webnovel

ข้าพเจ้าผู้แซ่ 'หนิง' ชื่อ 'หลง'

สายวาโยในสารทฤดูพัดผ่านทะเลสาบมรกตอันกว้างใหญ่ พื้นผิวดุจกระจกเงาส่องประกายระยับแวววับภายใต้อัสดงจากฟากฟ้าที่ลอยเด่นทอดลงมา

ในศาลาน้อยตั้งตระหง่านท่ามกลางหมื่นบงกช สามอริยบุคคลผู้เจริญซึ่งมากด้วยปัญญา ตั้งวงพูดคุยสนทนาแว่วเสียงหัวเราะครื้นเครงออกมาไม่หยุดหย่อน

ทันใดนั้นเกินเสียงดัง ตูม! ขึ้นใจกลางทะเลสาบมรกต หลังจากที่คลื่นน้ำสงบลง เผยให้เห็นร่างบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งลอยเด่น

หนึ่งในสามอริยบุคคลเห็นเช่นนั้น จึงออกตัวกระโดดโหยงหนึ่งที ก็ได้ไปปรากฏตัวข้างบุรุษหนุ่มพร้อมเหวี่ยงร่างขอเขาเข้าไปในศาลาน้อย

โฉมสะคราญเพียงหนึ่งเดียวยกมือรับร่างของบุรุษหนุ่มแนบอิงกายของตน

ส่วนหนิงหลงที่อยู่ในอ้อมกอดโฉมสะคราญพลันมองซ้ายทีขวาที พยายามทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า

ตัวเขามีชื่อว่า หนิงหลง เป็นชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดปี บ้านรวยเกิดมาคาบช้อนเงินช้อนทอง ใช้ชีวิตโคตรจะคุ้มค่า ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายเหมือนบ้านผลิตเงิน มัวเมาในกามโลกีย์เที่ยวหญิงไม่ซ้ำหน้า เปลี่ยนแฟนจำนวนไม่น้อยและยังเป็นขวัญใจเมียชาวบ้าน เวลาว่างๆ ก็ถ่ายคลิปตัวเองลงโซลเชี่ยว พร้อมโชว์รวยกับคำคมเท่ๆ และมีดนตรีประกอบ

ก่อนที่หนิงหลงจะมาโผล่ ณ ที่ตรงนี้ได้นั้น ก่อนหน้านี้เขาได้ไปสำรวจห้องเก็บของวัตถุโบราณของอากง และไปเจอเข้ากับเข็มทิศฮวงจุ้ยอันหนึ่ง

หนิงหลงเคยเห็นพวกซินแสใช้ในการคำนวณฮวงจุ้ยแล้วรู้สึกเฟี้ยวเป็นอย่างมาก ด้วยความคึกคะนองเขาจึงได้ลองเปิดฝากล่องขึ้นและได้ทำนิ้วมุทราเพื่อคำนวณฟ้าดิน

"▇▇▇!"

สิ้นเสียงอรรถกถา แสงจากเข็มทิศได้สว่างวาบปกคลุมร่างของหนิงหลง ทำให้เขาตกใจจนเผลอปล่อยเข็มทิศหลุดจากมือ

ห้วงคำนึงของหนิงหลงคืนสู่สภาพตรงหน้าอีกครั้ง

สองบุรุษที่มีวัยกลางคนหนึ่ง ชราหนึ่ง และโฉมตรูแห่งยุคอีกหนึ่ง ต่างจดจ้องมองมาที่เขากันอย่างถ้วนหน้า

เวลานี้หนิงหลงได้ตระหนักแล้วว่าตนถูกเจ้าเข็มทิศส่งมาที่ไหนสักแห่ง เขาก็ไม่ทราบอีกเช่นกันว่าเป็นที่แห่งหนใด แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ ที่นี่คงไม่ใช่โลกของเขาแน่แท้

สังเกตได้จากชายชราที่มีผมงอกขาว เพียงแค่เขากระโดดโหยงหนึ่งคราก็มาถึงตัวเขาที่ลอยตุ๊บป่องอยู่กลางทะเลสาบที่มีระยะห่างเกือบหนึ่งลี้ และยังจะเหวี่ยงเขากลับไปในศาลาได้อีก

นี่มันใช่สิ่งที่คนในโลกเขาจะทำได้ที่ไหนกัน? แม้แต่นักกีฬาระดับโลกจะสามารถกระโดดได้ไกลเกือบหนึ่งลี้ พร้อมยืนบนน้ำและจับร่างของเขาที่มีน้ำหนักหกสิบกว่ากิโลเหวี่ยงเข้าไปในศาลาได้ด้วยหรือ? และสตรีที่ดูอรชรอ้อนแอ้นนี่อีก สามารถรับร่างเขาที่ลอยมาเอาไว้ได้อย่างสบายๆ

ดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้ว จอมยุทธ์! นี่มัน จอมยุทธ์! ที่อยู่ในหนังแน่นอน ดูเหมือนว่าเขาจะถูกเจ้าเข็มทิศฮวงจุ้ยส่งมาต่างโลกแล้วสิ

"สหายน้อย เจ้าเป็นใครหรือ?" บุรุษวัยกลางคนเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

เมื่อหนิงหลงได้ยินเช่นนั้น เขาจึงรีบปรับตัวตีเนียนให้เขากับคนบนโลกนี้ทันทีเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ดูจากทักษะความสามารถที่ทั้งสองท่านแสดงออกมาแล้ว ชายวัยกลางคนตรงหน้าต้องเป็นรุ่นใหญ่รุ่นโต๋อีกท่านแน่นอน

สภาพของหนิงหลงตอนนี้ไม่ต่างไปจากลูกไก่ในกำมือ ถ้าเกิดเขาเผยพิรุธอะไรออกมา รับรองว่าฉิบหายแน่นอน!

หนิงหลงลุกขึ้นยืนตรงเอามือไขว้หลัง สายตาเต็มไปด้วยอารมณ์เหม่อมองทิวทัศน์และเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ ว่า "นั่งไม่เปลี่ยนชื่อ ยืนไม่เปลี่ยนแซ่ ข้าพเจ้าผู้แซ่ 'หนิง' ชื่อ 'หลง' คุณชายเจ้าสำราญอันดับหนึ่งของแผ่นดิน!"

ชายวัยกลางคนที่ได้ยินคำตอบถึงกับทำหน้าเซ่อซ่า อ้าปากค้าง ตาเบิกโตจ้องมองไปที่หนิงหลง

ชายชราได้ยกมือขวาขึ้นลูบเครา อมยิ้มและหัวเราะ โฮะ โฮะ เบาๆ

ส่วนหญิงสาวได้ตบฉาดลงบนเข่าทีหนึ่ง พร้อมหัวเราะดังลั่นศาลา ภาพลักษณ์โฉมสะคราญที่อ่อนหวานนุ่มนวลก่อนหน้านี้มลายหายจนหมดสิ้น

"เจ้ามาจากไหน แล้วกำลังจะไปที่ใดกัน?" ชายวัยกลางกล่าวถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ พยายามสอบสวนหนิงหลง

เพราะจู่ๆ หนิงหลงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นกลางทะเลสาบมรกตแห่งนี้ เส้นทางนั้นมีเยอะแยะให้เลือกผ่าน แต่หนิงหลงกลับเลือกที่จะข้ามผ่านทะเลสาบ แถมยังแสร้งทำเป็นลอยตุ๊บป่องอยู่กลางน้ำอีก นี่อาจจะเป็นแผนการอะไรบางอย่างก็ได้ ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกระวังตัว

"มาจากที่ที่ควรมา ไปยังที่ที่ควรไป" สำหรับการสอบสวนของชายวัยกลางคน หนิงหลงยังคงท่วงท่าดุจปรมาจารย์และกล่าวตอบช้าๆ

ท่าทีของหนิงหลง ทำให้สีหน้าของชายวัยกลางคนดูไม่จืดในทันที

แต่โฉมสะคราญที่นั่งอยู่กับหัวเราะลั่นอย่างชอบใจและกล่าวว่า "ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม ข้าชักจะถูกใจน้องชายตัวน้อยคนนี้แล้วสิ!"

เวลานี้ หนิงหลงจึงค่อยๆ หันหัวกลับมาอย่างช้าๆ มองดูพวกเขาทั้งสามทีหนึ่ง ทิ้งตัวนั่งลงอย่างสบายใจ และเอ่ยขึ้นมาว่า "แล้วพวกท่านเป็นใครกันละเนี่ย?"

ชายวัยกลางคนทำท่าลังเลนิดหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าควรจะบอกชายหนุ่มตรงหน้ายังไงดี

ชายชราที่เห็นดังนั้นจึงเริ่มแนะนำตัวเองก่อน "ข้าชื่อ อวิ๋นซาง"

"อ๋อๆ !!!" ตาของหนิงหลงลุกวาวส่งเสียงขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้นและกล่าวว่า "ข้าไม่รู้จัก..."

คิ้วที่ขาวโพลนของชายชราอวิ๋นซางถึงกับกระตุกขึ้นหนึ่งที เขารู้สึกอยากจะตบเด็กหนุ่มตรงหน้าให้หัวทิ่มสักทีหนึ่ง

ชายวัยกลางคนที่เห็นว่าชายชราถูกสารเลวน้อยตรงหน้าปั่นประสาทเช่นเดียวกับตน จึงหัวเราะเยาะเย้ยไปหนึ่งที และแนะนำตัวกับหนิงหลง "ข้าชื่อ ฟู่เทียนซา หรือที่รู้จักกันในนาม ฮ่องเต้เจิ้งหยวนช่าง แห่งราชวงศ์เจิ้ง! เข้ารู้จักหรือไม่?"

ฟู่เทียนซาพยายามสังเกตสีหน้าท่าทางของหนิงหลง เขาต้องการที่จะดูว่าหนิงหลงจะรู้สึกยังไง เมื่อรู้ว่าเขาเป็นฮ่องเต้

"ไอ้หยาๆ ท่านเป็นฮ่องเต้นี่เอง เสียมารยาทแล้วๆ ขอให้ทรงพระเจริญๆ หมื่นๆ ปี นะพี่ท่าน แล้วแม่นางท่านนี้ละ?" หนิงหลงกล่าวออกไปตามอารมณ์ด้วยท่าทีขี้เล่น เขาไม่คิดว่าชายตรงหน้าจะเป็นฮ่องเต้เลยแม้แต่นิดเดียว

ฮ่องเต้ที่ไหนจะมาอยู่กลางดงพงป่าเขา ลำเนาไพรห่างไกลบ้านเมือง และท่าทางที่ชายวัยกลางคนแสดงออกมาก็ดูไม่เห็นเหมือนฮ่องเต้เลยสักนิด สภาพของเขาตอนนี้ ถ้าบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าพรรคกระยาจกหนิงหลงยังจะเชื่อมากกว่า

อวิ๋นซางมองไปที่ฟู่เทียนซาแสยะยิ้มอย่างชอบใจ จากการแสดงออกของหนิงหลงก็รู้แล้วว่าเขาไม่เชื่อเลยสักนิดว่าฟู่เทียนซาจะเป็นฮ่องเต้

"ข้าชื่อ เย่ฉุ่ยเหยา แต่น้องชายตัวน้อยเรียกข้าว่าพี่สาวเย่ก็ได้นะ~" เย่ฉุ่ยเหยาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเย้ายวน

หนิงหลงพยักหน้า และพูดขึ้นมาเฉยเมยว่า "ถ้างั้นพี่สาวเย่ ช่วยชงชาให้ข้าสักกาสิ"

เมื่อหนิงหลงสั่งการออกมาเช่นนี้ สร้างความตะลึงให้กับเย่ฉุ่ยเหยาไม่น้อย หนิงหลงนี่ไม่มีความเกรงใจเลยนะเนี่ย ใช้นางเสมือนสาวใช้

แต่เย่ฉุ่ยเหยากลับรู้สึกสนุก และสนใจในตัวหนิงหลงไม่น้อย นางจึงเริ่มลงมือทำการตั้งไฟเพื่อชงชาให้กับหนิงหลงกาหนึ่งด้วยตนเอง

สองบุรุษที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องงงงันจนไม่สามารถรับกับสิ่งนี้ได้ เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ นางมารสวรรค์เย่ฉุ่ยเหยา ที่เป็นถึงเจ้าลัทธิมารตั้งไฟชงชาด้วยตนเอง

หลังจากที่ต้มชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เย่ฉุ่ยเหยาได้ยกเสิร์ฟให้กับหนิงหลงด้วยตนเอง

สาวงามเคียงข้าง มือขาวๆ นิ้วเรียวยาวยกเสิร์ฟน้ำชา และยิ่งคนที่ปรนนิบัติอยู่ยามนี้เป็นถึงเจ้าลัทธิมารนะเนี่ย แม้แต่ฟู่เทียนซาที่เป็นฮ่องเต้ ยังไม่กล้าแม้แต่จะคิด

"เป็นรสชาติที่ชวนให้หวนรำลึกถึง" หนิงหลงจิบน้ำชาหนึ่งอึก แล้วกล่าวทอดถอนใจออกมา

ผู้คนในศาลาน้อยถึงกับหวั่นไหวภายในใจ เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงหลง สำหรับพวกเขาที่ไม่สามารถตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับตัวหนิงหลงแล้ว คำพูดคำนี้ได้แฝงเร้นอะไรมากมายเหลือเกิน

หนิงหลงจิบชาไปเบาๆ แล้วทอดสายตาเหม่อมองท้องฟ้า ที่หนิงหลงได้พูดออกไปเช่นนั้นความจริงแล้วเขาเพียงแค่นึกถึงโลกเดิมของเขาเท่านั้นเอง เพราะน้ำชาที่เขากำลังจิบอยู่ถูกชงมาจากต้าหงเผา ซึ่งเป็นใบชาประเภทเดียวกับที่เขาเคยขโมยอากงมาชงดื่ม ด้วยรสชาติแบบเดียวกันมันเลยทำให้เขารู้สึกคิดถึงโลกเดิม

'ทุกคนที่นั่นจะเป็นยังไงกันน้า~ จะคิดถึงผมกันไหม'

...

"เตี่ย! เห็นสารเลวน้อยบางไหม? วันนี้มันหายหัวไปไหนของมันทั้งวัน" หญิงวัยกลางคนบ่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

อากงที่นอนอยู่บนเก้าอี้โยกยิ้มจางๆ และชี้นิ้วไปที่เข็มทิศฮวงจุ้ยบนโต๊ะ

หญิงวัยกลางคนทราบทันทีว่าบิดาของเธอหมายถึงอะไร เธอเลยตะโกนลั่นบ้านว่า "ไอ้สารเลวน้อยมันไปโลกอื่นแล้ว! แถมมันยังไม่เอาเข็มทิศไปด้วย เอ้า พวกเราฉลอง!!!!!!!"

ผู้คนในตระกูลที่ได้ยินไม่เว้นแม้แต่ลูกเด็กเล็กแดง ต่างพากันร้องเฮลั่นออกมาด้วยความยินดีเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง ในที่สุดตัวภัยพิบัติประจำตระกูลก็ไม่อยู่แล้ว แถมไปโลกอื่นก็ยังไม่พกเข็มทิศตัวกลางที่ใช้ในการเดินทางไปกลับติดตัวไปด้วยอีก

ถ้าจะให้พวกเขาไปตามหาตัวหนิงหลง ก็คงต้องไล่สุ่มหาหลายๆ ล้านล้านจักรวาลแล้วละ เพราะเข็มทิศมันไม่ได้ระบุพิกัดโลกที่จะไปด้วยสิ มันระบุแค่พิกัดกลับมายังโลกนี้เท่านั้น พวกเขาได้แต่พึ่งพาโชคในการนำตัวหนิงหลงกลับมาแล้วละ

'เที่ยวให้สนุกละลูกเลิ้ฟ! เอิ๊กๆ'