บทที่ 57 คงไม่ทำตัวเป็นเด็กขนาดนี้หรอกมั้ง?
คุณย่าดึงเธอไว้พูดคุยเรื่องของซือเยี่นหานไม่น้อย บรรยากาศการรับประทานอาหารสามัคคีกันโดยตลอด
ถูกคุณย่าของตัวเองขายเช่นนี้ ซือเยี่ยหานกลับดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
เขาเป็นคนพูดน้อย แต่มองออกว่าเวลาที่เขาอยู่ต่อหน้า คุณย่าน่าเข้าใกล้และอบอุ่นมากกว่าเดิมหลายส่วนอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับความเย็นชาห่างเหินในเวลาปกติ
คุณย่าให้คนเตรียมข้าวปลาอาหารไว้เต็มโต๊ะ ทุกจานล้วนอร่อยเลิศรส เดิมทีเยี่ยหวันหวั่นคิดว่าเข้าบ้านครั้งแรก อย่างไรเสียก็ต้องยั้งตัวเองเสียหน่อย แต่แม้ว่าซือเยี่ยหานจะพูดน้อย ทว่ามือกลับไม่เคยหยุด ตักอาหารให้เธออย่างต่อเนื่อง รอจนรู้สึกตัวอีกที เธอก็กินข้าวไปแล้วสามถ้วยอย่างไม่ทันระวัง
“โอ่ย ไม่ต้องตักอาหารให้ฉันอีกแล้ว ฉันกินไม่ไหวแล้ว!” เยี่ยหวันหวั่นมองถ้วยที่กองสูงราวกับภูเขาน้อยๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจ
เธอไม่ได้อยากให้คุณย่าคิดว่าเธอเป็นถังข้าว ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกหรอกนะ
ซือเยี่ยหานมองดูความลำบากใจบนใบหน้าเล็กทีหนึ่ง แล้วยื่นมือออกไปยกถ้วยของเธอมาไว้หน้าตัวเอง แล้วช่วยเธอกินอย่างไม่ใส่ใจ
ตานี่...เกลียดความสกปรกมากไม่ใช่เหรอ...
เยี่ยหวันหวั่นประหลาดใจ แต่เห็นเขาช่วยตัวเธอแบ่งเบาความรับผิดชอบ ก็เป็นการโล่งใจจริงๆ
คุณย่ามองดูการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของทั้งสองอยู่ข้างๆ ในใจเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม
อีกทั้งเด็กคนนี้ยังเป็นเหมือนที่หลายชายพูดจริงๆ ไม่เลือกกินเลยแม้แต่น้อย เจริญอาหารดีอีกด้วย มองดูสบายตา กว่าพวกคุณหนูสูงศักดิ์ที่กินข้าวแค่ไม่กี่คำพวกนั้นอีก
หลังอาหารเย็น คุณย่ากลัวว่าหวันหวั่นอยู่เป็นเพื่อนเธอจนเบื่อแย่แล้ว จึงเอ่ยปากด้วยความใส่ใจ “เสี่ยวจิ่ว หวันหวั่นมาที่บ้านครั้งแรก หลานพาเธอไปเดินดูรอบๆ สักหน่อยสิ”
“ครับ” ซือเยี่ยหานพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น คุณย่าคะ พวกเราไปก่อนนะคะ” เยี่ยหวันหวั่นบอกลาคุณย่าเล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าไปในบ้านกับซือเยี่ยหานอย่างว่าง่าย
ราตรีกระจ่างราวสายธาร ดวงดาราพร่างพราวเต็มผืนฟ้า อากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของต้นไม้ใบหญ้า
แม้ว่าจะไม่เหมือนสวนจิ่นหยวนที่ประณีตเหนือธรรมชาติราวกับสวนของพระบรมวงศานุวงศ์ แต่ความโบราณและโอ่อ่าของบ้านใหญ่ก็มีสไตล์ไปอีกแบบ การเดินเล่นย่อยอาหารหลังทานข้าวก็เป็นเรื่องที่ดี
ตอนนี้เองเยี่ยหวันหวั่นถึงได้พบว่า ความไม่วิตกกังวลในตอนที่เพิ่งมาถึงบ้านใหญ่ได้มลายหายไปหมดสิ้นอย่างไม่รู้ตัว
ขณะที่กำลังชื่นชมทิวทัศน์ยามราตรีอย่างเพลิดเพลิน ซือเยี่ยหานที่อยู่ข้างกายไม่รู้ว่ามีปัญหาตรงไหนอีก
เมื่อกี้ตอนทานข้าวยังดีดีอยู่แท้ๆ ตอนนี้กลับเหมือนจะมีอะไรผิดปกติ
เธอแหงนขึ้นมองหน้าของเขา กลับพบว่าหว่างคิ้วของชายหนุ่มเหมือนจะมีสิ่งใดไม่พอใจอยู่จริงอย่างที่คิด แม้แต่การก้าวเท้ายังเร็วขึ้นแล้ว
ขาสั้นของเยี่ยหวันหวั่นไหนเลยจะตามทัน ไม่นานก็ถูกสลัดทิ้งไว้ข้างหลัง
เธอไปยั่วโมโหให้หมอนี่อารมณ์เสียตอนไหนกัน? หรือว่าตอนที่เธอคุยกับคุณย่าเมื่อครู่ เธอจะพูดอะไรผิดไป? เหมือนว่าไม่มีนี่นา...
เยี่ยหวันหวั่นค่อนข้างกลัวความมืด ตอนมีคนอยู่ข้างๆ ก็ยังโอเค แต่เมื่อไม่มีคนอยู่ข้างกายก็เกิดกลัวขึ้นมา
เห็นว่าคนข้างหน้ากลืนหายไปกลับความมืดในยามราตรีแล้ว เยี่ยหวันหวั่นไม่ทันได้คิดอะไรมาก รีบวิ่งสั้นๆ ตามไป จากนั้นใช้มือดึงมือข้างหนึ่งของซือเยี่ยหานเอาไว้
แทบจะในพริบตาที่เธอดึงมือของซือเยี่ยหานเอาไว้ เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นชาที่เหมือนจะมีแต่ไม่มีบนตัวซือเยี่ยหานสลายหายไปในชั่วพริบตา
หลังจากเกิดใหม่ เธอจับอารมณ์ของซือเยี่ยหานได้อย่างแม่นยำมาก ดังนั้นความรู้สึกของเธอไม่มีทางผิด
เยี่ยหวันหวั่นกระพริบตาอย่างงงงวย
หรือว่าตานี่ที่โกรธไม่พูดอะไร ก็เป็นเพราะว่าเมื่อกี้ตอนที่เดินเล่น ตัวเธอไม่ได้จับมือเขาอย่างนั้นเหรอ?
ซือเยี่ยหาน...คงจะไม่ทำตัวเป็นเด็กขนาดนี้หรอกมั้ง?
...............................................................