webnovel

ตอนที่ 5 สาวน้อย

ทั่วทุกอณูในห้วงบรรพกาลเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านที่สุกสกาวตัดกับพื้นหลังสีดำคราม พื้นที่แห่งนี้กว้างใหญ่เป็นอนันต์ มองไปทิศใดล้วนไร้ที่สิ้นสุด

เซนิตเดินเนิบนาบไปตามทาง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนจับจ้องดวงดาวที่ประดับอยู่ทั่วทิศ ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่นางยืน…. คราแรกนางนึกว่าตัวเองตายไปแล้วเสียอีก ทว่าไม่นานสาวน้อยก็ตระหนักได้ถึงสิ่งที่สำคัญกว่า จะมามัวยืนชมความสวยงามอยู่เช่นนี้ไม่ได้ เพนนีอยู่ที่ใดกัน!

"เพนนี! เพนนี! เจ้าได้ยินเราไหม ส่งเสียงให้เราได้ยินหน่อย" เซนิตตะโกนเสียงดัง นางหมายจะกางปีกบินตามหาบ่าวผู้ซื่อสัตย์ แต่แล้วเมื่อสูดหายใจแอ่นอกพร้อมสยาย ปีกของนางกลับไม่งอกออกจากกาย

"อะไรกัน เกิดอะไรขึ้น" สาวน้อยตกอกตกใจ ตั้งแต่เกิดมามิเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน นางพยายามลองกางปีกอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง...แต่ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดิม

.....

"ฝ่าบาท ประสงค์ให้นำกำลังมาเสริมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" เทพผู้พิทักษ์กล่าวอย่างหวั่นใจเล็กน้อย เมื่อห้วงบรรพกาลถูกเปิดเช่นนี้ พวกซาตานต้องวนเวียนอยู่แถวนี้แน่

"อืม นำกำลังเฝ้าระวังที่ด้านหน้า แต่ไม่ต้องให้เข้ามาในนี้ เดี๋ยวจะเป็นการแวกหญ้าให้งูตื่น" คลีโอสั่งการห้าวหาญฉับไว

"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมพบสาวน้อยนางหนึ่งนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ ไม่ทราบว่าเป็นเผ่าพันธุ์ใดพ่ะย่ะค่ะ" ขุนพลสวรรค์นายหนึ่งเดินเร็วรี่เข้ามารายงานคลีโอ

"พาเราไปดู" ริมฝีปากบางหยักเอ่ยบอก

เมื่อขบวนทัพเทพมาถึง ก็เห็นสาวน้อยแรกรุ่นอาภรณ์เปียกปอนนางหนึ่งนั่งก้มหน้ากอดเข่าร้องไห้อยู่ คลีโอเดินเข้าไปหานางช้าๆ ร่างสูงใหญ่ย่อกายลงตรงหน้านาง ตาเฉี่ยวคมพินิจมองสักพัก เห็นว่าไม่น่ามีพิษภัยอันใดจึงเอ่ยว่า

"เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงมานั่งร้องไห้อยู่ในนี้" เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างใจเย็น เพราะเห็นสาวน้อยตรงหน้าดูท่าทางกำลังเสียขวัญอยู่

"ฮึกฮือๆๆ เราอยากกลับบ้านหาท่านแม่ พาเรากลับบ้านได้หรือไม่" เซนิตเงยใบหน้าที่มีน้ำตาไหลอาบแก้มขึ้นมองชายหนุ่มตรงหน้า นางร้องไห้อยู่นานจนตาบวมเป่ง

ยามคลีโอเห็นใบหน้าพริ้มเพรางามหมดจดที่ร้องไห้ตาบวมจนน่าสงสาร หัวใจก็พลันสั่นไหวอย่างควบคุมไม่อยู่ แต่เมื่อสังเกตเห็นตรามารรูปเปลวเพลิงสีแดงทองบนหน้าผากของนาง ก็รู้ทันทีว่าเป็นเผ่าพันธุ์ซาตาน เขาชะงักเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็เป็นเด็กสาวตัวคนเดียว เพียงเขาจับข้อมือนางแรงหน่อย กระดูกคงแหลกเป็นผง

ฝ่ายกองกำลังเทพเห็นตรามารที่ลอยเด่นอยู่บนหน้าผากของนางก็ตาลุก เตรียมคุ้มกันรัชทายาทของตนทันที ขณะที่ขุนพลสวรรค์กำลังจะรุดเข้าไปจับตัวนาง คลีโอชูมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกให้หยุด

"สาวน้อย เจ้าอยากกลับบ้านหรือ เช่นนั้นไปกับเรา เราจะพาเจ้ากลับบ้านเอง"

"จะ จริงหรือ ท่านจะพาเรากลับบ้านจริงหรือ" เซนิตยิ้มดีใจทั้งน้ำตา นางเดินหาเพนนีอยู่นานแต่ไม่เห็นวี่แววของอีกฝ่าย เด็กสาวเดินจนอ่อนล้าก็ยังไม่พบสิ่งใด นางรู้สึกเหมือนเดินไปอย่างไร้จุดหมาย มองไม่เห็นทางออกเลย

"อืม ไปเถอะ เลิกร้องได้แล้ว" เทพหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมบอกให้เซนิตเดินตามเขาไป เด็กสาวเห็นท่าทีของชายหนุ่มดูไม่ประสงค์ร้ายจึงลุกยืนอย่างว่าง่าย ทว่าเมื่อนางเหลือบมองเหล่าเทพและขุนพลทางด้านหลังของเขา กลับเริ่มไม่แน่ใจ จึงถอยหลังไปทีละก้าว

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังดูแตกต่างจากนาง หน้าตาและการแต่งกายดูแปลกพิลึก….หรือจะเป็นเผ่าเอลฟ์

"เอ้า เหตุใดจึงถอยหลัง เดินตามเรามาสิ" คลีโอท้วงติงเมื่อเห็นท่าทางหวาดหวั่นของอีกฝ่าย แต่ไม่นานเขาก็นึกขึ้นได้ สาวน้อยซาตานผู้นี้คงหวาดกลัวเหล่าเทพและขุนพลของเขาสินะ ไม่แปลก ดูสีหน้าตาเฒ่าพวกนั้นสิ ขึงขังอย่างกับยักษ์มาร

"ไม่ต้องกลัว พวกเขาเป็นคนของเรา ไม่ทำร้ายเจ้าแน่นอน เราให้สัญญา" นัยน์ตาสีฟ้าจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กสาวด้วยสีหน้าจริงจัง เซนิตรู้สึกได้ถึงความจริงใจและความปลอดภัยที่เขาส่งมา นางจึงก้าวเท้าไปหาชายหนุ่ม

ในตอนนั้นเองคลีโอเพิ่งสังเกตเห็นเรือนร่างของนางที่วาบหวามอยู่ใต้อาภรณ์เปียกปอน เขาเบือนหน้าไปอีกทาง ก่อนสั่งคนของตนว่า "หาผ้าคลุมให้นาง"

เซนิตชะงัก ก่อนจะฉุกคิดได้ว่าเขาทำเช่นนั้นเพราะอะไร สาวน้อยห้อตัวใช้แขนกอดร่างของตนเอาไว้ สีหน้าซับสีแดงระเรื่อ นางไม่ใช่เด็กน้อยแล้ว รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร

เทพที่อยู่มานับพันปีอย่างคลีโอผ่านสตรีมามากมาย เขาไม่ได้กระสันกับภาพตรงหน้าเท่าใดนัก

เมื่อเรือนร่างเย้ายวนของเด็กสาวถูกปกปิดมิดชิด ทุกคนจึงพากันเดินออกจากตรงนั้น เทพผู้พิทักษ์นามว่าอัสลานกระซิบกับคลีโอด้วยน้ำเสียงคร่ำครึ "ท่านจะพานางไปที่ใด"

เทพหนุ่มชำเลืองมองอีกฝ่าย กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย "ก็กลับบ้านอย่างไรเล่า" บ้านเรานะ ไม่ใช่บ้านนาง

"ฝ่าบาท กระหม่อมรู้ว่าท่านคิดจะทำสิ่งใด ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ นางเป็นซาตาน!" อัสลานเอ่ยน้ำเสียงกระแทก เขารู้ว่ารัชทายาทมีจิตใจเมตตา แต่แบบนี้มันได้หรือ!?

"ท่านเห็นเราตาบอดรึ" คิ้วหนาเลิกขึ้นพร้อมเอ่ยสวนทันควัน

"ฝ่าบาท! เห็นแก่หัวงอกๆ ของกระหม่อมหน่อยเถิด"

"ท่านอาจารย์ เราทำสิ่งใดย่อมมีเหตุผล ท่านก็รู้ดี อย่าให้ใครอื่นรู้เรื่องนี้เป็นพอ" พูดจบ เทพบุตรรูปงามก็เดินลิ่วออกจากห้วงบรรพกาลไป ทิ้งให้ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ที่สั่งสอนวิชาป้องกันตัวให้แต่เด็ก ยืนอ้าปากพะง้าบๆ

ขุนพลสวรรค์นายหนึ่งนิ่วหน้าเดินเข้ามาหาอัสลาน แล้วเอ่ยถามหน้าซื่อ "ท่านอัสลานขอรับ เราออกจากห้วงบรรพกาลได้ แต่เหตุใดนางหนูซาตานนั่นออกไม่ได้ล่ะขอรับ"

ตาเฒ่าอัสลานกลอกตามองบน แล้วหันหน้าเหี่ยวย่นหาอีกฝ่าย "ก็ถ้าไม่หาสิ่งของมาคั่นจุดแหว่งเอาไว้ พอมันปิดก็หาไม่เจอน่ะสิเจ้าโง่! ตำราผู้พิทักษน่ะ เคยอ่านผ่านตาบ้างหรือไม่ เจ้าจับสลากมาเป็นขุนพลรึ! ฮึ้ยย!" เขาอยากจะดิ้นตายมันเสียตรงนี้ ไม่มีใครได้ดั่งใจเลยสักคน!