webnovel

ตอนที่ 4 ความทรงจำที่หลอมรวมกัน

ตอนที่ 4 ความทรงจำที่หลอมรวมกัน

“หยุดร้องไห้ก่อน แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังทีเถอะ!” เธอพูดพลางขมวดคิ้ว แอบคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะอยากทำให้เรื่องวิญญาณในหัวกับเหตุการณ์ตรงหน้าชัดเจนละก็ เดาว่าเธอคงจากไปนานแล้ว และก็คงไม่มานั่งฟังนางร้องห่มร้องไห้ไม่หยุดอยู่ตรงนี้

เสียงในหัวชะงักไป แล้วร้องไห้เบาๆ ขึ้นมาอีกครั้ง นางไม่ได้บอกเรื่องราวให้เฟิ่งจิ่วฟังโดยละเอียด เพราะคนฉลาดเช่นเธอย่อมรู้ดี เวลานี้ต้องทำเช่นไรจึงจะดีกับตนที่สุด ด้วยเหตุนี้นางจึงกล่าวว่า “ข้าตายแล้ว และร่างนี้ก็กลายเป็นของเจ้าแล้ว เฟิ่งจิ่ว ข้าเพียงอยากขอร้องเจ้าไว้สองเรื่อง เรื่องแรก ข้าอยากให้ซูรั่วอวิ๋นใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็น! ฆ่านางตายในดาบเดียวไม่อาจคลายความเคียดแค้นในใจข้าได้ นางต้องได้รับความทรมานจนอยู่ไม่สู้ตายเท่านั้น ถึงจะสามารถขจัดความแค้นในใจข้าได้!”

น้ำเสียงนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ถึงเวลานี้แล้ว นางรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจทวงคืนสิ่งใดได้อีก สิ่งที่นางต้องการคือทำให้ซูรั่วอวิ๋นที่ทำร้ายนางจนเป็นแบบนี้ได้อยู่เหมือนตายทั้งเป็น!

เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว เธอไม่ปริปาก เพียงแต่ยกมุมปากขึ้น ดูเหมือนยิ้มแต่ก็เหมือนไม่ใช่ยิ้ม

ตอนนี้ เฟิ่งชิงเกอเหมือนรู้ว่าในใจเธอกำลังคิดอะไร จึงพูดอีกว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากที่ใด และไม่รู้ตัวตนเมื่อก่อนของเจ้าเช่นกัน แต่จากการตอบสนองที่เยือกเย็นเมื่อครู่กับร่างกายที่คล่องแคล่วนั้น ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ อย่างน้อยก็คงไม่โง่เขลาเช่นข้าที่ต้องมีจุดจบทั้งโดนสวมรอยและถูกฆ่าตาย”

เมื่อได้ยินแล้ว ดวงตาเฟิ่งจิ่วเป็นประกายขึ้นมา รอยยิ้มบนริมฝีปากยิ่งดูลึกล้ำขึ้นหลายส่วน “พูดมาเถอะ! แล้วเรื่องที่สองคืออะไร”

ได้ยินคำพูดนั้น เฟิ่งชิงเกอก็รู้ว่าอีกฝ่ายรับปากแล้ว ขณะที่แอบถอนหายใจ น้ำเสียงนางเศร้าโศกและเสียใจอยู่เล็กน้อย “ครอบครัวของข้าดีกับข้านัก เห็นข้าเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยดูแลพวกเขาแทนข้าได้ อย่าให้พวกเขารู้ รู้ว่าข้าไม่อยู่แล้ว...”

นิ้วเรียวขาวผ่องเคาะลงบนโต๊ะเบาๆ จนเกิดเสียงดังก๊อกๆ กลับทำให้เฟิ่งชิงเกอกังวลใจขึ้นมา นางไม่มีทางรู้ความคิดของเฟิ่งจิ่วได้เลย แต่นางที่ไม่มีทางเลือกอื่นก็ไม่หวังจะได้ยินคำปฏิเสธจากเฟิ่งจิ่ว ด้วยเหตุนี้จึงเอ่ยว่า “ข้าจะทิ้งความทรงจำทั้งหมดของข้าไว้ให้เจ้า เช่นนี้เจ้าจะได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เฟิ่งจิ่ว เจ้าต้องช่วยข้า เจ้าต้องช่วยข้านะ...”

เมื่อเฟิ่งจิ่วได้ยินเสียงนั้น ศีรษะก็พลันปวดหนึบ เหมือนถูกใครฝืนยัดอะไรบางอย่างเข้ามา เธอขมวดคิ้วและหลับตาลงรับความเจ็บปวด ผ่านไปสักพักถึงจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น แล้วในหัวของเธอก็มีความทรงจำที่เดิมทีไม่ใช่ของตัวเองเพิ่มเข้ามามากมาย...

อาจเพราะความทรงจำของเฟิ่งชิงเกอและของเธอหลอมรวมกันแล้ว ขณะที่ภาพเหตุการณ์ตอนใบหน้าถูกกรีดทำลายฉายแวบขึ้นในหัว เธอถึงกับมีความรู้สึกเช่นเดียวกันอยู่บ้าง คล้ายว่าคนคนนั้นที่เจ็บปวดจากการถูกมีดกรีดก็เป็นเธอด้วยเช่นกัน

“ซูรั่วอวิ๋นงั้นหรือ? หึๆ น่าสนใจดีนี่” การผสานรวมของความทรงจำในหัว ทำให้เธอเข้าใจสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้และเรื่องอื่นๆ เธอลุกขึ้นเดินมาอยู่ข้างๆ ร่างของชายที่สิ้นชีพไปแล้วผู้นั้น ก่อนเก็บของมีค่าจากเสื้อผ้าที่เขาถอดไว้จนหมดเกลี้ยง

ชุดกระโปรงบนตัวเธอ แขนเสื้อข้างหนึ่งถูกฉีกออก ตรงคอเสื้อเองก็ถูกกระชากจนขาดวิ่น เธอจึงฉีกผ้าซับในกระโปรงชิ้นหนึ่งมาปิดหน้าตนเองไว้ ตอนนี้ใบหน้าเสียโฉมเช่นนี้ดึงดูดสายตาคนเกินไป จะออกไปจากที่นี่ก็ต้องเงียบๆ ไว้ ถึงจะไม่เป็นที่สนใจ

น่าเสียดาย ในห้องนี้จะหาสักกี่รอบก็ไม่มีชุดที่พอใส่ได้เลย ส่วนเสื้อผ้าของชายผู้นั้นเธอใส่ไม่ลง ในสายตาเธอมันสกปรกเกินไปจริงๆ

พอคิดว่าที่แห่งนี้เป็นสถานที่แสวงหาความสำราญ ดังนั้นเธอจึงฉีกแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งออก เผยให้เห็นแขนขาวราวรากบัวทั้งสองข้าง ก่อนจะจัดการกับกระโปรงอีกสักหน่อย ด้วยการเปลี่ยนมันเป็นชุดกระโปรงเกาะอก จากนั้นสายตาเธอไปหยุดอยู่ตรงผ้าโปร่งบางของม่านเตียง จึงเอื้อมมือไปดึงมาคลุมตัวไว้ แล้วกระโดดออกไปทางหน้าต่างด้านหลัง...

ครั้นลงถึงพื้นได้อย่างมั่นคง เธอมองสำรวจไปรอบๆ ก็เห็นว่ามีเพียงถนนด้านหน้าเท่านั้นที่เดินไปได้ จากนั้นจึงแฝงตัวปะปนไปกับเหล่าสตรีที่ยืนคุยสังสรรค์กันอยู่ด้านหน้า ขณะที่เธอเร่งฝีเท้าจากไป เสียงกรีดร้องก็พลันดังขึ้นมา

“กรี๊ด! มีคนถูกฆ่า!”

……………………………………………….….….