webnovel

ตามเก็บลูกเขย

คอนโดที่ตวันแชร์กับเพื่อนค่อนข้างหรู แบ่งไว้เป็นสองชั้นโดยมีบันไดไม้เทียมเชื่อม มองขึ้นไปเห็นส่วนห้องนอน มองลงมาจากระเบียงเห็นทุกส่วนในที่พัก ซึ่งถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวสุด ๆ เห็นจะมีแต่ห้องน้ำ

ป๊าลากสามีมาคุยกันสองคน เพื่อเก็บข้อมูลก่อนตัดสินใจว่าจะห้ามเขาหรือช่วยเขาลับมีดดี

"พอขึ้นมาส่งของมันดูลับ ๆ ล่อ ๆ แด๊ดก็สงสัยละ พอถามหาตวันมันบอกว่าวันนี้ไม่อยู่ห้อง น่าคิดไหมล่ะ"

"แด๊ดผลักมันแล้ววิ่งเข้ามาหาลูกเลย แล้วรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น—ตวันออกมาจากตู้เสื้อผ้า!"

"สภาพลูกเหมือนพึ่งโดนมอมยา"

"ไอ้ระยำมันขังลูกเรา!"

"มันต้องเป็นตัวการแน่เลยป๊า! ต้องสอบสวน" แด๊ดกระแทกคำว่าสอบสวนด้วยน้ำเสียงสั่งประหาร

หลังได้ยินคำปิดท้าย ป๊าปวดหัวจนอยากกุมขมับเสียเดี๋ยวนั้น "นั่นโรมไงจำไม่ได้เหรอ เพื่อนที่แชร์ห้องกับลูก"

"เพื่อนที่ไหนขังลูกไว้ในตู้! มอมยาลูกด้วย!"

คนใจเย็นที่สุดในการสนทนามั่นใจว่าเรื่องนี้ต้องมีคำอธิบายที่ดี เขาเคยคุยกับโรมสามสี่ครั้ง เด็กคนนั้นไม่ได้นิสัยเลวร้ายเลย "เดี๋ยวเรียกหลินขึ้นมาแล้วเราค่อยถามกัน"

ตอนป๊าออกไปข้างนอกเพื่อกดเปิดประตูให้หลินกับหม่อน เสียงของผู้ถูกพันธนาการยังร้องไม่หยุด ส่ายหน้าสุดชีวิตและกรีดร้องใต้ผ้าปิดปากตลอดตั้งแต่ป๊าเดินเข้าใกล้ จนไปถึงค่อย ๆ แกะพันธนาการออกให้

"อื้อออ—พวกมึงเป็นใคร!! อย่าทำอะไรกับฟ-เพื่อนกูนะ!"

"ห่ามึงเอ๊ย! เอ็งนั่นแหละจะทำไร"

"ใจร่ม ๆ ก่อน นี่เป็นแค่การเข้าใจผิดเท่านั้น โรมแค่พยายามจะปิดเรื่องตวันกลายเป็นเด็ก ใช่ไหมหนู?"

โรมชะงัก สงบลงโดยไม่รู้สาเหตุ มองหน้าคนอายุพอ ๆ กันแต่สำนวนการใช้คำฟังดูแก่กว่าหลายทศวรรษ "พะ-พวกคุณเป็นใคร"

ชายหนุ่มได้รับคำตอบเมื่อเด็กหญิงผู้กระเตงเด็กอ่อนปรากฏตัวสักที หลินรู้จักเพื่อนน้องจึงเอ่ยทักทาย "อ้าวโรม ไหงโดนมัดได้ล่ะ"

"เธอรู้จักผมด้วย?"

"พี่หลินเอง"

โรมมองเด็กหญิงม.ต้น มองเด็กอ่อนอ้อแอ้ มองผู้ใหญ่สองคนแล้วความเข้าใจฉายวาบในแววตา มือที่หลุดจากการโดนเชือกมัดแล้วถูกยกขึ้นมาไหว้นอบน้อม

"ป๊าแด๊ดสวัสดีครับ"

"ไหว้พระเถอะลูก"

"ไหว้ยมบาลเถอะลูก—โอ๊ยป๊า"

"สันติสักที"

___

ผู้ใหญ่สามคนมาล้อมวงคุยกันดี ๆ ได้ในที่สุด

จากการสืบเรื่องราว หลังเลิกกองแล้วตวันไปดื่มกับเพื่อนร่วมงาน เมาอ้วกแล้วก็นอนหลับยาวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว (ตาย ๆ ลูกเขาเป็นอะไรกับของมึนเมากันนักนะ เดี๋ยวต้องหาเวลาอบรมจริงจังสักที) อ้วกหนักและเบลอพอสมควรโรมจึงช่วยดูแล ตื่นมาตอนเช้านอกจากต้องรับมือที่เพื่อนเมาค้าง เขายังต้องช็อกหนักเรื่องที่เพื่อนกลายเป็นเด็ก

"ด้วยการขังลูกฉันไว้ในตู้เนี่ยนะ" เสียงแด๊ดยังแข็งกร้าวไม่เปลี่ยน เมื่อความประทับใจแรกคืออยากเอาเท้าประทับหน้า ภาพลักษณ์ของเพื่อนลูกติดลบในใจไปเรียบร้อย

"ผมไม่รู้ว่าเป็นแด๊ดครับ ขืนพูดความจริงไปเดี๋ยวจะน่าสงสัยหนักกว่าเดิม"

"ตอนนี้เอ็งก็ยังน่าสงสัย"

มีเพียงป๊าที่พยักหน้ารับ ใช้สายตาปรามสามีผู้ไฟโกรธยังลุกโชน เผาห้องครัวที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำให้ร้อนระอุ เขาเตะเท้าอีกสักทีเรียกสันติภาพในใจให้กลับคืนมา แด๊ดเบ้ปากงอนเหมือนตัวเองอายุเท่าลูกชายผู้นั่งอยู่บนตัก

"โรมสินะ ตวันเคยเล่าเรื่องเธอให้ฟัง เรียนคณะเดียวกันนี่ใช่ไหม ทำโฆษณาเหมือนกันเหรอ"

"ผมไม่เก่งเท่าตวันหรอกครับ แต่ก็ทำงานสายใกล้ ๆ กัน ผมเป็นนายแบบครับป๊า" เขาเอามือขยี้ผมที่หลังหัวตัวเอง แต่ป๊าสงสัยว่าเป็นท่าทางแสดงความประหม่าที่มีไว้ให้ผู้สูงวัยเอ็นดูมากกว่าจะนอบน้อมจากใจจริง

พวกเขาไม่ได้สนิทกัน เคยคุยกันไม่กี่ประโยค ป๊าย่อมไม่เชื่อใจเพื่อนลูกไปมากกว่าครอบครัวตัวเอง ทั้งยังรู้สึกตงิด ๆ ใจกับการถูกเด็กที่ไหนไม่รู้เรียกป๊า สงสัยติดมาจากตวันมั้ง

"ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ" โรมถาม

"เราก็ยังไม่รู้ ทางพวกหนูล่ะเป็นยังไง"

"ผมตื่นมาเห็นก็กลายเป็นเด็กแล้วครับ เกือบพลิกตัวไปทับแล้วเชียว ดีนะเห็นทันก่อน"

ผู้ฟังหรี่ตาอย่างอันตราย สนิทกันขนาดร่วมเตียงเลยเหรอ ทั้งที่คอนโดสองชั้นมีห้องหับตั้งมาก เพราะดูแลคนเมาสินะ เขาไม่รู้จะมองโลกในแง่ดีได้สักอีกกี่น้ำ

"ได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ หรือมีใครเข้ามากลางดึกไหม" แด๊ดเข้าร่วมการสืบสวนด้วย ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับการนอนร่วมห้องไม่ร่วมห้องของลูก

"ไม่มีนะครับ" ผู้ถูกสอบปากคำส่ายหัวดิก ก่อนเสนอความคิดที่เข้าท่าออกมา "ถ้ายังไงไปขอนิติดูกล้องวงจรปิดดีไหม"

พวกเขาปรึกษาเรื่องจะไปขอนิติดูกล้องต่อ คิดหาว่าคนร้าย (ถ้ามี) จะมาทางไหนได้บ้าง ซักถามกันโดยละเอียดว่าตวันไปทำอะไรมาก่อนหน้านี้ มีเสียงหลินคอยแทรกประปราย ส่วนเด็กต่ำกว่าประถมอีกสองคนเล่นกันเองฆ่าเวลา

เด็กชายวัยอนุบาลนั่งอยู่บนตักพ่อ คอยทำมือเปิดปิดหน้าล้อเล่นกับหม่อนในกระเช้าอุ้มทารก ส่งเสียงหัวเราะคิกคักออกมาเป็นระยะ เป็นภาพที่ป๊าอยากซึมซับทั้งรูปและเสียงให้สลักลึกในใจ รอยยิ้มของทั้งสองคนอบอุ่นยิ่งกว่าแสงสีใด ๆ ในโลก

ตวันรับรู้ผู้ใหญ่ที่จ้องมองเขา หันมายิ้มและเรียกป๊าด้วยเสียงเล็กน่ารัก

"ปะป๊า?"

"ตวันหนูเป็นไงบ้างลูก ยังปวดหัวอยู่ไหม"

"อืออ ไม่แล้ว"

"รู้สึกยังไงบ้างตอนนี้"

"รักป๊า รักแด๊ด" ตวันกอดอ้อนเรียกความสนใจจากแด๊ดได้ชะงัด เขายิ้มให้ป๊าผู้บอกรักตอบแล้วโบกมือให้พี่น้อง "รักหลินกับหม่อน" คนหนึ่งส่งเสียงอืมรับรู้ส่วนอีกคนฟังไม่เข้าใจ ทำเพียงส่งเสียงอ้อแอ้มีความสุขกลับ

ปิดท้ายด้วยรอยยิ้มอาย ๆ ของผู้มีชื่อคู่ฟ้ากลางวัน แต่ทำบรรยากาศในห้องดำทะมึน

"รักโรมด้วย"

"รัก?"

"รักแฟน"

ตวันหัวเราะคิกคัก เขินแบบเด็กน้อยที่ไม่รู้จักหรอกว่าสิ่งที่พูดมาคืออะไร หรือมันได้จุดไฟในห้องลุกพรึบ ครัวกว้างขวางร้อนขึ้นสามหมื่นองศา

"ไอ้หนู วันนี้เอ็งว่างสินะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน"

โรมวิ่งพรวดออกไปก่อนจะได้ยินจบประโยค แด๊ดอยู่ใกล้ทางออกมากกว่าเลยไปดักรอ ผู้หนีตายจึงเปลี่ยนทิศทางกะทันหัน เขารู้ที่ทางภายในห้องคอนโดมากกว่าคนอื่น ๆ ถึงได้สามารถหลบหลีกขึ้นไปบนชั้นสองแล้วล็อกประตูบันไดเสร็จสรรพ

พ่อ ๆ ด้านล่างไปรวมกันหน้าระเบียง มองขึ้นไปยังพื้นชั้นสีขาวและราวระเบียงกระจก จ้องขึ้นไปยังชายหนุ่มที่หนีจากอันตรายไปอยู่บนนั้น

"พะ-พี่หลินช่วย—"

"ไม่มีใครทำร้าย 'เพื่อน' ตวันหรอกน่า" หลินตัดสินใจเลือกฝ่ายครอบครัวแล้วช่วยข่มขู่เป็นคนแรก ส่วนน้อง ๆ ยังมองซ้ายขวาไม่เข้าใจสถานการณ์

ป๊าแหงนคุยกับคนที่หน้าซีดเกาะระเบียงอยู่ชั้นสอง รอยยิ้มมุมปากดูใจดีจนน่าสะพรึง

"ลงมาเปิดประตูสิหนู"

"ไม่ครับ!"

"เราแค่อยากคุยด้วย"

"แล้วจะถือมีดมาด้วยทำไม!"

___

คราวนี้ผู้สอบสวนเป็นป๊าแทน นักโทษนั่งอยู่ตรงอาร์มแชร์ตรงข้ามกับชุดโซฟา เหมือนโรมเป็นโทรทัศน์ที่นั่งอึกอักให้คนดูใช้สายตาเฉียบคมคาดคั้น เชือดเฉือน สะเทือนขวัญเพ่งใส่ โดยมีเสียงลับมีดและหั่นผักผลไม้จากในครัวเป็นพื้นหลังประกอบ

"คบกันมานานรึยัง"

"สะ-สองปี-ครับ"

"ไม่เห็นบอกพี่กันสักคำ น้อยใจนะเนี่ย" หลินกลิ้งไปมาอยู่ตรงโซฟา ทั้งแอบฟังแล้วก็ถ่ายรูปเซลฟี่กับน้อง ๆ ไปด้วย โดยเฉพาะหม่อนที่พยายามเก๊กหน้าจริงจังเลียนแบบผู้เป็นพ่อ ตวันนั่งจมกองหมอนอิงอยู่ข้างเขา ตักไอศกรีมคำโตเข้าปาก ยิ้มให้กำลังใจทั้งพ่อและแฟน ไม่รู้ตัวเลยว่าพึ่งผลักแฟนลงไปอยู่ในหุบเหวด้วยตัวเอง

"ตวันห้ามไว้ครับ" โรมสารภาพ

ป๊ามองลูกชายคนกลางเชิงเป็นคำถาม คำตอบที่ได้รับเป็นอะไรที่ซื่อตรงอย่างไม่คาดคิด

"กลัวป๊าดุอ้ะ"

"โอ๋ ทำไมคิดแบบนั้นล่ะลูก ป๊าไม่ดุตวันหรอกป๊าแค่เป็นห่วง" ผู้เป็นพ่อลูบศีรษะเด็กชายอย่างเอ็นดู แววตาอ่อนโยนส่งให้ทั้งลูกชายและเพื่อนชายของลูก เป็นอันชัดเจนว่าป๊าอยากดุคนอื่นมากกว่า

"หนูพอจะเข้าใจน้องนะ ห่วงของป๊าน่ะเกินเหตุทุกที" หลินเข้าช่วยน้องชายตัวเอง

"ไม่ให้ห่วงลูกแล้วจะไปห่วงหมาห่วงแมวที่ไหน วัยนี้มันวัยเรียน ตั้งใจเรียนก่อนถึงค่อยมี"

"น้องเรียนจบแล้ว"

"นั่น—ใช่เวลามีแฟนที่ไหน ทำงานเก็บเงินก่อน ช่วงนี้ต้องก่อร่างสร้างตัว"

"น้องได้ผู้ชายรวยนะป๊า"

ป๊าเท้าเอวตาเขียวใส่ลูกสาวด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่าหลินเข้าข้างใครกันแน่ ทั้งใช้ความอดทนอันสั่งสมมานานรับมือลูก หลินเป็นคนชอบเอาชนะมาแต่ไหนแต่ไร ผสมกับความหัวรุนแรงของเด็กที่กำลังอยู่ในวัยค้นหาตัวเอง เข้าสู่วัยรุ่นตอนต้นฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่าน ต้องพยายามเข้าใจสักหน่อย

"ยังไงก็เถอะ เป็นเด็กตัวแค่นี้จะรีบหาแฟนไปทำไมฮึ หนูอายุเท่าไรเอง" ผู้เป็นพ่อเอามือทาบอกรับไม่ได้ การรู้ว่าลูกชายวัยเพียง 23 ที่ตัวเหลือ 4-5 ขวบมีแฟนแล้วรู้สึกเหมือนโลกกำลังสั่นคลอน ไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้ขึ้นเลขสี่ก็ยังเด็กเกินไปอยู่ดี

"ป๊าหนีตามผู้ชายตั้งแต่ 18"

"เด็กคนนี้นี่! ระวังคำพูดคำจาหน่อยสิ โอ๊ยยตาย" โดนสวนทีป๊าจะเป็นลม อยากเอามือปิดปากลูกผู้พึ่งเบะปากเถียงกลับแต่อุ้มลูกอีกคนอยู่ เด็กหญิงน้ำตานองหน้าคนนั้นหายไปไหนแล้ว "หยาบคายที่สุด ไปฟังใครเขาพูดมาฮึ"

"แด๊ดบอก"

ข้ออ้างกับหัวหน้าว่าแด๊ดป่วย…ถ้าจำเป็นจริง ๆ เดี๋ยวเขาทำให้มันเป็นจริงเอง

"เรา-เรามีเรื่องที่เร่งด่วนมากกว่าไม่ใช่เหรอครับ" โรมรีบละล่ำละลักบอกหลังได้ยินเสียงฝีเท้าแด๊ดใกล้เข้ามา เครียดตอนมองตรงหางตาเห็นร่างสูงใหญ่เดินมาจากห้องครัว ค่อยโล่งใจหน่อยที่เขาถือถาดใส่น้ำปั่นหลากสี ไม่ใช่ถาดใส่มีดหั่นเนื้อครบทุกขนาด

"ไหนน้ำแตงโมปั่นของใครเอ่ย"

หลินยกมือโบกคนแรก "ของหนูค่า!"

"โอวัลตินของตวัน"

"ขอบคุณฮับ"

"นมกล้วยของตัวเล็ก" ขวดนมใส่นมกล้วยกลิ่นหอม ๆ ถูกยื่นให้หม่อนผู้ยื่นมือรับอย่างรวดเร็ว

"อึมอึม ขอ-ดาดา"

แด๊ดเสิร์ฟน้ำให้นักโทษเป็นคนสุดท้าย "ใบบัวบกสำหรับเอ็ง"

เขาวางไว้ตรงโต๊ะกระจกหน้าอาร์มแชร์ เห็นโรมเกร็งขาเหมือนกลัวว่าแด๊ดจะเอาแก้วทุบโต๊ะแล้วใช้ปลายแหลมแทงคนอย่างไรอย่างนั้น ชายหนุ่มถึงได้ชวนคุยให้เด็กรุ่นลูกคลายความวิตกสักหน่อย

"อย่าไปเครียดน่า เราไม่ทำร้ายใครต่อหน้าลูกหรอก"

"แหะ ๆ เบาใจขึ้นเย้ออเลยครับ"

"ก็จริง เธอดูเป็นเด็กดี ฉันรู้ว่าเธอไม่กล้าทำอะไรหรอก"

"ไม่มีทางอยู่แล้วครับ ผมรักตวัน ยังไงก็ไม่มีทาง—" โรมหยุดกลางคันเมื่อเด็กชายละจากโอรีโอ้ปั่นเพื่อเข้ามาหา ชูแขนเหมือนจะกอด ท่ามกลางสายตาเชือดเฉือนสองคู่ โรมโน้มตัวลงมาให้คนตัวเล็กกอดคอเติมพลัง

"รักโรมเหมือนกัน"

"ขอบคุณนะ"

ป๊าไม่ได้ใจร้ายขนาดจะดุลูกให้นั่งอยู่ที่เดิม หรือไปกระชากลูกกลับมาจากคนแปลกหน้า ถึงในใจจะอยากทำแบบนั้นก็ตาม

นักโทษดูเหมือนมีชีวิตชีวาและความกล้าขึ้นสามเท่า

"ผมจริงจังกับตวันมาก ๆ ไม่มีทางทำให้ลูกชายป๊าเสียใจแน่นอนครับ เอาอะไรเป็นประกันก็ได้"

ผู้ฟังก็ผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว เขาไม่หวั่นไหวกับคำพูดสวยหรูหรือคำมั่นสัญญาหนักแน่นของคนหนุ่มสาว อะไรจะดีไปกว่าให้เวลาพิสูจน์ล่ะ จะให้โอกาส—เอาไว้ตัดสินใจทีหลังก็ยังไม่สาย

"เรียกฉันว่าลุงเถอะ"

"ซ้อมเรียกพ่อไว้ก่อนไม่ดีเหรอครับ"

"ซ้อม ๆ ใครนะ"

"ว่าที่ลูกเขยป๊าไง"

ไอ้เด็กนี่วอนตาย…

ในขณะที่เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สามีตัวดีกลับเอ่ยชมโรมทึ่ง ๆ แทนที่จะหักนิ้วกร๊อบข่มขู่ "ใจกล้าดีนี่หนุ่ม"

"อยู่ข้างใครกันแน่ห๊ะ" ป๊าละอยากลุกขึ้นไปดึงหูเขาสักทีเพื่อตักเตือน ได้รับรอยยิ้มขอโทษขอโพยปนขบขันกลับคืนมา ชอบจังล่ะได้แกล้งคนอื่นเล่นเนี่ย

_____