webnovel

ตอนที่ 9

รูปถ่ายสีซีดจางของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งถ่ายอยู่ในป่าที่รอบข้างเป็นไม้ใหญ่ค่อนข้างโปร่ง

25:11:1990

ตัวเลขสีแดงด้านล่างบ่งบอกวันที่ถ่ายภาพ ซึ่งเป็นฟังค์ชันพิเศษในกล้องถ่ายรูปสมัยก่อน วสวัตมองรูปที่ระบุว่าถ่ายในปี พ.ศ. 2533 แม้จะมีการสลับตำแหน่งของคนในกลุ่มหลายครั้ง แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันของทุกรูปคือ โกมลกับอธิพัฒน์ยืนอยู่คนละด้านของภาพ ไม่มีรูปใดเลยที่ทั้งคู่จะอยู่ใกล้กัน

วสวัตถอนลมหายใจยาว ระยะห่างที่แยกคนสองคนในรูปราวกับเป็นลางถึงปลายทางของความสัมพันธ์ เขาแตะที่คนตัวหนาในรูปเบามือ เรื่องราวต่าง ๆ คงชัดเจนราวพึ่งเกิดขึ้นไม่นาน

"พัฒน์ ปิดเทอมไปเที่ยวบ้านโก้กัน"

วีระชวน คนถูกชวนมองเจ้าของบ้านที่เล่นบอลอยู่กลางสนาม รู้อยู่แล้วว่า ช่วงปิดเทอมหนึ่งปลายเดือนตุลาคม อากาศหนาวกำลังดี โก้ชวนเพื่อนในกลุ่มให้ไปเที่ยวเขาใหญ่ แล้วจะเลยไปบ้านเขาที่โคราชต่อ แม้จะชวนกันในกลุ่มมาหลายวันแล้ว แต่เจ้าตัวยังไม่เคยมาชวนเองเลยสักครั้ง

"น่าจะไม่ได้นะ ปิดเทอมเราต้องไปค่ายคณะ วันน่าจะตรงกัน อีกอย่าง ไม่เห็นโก้มาบอกเราเลย เขาอาจไม่อยากให้เราไปด้วยก็ได้"

คนตอบมองคนตัวสูงที่อยู่กลางสนาม ท้ายประโยคเสียงเบามีรอยเครือ แม้จะเข้าใจว่าเพราะอะไรหากก็อดน้อยใจไม่ได้ ตั้งแต่ขึ้นปีสาม ความสัมพันธ์ของเขากับโก้ก็เปลี่ยนไป หลายครั้งโก้ก็ยังคงสนิทสนมเหมือนเดิม หากหลายครั้งโก้จะทำตัวเหินห่าง แม้จะรู้ว่า เพราะความสนิทสนมกันมาตลอดสองปี ทำให้เพื่อนในกลุ่มเริ่มล้อว่า ทั้งคู่เป็นแฟนกัน ยิ่งตอนอยู่ด้วยกันยิ่งมีคนคอยล้อเลียน ตัวเขาเองไม่ตอบรับคำล้อโดยทำเป็นไม่สนใจ หากโก้กลับดูลำบากใจวางตัวไม่ถูก ยิ่งตอนเล่นบอลยิ่งเป็นเป้าสายตา

"เฮ้ย โก้ วันนี้มีคนมาส่งน้ำอีกแล้ว"

เป็นประโยคที่ได้ยินแทบทุกครั้งที่เขาไปดูโก้เล่นบอล แม้ระยะหลังเขาจะเตรียมน้ำใส่กระติกแล้วมีแก้วให้หลายใบ แต่ก็ยังโดนล้อเลียนอยู่ดี โก้มองพัฒน์ที่นั่งอยู่ข้างสนาม

"ก็ได้กินกันทุกคน ของเราคนเดียวที่ไหน"

"แต่วันไหนนายไม่มา ไม่เห็นมีน้ำเย็น ๆ แบบนี้ให้เลย"

"ไปทำอะไรให้พัฒน์ติดใจ เขาถึงได้มาคอยเสริฟ์น้ำแบบนี้ เสื้อก็ซักให้อีก"

เมื่อหลายคนล้อเลียน โก้ก็หน้าตึง เขาเดินมาหาคนที่นั่งรอ พัฒน์ยิ้มส่งแก้วน้ำให้คนเดินมา

"เหนื่อยไหม อ่ะ น้ำ"

"วันหลังไม่ต้องเอาน้ำมาหรอก"

เสียงค่อนข้างห้วนทำให้รอยยิ้มคนที่นั่งรถเจื่อนลง พอหันมองสนามที่กลุ่มนักบอลมองมาอย่างไม่ปิดบังก็พอเข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงหงุดหงิด หากอย่างไรก็อดน้อยใจไม่ได้

"ไม่เป็นไร งั้นเราวางไว้นี่นะ นายจะกินเมื่อไหร่ก็ได้"

พัฒน์เดินออกไปจากสนาม โก้มองตามเงาหลังที่ดูไม่สดใสเหมือนเคย สีหน้าเขาสับสนอย่างตอบตัวเองไม่ได้ชัดว่า กำลังรู้สึกอย่างไรกันแน่ จากวันนั้น พัฒน์ก็ไม่ได้มาที่สนามบอลอีกเลย

ปี 2533 แม้สังคมจะเปิดกว้างขึ้นบ้าง แต่ความรักของคนเพศเดียวกันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับกันได้ ยิ่งผู้ชายยิ่งเป็นที่จับตา แค่สนิทกันมากไปก็มีคนจับผิดแล้ว และไม่มีผู้ชายคนไหนยอมรับด้วยว่า ตัวเองชอบผู้ชายด้วยกัน เมื่อโดนล้อบ่อยเข้า โก้จึงไม่กล้าเข้ามาพูดคุยสนิทสนมเหมือนเดิม จนบางครั้งที่เข้ามาในกลุ่ม

"มองหาใคร โก้เหรอ"

วีระถามเมื่อเห็นอธิพัฒน์ที่นั่งตรงข้ามเขามองไปมา เงาหลังคนตัวสูงที่พึ่งเดินออกไป ทำให้คนพึ่งมาถึงรู้สึกเลยว่า พอเห็นเขาเดินเข้ามาอีกฝ่ายก็ลุกเดินออกไป

"เห็นว่าจะไปซื้อน้ำนะ เดี๋ยวคงมา เห็นว่าเฮียมาชวนให้เป็นเลขากรรมการนักศึกษาเหรอ"

"อืม ปีนี้เขาไม่มีคนช่วยพวกเรื่องเอกสาร เฮียมาชวน เราว่าจะไปช่วย"

เพราะเคยเรียนวิชาที่ต้องทำรายงานด้วยกัน ทำให้ประธานคณะกรรมการนักศึกษาปีนี้มาชวนให้พัฒน์ไปเป็นเลขาคณะกรรมการช่วยเรื่องงานเอกสาร ซึ่งเขารู้ดีว่าที่ตอบรับ เพื่อจะได้มีกิจกรรมทำ แล้วเป็นข้ออ้างในการเข้ากลุ่มน้อยลงเพราะไม่อยากโดนหมางเมินอีก

แต่ไม่ว่าจะใช้เวลาในการทำงานกรรมการคณะมากแค่ไหน เจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่า เขายังคอยติดตามเรื่องราวของโก้อยู่เสมอ แม้พัฒน์นั่งคุยกับวีระจนแทบเลยเวลาเข้าเรียน โก้ก็ไม่ได้กลับมาที่กลุ่มเลย แม้จะเข้าใจถึงเหตุผล แต่ทุกครั้งที่ถูกหมางเมิน เขาก็คงเจ็บแปลบร้าวลึกอยู่ดี

"ไปเขาใหญ่กัน นอกจากไปรับน้อง พวกเรายังไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันเลยนะ"

"ถึงเราไม่ไป นายก็ไปได้"

"ไม่เอาน่า อย่าคิดมากสิ นี่โก้บอกเราให้มาชวนนายนะ"

พัฒน์มองหน้าญาติตัวเอง วีระพยักหน้าหนักแน่น

"จริง โก้บอกให้เรามาชวนนาย"

"ไม่เห็นรู้เลย เอาเถอะ เดี๋ยวดูก่อนนะ วันตรงกันหรือเปล่า"

"ถึงตรงก็หลบสิ นายไม่ไปคนเดียว เขาก็ทำงานได้น่า โก้ก็อยากให้นายไปด้วย แต่เขาอาจจะรอจนได้คนไปแน่ ๆ แล้วค่อยมาชวนก็ได้ ตอนนี้ยังรอคอนเฟิร์มแน่ ๆ อยู่เลย"

วันที่คุยกันเรื่องไปเที่ยว เขาก็อยู่ในกลุ่มด้วย โก้จึงถามลอย ๆ ทั้งกลุ่มว่า มีใครจะไปด้วยบ้าง ถ้าใครจะไปให้มาบอก จะได้รู้จำนวนคน แล้วจะได้จองบ้านพักถูก หากโก้ไม่เคยมาถามเขาเลยสักครั้งว่า จะไปด้วยไหม พัฒน์จึงไม่เคยบอกใครว่า จะไปด้วยหรือไม่ วันนี้วีระจึงเป็นคนถาม

"เราขอดูวันไปค่ายคณะก่อนนะ คงสรุปเย็นนี้แหละ"

"ไปเหอะ พัฒน์ โก้ก็อยากให้นายไปนะ"

"ถ้าเขาอยากให้เราไป คงมาบอกเองแล้วล่ะ"

แรงน้อยใจทำให้พัฒน์เสียงห้วนแล้วเดินออกไปจากกลุ่ม วีระส่ายหน้า เมื่อคนตัวเล็กเดินขึ้นไปบนตึกเรียน โก้เดินเข้ามาหาวีระ เขามองไปรอบ ๆ เหมือนหาใครสักคน

"ไม่ต้องหา พัฒน์พึ่งขึ้นไปเรียน"

"ไม่ได้หา เออ...แล้วนายได้ชวนพัฒน์ยังว่า ปิดเทอมจะไปเที่ยวเขาใหญ่"

วีระมองโก้ที่มองมาอย่างต้องการรู้คำตอบ ดวงตามีแววครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถามกลับ

"แล้วทำไมนายไม่ชวนเอง"

"ก็ชวนในกลุ่ม แล้วบอกให้นายมาชวนนี่ไง ใครชวนก็เหมือนกัน"

"ไม่เหมือนหรอก อีกอย่าง นายชวนคนอื่นไม่ชวนเขา เขาก็น้อยใจสิ"

"จะน้อยใจอะไร วันนั้นเขาอยู่กลุ่ม เราก็ชวนไง"

ท่าทางไม่ยอมรับทำให้วีระส่ายหน้า

"พูดเหมือนไม่รู้จักเพื่อนนาย เอาเหอะ เราชวนแล้ว"

"แล้วเขาว่าไง"

"พัฒน์บอก เขาต้องไปค่ายคณะ คงไปไม่ได้"

สีหน้าคนฟังผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด วีระเห็นสีหน้าแล้วนึกถึงเรื่องที่ได้รับมอบหมายจนต้องพยายามสอบเข้ามาเรียนคณะเดียวกันกับพัฒน์ เขาอดเพิ่มแรงกระตุ้นไม่ได้

"เรามั่นใจนะว่า ที่ไม่ไปนี่เขาน้อยใจนาย นายชวนคนอื่นแต่ไม่ชวนเขาเลย เรารู้จักเขามาตั้งแต่เด็กนะ บทแม่คุณเธอใจน้อยขึ้นมานี่ เป็นดื้อแบบใครบอกอะไรก็ไม่ฟัง ใครจะบอกยังไงก็ไม่ทำ เชื่อเหอะ ถ้านายไม่ชวนเองเขาไม่ไปแหง ๆ"

"เขาคงไม่งี่เง่าขนาดนั้นน่า"

"เหรอ ไม่เชื่อก็แล้วแต่นาย อ้อ...อีกอย่างเห็นว่าเสร็จจากงานค่าย เฮียจะชวนไปเที่ยวต่อก่อนกลับ"

วีระใส่ไฟเพิ่ม คำเรียกนั้นทำให้สีหน้าโก้ตึงขึ้นทันที "เฮีย" ที่พูดถึงคือประธานคณะกรรมการนักศึกษาปีนี้ เพราะบุคลิกที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าคนอื่นเพราะเป็นนักศึกษาที่ซิ่วมาสอบใหม่ ทำให้เพื่อนในคณะเรียกแบบนี้จนกลายเป็นชื่อเล่นไปแล้ว เมื่อพัฒน์เป็นเลขากรรมการคณะจึงต้องทำงานคู่กับเฮียตลอด ตั้งแต่ต้นเทอม โก้จึงเห็นทั้งสองคนอยู่กันบ่อย ๆ

"เฮีย วันรับน้องที่ศูนย์รังสิต ให้มีดนตรีเล่นด้วยไหม"

"พัฒน์ว่าไงล่ะ"

"มีก็ดีนะ เฮีย น้อง ๆ จะได้สนุกกัน ยิ่งตอนดึกยิ่งให้เล่นเพลงมันส์ ๆ เต้นกระจายล่ะดี"

"ก็ดีนะ บายศรีเสร็จ จะได้ไม่น่าเบื่อ"

"แต่จะมีเงินเหลือพอจ้างวงดนตรีหรือเปล่าก็ไม่รู้ น่าจะแพงอยู่"

"ถ้าอยากให้มี พัฒน์ไปถามราคามาล่ะกัน เดี๋ยวเฮียไปคุยกับอาจารย์เอง งบรับน้องพอน่า ถ้าไม่พอเดี๋ยวเฮียจะหาสปอนเซอร์ให้"

ก็เพราะทุกครั้งที่ประชุมเป็นแบบนี้ กรรมการคนอื่นจึงเอามาเล่าจนที่เป็นรู้กันทั่วคณะว่า เฮียเอ็นดูพัฒน์นักตามใจแทบทุกเรื่อง จะทำอะไรเสนออะไรก็ไม่ค่อยขัด จนบางคนพูดลับหลังเลยว่า เฮียน่าจะชอบพัฒน์ถึงตามใจขนาดนี้ แต่เพราะบุคลิกของเฮีย ทำให้ไม่มีใครกล้าล้อเลียนต่อหน้า พัฒน์เองก็ไม่อึดอัดใจเวลาอยู่กับเฮีย ยิ่งหลายครั้งที่เขารู้สึกแย่ เพราะโก้ทำตัวเหินห่างไม่สนใจ ถ้าเจอเฮียเขามักจะสบายใจขึ้น

"เป็นอะไร พัฒน์ หน้ามุ่ยเชียว"

เฮียเห็นพัฒน์นั่งอยู่คนเดียวในห้องกรรมการ เขาเดินมาลูบหัวคนที่หน้าตาไม่สดใส

"เปล่าหรอก เฮีย หนูแค่เบื่อ ๆ น่ะ"

เพราะอายุที่ต่างกัน ทำให้อธิพัฒน์ชินที่จะแทนตัวเองว่า "หนู" เวลาอยู่กับเฮีย

"แล้วเตรียมเรื่องที่จะประชุมเย็นนี้หรือยัง"

"เรียบร้อยแล้วค่ะ หัวข้อประชุมหนูวางให้เฮียบนโต๊ะแล้ว"

"ถ้าเสร็จแล้ว ไป..ออกไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีกว่า กลับมาจะได้มีแรงทะเลาะตอนประชุม แล้วจะได้หายเซ็งด้วย"

เหตุผลนั้นทำให้คนถูกชวนค้อนตาคว่ำ เฮียมองอย่างเอ็นดู

"เฮียเห็นหนูเป็นคนตะกละแหงเลย เอะอะก็เอาของกินมาล่อ"

"จะกินไหมล่ะ ของอร่อยเยียวยาทุกอย่างนะ"

แม้จะค้อนแต่การมีคนใส่ใจดูแลก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น เพราะแบบนี้ หลัง ๆ เขาจึงมักมาอยู่กับเฮีย แม้ใครจะคิดว่า เฮียชอบเขา แต่พัฒน์รู้ดีว่า เฮียเห็นเขาเป็นแค่น้องน้อยที่น่าเอ็นดู ไม่ใช่แบบชู้สาว เขาก็รู้สึกดีที่มีพี่ชายอีกคน และเฮียยังไม่สนใจว่าคนอื่นจะล้อเลียนยังไงด้วย ทำให้เขาอาศัยชื่อเฮียเป็นเกราะกันไม่ให้เพื่อนเพื่อนในกลุ่มล้อเลียนเรื่องเขากับโก้ โก้จะได้ไม่ต้องลำบากใจอีก

หากสำหรับโกมล แม้เพื่อนจะเลิกล้อเลียน แต่เขากลับไม่สบายใจอย่างที่คิด ยิ่งได้ยินเรื่องความสนิทสนมระหว่างพัฒน์กับเฮีย เขายิ่งหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก ยิ่งครั้งแรกที่เขาได้ยินอีกฝ่ายแทนตัวเองว่า "หนู" ตอนพูดกับเฮีย เขาถึงกับพูดกับวีระว่า

"ทำไมพัฒน์แทนตัวน่าเกลียดแบบนั้น ฟังแล้วใครก็คิดว่า เป็นอีหนูของเสี่ยทั้งนั้น"

หากอธิพัฒน์ก็คงแทนตัวด้วยคำที่เขาขัดหูตลอด หลายครั้งที่เจอพัฒน์ เขายิ่งทำเป็นไม่สนใจอีกฝ่าย แม้จะไม่ต้องทนการล้อเลียนอีก หากเขากลับรู้สึกใจหายเมื่อคนที่คุ้นเคยมาตลอดสองปีหายหน้าไป

โก้ถึงตั้งใจชวนเพื่อนไปกลุ่มไปเที่ยวเขาใหญ่ คิดว่าถ้าเพื่อนกลุ่มไปหลายคนพัฒน์น่าจะไปด้วย แต่ก็ไม่เอ่ยชวนเจ้าตัว ยิ่งใกล้วันต้องบอกจำนวนคนพัก เมื่อคนที่อยากให้ไปจริง ๆ ไม่ตอบรับ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะบอกอ้อม ๆ ให้วีระถามดู แต่คำตอบกลับพาดพิงถึงคนที่เขารู้สึกไม่ชอบหน้านัก

วีระเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของโก้ เหมือนดังที่คิด พอบอกว่า พัฒน์อาจไปเที่ยวกับเฮียต่อหลังกลับจากค่าย โก้กลับไปซ้อมเตะบอลเข้าประตู เสียงเตะที่ดังทำให้รู้อารมณ์คนเตะเลยว่าหงุดหงิดมากแค่ไหน

"แบบนี้ แหง ๆ ถ้าเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ล่ะก้อ พัฒน์น่าจะยอมก็ได้"

วีระเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาหยอดเหรียญไปค่อนข้างมาก เมื่อปลายสายรับเขารีบบอก

"คุณปู่ครับ ผมว่า สองคนนี้เขาชอบกันแน่ ๆ แล้วครับ ได้ครับ ผมจะตามต่อ คืนนี้คุณปู่โทรมาหน่อยนะครับ เหรียญผมหมดแล้ว"

สัญญาณเตือนดังแล้วสายก็ขาด วีระเดินออกมาแล้วนึกทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ อย่างไม่ให้มีเรื่องไหนหลุดลอดสายตาไปได้เลย

"วี พรุ่งนี้แข่งบอลกลุ่ม ชวนคนมาเชียร์กันหน่อย"

โก้บอกวีระ เพราะสัปดาห์นี้เขาไม่เห็นพัฒน์มาที่กลุ่มเลย และก็ยังไม่ยืนยันที่จะไปเขาใหญ่ด้วย แต่ตอนจองที่พักเขาเพิ่มจำนวนคนเผื่อไว้แล้ว แม้อีกฝ่ายไม่ไปจริง ๆ เขาก็จะออกค่าจองส่วนนี้เองไม่ให้เพื่อนคนอื่นรู้ แม้จะอยากรู้ว่าอธิพัฒน์ทำอะไรอยู่จะไปเที่ยวด้วยไหม แต่ก็ไม่กล้าถามตรง ๆ จึงใช้โอกาสที่มีการแข่งบอลระหว่างกลุ่มพรุ่งนี้บอกวีระให้ชวนอธิพัฒน์มาด้วย หากวีระทำเหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่นักบอลต้องการจะสื่อ

"ไม่ต้องชวนก็ไปทั้งกลุ่มอยู่แล้ว น้อง ๆ ก็บอกจะไปเชียร์กันทุกคน"

สีหน้าไม่ได้ดั่งใจที่เห็นทำให้วีระมั่นใจในความคิดตัวเองมากขึ้น เขาทำหน้าไม่เข้าใจ ถึงจะรู้ว่าเพื่อนแกล้งโง่ แต่ก็เพราะอยากรู้โก้จึงยอมออกปาก

"แล้วญาตินายล่ะ จะมาด้วยไหม"

"ใคร พัฒน์เหรอ เดินมาโน่นแล้ว นายก็ถามเองสิ"

โก้มองไปทางที่วีระบอก พัฒน์เดินถือดอกกุหลาบหอบใหญ่มา สีหน้าสดใส

"หนูเคยได้ยินว่า เอายาพาราใส่น้ำแช่ไว้ ดอกไม้จะสดนาน เดี๋ยวลองทำดูนะเฮีย"

"อืม ลองดูก็ได้ มียาในห้องไหมล่ะ"

"หนูว่ามีอยู่นะ ถ้ามันสดถึงเย็นได้จะดีเลย"

คำแทนตัวแสนขัดหู เสียงพูดแง้ว ๆ แบบอ้อน ๆ ที่คุยอย่างใกล้ชิดกับคนที่เดินมาด้วย ทำให้สายตาเขามีแววขึ้งโกรธขึ้นมาทันที ยิ่งเห็นคนที่เดินมาด้วยมองคนถือดอกไม้อย่างเอ็นดู เขายิ่งหงุดหงิด วีระที่แอบมองอยู่จงใจถามเสียงดัง

"โห พัฒน์ ดอกกุหลาบสวยเชียว เฮียซื้อให้เหรอ"