webnovel

ตอนที่ 84 เวิ้งสวนท้อ

ตอนที่ 84 เวิ้งสวนท้อ!

ได้ยินคำพูดนี้ เฟิ่งชิงเกอถึงจะวางใจลงได้ รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าอีกครั้ง “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ท่านก็อย่าคิดเรื่องอื่นเลยเจ้าค่ะ ทิวทัศน์ภูเขาท้อสวยงามขนาดนี้ จะได้ผ่อนคลายกันพอดี”

“อืม” เขายิ้มขานรับ แล้วเดินไปตามทางเส้นเล็กในภูเขากับนาง

เวลาสามวัน ก็เพียงพอให้เฟิ่งจิ่วปรับปรุงอารามสวนท้อไปได้บ้าง

เธอเปลี่ยนจาก ‘อารามสวนท้อ’ มาเป็น ‘เวิ้งสวนท้อ’ ส่วนด้านในเวิ้งสวนท้อก็วางค่ายกลกระบี่ที่ร่ำเรียนมาไว้ เพื่อแยกด้านในกับด้านนอกออกจากกัน เช่นนี้แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าคนนอกจะหลงเข้ามาในเวิ้งสวนท้อ และมารบกวนความสงบ

ป่าต้นท้อให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมกันได้ แต่เธอกำหนดไว้ข้อหนึ่ง ว่าถ้าจะเข้าป่าต้นท้อต้องเสียเงิน

ด้านในเวิ้งสวนท้อไม่มีใครอื่น นอกจากเฟิ่งจิ่วกับเหลิ่งซวง ก็มีแค่ชายชราที่กวาดพื้นท่านนั้น บริเวณรอบๆ ภูเขาท้อถูกล้อมเข้ามา เหลือเพียงทางเข้าออกเดียว ที่คอยเฝ้าเก็บเงินอยู่ตรงปากภูเขาก็เป็นองครักษ์ที่คัดมาจากตลาดมืด

สามวันให้หลัง ขณะที่นักท่องเที่ยวไม่น้อยมาเยือนภูเขาท้อกันอีกครั้ง นึกไม่ถึงว่าเข้าไปป่าต้นท้อต้องเสียเงิน คนมากมายจึงมีสีหน้าตกตะลึง

“เข้าภูเขาไปชมดอกไม้ยังต้องเสียเงินรึ? นี่มันกฎอะไรกัน?”

“จริงด้วย แต่ก่อนพวกเรามาก็ไม่ต้องเสีย ป่าต้นท้อผืนใหญ่โตขนาดนี้ไม่ได้เปิดไว้หรอกรึ? ไยต้องเสียเงินด้วยเล่า?”

บางคนก็จ้ององครักษ์สองสามนายที่เฝ้าอยู่ทางเข้าออกกันตาเขม็งด้วยความไม่พอใจ คิดว่าที่พวกเขาเรียกเก็บเงินช่างเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลสิ้นดี และไม่อาจจะรับได้

บางคนก็แสดงท่าทีเข้าใจ ที่จริงป่าต้นท้อเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล พวกเขาจะเข้าไปเที่ยวเล่นในพื้นที่ส่วนบุคคล ต้องจ่ายเงินก็สมเหตุสมผลดี ใช้ใจแลกใจ หากที่นี่เป็นบ้านของพวกเขา คงไม่ให้คนที่อยากเข้ามาเที่ยวหรือชมทิวทัศน์ เข้ามาได้โดยไม่มีเหตุผลหรอก

องครักษ์ก็คงไม่ใจดีอธิบายเหตุผลให้ทุกคนฟัง หนึ่งในองครักษ์กวาดตามองผู้คนที่กำลังโห่ร้อง กล่าวด้วยเสียงทุ้มเข้มว่า “อยากเข้าไปต้องจ่ายเงิน ถ้าไม่ยอมจ่ายก็ไปอยู่ข้างๆ ซะ!”

คนพวกนั้นถูกพูดเสียขนาดนี้ จะไม่ยอมรับว่าตัวเองไม่ยอมเสียเงินเป็นธรรมดา เช่นนั้น จึงล้วงเงินออกมาทั้งใบหน้าแดงก่ำ ถึงจะเข้าป่าต้นท้อไปอย่างขุ่นเคือง

เฟิ่งชิงเกอที่อยู่ไม่ไกลจูงมือมู่หรงอี้เซวียนไว้ พอเห็นภาพตรงหน้านั้น ก็พูดด้วยความสงสัยเล็กน้อย “อารามสวนท้อเปลี่ยนเจ้าของเสียแล้วรึ? ไหนบอกว่าที่นี่เป็นที่ส่วนบุคคล จึงไม่ขายไม่ใช่หรือ? ผู้ใดมีความสามารถขนาดนั้น ถึงสามารถซื้อที่นี่ได้?”

ทว่าสายตามู่หรงอี้เซวียนกลับจับจ้องไปบนอักษรที่ดูโอหังเอาแต่ใจ เขียนไว้ว่า ‘เวิ้งสวนท้อ’ ดวงตาเป็นประกายน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยชมอย่างอดไม่ได้ “เขียนได้ดี!”

ตัวอักษรปราดเปรียวเรียบง่าย มีพลังที่ช่างรุนแรงเอาแต่ใจ ลำพังเห็นแค่ตัวอักษร ก็รู้ได้ว่าคนผู้นั้นต้องเป็นคนที่เอาแต่ใจและรักอิสระ พอคิดดู คนที่เขียนคำเวิ้งสวนท้อนี้ คือเจ้าของคนใหม่ของเวิ้งสวนท้อนี้เป็นแน่

หนำซ้ำ ตามข่าวเหมือนจะบอกว่า เจ้าของคนใหม่ของเวิ้งสวนท้อเป็นภูตหมอผู้ลึกลับที่ช่วงนี้ได้ยินกันเพียงชื่อเสียงแต่กลับไม่มีใครเคยเห็น

ได้ฟังคำชมที่จริงใจ เฟิ่งชิงเกอก็มองตามสายตาเขาไป จึงเห็นว่าอักษรเวิ้งสวนท้อนั้นช่างมีชีวิตชีวา โอหัง และเอาแต่ใจเสียจริง แม้นางจะไม่ชำนาญด้านอักษรก็ไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าอักษรเหล่านั้นเขียนได้ดีมาก

“พวกเราไปกันเถอะ!”

มู่หรงอี้เซวียนยิ้มน้อยๆ พลางพูดกับเฟิ่งชิงเกอข้างกาย เดิมทีในใจไม่ได้รู้สึกอะไรกับการชมดอกไม้ แต่เวลานี้กลับยิ่งเพิ่มความสนใจขึ้นมาบ้าง

“อืม” เฟิ่งชิงเกอขานรับ แล้วเดินหน้าตามไปข้างกาย

ที่เรือนเล็กๆ ด้านในเวิ้งสวนท้อ เฟิ่งจิ่วกำลังนั่งชงชาชมดอกไม้อยู่ใต้ต้นดอกท้อต้นหนึ่ง ส่วนเหลิ่งซวงก็ยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกล

เมื่อสายลมแผ่วพัดมา กลีบดอกไม้สีแดงขาวก็ร่วงโรย...

…………………………………………………….