อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เดวิสก็มาที่อีกแท่นเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งแยกตัวออกมาจากแท่นหลักของแท่นอัญชัน แท่นย่อยที่ว่านี้คือจุดให้เฮลิคอปเตอร์ร่อนลงจอด การจะมาถึงที่นี่ต้องเดินมาตามทางเดินที่สร้างขึ้นจากโครงสร้างเหล็กเชื่อมต่อซึ่งคนที่นี่เรียกว่า 'วอล์กเวย์' มันเป็นทางเดินที่สะดวกใช้ได้ แต่มีบางส่วนที่พื้นไม่ได้ถูกปูทับด้วยเหล็กแผ่นลาย ยังคงเป็นตะแกรงเหล็กตามโครงสร้างเดิม มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาไม่ได้มองทางให้ดี รองเท้าหนังคู่แพงของเขาเลยผลุบลงไปในร่อง ยังดีที่ตอนดึงขึ้นมามันไม่ได้รับความเสียหายหรือขาเขาไม่ได้แพลง
ที่เดวิสมาที่นี่เพราะจะมารอคริสตินคู่หมั้นของเขา ฝ่ายนั้นยืนกรานจะมาหาเขาถึงที่นี่ให้ได้
เสียงใบพัดแมลงปอยักษ์สีดำดังปัด ๆๆๆ ก่อนจะร่อนลง เฮลิคอปเตอร์ลำนี้มีสีดำด้านดูหรูหราสง่างาม มันคือเฮลิคอปเตอร์ประจำตระกูลหงษทัศน์พิพัฒน์ของเขานั่นเอง
อึดใจต่อมาก็มีสาวร่างโปร่งบางสวยสะคราญก้าวออกมาจากในนั้น เธอมาในชุดเดรสเชิ้ตสีขาวตกแต่งด้วยกระดุมเม็ดใหญ่เรียงเป็นตับ กับแว่นกันแดดอันใหญ่และหมวกปีกกว้าง
"ฮาย รอนานไหม" สาวสวยรีบโบกมือทักทาย
"ไม่เลยจ้ะ" เขาจูบเบา ๆ ที่แก้มคู่หมั้นสาว มือโอบที่เอวบอบบาง อีกฝ่ายก็สนองตอบในแบบเดียวกัน
"นี่คิดถึงผมใช่ไหม คุณเลยลงทุนมารับถึงนี่"
สาวสวยบิดปากน้อย ๆ "ก็ใช่น่ะสิ เหนื่อยน่าดูเลยกว่าจะมาถึง"
"ขอบใจจ้ะที่อุตส่าห์มาหา"
"ว่าแต่เดวิสมีธุระอะไรที่นี่มากมาย คริสไม่เห็นจะมีอะไรเลย มีแต่ทะเลแล้วก็เครื่องจักรเต็มไปหมด แถมร้อนอีกต่างหาก" สาวสวยพูดไปกระพือคอเสื้อไปพลาง
"โอเค งั้นรีบเข้าไปในห้องพักดีกว่า"
ระหว่างเดินท่านประธานก็ถามอย่างเอาอกเอาใจ "ว่าแต่หิวไหม อยากกินอะไรหรือเปล่า"
"ไม่หิวน่ะ เดี๋ยวเราไปกินมื้อเย็นในเมืองดีกว่า แต่ตอนนี้คริสคอแห้งจังเลย"
"งั้นเดี๋ยวให้คนเตรียมอะไรให้ดื่ม ว่าแต่อยากดื่มอะไร"
คู่หมั้นสาวส่งสายตาบางอย่างมาให้เขา จากนั้นก็แหย่นิ้วชี้ที่เล็บทาสีแดงเข้าปากตัวเอง แล้วก็หัวเราะเสียงพลิ้วระรัว นั่นช่างยั่วอารมณ์ดีเหลือเกิน
เขาเข้าใจความหมายคำว่าคอแห้งของเธอแล้วตอนนี้ เลยส่งยิ้มให้อย่างรู้ทัน แล้วก็เหลือบมองผิวขาวใสที่ต้นคอและหน้าอกที่อยู่เหนือกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เธอปลดลงไป ริมฝีปากอิ่มได้รูปเคลือบสีแดงสดเผยอเล็กน้อยตอนนิ้วขาว ๆ ถูกดึงออกมา
เธอช่างเย้ายวนดีเหลือเกิน กลิ่นอายความสาวกับความเป็นผู้หญิงแผ่โชยขยายมาถึงตัวเขา
เขาเกิดความต้องการขึ้นมาแล้ว
ความรู้สึกตึงเล็กน้อยตรงเป้ากางเกงทำให้เดวิสสบายใจขึ้น เขาอาจเครียดกับหลายเรื่องที่ประดังเข้ามาในช่วงนี้ จนทอดระยะทิ้งช่วงการปลดปล่อยความปรารถนาเนิ่นนานเกินไป เขาปล่อยให้คริสตินคู่หมั้นสาวสวยของเขาว่างเว้นไปสักพักแล้ว เลยทำให้คิดอะไรบ้า ๆ ที่ไม่น่าคิดกับไอ้คำมรคนนั้น
แต่แล้วความคิดของท่านประธานก็ล่องลอย...
ว่าแต่คำมรก็หน้าหวานดีนะ อันที่จริงคำมรตัวจริงผิดไปจากภาพลักษณ์ที่เขาคิดมาตลอด เขานึกว่าฝ่ายนั้นจะเป็นทายาทตระกูลไฮโซที่เอาแต่ใจ ชอบดูถูกคนอื่น แถมทำตัวไม่เป็นโล้เป็นพายเสียอีก แต่คำมรที่เขาเห็นกลับดูสงวนทีท่า ภาษากายตอนมองเขากลับก็ไม่ได้ดูกลัวหงอ แต่เหมือนมีท่าทางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ที่สำคัญแววตาคู่โตของไอ้คำมรสุกใสน่ามองอยู่เหมือนกัน แถมยังมีประกายบางอย่างที่ดู...จะพูดว่าอย่างไรดี น่าจะใช้คำว่าเฉลียวฉลาด และน่าสนใจ
ถ้าพูดอย่างยอมรับความจริงก็คือโดยรวมคำมรน่ารักน่ามองกว่าที่เขาคาดไว้เยอะเลย
เดวิสสั่นศีรษะ ไอ้บ้า คิดอะไรแบบนี้อีกแล้ว ไร้สาระจริง
คริสตินลูบเขาที่แผ่นหลัง "ส่ายหัวทำไมคะที่รัก"
"อ้อ เปล่าจ้ะ สะบัดที่คอเพราะมันตึง ๆ หน่อยเท่านั้น"
"เดี๋ยวทำให้หายตึงเอง" แล้วเธอก็หัวเราะคิก ๆ อย่างเจ้าเล่ห์
เขาเลยกระชับเอวของคริสตินแน่นขึ้น หยุดเดินครู่หนึ่งเพื่อใช้สองมือโอบที่แก้มแล้วประทับริมฝีปากกับเธออย่างดูดดื่มขณะเดินไปตามวอล์กเวย์
+++++
ในห้องพักของเขา ตอนนี้คริสตินอยู่ในห้องน้ำ
ร่างกายท่อนบนของเขายังเปลือยเปล่า เขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง หมอนสีขาวใบใหญ่รองข้างหลัง ทั้งตัวสวมเพียงกางเกงในบ็อกเซอร์เท่านั้น
เขาหลับตา นึกย้อนภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่
ทันทีที่ก้าวข้ามประตูเข้ามา ด้วยความร้อนรุ่มกำหนัดห้ามตัวเองไม่อยู่ของเดวิส คริสตินยังไม่ทันได้นั่งพักเป็นเรื่องเป็นราวในห้องสวีตแห่งนี้เลยด้วยซ้ำ เขาก็จับไหล่เธอ เอามือสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อเชิ้ตตัวยาวซึ่งเธอใส่กางเกงขาสั้นบาง ๆ สีขาวเอาไว้ เขาขยับปลายนิ้วไม่กี่ที กางเกงขาสั้นและกางในของเธอก็ลงไปกองตรงข้อเท้า แล้วมือใหญ่ของเขาก็ตะกรุมตะกรามอย่างร้อนรุ่มไปยังพื้นที่สามเหลี่ยมตรงหว่างขาของเธอทันที
เธอช้อนตามองเขาอย่างงุนงงเล็กน้อย ขนตางอนหนากะพริบสองสามที นั่นราวกับการขยับปีกของผีเสื้อ แต่แล้วริมฝีปากสีแดงสดของเธอก็คลี่ออก ฟันขาวสะอาดซี่เล็ก ๆ ของเธอมอบรอยยิ้มเปล่งประกาย เขาเห็นกระทั่งรอยย่นเล็ก น้อยตรงหางตาของเธอด้วยซ้ำ เธอตามใจเขาเสมอในเรื่องแบบนี้
ต่อมาไม่นานเธอมานั่งคร่อมตักของเขา เสียงครางกระเส่าของฝ่ายถูกกระทำดังขึ้นไม่ขาดเสียง
"โอ โอ้ โอ้ว ดาร์ลิง วันนี้ทำไมร้อนแรงจังคะ"
แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่มือเธอลูบคลำไปที่แผงอกชื้นเหงื่อของเขาอย่างสุขสม
เขาไม่ตอบ อันที่จริงคือไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรตั้งแต่เริ่มบรรเลงลีลาด้วยซ้ำ เขาแค่นั่งบนเก้าอี้นวม แล้วก็จับเธอมานั่งตัก เสื้อเชิ้ตของเธอยังรั้งติดกายเพราะเธอติดกระดุมแขนเสื้อไว้ แต่กระดุมหลายเม็ดตรงสาบเนื้อถูกปลดออก
ทรวงอกขาวเนียนราวกับดอกบัว มันกระเพื่อมไหวตามจังหวะที่เขากระแทกกระทั้น เขาประกบปากลงไปที่ยอดถัน ดูดดึงคลึงตรงเม็ดเนื้อด้วยลิ้นและฟัน คริสตินกรีดร้องเสียงแหลม
"อู๊ย โอ๊ย อึก ดีเหลือเกินที่รัก อา อ๊า อ๊า"
ช่องทางของคู่หมั้นของเขายิ่งเปียกชื้น เขาจับเอวเธอไว้แล้วผลักดันให้ลำตัวของเธอขยับขึ้นลงเร็วขึ้น แรงขึ้นอีก
เสียงต้นขาที่แข็งแรงกระทบกับเนื้อตรงบั้นท้ายของเธอที่อ่อนนุ่ม สอดประสานกับเสียงร้องของคริสติน
"อ๊ะ ๆ โอ๊ย อ้า แรง ๆ เลย ดีจังเลยค่ะที่รัก"
พอทำไปสักพักเหมือนท่านี้จะทำให้เขาไม่เต็มอิ่ม ท่านประธานเลยจับที่สะโพกของเธอยกขึ้นจากท่อนเนื้อของเขา ร่างกายเธอเล็กและบอบบางจนเขาอุ้มได้สบาย พอเขาวางลงบนพื้น เธอก็ถูกรุนหลังไปติดหน้าต่าง
แก้มกับสองมือของเธอทาบที่กระจก ริมฝีปากแดงเผยออ้า ตาเธอหลับพริ้ม ที่อยู่เลยกระจกออกไปคือวิวทะเลสีครามอันงดงาม
เขากดข้อมือทั้งสองของเธอบนนั้น กระจกนั้นอุ่นเล็กน้อยด้วยการแผ่รังสีความร้อนจากข้างนอก ข้อมือขาวบอบบางของเธอถูกตรึงแน่นตรงนั้นราวกับถูกตอกตะปูไว้ เขาเอื้อมมือไปปลดกระดุมแขนเสื้อให้เธอ แล้วอีกแค่นาทีเดียว เดรสเสื้อเชิ้ตตัวนั้นก็หลุดออกจากตัวเธอทั้งหมด
ต่อมาก็คือเสียงหลายเสียงที่สอดแทรกดังไปพร้อมกัน
ตับ ๆๆ
"อ๊ะ โอ๊ะ อึก โอ้ โอว อูย"
เสียงเนื้อที่ต้นขากระแทกบั้นท้ายขาวสะอาดอ่อนนุ่มของคนข้างหน้าดังหนักหน่วงเป็นจังหวะถี่กระชั้น ฟังแล้วได้อารมณ์วาบหวิว
อีกแค่ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็แทบทนไม่ไหว
"อ๊าก ผมจะเสร็จแล้ว" เขาคำรามเสียงดังอย่างไม่เก็บกลั้น
"อู้ว โอ๊ย เดวิสค่ะ ต่ออีกหน่อย คริสยังไม่..."
แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว เพราะเดวิสส่งเสียง ฮึก... จากนั้นเขาก็ซบหน้าลงกับไหล่ขาวเนียนของคนตรงหน้า
+++++
กลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบัน เดวิสเหม่อมองขึ้นไปที่เพดานห้องสีขาว
เขาใช้มือแตะเบา ๆ ที่อวัยวะตรงนั้น เมื่อครู่เขาเพิ่งหลั่งน้ำกามออกไป มันมากพอสมควรเพราะเขาไม่ได้ระบายมันออกหลายวันแล้ว
เขาถอนใจ ปกติหลังการร่วมรักกับคริสติน เขาจะรู้สึกปลดปล่อย เบาเนื้อตัว สมองโล่งเลยทีเดียว แต่ทำไมครั้งนี้ตรงนี้ยังปวดหนึบ ๆ รู้สึกได้เลยว่าภายในยังคงร้อนรุ่ม ไม่สบายเนื้อสบายตัวเอาเสียเลย เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันเกิดจากอะไรกันแน่
เขาถอนใจอีกรอบ ลองหลับตา หายใจเข้าลึกออกยาว เพื่อรวบรวมสติ บางทีเขาอาจแค่เครียดมากไป
แต่พอหลับตา หายใจเข้าออกช้า ๆ เขากลับหวนนึกถึงเรื่องเก่า ก็เหตุการณ์ที่เขายื่นหน้าไปจนชิดไอ้คำมรศัตรูของเขาไง พอคิดเรื่องนี้แล้วราวกับข้างในเส้นประสาทสมองของเขาเกิดการสปาร์ก และแล้วทุกความรู้สึกก็กลับมา
ส่วนหัวของอวัยวะตรงนั้นกระตุกน้อย ๆ อันเนื่องจากความคิดบางอย่างในหัวของเดวิส ซึ่งทำให้เขาลืมตัวเผยอปากขึ้นเล็กน้อย เป่าลมหายใจออกทางปากช้า ๆ ตายังหลับ เล็บมือมน ๆ ของเขาเขี่ยเบา ๆ ที่ตรงปลายดุ้นเนื้อใต้กางเกงในบ็อกเซอร์ เขาทำลงไปโดยไม่รู้ตัว
เรือนร่างที่มีแรงดึงดูดอย่างประหลาด ผิวขาวเนียนจนเกือบโปร่งแสง ใบหน้าสว่างราวกับหลอดไฟ ตาคู่สวย ริมฝีปากอิ่มที่เผยอน้อย ๆ เต็มไปด้วยแรงปลุกเร้าทางเพศ
เดวิสรู้สึกตัว ลืมตาขึ้น สักพักเขาต้องเอาสองมือกุมที่ศีรษะทีเดียว จากนั้นก็ซุกหน้าลงกับฝ่ามือ เขาสูดลมหายใจสองสามทีจากในนั้น แล้วก็เงยหน้าขึ้น
เกิดความรู้สึกบาดลึกบางอย่างเสียดแทงอยู่ในอกเมื่อครู่ เป็นความรู้สึกที่กระเพื่อมไหวราวกับหมอกลอยเรี่ยเหนือยอดเขา มันสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนปริ่มขอบ จนตอนนี้มาแตะแถวลำคอของเขา
+++++
อีกไม่นานเขาก็เก็บของส่วนตัวเพียงเล็กน้อยใส่ในกระเป๋าสะพาย ส่วนเสื้อผ้าและข้าวของชิ้นใหญ่เขาทิ้งไว้ที่นี่
ขณะเขากับคริสตินเดินไปตามวอล์กเวย์เพื่อไปยังจุดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ คริสตินก็ขอหยุดสักพัก เธอขอให้เขาช่วยถ่ายรูปของเธอโดยมีวิวแท่นขุดเจาะเป็นพื้นหลัง เธอให้เหตุผลว่าถ้าถ่ายจากมุมนี้ จะเห็นแท่นย่อยต่าง ๆ ของอัญชันเรียงตัวโดยมีทางเชื่อมวอล์กเวย์ทาสีเหลืองเป็นเส้นนำสายตา
เขามองคู่หมั้นคนสวยโพสท่าผ่านหน้าจอโทรศัพท์ นั่นเลยทำให้เดวิสเห็นสิ่งหนึ่ง ตรงดาดฟ้าเล็ก ๆ ของอีกแท่นที่อยู่ติดกับที่ที่เขายืนอยู่
ร่างผอมผิวซีดกับผมซอยสั้นติดหนังศีรษะในรถเข็น มีไม้ค้ำวางอยู่บนตัก คำมรนั่นเอง
ร่างผอมนั้นใช้ไม้อันหนึ่งยันพื้นไว้ จากนั้นก็ดันตัวลุกขึ้นจากรถเข็นอย่างเชื่องช้า
'นี่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ได้แล้วหลังจากนอนโคม่ามาเป็นปีสินะ' เดวิสคิด
แม้จะอยู่ท่ามกลางแดดจ้า แต่ร่างนั้นไม่หวาดหวั่น หนุ่มน้อยร่างบางสวมแค่หมวกแก๊ปสีขาวใบหนึ่งเท่านั้น คนร่างผอมพยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยไม้ค้ำ เดวิสมองไม่เห็นใบหน้าของฝ่ายนั้นถนัด แต่ภาษากายการเคลื่อนที่ของคำมรนั้นดูมุ่งมั่นไม่ธรรมดา
ลมทะเลพัดมาวูบหนึ่งจากตรงที่คนนั้นยืนอยู่ มันมากระทบกับฆานประสาทของประธานหนุ่มจนใบหน้าหงายเริดไปด้านหลัง ไม่มีกลิ่นใด ๆ มากับลม แต่เดวิสแน่ใจว่าในลมนั้นมีอะไรบางอย่าง เป็นความรู้สึกแบบเดียวกับคืนนั้นที่ร่างกายเขาใกล้ชิดกับคำมรเป็นครั้งแรก เมื่อกี้เขารู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
อะไรที่ว่าที่มากับลมทำให้เขาร้อนผ่าวจากข้างใน ทำให้เกิดความรุ่มร้อนจนบางอย่างขยายตัวดันกางเกงขึ้น
'ทำไมร่างกายกูถึงเป็นแบบนี้ละโว้ย'
เดวิสกลัวว่าสิ่งที่ปูดขึ้นมาเล็กน้อยใต้กางเกงสแล็กจะทำให้คริสตินสงสัย เขาเลยลดมือถือลง แล้วพยายามยืนห่อตัว เอาต้นแขนไปเหน็บไว้กลางลำตัว น่าทุเรศตัวเองจริง ๆ
"ถ่ายเสร็จหรือยัง" คู่หมั้นสาวของเขาถาม
"เรียบร้อยแล้วครับ" จากนั้นก็ส่งมือถือคืนให้
เธอรับไปดูที่หน้าจอ แล้วถึงกับห่อปาก อุทานร้องเสียงแหลม
"อุ้ย ดาร์ลิงถ่ายรูปสวยจัง เค้าดูดีมากเลย"
"ถ้างั้นเราไปกันเถอะ"
คริสตินยิ้ม ถือโอกาสเกาะแขนแล้วจูบที่ปากเขาดังฟอด เขาจูบตอบ แต่หางตากลับเหลือบไปยังหนุ่มน้อยคนที่มุ่งมั่นกับการฝึกเดินอย่างไม่ย่อท้อ
เขาไม่ได้คิดไปเอง แต่คำมรก็น่าจะมองมาเห็นที่เขาจูบกับคริสตินเมื่อกี้เช่นกัน
ขณะเดินโอบหลังคริสติน เขาก็ถอนใจเป็นรอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ หลังจากเสร็จสมเมื่อไม่ถึงชั่วโมงที่ผ่านมา เขานึกว่าตัวเองจะดีขึ้นจากอาการงุ่นง่าน แต่นี่อะไรกัน แค่ลมแรงที่พัดโบกผ่านตัวคำมรมาถึงตัวเขาแค่นั้น ยังทำให้เขารู้สึกหนึบหน่วง
ตอนนี้เขาเริ่มไม่สบายใจแล้ว นี่ขนาดลมหอบกลิ่นของฝ่ายนั้นมาวูบเดียวแค่นั้น ยังทำให้เขารู้สึกได้ไม่ต่างจากตอนแอบเข้าไปในห้องพักของอีกฝ่ายเมื่อคืน
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกับเขากันแน่