"ราชองครักษ์เดอเมลโล ไม่ได้พบหน้าเสียนาน สบายดีกันสิหนาสองพ่อลูก...ดีจริง ดีจริง" ฤๅษีหนุ่มผมขาวกล่าวกับดีเอโก้และซิมาวด้วยเสียงหวานและเจ้าเล่ห์ สองพ่อลูกชาวโปรตุเกสเงียบกริบไม่โต้ตอบ ในแววตาคนพ่อนั้นฉายแววหม่นหมอง เม้มริมฝีปาก ส่วนของคนลูกกลับแฝงความคุกกรุ่นล้ำลึกบางอย่าง
"ไฉนจึงหน้านิ่งบึ้งตึงนักกับข้าเล่า อา...จริงสิ พวกท่านทำหน้าที่ราชองครักษ์บุตรหลานเจ้าหงสานอกวัง น่าเสียดาย น่าเสียดาย... เราหมายใจชวนพวกเจ้ามาลองไวน์ชั้นเลิศจากมะละกาที่เพิ่งได้มาเสียหน่อย"
"เสด็จน้า..." เจ้าชายมังสามเกียดพยายามตัดแทรก แต่สายตาของมินเลตยาหาได้สนใจมาทางพระองค์ กลับมุ่งไปหาเจ้าหญิงพระพี่นางแทน
"หลานมังอะถ้วย ไม่เจอครู่เดียวหลานโตเพียงนี้แล้วฤๅ เจ้าช่างสดใสงดงามเหมือนแม่ สบายดีหรือเปล่าหลานรัก น้ามีเครื่องประทินผิวอย่างดีจากชมพูทวีปแล้วก็กรุงจีนต้าหมิงมาฝากด้วยหนา ขอฝากไปยังมารดาและพี่สาวของหลานด้วย" ผู้พูดเอ่ยโดยที่เจ้าหญิงผู้เป็นหลานสาวชำเลืองพระเนตรมายังพระอนุชาไปพลาง ทรงยิ้มพระสรวลแห้งๆ ก่อนเดินถอยไปหาบริวารและพวกเมยะ
"หลานมิทราบมาก่อนว่าที่พำนักแถบนี้คือสถานของเสด็จน้า" เจ้าหญิงตรัสเสียงแผ่ว ท่าทางกึ่งรับกึ่งสู้หวาดหวั่นกริยาญาติผู้น้องของมารดา
"เสด็จน้า ข้าต้องการให้ท่านช่วย..."
"น้าไม่ได้อยู่ในราชการแล้วหนา หลานชายที่รัก" ปรายหางตาของนักบวชตัดฉับมายังมังสามเกียด ทำเอานาถะยายังขนลุก "โลกในวัง ราชกิจหรือหน้าที่ฐานันดรของเจ้าชาย น้าได้ละทิ้งทุกสิ่งเพื่อมาสู่รีตที่น้าปรารถนา"
"หากพระองค์ต้องการความสงบจริงแล้วที่ทำอยู่บัดนี้เล่า"
"หลานหมายถึงเรื่องใด"
"เครือข่ายขุมกำลัง..."
สีหน้าของนักบวชฉายแววฉงนก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มกว้าง มินเลตยาหัวเราะก่อนเสสายตาไปยังกลุ่มที่เคยก่อเหตุวิวาท พวกเขาต่างคุกเข่า มีเพียงผู้หนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้แล้วกระซิบความ เป็นชายที่เป็นต้นเหตุการวิวาทปล่อยหมัดคนแรกๆ
"จริงฤๅมิโม...เช่นนั้นก็เตรียมตัวเถิด" มินเลตยากล่าวก่อนหันมาทางหลานชาย "หลานหมายใจจะให้น้าไปช่วย เรื่องอันใดเล่า"
เจ้าชายเหลียวพระพักตร์ซ้ายขวาก่อนเดินเข้ามาใกล้พระญาติ ตรัสด้วยเสียงอันเบาให้ได้ยินเพียงทั้งสอง
"ข้าต้องการกำลังของเสด็จน้า เครือข่าย กำลังและความรู้ที่ทันสมัยที่สุดในหงสา ซึ่งท่านน้ามี...ข้าต้องการให้ท่านมาเป็นราชครูของข้า"