webnovel

020 ช่วยชีวิตจิ้งจอกหิมะ

บทที่ 20 ช่วยชีวิตจิ้งจอกหิมะ

ความร้อนวูบหนึ่งปลุกให้อวี๋หวั่นตื่นขึ้นจากห้วงนิทราในกลางดึก เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าเถี่ยตั้นน้อยปัสสาวะรดที่นอน

พอย่างเข้าสองขวบ เถี่ยตั้นน้อยก็ไม่เคยปัสสาวะรดที่นอนอีกเลย ทว่าเมื่อคืน หลังจากที่เขากินเกี๊ยวหมด ก็กินน้ำไปอีกสามแก้ว ในที่สุดก็ปัสสาวะรดที่นอนได้สำเร็จ

อวี๋หวั่นร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก รีบลุกขึ้นมาเปลี่ยนผ้านวม เธอคิดอยากปลุกนางเจียง แต่ก็พบว่านางเจียงนอนด้วยท่าทางที่องอาจยิ่ง

นางเจียงนอนหงาย ขาซ้ายงอขึ้น ข้อเท้าขวาพาดอยู่บนเข่าซ้ายอย่างเป็นธรรมชาติ

อวี๋หวั่นอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ ท่านแม่ไม่ใช่คุณหนูจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงหรอกหรือ? คุณหนูจากตระกูลที่ดี เหตุใดพอนอนหลับแล้วท่าทางจึงดูประหนึ่งสาวชาวบ้านเล่า

อวี๋หวั่นหลับตาลง “ท่านแม่เป็นคุณหนู ท่านแม่เป็นคุณหนู...”

ท้ายของท้ายที่สุด อวี๋หวั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทั้งหมด และมิได้ปลุกให้คุณหนูอย่างท่านแม่ตื่น

……

ฟ้ายังไม่สว่าง อวี๋หวั่นก็ตื่นแล้ว หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ เธอก็ไปหาบน้ำจากบ่อน้ำส่วนรวมของหมู่บ้าน จากนั้นจึงเดินไปยังแปลงของบ้านลุงใหญ่ เพื่อไปตัดใบมันเทศ ที่บ้านเกิดของเธอก็มีพืชที่เรียกว่า ‘หญ้าหมู’ เมื่อใดที่ไม่มีเศษอาหารเหลือๆ คุณยายก็จะไปตัดพืชชนิดนี้ให้หมูกิน

แต่เดินไปได้ครึ่งทาง เธอถึงจะนึกออกว่าฤดูหนาวไม่มีหญ้าหมู

เธอจึงทำได้แค่ขุดผักกาดขาวและหัวผักกาดจากแปลงของตนเอง

ในตอนที่หมูตัวนั้นอยู่บ้านสกุลจ้าว มันกินดีอยู่ดีนัก ผักกาดขาวกับหัวผักกาดมันก็ยังไม่แยแส น่าจะจับไปขายเสียตอนนี้เลย

อวี๋หวั่นคิดว่าจะนำไปขายเพียงครึ่งเดียว ที่เหลือก็เก็บไว้กินฉลองปีใหม่กับบ้านลุงใหญ่

มะรืนนี้จึงจะมีตลาด เธอสามารถใช้เวลาสองวันนี้ขุดหน่อไม้มากสักหน่อย แล้วก็ไปเรียกพี่ใหญ่กับพี่รองมาช่วยจับปลาจี้อวี๋ ถึงตอนนั้นค่อยนำของไปขายด้วยกัน

หลังจากอวี๋หวั่นอุ่นอาหารเช้าในหม้อเรียบร้อยแล้ว ก็ขนเครื่องมือและอาหารไปยังป่าด้านหลังเขา

กอไผ่ใกล้ๆ นั้นถูกขุดไปหมดแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปลึกกว่าเดิม เพื่อให้ขุดได้หน่อไม้สดที่นุ่มและใหญ่

ต้นไผ่ที่อยู่ตรงกลางมักจะแก่จนไม่มีหน่อไม้ หรือไม่ต้นก็อ่อนเกินไป ไม่สามารถให้หน่อไม้คุณภาพดีได้ อวี๋หวั่นเดินต่อไปอย่างไม่รีบร้อน

ป่าไผ่แห่งนี้ใหญ่นัก อวี๋หวั่นเดินจนขาเจ็บก็ยังออกมาไม่ได้

อย่างไรเสีย ก็ทำให้เธอได้เจอกอไผ่ที่ขุดได้พอดี

อวี๋หวั่นใช้ทิศทางของใบไผ่เพื่อดูตำแหน่งของปล้องไผ่ เธอนั่งยอง หยิบเสียมออกมาจากตะกร้าสะพายหลัง แต่ทันใดนั้นเอง ก็รู้สึกคล้ายกับมีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ไม่ไกลนัก เหมือนกับ...เสียงครูดของกรงเล็บ

ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของอวี๋หวั่นก็คือ ‘มีสัตว์ป่า!’

สัตว์ในป่าลึกบนเขาอาจจะเป็นสัตว์ดุร้าย อวี๋หวั่นกำมีดตัดฟืนไว้แน่น ก้าวเท้าไปทางสิ่งที่เคลื่อนไหวอย่างระแวดระวัง ทว่าเมื่อเธอเดินไปถึง มีสัตว์ดุร้ายที่ไหนเล่า? กลับมีเพียงสุนัขจิ้งจอกหิมะตัวหนึ่งติดอยู่ในกรงดักสัตว์

กรงดักสัตว์นี้เก่ามาก รอบกรงมีแต่สนิมเกาะ ดูเหมือนว่าไม่มีคนใช้แล้ว แน่นอนว่าด้านในก็คงไม่มีเหยื่อล่อเช่นกัน ไม่รู้ว่าทำไมสุนัขจิ้งจอกหิมะตัวนึ้จึงเข้าไปติดข้างในได้

หางของมันบาดเจ็บเล็กน้อย แทบไม่ไม่มีขนเหลืออยู่เลย

อวี๋อวั่นมองมันอย่างสนอกสนใจ ในหัวเริ่มคำนวณ ‘ราคา’ ของสุนัขจิ้งจอกหิมะ หากนำไปขาย ไม่แน่ว่าอาจได้เงินจากเมืองหลวง

สุนัขจิ้งจอกหิมะตัวน้อยเห็นว่ามีคนมา แต่ก็ไม่ได้ตกใจกลัว ดวงตาสีดำสนิทของมัน เผยให้เห็นความรู้สึกผิด

อวี๋หวั่นหลุดขำออกมา เปิดกรงดักสัตว์ออก และจับสุนัขจิ้งจอกหิมะออกมา

ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังหาเชือกเพื่อมัดอยู่นั้น มันก็เตะอย่างแรง สะบัดตัว และหลุดออกไปจากมือของอวี๋หวั่น

มันหนีเข้าไปในส่วนลึกของป่าไผ่อย่างรวดเร็ว!

“หนีรึ? ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก!”

อวี๋หวั่นไม่เชื่อว่าตนจะวิ่งตามลูกสุนัขจิ้งจอกที่บาดเจ็บไม่ทัน

วิ่งไปครู่หนึ่ง อวี๋หวั่นก็ตามมันทัน

“เจ้าตัวเล็ก แกยังจะ...” อวี๋หวั่นเดินไปหยิบตะกร้า เธอหยุดทั้งที่พูดยังไม่ทันจบ ทันใดนั้นเธอก็เห็นลูกสุนัขจิ้งจอกหิมะไม่ขยับ จึงมองตามไปยังทิศที่มันมอง ก็เห็นหญ้าหย่อมกว้างหย่อมหนึ่ง ในนั้น เธอเห็นไก่ป่าเจ็ดแปดตัวกำลังเดินอยู่

ฤดูหนาวยังมีไก่ที่อ้วนท้วนเช่นนี้ หาได้ยากยิ่ง

“เจ้าตัวเล็ก ที่แท้ก็พาฉันมาหาไก่ป่าใช่ไหม” อวี๋หวั่นรู้สึกเหลือเชื่อ

ลูกจิ้งจอกหิมะกระโดดไปจับไก่ป่า ราวกับเป็นการพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของอวี๋หวั่น

“แกตัวเล็กกว่าไก่ซะอีก! จับอะไรนั่น!”

ทั้งยังทำให้ตกใจหนีไปอีกด้วย

อวี๋หวั่นได้แต่รีบตามไปจับไก่เสียเอง

อวี๋หวั่นจับไก่ได้ทั้งหมดห้าตัว ทุกตัวล้วนอ้วนฉุ

จิ้งจอกหิมะตัวน้อยแทะขนไก่ แต่จับไม่ได้เลยสักตัว

หลังจากนั้น มันก็วิ่งไปที่โพรงกระต่าย แน่นอนว่าอวี๋หวั่นก็ตามไปด้วย และจับกระต่ายป่าตัวอ้วนใหญ่มาได้อีกสองตัว

เจ้าลูกจิ้งจอกหิมะยังตัวเล็กมาก คิดไม่ถึงว่าจะคุ้นเคยกับป่าลึกถึงเพียงนี้ ของที่หาได้ในครั้งนี้ นับว่ามีมูลค่ามากกว่าหน่อไม้ร้อยจินเสียอีก

อวี๋หวั่นมองไปที่สุนัขจิ้งจอกหิมะ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ก็พลันรู้สึกไม่อยากจับมันไปขาย มิสู้เลี้ยงเอาไว้ แล้วพาไปล่าสัตว์บนเขาดีกว่าหรือ

เมื่อความคิดนี้แล่นผ่าน อวี๋หวั่นก็หยิบอาหารออกมาจากตะกร้าสะพายหลัง เป็นซาลาเปาไส้หมูที่เธอทำเองสองลูก

ซาลาเปาเย็นเสียแล้ว ทว่าแป้งบางและไส้มาก ส่งกลิ่นหอมอบอวล

ลูกสุนัขจิ้งจอกหิมะเหยียดตัว มันมองห่อผ้าในมือของอวี๋หวั่นอย่างใครรู้

“อยากกินไหม” อวี๋หวั่นถามอย่างมีเลศนัย

ลูกจิ้งจอกขยับเข้ามา

อวี๋หวั่นแกะห่อผ้าออก ทว่าแกะได้เพียงครึ่งเดียว ทันได้นั้นจิ้งจอกหิมะก็หันขวับ หูกระดิกเล็กน้อย ไม่รู้ว่าได้ยินเสียงอะไร มันคาบห่อผ้าของอวี๋หวั่น และวิ่งหายไป!

ในตอนแรก อวี๋หวั่นคิดว่ามันจะพาเธอไปล่าสัตว์ ทว่าครั้งนี้ เมื่อวิ่งตามไป ก็หามันไม่พบเสียแล้ว

…...

ณ อีกด้านหนึ่งของป่าไผ่ มีพลับพลาอันเงียบสงบตั้งอยู่

ในสวนของเรือนอันงดงามหลังหนึ่ง บุรุษวัยกลางคนวางห่อผ้าบนไหล่ลง และเข้าไปดูสุนัขจิ้งจอกหิมะในห้อง

ลูกจิ้งจอกหิมะนอนอยู่บนเบาะนุ่มอย่างว่าง่าย

บุรุษวัยกลางคนส่งเสียง ‘อืม’ ในลำคอด้วยความพึงพอใจ หันไปพูดกับทหารเฝ้ายามว่า “คุณชายใกล้ถึงแล้ว พวกเจ้าไปจุดไฟเสียก่อน แล้วก็เผาไส้เดือน ข้าจะไปดูว่ามีอะไรกิน”

“ขอรับ!” ทหารเฝ้ายามตอบรับอย่างเคารพนบนอบ

บุรุษวัยกลางคนเดินออกไป ไม่นานก็วิ่งกลับมาพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนก “เหตุใดไก่ที่พวกเราเลี้ยงไว้ไม่อยู่แล้ว”

ทหารเฝ้ายามต่างก็งุนงง

เป็นไปได้อย่างไร เมื่อครู่เพิ่งให้อาหาร

สุนัขจิ้งจอกหิมะหันหลังด้วยกลัวว่าจะโดนจับได้ มันซ่อนหางซึ่งขนหลุดไปครึ่งหนึ่ง

“เอาเถอะ พวกเจ้าไปจุดไฟก่อน!” บุรุษวัยกลางคนออกไปอีก สักครู่หนึ่งก็กลับมา เขาหายใจหอบ “เหตุใดกระต่ายก็ไม่อยู่แล้ว?!”

ลูกสุนัขจิ้งจอกยกหางขึ้นมาบังตัวเองเงียบๆ

............................................

Siguiente capítulo