webnovel

ผู้เดินทาง Pilgrim

ที่ภูเก็ต บ้านของพัฒน์ สามสัปดาห์ถัดมาหลังจากส่งข้อมูลให้กับลีดูซัม บริเวณชานไม้หน้าประตูพัฒน์

"ฟังนะ แล้วเจอกันอีกสองชั่วโมง ขอบคุณมาก" พัฒน์ใส่เสื้อฮู้ดสีเทาทับเสื้อยืด กางเกงยีนเป็นชุดอยู่บ้าน แววตาสุดท้ายในบทสนทนาแทนคำบอกลาทั้งสองระหว่างพัฒน์กับไมล์ พัฒน์กลับเข้ามาในบ้านเดินผ่านบ้านที่ว่างเปล่า เปิดเข้ามาในห้อง อุ้งมือปล่อยวางกุญแจห้องบนโต๊ะ หยิบซองจดหมายมาดู เขาถอนหายใจเบา ๆ พูดคุยรับทราบและเรียกเบน ก่อนที่ทุกคนจะหายไปจากระบบ ทั้งสี่คนต้องเปลี่ยนงาน สถานที่พัก ประวัติ เลขประกันสังคม

ในมือเขาคือซองกระดาษ "ความทรงจำทางเคมี (Chemical Memory)" เป็นของชิ้นสุดท้ายของพินัยกรรมจากที่บ้าน

ฝ่ามือทั้งสองกำลังถือกระดาษเชื่อมโยงตัวตนต่อสายสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ บางทีเรื่องราวของเขาอาจอยู่ในนั้นมากกว่านี้นิ้วโป้งและนิ้วชี้เลื่อนแกะซองกระดาษสีน้ำตาล ข้างในเป็นโน๊ตกระดาษสีขาว ถูกพับอยู่สามทบ มือและการทำงานของกล้ามเนื้อ ค่อย ๆ คลี่กระดาษนั้นออก แววตาพัฒน์สาดส่องตัวอักษร ช่วงเวลาที่ได้อ่านลายมือที่แม่เขียนไว้ ราวกับได้สัมผัส บทสนทนากับแม่อีกครั้ง อักษรสีดำบนแผ่นกระดาษสีขาว เป็นการท่องเวลาไปในช่วงเวลาที่แม่สามารถใช้มือเขียนได้ ในกาลเวลาที่แม่ยังคงอยู่ พัฒน์กำลังตีความตัวอักษรภาษาไทย มาเกินครึ่งหนึ่งของข้อความ เขารับรู้และคิดถึงช่วงเวลาต่าง ๆ บทสนทนาทางตัวอักษรใกล้จบลง พัฒน์ทั้งตื่นเต้นและตกใจกับคำพูด สอดคล้องไปกับการดีใจและการเศร้าใจที่ไม่สามารถกลับไปใช้ช่วงเวลานั้นได้ ข้อความตัวอักษรหมดลง พัฒน์พับซองเก็บในกระดาษ ในมือซ้ายความจริงเหมือนกาพย์กลอน คนส่วนใหญ่ไม่ชอบฟังกาพย์กลอน

มือขวาล้วงหยิบไม้ขีดในกระดาษพับโฆษณา นิ้วมือขวาเลือกก้านไม้ขีดแล้วใช้ปลายเล็บนิ้วโป้งดีดหัวไม้ขีด พรึ่บ! ไฟถูกจุดขึ้น เขาเผาจดหมายพินัยกรรมอันสุดท้ายไป เพื่อเป็นการระลึกถึงและเป็นการใช้อิสรภาพการตีความต่อข้อมูลในความทรงจำ เขาต้องการนึกถึงแม่ในรูปแบบของตัวเอง จดหมายมีความหมายในชั่วขณะและตอนนี้ก็กลายเป็นเถ้าสีดำ เหมือนที่ร่างกายแม่เป็นทุกอย่างอยู่บนความทรงจำสีฟ้าที่ว่างเปล่าระหว่างท้องฟ้ากับทะเล

ตอนนี้พัฒน์อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ มันวางอยู่บนโต๊ะไม้ที่บ้าน

ในคืนไร้พระจันทร์ ความจริงคือสิ่งที่พูดกับตัวเอง และความจริงก็คือผมยังไม่รู้ว่ามันจะได้ผลยังไง หรือบางทีมันอาจจะได้ผล ในที่สุดฉันก็ได้ใช้ชีวิตอยู่เพื่อตัวผมเอง ค้นหาความจริงของตัวผมเอง แล้วคุณรู้อะไรมั้ย มันไม่มีความหมายอะไรแล้ว มันรู้สึกดีเหมือนกัน หาต้นตอของปัญหาที่สามารถรับมือได้ ถ้าไม่สามารถหยุดยั้งบางสิ่งได้ ก็จงควบคุมทิศทางของมันสายตาคู่นั้นกำลังมองหน้าจอสีฟ้าขนาดเล็กตรงหน้า เขารู้สึกเหมือนตัวเองล้มเหลว เขาอยู่ภายในกรงขังที่ชื่อว่าบ้าน อย่างสงบสุขเยือกเย็น และวางใจราวกับอยู่ทุกคนในครอบครัวยังใช้ชีวิตอยู่ บ้านเป็นเหมือนคุกสำหรับพัฒน์ เขายังคงเป็นนักโทษสำหรับการไถ่บาปของตัวเอง

เสียงอึกทึกของโลกภายนอกหลั่งไหลเข้าออกตามซี่ลูกกรง อันที่จริงนักโทษคนนั้นนับว่าเป็นอิสระ เขาสามารถมีส่วนร่วมกับทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกไม่อาจจะเล็ดลอดจากเขาไปได้ เขาจะออกจากกรงก็ได้ ซี่ลูกกรงห่างกันหลายเมตร เขาไม่ใช่นักโทษด้วยซ้ำ ที่จริงแล้วมันเรียบง่ายแต่เราดึงดันให้มันซับซ้อน ในทะเลที่ลมโหมกระหน่ำเราจะมองไม่เห็นหลายสิ่งเมื่อความกระจ่างของชีวิตคือความสามารถของการจัดการทรัพยากรของตัวเอง

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือโปรแกรมการเข้าถึงการพิมพ์อวัยวะแต่ละจำนวนมากอย่างละเอียดและวิธีการพิมพ์เพื่อให้คนได้เข้าถึงทั่วโลก ในแปลงข้อมูลของดีเอ็นเอตัวเองกลับไปสู่อัลกอริทึมอวัยวะทั้งหมดยี่สิบหกชิ้น ทั้งวิธีการพิมพ์ และวัสดุมีอธิบายในแต่ละไฟล์ ราคาพวกนี้จะไม่ขึ้นจนกว่าไม่ถูกขึ้นตามราคาตลาดโลกและรัฐบาล ทุกประเทศจะเข้าถึงราคากลาง เว้นแต่ว่ามีคนแบ่งปันการพิมพ์ระบบอวัยวะมากขึ้น สกุลเงินที่อยู่ในมือต้องเป็นของทุกคนเพื่อการเข้าถึงได้ และความเสมอภาคของการเป็นมนุษย์ นั้นเป็นจุดมุ่งหมายของสกุลเงินกลางเป็นสกุลเงินเข้ารหัส เพื่อความรู้และเพื่อความเสมอภาค

ก๊อก!! ก๊อก!!

พัฒน์เดินไปเปิดประตูห้อง เบนเข้ามาในห้องเดินมาที่โซฟา

เขากลับมานั่งเก้าอี้อยู่หน้าจอสีฟ้า กรอบสี่เหลี่ยมขนาดสิบสองนิ้ว ไฟสี่เหลี่ยมจำนวนล้านพิกเซล พร้อมเปลี่ยนสีไปมาผ่านการคลิกข้อมูลลงไป ข้อมูลที่เข้ามาผ่านจอสี่เหลี่ยมจอแล็ปท็อปตรงหน้ากับข้อมูลภาพสี่เหลี่ยมที่เข้ามาในสมอง ข้อมูลยึดโยงกันเพื่อหาอิสระของข้อมูลในการคิดของพัฒน์

"นายจะทำอันนี้จริง ๆ เหรอ" เบนถามพร้อมมามองที่หน้าจอข้อมูลการเปิดให้ดาวน์โหลดอัลกอริทึมอวัยวะและรูปแบบการพิมพ์ไฟล์ทั้งหมด แยกแต่ละไฟล์แยกแต่ละอวัยวะ แปดไฟล์ หัวใจ ปอด กระจกตา ตับ ไต กะโหลกศีรษะ ใบหู ลิ้นหัวใจ

"กดปุ่มเดียว ดาวน์โหลด เหมือนหนังสือเล่มละเหรียญ เมื่อกดปล่อยไปแล้วมันจบ แค่นั้น มั่นใจนะว่าจะทำ?"

"ใช่" พัฒน์ตอบเสียงนิ่งอย่างมั่นใจ

"เปิดประมูลหนึ่งล้านเหรียญเป็นไง!" เบนเสนอทีเล่นทีจริง

พัฒน์หันมามอง "นายทุนหน้าเลือด แค่เหรียญเดียวแฟร์ดี หลังจากนั้นเราหารแบ่งเท่ากัน โช ไมล์ ทุกคน"

เบนถอนหายใจ เอามือลูบหน้าตัวเอง "แค่กดปุ่มแล้วทุกอย่างจบ เราต้องเปิดศึกกับยูเอ็น นักธุรกิจในวงการสาธารณสุขทุกประเทศ"

พัฒน์นึกคิดก่อนตัดสินใจโลกนี้เป็นแบบไหนกัน โลกที่เศร้าเมื่อผู้ใหญ่เสียชีวิต หรือโลกที่เศร้าเมื่อเด็กเสียชีวิต ความหวังและความรู้พวกเราเลือกเชื่อในสิ่งไหนกัน เมื่อโลกเต็มไปด้วยสงครามเต็มไปหมด โลกที่ละเลยเด็กอย่างพัฒน์ โลกเป็นสถานที่แบบไหนกัน บนโลกที่มีสถานที่ดับความหวังคือโรงเรียนและวิทยาลัย โลกที่ต้องสร้างตัวตนจากบาดแผลและลิดรอนความเป็นมนุษย์จากพัฒน์เข้าไปทุกที

สันมือพัฒน์ วางลงบนพื้นที่ก่อนแป้นพิมพ์ นิ้วกลางขวาเอื้อม ฝ่ามืออยู่ข้างบนปุ่มตัวอักษร กดปุ่มลงบน 'Enter' ข้อมูลทั้งหมดกำลังถูกอัปโหลดขึ้นไปที่เว็บไซต์ สายตาสองคู่มองแถบการอัปโหลดข้อมูล บนหน้าจอ ทุกอย่างไฟล์โปรแกรมการเข้าถึงไฟล์อวัยวะต่าง ๆ กำลังถูกออนไลน์ พัฒน์เอนหลังตัวสัมผัสเบาะนั่ง กอดอกจ้องหน้าจอแล็ปท็อป เขาหันหน้าไปหันหาเบน เห็นเบนกำลังหยิบโทรศัพท์มือถือ นิ้วมือเบนกำลังเลื่อนดูรายชื่อแล้วกดโทรออก

"พี่ทำอะไร?" พัฒน์ถาม

เบนชายตามองมาทางพัฒน์ ระหว่างรอการรับสายจากปลายสายการติดต่อ "โทรหากำลังเสริม" เขาพูด

ในสายการพูดคุยระหว่างเบนกับปลายสายคือนักค้นคว้าเทคโนโลยีเบนได้เจอเขาในปาร์ตี้ที่นิวยอร์ก พัฒน์จ้องมองกับฟังเสียงการเรียบเรียงบทสนทนานั้นอยู่ด้วย หลังจากเบนพูดคุยเสร็จ "ให้อีลอน ทวีตบนทวิตเตอร์" เบนตอบก่อนที่พัฒน์จะถามเพิ่ม เบนส่งลิงก์ทวิตเตอร์ให้ผ่านข้อความให้เขาเรียบร้อย

"เขามีผู้ติดตามทั้งหมดกี่คน?" พัฒน์ขมวดคิ้วสงสัย ใบหน้านั้นกำลังรอคำตอบอยู่

"ก็ทั้งโลกแหละ มนุษย์ทุกคนเท่านั้นเอง"

โลกที่ไม่มีแต่ความรู้ มันเป็นความสิ้นหวังไร้ที่สิ้นสุด มันไม่น่าอยู่และจะหลงเหลือเพียงความเชื่อเพื่อห้ำหั่นกัน ตอนนี้พัฒน์เป็นเหมือนทะเลทั้งคำรามและสร้างสรรค์เขาเลือกให้คนทุกคนเข้าถึงอวัยวะออนไลน์นั้นเป็นทางเดียวที่จะทำให้สิ่งเลวร้ายมีความหมายบางอย่าง ฝังมันลงไปและถมมันไปด้วยสิ่งที่ดี

โพสอิทแปะหน้าจอคอมพิวเตอร์

"เส้นทางที่ดีที่สุดจึงต้องเป็นเส้นทางใหม่ที่ไม่เคยมีใครเหยียบย่างมาก่อนต่างหาก ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกใหม่"