webnovel

ตอนที่ 71 ไม่เหลือพยานปากใด

ตอนที่ 71 ไม่เหลือพยานปากใด

เมื่อเสียงอุทานดังขึ้นมา ผู้อาวุโสสี่ที่ถูกกระเทือนถอยไปถึงกับตั้งตัวไม่ทัน เบิกตามองกระบี่หักของผู้อาวุโสสูงสุดใหญ่ถูกโจมตีลอยไป ก่อนที่กระบี่คมพยับทอแสงสีดำจะแทงเข้าที่หน้าอก...

เขาถึงขั้นยังเห็นแววตาที่ยากจะเชื่อของผู้อาวุโสสูงสุดในเวลานั้นได้

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งไม่ยอมแพ้และตกตะลึงอยู่เช่นนั้น ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะตายอยู่ในเงื้อมมือของคนที่ตนดูถูกดูแคลนไว้

เมื่อมองร่างผู้อาวุโสสูงสุดกระตุกล้มลงและดวงตาที่ตายตาไม่หลับ หัวใจผู้อาวุโสสี่สั่นสะท้าน พอมองไปทางสาวน้อยชุดแดงพลิ้วไหว เห็นนางกำลังดึงกระบี่มองมาหาตน ในช่วงเวลานั้นเขาแทบอยากจะวิ่งหนีไปตามสัญชาตญาณ!

ใช่แล้ว ต้องหนี!

ในหัวมีเพียงความคิดนี้ ส่วนร่างกายก็ตอบโต้ทำท่าจะถอยหนีตามสัญชาตญาณ ทว่าฝีเท้าเพิ่งจะขยับ น้ำเสียงดั่งภูตผีก็ลอยเข้ามาในหู

“ข้าพูดไว้แล้ว คนที่เคยเห็นกระบี่คมพยับล้วนต้องตาย!”

สิ้นน้ำเสียงเย็นยะเยือกกระหายเลือด ชุดแดงวูบไหวเข้ามาขวางอยู่เบื้องหน้าผู้อาวุโสสี่ เฟิ่งจิ่วมองคนที่สีหน้าซีดเซียวดวงตาหวาดผวาอย่างคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

“เจ้าคิดจะหนีไปไหน?”

“อ๊าก!”

เขาแผดเสียงดังลั่น กระบี่ยาวในมือยกขึ้น หลังจากส่งกลิ่นอายพลังเร้นลับเข้าไปก็จู่โจมเข้าหานางอย่างดุดัน

เขาที่หมดทางหนีทำได้เพียงสู้สุดชีวิต! ถึงแม้ตอนที่ประมือกับนางก่อนหน้านี้จะตกใจกับฝีมือแปลกๆ นั้น แต่เวลานี้ไม่มีทางเลือก เพื่อจะมีชีวิตต่อไป เขาระเบิดพลังเร้นลับทั่วร่างออกมา เมื่อกลิ่นอายระดับปรมาจารย์นักรบขั้นสมบูรณ์พรั่งพรู ฝุ่นทรายบนพื้นก็หมุนตลบขึ้นมา

“ข้าไม่เชื่อว่าปรมาจารย์นักรบขั้นสมบูรณ์ที่ทรงเกียรติเช่นข้าจะแพ้ให้กับนังเด็กเหลือขอคนเดียวอย่างเจ้า!”

เขาตวาดอย่างดุดัน กลิ่นอายพลังเร้นลับที่พวยพุ่งทั่วร่างทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ขณะที่พุ่งออกไป เงาร่างนั้นทั้งว่องไวดั่งลมกรดและดุร้ายดั่งเสือคลั่ง

เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเองก็ปลดปล่อยพลังเร้นลับทั่วร่าง ทว่าความได้เปรียบกลับไม่ใช่พลังเร้นลับ แต่เป็นกระบี่คมพยับในมือและการโจมตีจุดตายที่ซ่อนเล่ห์เหลี่ยมเอาไว้!

เธอไม่คิดจะทุ่มพลังเร้นลับยิ่งกว่าเขา ที่ต้องทำก็แค่ฆ่าอีกฝ่ายภายในเวลาที่สั้นที่สุด มิเช่นนั้นอีกไม่นานความเคลื่อนไหวตรงนี้คงเรียกพวกผู้ฝึกตนบางส่วนมา ถึงเวลานั้นคิดจะถอนตัวก็ยากแล้ว

ร่างสีแดงพุ่งออกไป อาศัยความป่าเถื่อนของคมพยับ ทุกหนึ่งกระบี่ล้วนเป็นกระบวนท่าที่หมายเอาชีวิต ท่วงท่าว่องไวดุร้าย แม้ผู้อาวุโสสี่จะระวังตัวก็ขวางการฟาดฟันของกระบี่คมพยับและการโจมตีจุดตายของนางไว้ไม่อยู่

“ควรจบได้แล้ว!”

สองมือเธอจับกระบี่ ในชั่วขณะที่เขาล่าถอยก็ปล่อยพลังเร้นลับเข้าในกระบี่คมพยับ ก่อนจะผ่าไปทางเขาอย่างโหดเหี้ยมด้วยความรวดเร็วและร้ายกาจ

ผู้อาวุโสสี่ใช้กระบี่คมในมือขวางไว้ตามสัญชาตญาณ ทว่า...

“ชิ้ง!”

“เฮือก!”

เสียงกรีดร้องสูดลมหายใจตัดผ่านอากาศ กระบี่ในมือผู้อาวุโสสี่ถูกเฟิ่งจิ่วฟันหักไปเสียดื้อๆ แม้แต่ร่างก็ถูกฟันขาดครึ่งเป็นสองส่วนและล้มไปบนพื้น

สายตาเฟิ่งจิ่วกวาดมองบนร่างศพทั้งสาม ใช้กระบี่คมพยับในมือเก็บถุงฟ้าดินตรงเอวพวกเขาขึ้นมา เร่งพลังกระโดดหนีข้ามตรอกเล็กๆ นี้แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว...

ขณะที่นางเพิ่งนำหน้าออกไปก่อน ในตรอกเล็กก็มีพวกผู้ฝึกตนเร่งฝีเท้าตามหลังกันเข้ามาไม่น้อย พวกเขามาเพราะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ทว่าเมื่อเข้าตรอกเล็กมาเห็นภาพนองเลือดด้านใน สีหน้ากลับเปลี่ยนไปขนานใหญ่ บางคนอาเจียนในจุดเกิดเหตุอย่างอดไม่ได้

สังหารคนแค่เล็งที่ศีรษะ แต่ภาพด้านในนองเลือดเกินไป ทำให้พวกเขาเห็นแล้วต่างรับไม่ได้อยู่บ้าง

“สามคนที่ตายไปล้วนเป็นระดับปรมาจารย์นักรบ!”

ผู้ฝึกตนสูงอายุที่ใจกล้าสำรวจมองสามคนที่สิ้นใจไป หลังรู้ถึงระดับพลังของพวกเขาก็ตื่นตกใจอย่างมาก

สามารถฆ่าปรมาจารย์นักรบสามคนได้ พลังของคนผู้นั้นต้องแกร่งสักเพียงใดกัน?

…………………………………………………….