมืดเปิดค้าเสรี คริสโตเฟอร์ ลูท์ คุณจะว่าความให้พัฒน์ ณ อยุธยามั้ย"

"ผมขอพูดนะ เหมือนเคยเมดิสัน ขอบคุณที่ต้อนรับ แน่นอนผมจะว่าความให้ พัฒน์ ณ อยุธยา ฟังนะ เขาไม่ได้เป็นพ่อค้าแต่ไม่ได้แปลว่าเขาขายไม่ได้"

เมดิสันพูดแทรก "คริสโตเฟอร์ จุดเด่นของนวัตกรรมคือต้องทำอะไรบ้า ๆ แต่นี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ" นักข่าวในทีวีต่อยอดหัวข้อคำถาม

"ความจริงคือสิ่งที่ผลักดันออกมาเป็นสิ่งของให้เราใช้ทุกวันนี้เป็นเรื่องบ้ามาก่อน เพราะมันเป็นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจประหลาดที่สุดในโลก" ลูท์ตอบ

"เดี๋ยวก่อน ๆ คุณคริสโตเฟอร์ คุณจะบอกว่าการค้าอวัยวะเป็นนวัตกรรมที่ยอมรับได้เหรอ" เมดิสันแดกดันด้วยคำถาม

พัฒน์อารมณ์เสียที่จะนั่งมองจอสีฟ้าโดยที่มีแต่คนเอาแต่ตัดสินตัวเขาโดยที่ไม่ได้ถามเขาเองเลยสักครั้ง "ผมเบื่อที่โดนคนตัดสิน"

เบนที่ยืนอยู่ข้างโซฟา เดินหันหลังไปทางห้องครัว "นายต้องจ้าง คริสโตเฟอร์ ลูท์เขาเป็นทางออกเดียว" เสียงของเบนไล่หลังมา

พัฒน์ก้มหน้าด้วยทิศทางอารมณ์ของความกังวลกับผลกระทบทางกฎหมาย

"บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน" เสียงบนหน้าจอจากทนายสวมสูทคริสโตเฟอร์ ลูท์

พัฒน์ว่างเปล่ากว่าทุกครั้ง เขาเดินหยิบไอศกรีมถังสี่ร้อยกรัมจากตู้เย็น เปิดประตูออกไปที่สวนหลังบ้านนั่งบนเก้าอี้พับมองท้องฟ้าข้างนอกนั่งกินไอศกรีมครู่หนึ่งก่อนที่จะใช้อุ้งมือพัฒน์หยิบโทรศัพท์แบบพับขึ้นมา มือถือกดโทรนัดหมายกับเลขาสำนักงานกฎหมายคริสโตเฟอร์ ลูท์ เสียงในหัวพัฒน์เป็นความวุ่นวาย

ที่สำนักงานกฎหมายในแคลิฟอร์เนีย "คุณพัฒน์คะ คุณคริสโตเฟอร์พร้อมพบคุณแล้ว"

พัฒน์เดินเข้าไปในห้อง เด็กห้องส่งจดหมายเดินผ่านและเห็นเด็กเอเชียเข้าไปพูดคุย

ในห้องส่งจดหมาย ของสำนักงานกฎหมายของลูท์

"เห็นคนเอเชียนั้นมั้ย เข้าไปในห้องคริส เด็กนั้นร้องไห้ก่อน สิบเอ็ดโมงแล้วกลับบ้านที่ฮ่องกงแน่" พอลพูดกับจาเรดและกิลด์

"พนันเท่าไหร่" จาเรดเงยหน้าถามระหว่างเตรียมเอกสารในรถเข็น

"เด็กนั้นมารับคำปรึกษา" กิลด์รู้คำตอบเขาตอบอย่างใจเย็นขณะก้มหน้าจัดเอกสารบนโต๊ะ

ทั้งพอลกับจาเรดอึ้งกับคำตอบ พอลฉุกถาม "เด็กนั้นทำอะไรสตาร์ทอัพหรือแค่โชคร้าย"

"เคส1930046" กิลด์ตอบ

"คดีนั้นฟ้องโดยสหประชาชาติ หวังว่าคริสโตเฟอร์จะช่วยได้นะ" จาเรดเงยหน้าขึ้นมาสนใจ

"จริงเหรอ" พอลเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกบางอย่างขึ้นได้ "น้าแซมที่เป็นศัลยแพทย์พูดว่าอัลกอริทึมที่เด็กนั้นทำ… ถ้าสตาร์วอร์ฝีมืออย่างกับโยดา หรือ… ดาร์ธเวเดอร์ ทุกคนเด็กนั้นรันวงการอวัยวะทดแทนพัฒนาในรอบห้าสิบปี นั้นเป็นก้าวแรกของมนุษยชาติให้เกียรติเขาหน่อย" พอลพูดขณะดูผ่านห้องจดหมายมองไปยังห้องของคริสโตเฟอร์ ลูท์

กลางบทสนทนาของห้องที่เทาขาว เรียบง่ายและรับแสงจากด้านนอกโต๊ะจากไม้ต้นโอ๊คประเทศบราซิล พัฒน์นั่งตรงข้ามกับลูท์

"มีคำพูดจากเพื่อนบอกว่า ห้ามยอมรับอะไร ปฏิเสธทุกอย่าง แย้งทุกข้อกล่าวหา พวกเขาคือคนที่ควรโดนสอบสวน ไม่ใช่ผม โปรแกรมผมไม่ได้เชื่อมต่อกับข้อมูลรัฐไหนด้วยซ้ำ ผมไปเอ็มไอที แล้วแอบเข้าไปเอางานวิจัยในวันหยุดงั้นเหรอ" พัฒน์ยืนกร่านโมโหเรื่องนี้

"ไม่น่าใช่ แล้วพวกเขามีหลักฐานอะไร" ลูท์ตอบและถามในขณะที่เขารวบรวมสติเพื่อหาทางออก

"เอกสาร" พัฒน์ตอบ

"เอกสารเหรอ เอกสารอะไร"

"ผมบอกไม่ได้"

"เพราะอะไร เป็นความลับเหรอ"

"ผมทำเพราะผมอยากช่วยชีวิต โครงการนี้เริ่มหลังจากที่ผมค้นพบว่าเป็นเนื้องอก 16 มิถุนายน สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการค้าอวัยวะข้ามรัฐ"

"และผมเดาว่างานของคุณคือการเขียนโปรแกรมใช่มั้ย หลายคนในประเทศนี้รู้สึกว่ายูเอ็นมีสิทธิ ทำได้ได้ทุกอย่างที่จำเป็น เพื่อรักษาสันติภาพและทรัพยากร ผมก็มีคนสูญเสียไปจากโรคไต"

พัฒน์รับทราบถึงสถานะของลูท์

"หลายคนดูเรื่องโซเชียลเน็ตเวิร์ค ในคืนวันพฤหัสบดี และได้ยินเนิร์ดพูดว่า 'การเข้าถึงข้อมูลอย่างอิสระเป็นเรื่องดี' ก่อนที่เขาจะขายข้อมูลส่วนตัวและเอาเงินจากการโฆษณา มันไม่ใช่แบบนั้น"

"อย่างที่วินสตัน เชอร์ชิลกล่าวประวัติศาสตร์ถูกจารึกโดยผู้ชนะ" ลูท์พูด

"เชอร์ชิลไม่ได้พูดคำนั้น แฮร์มัน เกอริง ต่างหากสิ่งที่เขาพูดคือ 'ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกเราไม่ว่าจะในฐานะรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่หรือวายร้ายที่แย่ที่สุด'" พัฒน์ขยายความ

"โปรแกรมของคุณเป็นตัวตัดสินเหรอ รัฐบุรุษหรือวายร้าย" ลูท์ถาม "คุณทำโปรเจคนี้มานานเท่าไหร่แล้วพัฒน์"

"สี่ปี" พัฒน์ตอบ

"สี่ปีและเอามันให้คนอื่นใช้ ไปพร้อม ๆ กับข้อกล่าวหาเหล่านี้ ผมนึกภาพออกที่คนหนุ่มไฟแรงอย่างคุณจมอยู่กับปรากฏการณ์แย่ ๆ มาหลายปี หงุดหงิดกับระบบสาธารณสุข เห็นโอกาสในการเผยแพร่สิ่งที่ดีมากกว่า อาจจะล้ำเส้นแต่ผมเดาว่านี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณเคยมีส่วนร่วม"

"ผมไม่ได้ทำ" พัฒน์โกหก

"หรืออาจารย์คนหนึ่งที่ไฟแรงพอ ๆ กันอาจชักจูงให้ทำอะไรบางอย่าง คุณควรบอกผมซะตั้งแต่ตอนนี้"

"ไม่จริง"

"สิ่งที่ผมทำคือฝีมือผม ผมลงมือคนเดียว"

"แล้วคุณเผยแพร่จริง ๆ ใช่มั้ย"

"เปล่า" พัฒน์เถียงทันที

"คุณต้อง…"

"ผมย้ายที่มัน ผมแค่ใส่มันไว้ในออนไลน์ ถ้าพวกเขามีวิธีทำลายข้อมูล พวกเขาคงจะ…" พัฒน์พูดแทรก

"ทุกคนต่างมีข้ออ้างภาษาถูกสร้างขึ้นเพื่อเลือกข้าง ทำไมคุณถึงปล่อยมันออนไลน์" ลูท์ถาม

"92 เปอร์เซ็นต์ของข้อมูลทั่วโลก เกิดขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ยูเอ็นจ้างบริษัทนอกให้ตรวจสอบไฟล์ผม และก็ฟ้องร้องผม พวกเขาเป็นใคร"

"เจ้าหน้าที่อิสระ แต่จิมก็อยู่ในคณะกรรมการของพวกเขา ระหว่างโครงการการตรวจสอบข้อมูลอันตรายต่อรัฐของสหรัฐ พวกเขาทำลายเอกสารนั้นมาได้ พวกเขาเลยเล่นงานตัวเผยแพร่คือคุณ ทำให้คุณเป็นผู้ร้ายจับต้องอะไรก็ผิด ผมคาดว่ายูเอ็นจะบอกว่านี่คือการละเมิด รัฐบัญญัติการการค้าเสรีและการละเมิดกฎหมายการค้าอวัยวะ ไม่รู้ว่ามีอีกมั้ย"

"และถ้าเขาดำเนินคดีผม ผมจะต้องติดคุกนานแค่ไหน" พัฒน์ถาม

"ไม่รู้สิยี่สิบปี อาจจะมากกว่านั้น" ลูท์ตอบ

พัฒน์ก้มส่ายหน้าเบา ๆ คร่ำเครียด เขากลืนน้ำลายเอื้อกเหงื่อตกด้านในเสื้ออย่างกับที่นี่รับแดดจากทะเลทราย "ผมไม่ได้ค้าอวัยวะ ทักษะการแพทย์ของผมหยุดที่ปฐมพยาบาลลูกเสือ"

"พวกเขาอาจจะรู้แล้ว เขาไม่ได้ให้วีซ่าสำหรับอาชญากร นายต้องทำให้คนประเทศนี้รักนาย"

"มนุษย์เกิดก่อนกำแพงเขตแดนของคุณที่พึ่งสร้าง" พัฒน์มองว่าตัวเองเป็นมนุษย์บนโลกมากกว่าที่จะต้องพึ่งพารัฐใดรัฐหนึ่ง

"ขอถามอะไรหน่อย ขายไฟล์ไปทั้งหมดได้เงินเท่าไหร่"

"ที่ผมทำทั้งหมดประมาณหกสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ"

"มีเงินเก็บ หรือมรดกไหม"

พัฒน์ส่ายหน้าพร้อมตอบ "ไม่มี"

"เราควรตกลงค่าตัวผมนะ"

"เท่าไหร่" พัฒน์ถาม

"เริ่มที่สามหมื่นและถ้าขึ้นศาล เพิ่มศูนย์อีกตัว ไม่มีอะไรทำให้พวกเขามีความสุข กว่าการที่ได้รู้ว่าคุณนั่งคุยกับผมอยู่ตรงนี้ พวกเขาต้องการแบบนั้นพัฒน์ ทำให้คุณหมดตัว คุณอยากได้คำแนะนำฟรี ๆ จากผมไหม คุณไม่มีปัญหาทางกฎหมายหรอก คุณมีปัญหาเรื่องการมองเห็นความจริง ผมรับงานนี้ ผมค่าตัวเป็นแสนเพราะผมชนะคดีที่ไม่มีวันชนะ"

"แสนเหรียญเลยเหรอ"

"เราจะหาทางออกกัน ผมจะให้คุณในราคาพิเศษในฐานะที่โปรแกรมคุณเหนือเมฆมากในการช่วยชีวิต"

"โอเค แล้วแผนคืออะไร" พัฒน์ถาม

"ตอนนี้องค์กรพูดอย่าง คุณพูดอย่าง"

"ยูเอ็นน่าเชื่อถือกว่า" พัฒน์พูด

"ไม่ ๆ พัฒน์ ยูเอ็นคือยูโทเปีย เราต้องเริ่มแก้ต่างให้คุณ ถ้าสู้ด้วยเรื่องในเวอร์ชันของคุณ"

"ซึ่งก็คือความจริง!"

"เราต้องเปลี่ยนมุมมองที่สังคมมีต่อยูเอ็น เลิกมองว่าเป็นรัฐบาลโลกแต่เห็นว่าอย่างที่เป็น เป็นการลดมาตรฐานชีวิตของมนุษย์ นั้นคือการเปลี่ยนความคิดครั้งใหญ่ หาคนให้การเข้าข้างคุณต้องมีคนที่ยูเอ็นเคยฟ้องในอดีต"

พัฒน์รับรู้ว่าคริสโตเฟอร์มีความสามารถทางกฎหมาย

"ผมจะร่างสัญญาก่อน คุณมาหาถูกคนแล้ว" ลูท์สบายใจ ไหล่ผายออกด้วยท่าทีผ่อนคลายก่อนจะลุกออกไป

"ขอบคุณคริสโตเฟอร์" พัฒน์พูดไล่หลัง

"ลูท์" ลูท์หันมาพูดเป็นชื่อที่เขาสะดวกใจให้พัฒน์เรียก

สองเดือนถัดมาภายในอาคารศาล สภาคองเกรส ในวอชิงตัน ดีซี

พัฒน์ถูกพาตัวเข้ามาเขาพยายามรักษาระดับฝีเท้าในช่วงแห่งความสับสน นำหน้าโดยตำรวจชุดดำสองนายด้านหน้า เดินตรงไปที่ห้องด้านใหญ่ มีประตูไม้อยู่ด้านซ้ายกลางทางสีขาว ที่นี่มีเจ้าหน้าที่ควบคุมอยู่ทุกประตูสำคัญ หลังประตูเต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมากรอฟังคำอธิบายและการตัดสินของปรากฏการณ์การค้าอวัยวะผ่านอัลกอริทึมของพัฒน์

"ถึงแล้วค่ะ อยู่ด้านซ้ายนี่เอง" ผู้ช่วยหญิง ลูท์

พัฒน์ใส่สูทสีน้ำเงินเข้ม เนกไทสีแดงลายพาดเส้นขาวเฉียง พัฒน์เกร็ง ด้านหลังคือคริสโตเฟอร์ ลูท์ พัฒน์ชายตาไปที่ประตูด้านซ้ายทางเดินข้างหน้าที่อีกแปดก้าวหลังประตูไม้ข้างหน้าทุกอย่างและเสียงแฟลชกำลังรอพัฒน์อยู่

"ฉันชอบเนกไทคุณนะ"

พัฒน์หายใจเข้าเฮือกใหญ่ ขณะเดินและกำลังเลี้ยวซ้ายไปหน้าประตู "ขอบคุณครับ ผมผูกเองกับมือ" พัฒน์อยู่หน้าประตู เขาระส่ำกับสถานการณ์ตรงหน้า "โอเค" ผู้ช่วยหญิงหันหน้ามาตอบพัฒน์พร้อมเปิดประตู เสียงชัตเตอร์ด้านในห้องประชุม และตำรวจยืนข้างประตูหันหน้าให้พัฒน์ กับตำรวจที่ประกบด้านหลังอีกสองคน ตรงหน้าพัฒน์ทั้งทางเดินมีคนสวมสูทจำนวนมากหยิบมือถือพร้อมกับถ่ายรูป เสียงแฟรชจากกล้องดิจิตอลและไฟชัตเตอร์ สะท้อนแววตาพร่างพราวและทำให้พัฒน์กังวล แต่ขาก็ยกตัวพาตัวเองเข้าไปในทางเดินพรมสีน้ำเงิน

แผ่นหลังพัฒน์นำด้วยสูทสีน้ำเงิน ผู้ช่วยหญิง และคริสโตเฟอร์ ลูท์ พัฒน์เหมือนจมในฝูงคนแต่ถูกสนใจด้วยข่าวและกล้องวิดีโอบันทึก เขาเดินตรงปลายทางเดิน ต่อหน้าพูดตัดสิน เอื้อมมือซ้ายจับพนักพิงเก้าอี้ไม้สน พัฒน์นั่งลงต่อหน้านักข่าวที่ถ่ายรูปเขา "ปึง! ปึง! ปึง!" เสียงทุบค้อนของผู้ตัดสิน ทำให้ฝูงนักข่าว ผู้ต้องการรูปภาพและจำนวนกล้องตรงหน้าพัฒน์แหวกว่ายออกเป็นกลุ่มไปทางด้านข้าง และนั่งเรียงหน้ากระดาน ตรงหน้าพัฒน์คือผู้ตัดสิน การรวมตัวกันขององค์กรอิสระและสมาชิกวุฒิสภา ด้านหลังคนเหล่านี้คือกำแพงหินอ่อน พร้อมป้ายสหประชาชาติคนที่นั่งเรียงกันด้านหลังของคนเหล่านี้คือตัวแทนทั้งทนายผู้ช่วยและบอดี้การ์ด คนเหล่านี้รู้ว่าพัฒน์เป็นใครผ่านป้ายด้านหน้าไมค์โครโฟน 'พัฒน์ ณ อยุธยา'

"คุณพัฒน์ ขอบคุณที่มา" ประธานคณะกรรมการการตัดสินอยู่ตรงหน้าพัฒน์ เขาพูดใส่เครื่องขยายเสียง "สามชั่วโมงที่ผ่านมา เราสอบถามบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการคุณไปหลายคน เกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ใช้ ขณะที่เหล่าสุภาพบุรุษจาก เฟซบุ๊ค กูเกิล และแอมะซอน ได้ยอมรับว่าตนเคยทำเรื่องเลวร้ายไปบ้างในอดีต ดังที่ผมกล่าวไป สุภาพบุรุษเหล่านั้นก็ได้ให้คำมั่นกับเรา ว่าความผิดเช่นนั้น เป็นเพียงเรื่องในอดีตแล้ว และพวกเขาคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่เพื่อนร่วมงานของผมท่านคาวาซากิ วุฒิสมาชิกจากรัฐฮาวายที่ยิ่งใหญ่เสนอว่าคุณอาจจะมีมุมมองอื่น ท่านวุฒิสภาครับ"

"ขอบคุณค่ะ ท่านประธานฮอลเตอร์ คุณพัฒน์กับบริษัทของเขาไบโอคิปป์ กำลังพัฒนาโครงการนำร่องเพื่อมอบระบบอวัยวะที่เหมาะแก่ร่างกายให้กับประชาชนของฉัน ในเกาะเมาวี ฉันขอให้พวกเขาส่งคำแถลงการณ์ที่นี่วันนี้" เธอตอบและพยักหน้าไปทางพัฒน์ สิ่งนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คริสโตเฟอร์ ลูท์ทำการบ้านและทำงานร่วมกับพัฒน์ในการเอาใจสาธารณประโยชน์แก่รัฐฮาวาย "คุณพัฒน์" เธอกล่าวพูดเชื้อเชิญให้พัฒน์พูดต่อ

"ครับ" พัฒน์กลืนน้ำลายเอื้อก ยิ้มครึ่งหน้า แต่แววตาพัฒน์กำลังเครียด เขานึกคำพูดไม่ออก

"คุณพัฒน์ ตอนนี้ได้เวลาของแถลงการณ์นั้นแล้ว" คาวาซากิเตือนพัฒน์ผ่านเครื่องขยายเสียง ลำโพงในห้องบอกเตือนพัฒน์อีกครั้ง

"โอเค" พัฒน์ลุกลี้ลุกลน และเอามือหยิบซองกระดาษเพื่อเตรียมบทปราศรัย "สวัสดี ผมพัฒน์ ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งไบโอคิปป์ ผมภูมิใจที่ได้กล่าวว่าเรากำลังดำเนินงานกับท่านวุฒิสมาชิกคาวาซากิ ในการพัฒนาขั้นแรกเพื่อมอบอวัยวะแก่ผู้ที่ต้องการการปลูกถ่าย ให้โลกใบนี้" พัฒน์ตัดใจที่จะพูดตามกระดาษ "พูดง่าย ๆ มันคือโปรแกรมแบบ… ผมยินดีเพราะว่านี่คือการใช้อวัยวะทดแทนที่ทำงานได้จริงโดยเป็นระบบที่ปลอดภัย… คือว่าหลายคน คนประมาณนี้น่ะนะ คุณอยากจะคุมพวกเขาให้อยู่แต่คุณทำไม่ได้เฟซบุ๊กถือครองโครงข่ายโซเชียลมีเดียถึง 80 เปอร์เซ็นต์ กูเกิลเป็นเจ้าของ 92 เปอร์เซ็นต์ของระบบสืบค้น และเว็บบริการของแอมะซอนใหญ่กว่าคู่แข่งของเขาสี่ลำดับมามัดรวมกันซะอีก ไม่มีใครรอดและพวกเขาตามรอยการเคลื่อนไหวของเรา พวกเขาเฝ้าดูทุกช่วงเวลาในชีวิตเรา และพวกเขาใช้ข้อมูลเราเอาไปทำกำไรคุณอยากถามอะไรเขาก็ถามไปเถอะ แต่พวกเขาจะไม่เปลี่ยนไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบริษัทเหล่านี้คือพระราชาและพวกเขาปกครองเหล่าอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าประเทศใด ๆ ในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ พวกเขาชนะแล้ว เราแพ้"

"แล้วคุณมาที่นี่ทำไม" ประธานฮอลเตอร์ถาม

"เพราะว่าลองดูสิว่าเราอยู่ที่ไหน ถูกมั้ยเราอยู่ในสภาของรัฐบาลสหรัฐ รัฐบาลที่ถูกก่อตั้งโดยประชาชนที่ยุคหนึ่งถูกปกครองโดยราชาที่พวกเขาโค่นไม่ได้ แล้วพวกเขาทำยังไง ใช่ พวกเขาเริ่มต้นใหม่ พวกเขามาที่นี่ โลกใบใหม่แห่งนี้ โลก 2.0 รุ่น 1776 และวิธีที่เราจะชนะได้คือการสร้างโครงสร้างระบบสุขภาพ ที่เป็นประชาธิปไตยแบบกระจายศูนย์ขึ้นมาใหม่ เป็นโครงสร้างที่จะทำให้บริษัทเหล่านี้จะปฏิบัติแบบเดิมไม่ได้อีกตลอดกาล เป็นโครงสร้างที่ผู้ใช้ทุกคน ได้ปกครองข้อมูลของตัวเอง ไม่ใช่ราชา ผมขอให้คำมั่นว่าจะช่วยคุณล้มทรราชด้วยการสร้างข้อมูลที่เป็นของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชน ขอพระเจ้าอวยพร"

ข้อพิพาททางกฎหมายของพัฒน์อยู่ทั้งบนสื่อออนไลน์และโทรทัศน์หลายช่องในอเมริกา เป็นอีกครั้งที่พัฒน์รอดชีวิต ย่อมกลายเป็นพยานต่ออดีตของตัวเอง พัฒน์ไม่ได้เลือกกลบฝังความผิด ถ้าไม่พร้อมยอมรับอดีต พัฒน์จะไม่สามารถมีอนาคตได้ พัฒน์เลือกที่จะถักทออนาคตเพื่อชีวิตของคนอื่น ที่เต็มไปด้วยบาดแผลและความเจ็บปวดพร้อมที่จะล้มลงนอนสักที่หนึ่งในจิตใจ เราต่างยังไม่รู้ถึงการตัดสินของศาลแต่เรารู้ดีว่านี่เป็นอีกวันหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์