webnovel

019 รสชาติของเขา

บทที่ 19 รสชาติของเขา

ผู้จัดการหอมรกตขยับไปไหนไม่ได้

ไม่ใช่ไม่อยาก แต่ทำไม่ได้

วินาทีที่บุรุษผู้นี้ปรากฏตัว เขาก็รู้สึกราวกับว่ามีแรงกดดันตรึงเขาเอาไว้

ไม่รู้ว่าเขาถูกยิงด้วยอะไรหรือไม่ เขารู้เพียงว่า เขามีชีวิตอยู่มาครึ่งชึวิต ไม่เคยเห็นบุคคลเช่นนี้มาก่อน

สามารถทำให้ ‘คุณชาย’ ผู้สูงศักดิ์มารับใช้ได้...กล่าวให้ชัดเจนก็คือ แม้แต่ข้ารับใช้คนหนึ่งยังดูเหนือกว่าคุณชายทั่วไปเป็นไหนๆ บุรุษคนนี้เป็นใครกัน

ผู้จัดการหอมรกตมองอีกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง

เขาสวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกสีเงิน ซึ่งสะท้อนประกายขาวในความมืด

ผู้จัดการหอมรกตหลุบสายตาลงต่ำ

ต่อให้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดของคนย่อมต้องบอกเขาว่า หากยังใคร่จะมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ควรไปจ้องบุรุษผู้นั้นเด็ดขาด

“นายท่าน”

รถม้าอีกคันหนึ่งวิ่งมา รถม้าคันนี้เล็กกว่ามาก ดูไม่เจริญหูเจริญตา ทว่าผู้จัดการหอมรกตก็มิกล้าดูแคลนอีกฝ่าย

ชายฉกรรจ์อายุอานามประมาณสี่สิบกว่าปีก้าวลงมาจากรถม้า เขาเรียกบุรุษผู้นั้นว่า ‘นายท่าน’ คล้ายกับว่าตนเป็นข้ารับใช้ของเขา เพียงแต่ เมื่อเทียบกับข้ารับใช้หนุ่มรูปงามคนอื่นๆ รูปลักษณ์ภายนอกของเขาสู้มิได้เลย

ทว่า เขาเป็นเพียงคนเดียวที่พูดกับบุรุษผูู้นั้น

ชายวัยกลางคนกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่า แถวนี้ไม่มีภัตตาคารอื่น นายท่านไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน กินอะไรเสียหน่อยเถิด”

ในตอนนี้ ผู้จัดการโจวแห่งหอหยกขาวก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เขาดูจากลักษณะท่าทางแล้ว ก็รู้ทันทีว่าเป็นลูกค้าชั้นสูง แต่เขาก็ไม่กล้าเดินเข้าไปดู ได้แต่แอบมองด้วยความประหม่า ภาวนาให้อีกฝ่ายมาที่ภัตตาคารของพวกเขาแทน

แต่เขากลับต้องผิดหวัง เพราะบุรุษผู้นั้นย่างเท้าเข้าไปในหอมรกต

ทันใดนั้นเอง ผู้จัดการจ้าวแห่งหอมรกตก็เหยียดหลังตรง ส่งสายตากระหยิ่มยิ้มย่องไปยังร้านฝั่งตรงข้าม

ได้ยินมาว่าหอหยกขาวหาซื้อเกลือชั้นเยี่ยมได้ ทว่าแล้วอย่างไร? หากเอ่ยถึงอาหารและสุรา ย่อมต้องเป็นหอมรกตของพวกเขา!

ผู้มาเยือนเดินเข้าไปยังห้องรับรองซึ่งหรูหราที่สุดของหอมรกต มิใช่ว่าผู้จัดการจ้าวจะโอ้อวดหรืออย่างไร แต่หอมรกตได้เชิญนายช่างจากเมืองหลวงมาสร้างห้องรับรองแห่งนี้ โต๊ะและเก้าอี้ทำจากไม้หวงหลี มีเครื่องมุกและมรกตจัดเรียงอยู่บนชั้น แม้แต่ตัวอักษรบนผนังก็ล้วนเขียนด้วยลายมือของปรมาจารย์ในยุคนั้น ไม่แน่ว่าองค์ชายมาเห็นก็ต้องมองดูบ้างสักหน่อย

ที่ไหนได้ เขาไม่ได้ชำเลืองมองแม้แต่น้อย และเดินตรงเข้าไปนั่งในห้อง

ผู้จัดการโจวอยากตามไป ทว่าบุรุษวัยกลางคนกลับปล่อยม่านไข่มุกลง ร่างของบุรุษหนุ่มถูกม่านไข่มุกบดบังจนมองเห็นได้ไม่ชัดเจน

ผู้จัดการโจวรู้สึกอับอาย

บุรุษวัยกลางคนกล่าวว่า “พวกเจ้ามีอาหารพิเศษอะไร ก็นำมาให้หมด”

เมื่อได้ยินว่า ‘นำมาให้หมด’ ผู้จัดการจ้าวก็เดินออกไปด้วยความเปรมปรีดิ์

เนื่องจากเป็นลูกค้าผู้ทรงเกียรติ ผู้จัดการจ้าวจึงเชิญพ่อครัวหลิวซึ่งเปรียบประหนึ่งสมบัติล้ำค่าของร้านมาประกอบอาหารให้

พ่อครัวหลิวทำหมูสามชั้นหน่อไม้ดองสูตรลับเฉพาะหนึ่งสำรับ ทั้งผัดไซ่ผางเซี่ย[footnoteRef:1]อีกหนึ่งจาน นอกจากนี้ ก็ยังทำอาหารตำหรับชาววังรสเลิศอีกสองสามอย่าง และยังนึ่งรากบัวใส้ข้าวเหนียวราดน้ำดอกกุ้ยฮวาอีกหนึ่งชุด [1: ไซ่ผางเซี่ย อาหารชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปทำจากปลา และราดด้วยไข่แดงผัดเลียนแบบไข่ปู ]

พ่อครัวหลิวมั่นใจในฝีมือการทำอาหารของตนเองเป็นอย่างมาก อย่างไรเสียก็เป็นอาหารทีฮ่องเต้เสวย สามัญชนทั่วไปมีหรือจะได้ลาภปากเช่นนี้

แต่ไม่คิดว่า หลังจากที่ยกเข้าไปได้ประเดี๋ยวเดียว อาหารก็ถูกบุรุษวัยกลางคนยกออกมา

บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นกล่าวอย่างไม่ยี่หระว่า “นี่คืออาหารพิเศษของพวกเจ้าหรือ?”

ผู้จัดการจ้าวตกตะลึง “นี่ นี่เป็นอาหารที่พ่อครัวใหญ่ของเราทำ เขาเคยเป็นพ่อครัวในวังหลวงขอรับ!”

“เปลี่ยนเป็นพ่อครัวที่ไม่ใช่พ่อครัวหลวง!” บุรุษวัยกลางคนพูดอย่างไม่เกรงใจ

แม้แต่พ่อครัวหลิวยังไม่สนใจเลยหรือ? ผู้จัดการจ้าวไม่เข้าใจ กระนั้นก็ต้องทำตาม ทว่าหลังจากที่เขานำอาหารชุดใหม่จัดขึ้นโต๊ะนั้น ก็ถูกอีกฝ่ายส่งคืนมา

ผู้จัดการจ้าวรู้สึกอึดอัด “พี่ใหญ่ท่านนี้ สรุปแล้วคุณชายบ้านท่านอยากกินอะไรหรือขอรับ สั่งมาจะดีกว่า พวกเราจะได้ทำตาม!”

บุรุษวัยกลางคนมิได้เอ่ยตอบ แต่กลับมองไปยังหอหยกขาวฝั่งตรงข้าม กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เจ้าไปตามพ่อครัวของร้านนั้นมา”

ผู้จัดการ “เอ่อ...”

บุรุษวัยกลางคนมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบ ผู้จัดการจ้าวถึงกับขนหัวลุกซู่

ผู้ที่มาคือพ่อครัวลู่แห่งหอหยกขาว หลังจากที่พ่อครัวลู่เห็นอาหารที่หอมรกตทำ ภายในใจก็รู้สึกสับสน เขากลับไปยังหอหยกขาว มิได้ประกอบอาหารยากอะไร เพียงตุ๋นน้ำแกงหน่อไม้กับปลาจี้อวี๋

หน่อไม้และปลาจี้อวี๋เหล่านี้มิได้หาซื้อจากตลาด ทว่าเป็นของที่เด็กขายเกลือให้มา

วัตถุดิบสดใหม่มาก หน่อไม้นุ่มจนมีหยดน้ำซึมออกมา ปลาจี้อวี๋ก็ตัวอวบอ้วนจนเจียวไขมันออกมาได้ ต้มออกมาได้เป็นน้ำแกงสีน้ำนม ทั้งยังมิต้องปรุงรสมากนัก เพียงใส่เกลือเกล็ดขาวดุจหิมะเพียงเล็กน้อย รสชาติของปลาในน้ำแกงก็กลมกล่อม

น้ำแกงปลาถูกจัดวางไว้เบื้องหน้าของเหล่าบุรุษ

บุรุษหนุ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่เมื่อได้กลิ่นหอมของปลาและหน่อไม้ คิ้วที่ขมวดก็ค่อยๆ คลายลง

บุรุษวัยกลางคนมิได้คาดคิดว่าเขาจะมีปฏิกริยาต่อน้ำแกงปลาหม้อนี้ นัยน์ตาเขาเป็นประกายขึ้นทันที “น้ำแกงนี้กลิ่นหอมนัก ดูสดใหม่ ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็นอย่างไร”

กล่าวจบ ชายวัยกลางคนก็ตักขึ้นมาหนึ่งช้อน และชิมแทนเขา “สด! สดจริงๆ! สดกว่าปลาที่จวนของเราเสียอีก!”

ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงมาก คงรสชาติดั้งเดิมของอาหารเอาไว้ มีรสหวานอ่อนๆ ของหน่อไม้ รวมกับรสเค็มอ่อนๆ ของปลา แต่กลับไม่มีรสขมฝาดเลยแม้แต่น้อย ดูแล้วน่าจะใช้เกลือบรรณาการ

ชายวัยกลางคนมิได้ใส่ใจว่าเพราะเหตุใดภัตตาคารเล็กๆ จึงมีเกลือบรรณาการที่หาไม่ได้ทั่วไปเช่นนี้ เขารออยู่ครู่หนึ่ง เพื่อยืนยันว่าไม่มีพิษในน้ำแกง จึงตักให้บุรุษหนุ่มหนึ่งชาม “นายท่าน ชิมสักหน่อย”

เขาชิมหนึ่งคำ

“เป็นอย่างไร” บุรุษวัยกลางคนมองอย่างคาดหวัง

บุรุษหนุ่มวางช้อนลง “ไร้รสชาติ”

บุรุษวัยกลางคนลอบถอนหายใจ

กล่าวตามตรง น้ำแกงปลานี้รสดียิ่ง แต่ว่าคุณชายก็มิใช่คนเลือกกินเช่นกัน หากเขาบอกว่าไร้รสชาติ นั่นแปลว่าชิมแล้วไม่มีรสชาติจริงๆ คุณชายในวัยเยาว์ร่างกายอ่อนแอ ต้องกินยาเป็นประจำ อาจเป็นเพราะกินยามากเกินไป เมื่อกินอาหารอื่น จึงแทบไม่รู้รสชาติ

สำรับที่ทุกคนต่างลิ้มรสอย่างมีความสุขนั้น สำหรับคุณชายแล้ว กลับเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก

..........................................

Siguiente capítulo