webnovel

น้าหลานผู้เหมือนกัน

"ครู..." มาตุลาในรูปลักษณ์ดาบสรู้สึกแปลกประหลาดใจในคำกล่าวของหลานชาย "หลานมียอดฝีมือมากมายรัชใช้ในวังหลวงแล้วหนา..."

"แต่หามีผู้ใดจะแตกฉานวิชาซึ่งราชนิกูลหงสาพึงมีเท่าท่านน้า ไหนจะเพลงยุทธศาสตราก็จัดเจนไม่เป็นสองรองใคร" เจ้าชายรีบแย้งแล้วโน้มน้าวต่ออย่างฉับไว "ข้าต้องการให้ท่านมาเป็นครูส่วนตัวของข้า แล้วสิ่งที่ท่านหมายมั่นปรารถนา ข้าจะมอบให้ท่านน้าในวันที่ข้าได้เป็นใหญ่"

มินเลตยารับฟังด้วยความสงบ รอยยิ้มแสนกลนั้นหายไปเป็นผิวเพลงเบาๆ แววตาเชิงเอ็นดูเบิกกว้างขึ้น บุคลิกทีเล่นทีจริงแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังพิจารณา ไม่กี่อึดใจหลังจากนั้นนักบวชร่างสูงโปร่งก็ตอบหลานชาย เสียงนั้นหวานและชัดเจน

"ช่างเป็นเกียรติที่หลานชายมอบให้น้า แต่ว่าหากน้าจะเลือกรับใช้ น้าก็ขอรับใช้เสด็จปู่และเสด็จพ่อของหลานมากกว่า" เจ้าตัวพูดก่อนเข้ามาใกล้ข้างตัวแล้วกระซิบใกล้หู "...น้าไม่ปรารถนาจะกลับวัง น้าพอใจในสถานะเวลานี้ ดังนั้นน้าขอปฏิเสธข้อเสนอของเจ้า มังสามเกียด"

คู่สนทนาทั้งสองยั่งเชิงนิ่งกระทั่งเสียงกลองจากหอโมงยามดังขึ้นแว่วมา เวลาของการออกนอกวังสิ้นสุดแล้ว สายตาของเชงมากับหน่องจาฉายความกระวนกระวายเหลียวมองมาทางผู้เป็นนาย คล้ายกับจะร้องเตือนว่าถึงแก่การให้กลับวัง พระพี่นางและเมยะที่คอยท่าอยู่ก็เริ่มหันมองว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แม้แต่นาถะยาเองก็เหมือนจะมาสมทบพูดสักอย่าง มังสามเกียดก็ตัดบทด้วยการหัวเราะแก้เก้อ

"หลานก็มิได้เร่งรัดท่านน้าดอกหนา ข้ารู้ตัวว่าสถานะของข้าบัดนี้ไม่อาจทำให้ข้าเชื่อมั่นได้สักกะผี" มังสามเกียดแค่นหัวเราะ ก่อนยิ้มเยาะอย่างมั่นใจ "ทว่าจำไว้เถิดวันหน้าข้าจะกลับมา แลทุกครั้งเมื่อมีโอกาสหลานจะมาพบท่านน้า ข้าต้องได้ตัวท่านน้ามาช่วยให้ได้ ท่านจักต้องเปลี่ยนใจ"

"ไม่ส่งนะหลานมังสามเกียด บุญรักษา"

เจ้าชายก้มโค้ง แววตาฉายแววไม่ยอมแพ้และแข็งกร้าวเกินวัย อดีตเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงถอนหายใจในความดื้อดึงและยิ้มเชิงขบขันเอ็นดูในความแสบสัน มินเลตยาส่งสายตามองคณะของหลานชายหลานสาว วาณิชต่างชาติ ราชองครักษ์รายคน แล้วจึงหันไปทางหม่องมิโมที่เป็นคนสนิท

"สนุกจริงแท้หนอ คิดถูกนักที่ลุกออกจากอาศรม ได้เจอทั้งหลาน เจอทั้งโจทย์เก่า แลอะไรเกิดคาดด้วยเล่า..." ฤษีหนุ่มหัวเราะคิกคักก่อนตบบ่าคู่สนทนา "เจ้าคิดว่าหลานข้าเป็นอย่างไรบ้างหม่องมิโม คู่ควรให้น้องชายเจ้ารับใช้หรือไม่"

หม่องมิโมนิ่ง สายตาละจากหน่องจาแล้วกลับมาทางผู้เป็นนาย "เรื่องในบ้านมิใช่เรื่องพูดด้านนอกขอรับ"

"นิสัยเอาจริงเอาจังเสียจริงหนา ที่ปรึกษาคนเก่งของเรา" มินเลตยาบุ้ยปาก เดาะลิ้นเบาๆ

"เจ้าชาย...โอรสแห่งอินแซะมิน ...ดื้อเหมือนพระองค์มากขอรับ"

ผู้ทรงศีลถึงกับมองขวับเมื่อได้ยินคำของหนุ่มผิวแทน มินเลตยาเงยมองหน้าอีกฝ่าย ชำเลืองร่างหลานชายที่เดินไปไกลเกือบลับสายตา ก่อนจะระเบิดหัวเราะเสียงดังจนบ่าวคนอื่นแถวนั้นหันมองกันเป็นแถบ

"ตาบอดแล้วมิโม... ข้าว่าตอนข้าเด็กข้ายังรู้จักหน้าที่... ขยันใฝ่เรียน เอาการเอางานมากกว่ามังสามเกียดนับร้อยเท่า แลมิเคยไล่บ่าวคนสนิทไปไกลตัวเลยสักครา เจ้าเคยโดนข้าไล่ให้ห่างกายข้าสักครั้งฤๅ"

หม่องมิโมหลับตา ส่ายหน้าเล็กๆ

"หรือความจริงอาจแสร้งเป็นเจ้าชายเอาแต่ใจ ไม่เอาไหน ไม่สนราชกิจ...เฉกเช่นท่านก็เป็นได้"

"ไม่ มังสามเกียดอยู่ในสถานะแตกต่างจากข้า หม่องมิโมเอย คราสุดท้ายก่อนหน้าที่ข้าเจอหลานชายก็คือสนามฝึกปืน ใครต่อใครก็เห็น พฤติกรรมของมังสามเกียดคือจริตเด็กนิสัยเสียของแท้ แลเป็นเด็กร้ายกาจที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา มิใช่เสแสร้งแกล้งทำหรอกหนา ข้ารู้ ข้ารู้ดีกว่าใครเรื่องการเสแสร้ง..."

"เช่นนั้นเจ้าชายนึกกระไรถึงเดินทางออกมาพบผู้อื่น กระทั่งน้าชายที่ไม่เคยแม้แต่จะแยแสมาแต่ก่อน"

มินเลตยาเดาะลิ้น หยักไหล่ "เด็กตัวเท่านั้นคงไปโดนใครสั่งใครสอนมาก็ได้"

"...ท่านจะตอบรับคำขอเจ้าชายหรือไม่ขอรับ?" หม่องมิโมลืมตาแล้วหันมองผู้เป็นนาย

"เรากลับทำงานของเราดีกว่ามิโม"

มินเลตยาไม่ตอบ เขาเพียงแค่ยิ้มทิ้งท้าย พูดจบก็หันหลังแล้วกวักมือเล็กน้อย ในตอนนั้นเหล่าบุรุษในย่านเถื่อนก็พร้อมกันโค้งคำนับ แล้วยืนนิ่งส่งผู้ทรงศีลเดินทางกลับไป...

Siguiente capítulo