webnovel

รักสำคัญไฉน?

ปัง!

"เข้าเป้า!" หลังเสียงกระสุนปืนแผดไปทั่วพื้นที่และเป้านิ่งหนาทะลุเป็นรูใหญ่ ชายหนุ่มโปรตุเกสก็ตะโกนแจ้งบอกพร้อมยกธงสีแดงขึ้นเหนือศีรษะ หัวหน้าองครักษ์และในฐานะครูผู้สอนฉีกยิ้มกว้างแล้วปรบมือ

"แม่นยำขึ้นมากองค์หญิงน้อย พ่ออยู่หัวบาเยงนองทรงเคยรับสั่งให้เชื้อพระวงศ์และทหารหาญฝึกปรือให้มือชินกับปืนทุกวัน กระหม่อมยังไม่เคยเห็นผู้ใดพัฒนาว่องไวเช่นนี้มาก่อน "

"กล่าวเกินไปแล้วท่านครู เพราะมีครูดีศิษย์จึงได้ดีหรอกหนา" เจ้าหญิงมังอะถ้วยทรงตอบท่านครู รอยแย้มสรวลฉายบนดวงพักตร์

"เมล็ดข้าวหว่านลงดิน ถ้าดินไม่ยินดีรับเมล็ดผลย่อมไม่งอกงาม ต่อให้มีครูเป็นดีร้อยคนแต่ศิษย์ไม่ใฝ่รู้ฝึกฝนก็มิบังเกิดผลสิ่งใด" ดีเอโก้ ซัวเรซ เดอเมลโลเอ่ยด้วยน้ำเสียงชื่นชมยินดี เจ้าชายเมงจีสวากับนาถะยานึกเห็นพ้องว่าคำท่านครูพูดไว้ไม่ผิด "องค์หญิงมีความวิริยะผลลัพธ์จึงงดงาม"

"เช่นนั้นถึงเพลาเก็บเกี่ยวให้เพลิดเพลิน ขออีกสักหน"

'หัวหน้าองครักษ์เป็นชาวต่างชาติแต่พูดเยี่ยงชาวหงสาได้คล่องนัก รู้จักเอ่ยโวหารเปรียบเปรย' นาถะยากระซิบกับเจ้าชายในใจขณะที่เดินมองหัวหน้าองครักษ์หยิบห่อใส่ดินปืน

'หัวหน้าองครักษ์ดีเอโก้ข้ามทะเลรับใช้มาตั้งแต่เสด็จปู่ตะเบ็งชะเวตี้ ถึงท่าทีวาจาหวานหูเช่นนี้แต่ว่าแต่ก่อนก็นิสัยร้าย ระรานก่อเรื่องชาวบ้านจนมีโจทย์อยู่ทั่ว ท้ายที่สุดก็โดนชาวบ้านนั่นแหละเอาคืนจนตาย ...'

'เวรกรรมโดยแท้ ดูไม่ออกเลยว่าเคยก่อเรื่องไปทั่ว คนเรานี่หนอ รู้หน้าไม่รู้ใจ...เจ้าชายจะช่วยครูท่านฝรั่งด้วยฤๅไม่เล่า' นาถะยาหันไปมองเจ้าชาย ทว่าอีกฝ่ายกลับเลิกพระขนงค์

'จักช่วยไปไย หัวหน้าองครักษ์ตายคนใหม่ก็เข้ามา ไม่เห็นเปลี่ยนแปลงอะไรชะตากรรมข้า'

'แต่จักปล่อยให้เขาตายก็น่าสงสารหนา' ร่างเร้นลับไร้ผู้ใดเห็นเดินไปยังฝรั่งร่างยักษ์แล้วแตะไหล่อีกฝ่าย 'ถึงเขาจะมีด้านร้ายแต่ก็ย่อมมีด้านที่ดีบ้างสิ เจ้าชายก็เคยร้ายน่าจะเข้าใจ'

ปัง! เสียงกระสุนดังขึ้นอีกครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ธงสีแดงชูขึ้นจากปลายทางไกลลิบ

'พี่หญิงเจ้าชายเก่งยิ่งนัก'

'พี่ข้าฝึกตามรับสั่งเสด็จปู่ เชื้อพระวงศ์หงสาต้องเรียนวิชาอาวุธที่ดีที่สุด ปืนก็ด้วย'

'...ว่าแต่หากท่านครูฝรั่งตายในแดนที่พระองค์จากมา ครั้นแล้วในกาลก่อนเจ้าชายร่ำเรียนเรื่องปืนกับผู้ใดเล่า'

เจ้าชายได้สดับดังนั้นก็เหลียวซ้ายแลขวาก่อนนึกวจีตอบในพระทัย

'ท่านครูคริสโตโฟ เดอเมลโล น้องชายดีเอโก้...เขาไม่ได้อยู่ที่นี่'

'ไม่ใช่ฝรั่งหนุ่มที่อยู่ดูผลซ้อมปืนฤๅพระองค์' นาถะยาชี้ไปยังผู้ที่อยู่ห่างไกล

'คนนั้นคือซิมาว ลูกชายดีเอโก้ เป็นทหารองครักษ์เหมือนกันแต่ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ตอนดีเอโก้ตายเขาก็หายไป อาจจะโดนลูกหลงพร้อมพ่อไปด้วยคราวนั้น...'

นาถะยาได้ฟังประวัติสองพ่อลูกฝรั่งผู้สอนวิชาก็รู้สึกสลดสังเวช สีหน้าของเขาเจ้าชายไม่ต้องเห็นปากอ้าก็เดาวาจาออกทะลุปรุโปร่งว่านาถะยาอยากพูดว่าอะไร ดวงจิตผู้นี้อยู่กับความตายมาตลอดจึงอยากช่วยผู้คนไปเรื่อยตามประสาผี ฤๅอาจเป็นความดีงามในใจก็เป็นได้ หากแต่เจ้าชายเมงจีสวาก็ได้แต่นึกพระทัย

การช่วยพ่อลูกคู่นี้จะเปลี่ยนแปลงดุจย่าพวาสีหรือไม่

หากเป็นการทดลองอีกประการก็นับว่าน่าทดสอบดี เมื่อทรงตรึกตรองเช่นนั้นจึงคิดเป็นคำสนทนากับนาถะยา สีหน้าดวงจิตก็ดูแช่มชื่นขึ้น

"ต่อไปตาเจ้าชายแล้วพระเจ้าค่ะ" ฝรั่งร่างใหญ่ส่งปืนแก่เจ้าชาย ขนาดนั้นใหญ่เกินเด็กจะรับไหวหากไม่มีไม้ค้ำและแรงผู้ใหญ่ช่วย ทว่าเจ้าชายหันพระเนตรไปก็พบพระพี่นางถือมันได้อย่างคล่องแคล้ว

"น่าเสียดายที่พี่หญิงจี้ไม่มาด้วยกัน อยากฝึกด้วยกันสามคนเหลือเกิน" เจ้าหญิงตรัสระหว่างท่านครูบรรจุดินปืนแก่เจ้าชาย เพื่อรับการฝึกต่อไป

"พลานามัยพี่หญิงใหญ่ไม่สู้ดี อยู่กับดินปืนหรือฟังเสียงดังเช่นนี้คงไม่เหมาะกระมัง"

"เอาล่ะเจ้าชาย กระหม่อมขออนุญาตแจ้งการสอนว่าต้องใจเย็นพระเจ้าค่ะ ปักไม้ง่ามไว้แล้วทาบศีรษะลงไป จับปืนให้มั่นก่อน เราจะใส่ดินปืนและจุดชนวน ระวังไฟ เล็งไปก่อนแล้วเช่นนี้...แล้วเหนี่ยวไก"

เจ้าชายเมงจีสวาแย้มมุมโอษฐ์ นึกขันที่การฝึกเช่นนี้หวนคืนกลับมาหาพระองค์ หากเป็นภพก่อนพระองค์คงถือกระบอกปืนมหึมานี่ได้ด้วยกำลังตามลำพัง ย้อนไปในวัยเยาว์พระองค์ก็เคยฝึกเช่นนี้มาก่อนหลายหน บัดนี้หวนมาฝึกแต่แรกเริ่ม มีฤๅที่จะด้อยสามารถ

ปัง!

"เข้าเป้า!" ซิมาวตะโกนพร้อมชูธง

"น่าประทับมากพระองค์"

"เก่งมากมังสามเกียด เก่งมาก เจ้าทำได้แล้ว"

"ไฉนพี่หญิงกับท่านครูดีใจเสียป่านนั้น" เจ้าชายทรงถามด้วยความฉงน

"คราวก่อนทรงใจร้อนในการบรรจุกระสุน ดินปืนกระจายไปทั่วก็โกรธ ครั้นยิงแล้วก็ยิงไม่โดนก็พิโรธ เจ้าชายก็ทรงโมโหเดินออกจากสนามเลยไม่ได้ฝึกต่อ" ท่านครูเอ่ยตามตรงเสียจนเจ้าชายเมงจีสวาถอนหายใจและนาถะยาเผลอหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยิน

""ตอนแรกเจ้ายังบอกพี่ว่าต่อไปจะไม่เรียนวิชาปืนอีกด้วยซ้ำ " ไม่ทันจะชักสีหน้าหรือเจ้าชายผู้น้องได้ตรัสอะไร เจ้าหญิงน้อยก็รีบแทรกเข้ามาพร้อมดำริ " พี่เห็นแล้วค่อยดีใจที่เจ้าทำได้ มิเสียทีเป็นน้องรัก ต่อไปจักได้ฝึกยิงปืนด้วยกัน"

"บางทีก็มีเจ้าฟ้าเจ้าเมืองอื่นมาฝึกด้วยก็ดีนะพระเจ้าค่ะ หลายคนย่อมดีกว่าฝึกลำพัง จะได้ช่วยพัฒนาฝีมือกันและกัน" ดีเอโก้เสนอ แต่คำของเจ้าตัวก็ถูกตีตกในทันที

"เราไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใครเท่าใดท่านครู เจ้านางน้อยธิดานางใดก็ไม่ใคร่สนใจวิชาปืน เจ้าชายบางพระองค์เล่าก็ชอบคุยโว เก่งแต่ปากไม่มีฝีมือจริง" ราชธิดาเจ้าวังหน้ารับสั่ง "เป็นน้องชายข้ามาฝึกด้วยค่อยสบายใจกว่า ข้าจะฝึกน้องสามให้เก่งเอง แล้วเราสองจะเป็นเลิศนักแม่นปืน เป็นหนึ่งในหงสาวดี"

เจ้าชายส่ายพระพักตร์ "ข้าให้พี่หญิงเป็นหนึ่ง ตัวข้าไม่ได้ต้องการอยากให้ใครมานิยมชมชอบ"

ดีเอโก้สบตาองค์หญิงราวกับไม่เชื่อหูว่าเจ้าชายน้อยผู้ไม่ยอมแพ้หรือคิดยอมน้อยหน้าใครจะตรัสเช่นนี้ สักพักท่านครูก็เสริมขึ้นความว่า "ขออนุญาตเสนอแนะเจ้าชาย ในฐานะครู กระหม่อมว่ามีวิชาดีอย่างปืนไปไหนใครก็นิยมชมชอบ พระองค์จะเป็นเจ้าชายที่ยิ่งใหญ่ หากฝึกให้ช่ำชองทุกคนย่อมสรรเสริญ"

'ท่านตาน้ำขาวพูดมีเหตุผล พระองค์ไม่มีใครที่รักที่ถูกใจอยากให้มานิยมชมชอบปราบปลื้มบ้างเลยฤๅพระเจ้าค่ะ ? ' นาถะยาพูดพลางกอดอก เจ้าชายเม้มพระโอษฐ์ เติมดินปืนด้วยตนเอง ก่อนจะเล็ง

'...รัก...นิยมชมชอบผู้ใด ฮึ! ลองได้ตายหลายรอบซินาถะยา มันหาสำคัญกับข้าไม่ สำคัญคืออยู่รอดไปจนแก่เฒ่าต่างหาก'

เมื่อเจ้าชายเหนี่ยวไกอีกครั้ง สิ้นเสียงสีหนาท คราวนี้ซิมาวไม่ตะโกนหรือชูธงสีแดงขึ้นแต่อย่างใด ท่านครูและองค์หญิงต่างนิ่งชั่วครู่ก่อนพูดปลอบโยน เจ้าชายนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด ...เห็นจะมีแค่นาถะยาเท่านั้นที่รับรู้ได้ถึงบางสิ่ง บางอย่างที่ก่อกวนในหฤทัยเจ้าชายลึกล้ำเกินเขาเข้าใจ

'มีอะไรอยากระบายกับนาถะยาได้นะพระองค์ นาถะยาสัมผัสได้ถึงความหมองเศร้า ห้วงความรู้สึกที่นาถะยาไม่เข้าใจ'

เมงจีสวาถอนปัสสาสะ ไม่มีรับสั่งใดจากเจ้าชายอีกเลย ไม่ว่าจะทางห้วงวาจาหรือห้วงคำนึง

ฝ่ายนาถะยาจึงได้สันนิษฐานด้วยตนเอง

บางที...

บางทีมันคงเป็นเรื่องของความรัก...