webnovel

ความหวัง

"อ้าว พี่ปราง มาได้ไงคะเนี่ย"

การปรากฏตัวขึ้นของพี่สาวโดยไม่ได้บอกกล่าวมาก่อน ทำเอาหญิงสาวเจ้าของรีสอร์ตอุทานด้วยความประหลาดใจ

จากหัวหินหญิงสาวก็ตรงมาที่เชียงใหม่อย่างเงียบๆโดยไม่ได้แจ้งให้น้องสาวหรือบิดามารดาทราบ หลังจากทบทวนความรู้สึกในใจแล้ว ยังไงหล่อนก็ต้องกลับมาที่นี่

สิปรางค์ยังอยากได้ยินคำให้อภัยจากวิน หล่อนไม่สามารถปล่อยให้ความรู้สึกระหว่างเขาและหล่อนคาราคาซังอย่างนี้ได้ อย่างน้อย… ขอเพียงได้พูดคุยกับชายหนุ่มอีกครั้ง เล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง เผยความในใจที่มีต่อเขา ถึงแม้ว่าท้ายสุด วินอาจจะยังเมินเฉยเช่นเดิม แต่อย่างน้อยหล่อนก็ได้ทำตามอย่างที่หัวใจร่ำร้องอยากจะทำ

หญิงสาวตัดสินใจจับเครื่องบินขึ้นมาเชียงใหม่ทันทีที่ความรู้สึกของหล่อนชัดเจน แม้ว่าปกติแล้วการทำอะไรโดยไม่มีการวางแผนล่วงหน้าจะไม่ใช่วิถีของหล่อน หากแต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้หล่อนเรียนรู้ที่จะกล้าทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง และเมื่อล้อเครื่องบินลงแตะพื้นสนามบินเชียงใหม่ หญิงสาวจึงได้ตระหนักโดยทันทีว่า หล่อนคิดถึงเชียงใหม่จากส่วนลึกสุดของหัวใจจริงๆ…

"ปกติพี่ไม่ดื่มกาแฟนี่นา"

ปริมถามขณะยกกาแฟมาให้พี่สาว รู้สึกแปลกใจการมาเยือนของคนตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ผู้เป็นน้องสาวเพิ่งจะรู้เรื่องการลาออกจากบริษัทของผู้เป็นพี่จากบิดามารดาหลังจากที่หล่อนกลับมาจากต่างประเทศกับสามีและลูกสาว

ข่าวคราวความเป็นไปของโรงงานที่หล่อนได้รับฟังมาทำให้ปริมอดเห็นใจพี่สาวไม่ได้ เหตุการณ์วุ่นวายกว่าที่หล่อนคิด ที่ผ่านมาสิปรางค์คงจะมีช่วงเวลาที่ลำบากใจอยู่ไม่น้อย

ผู้เป็นพี่สาวรับแก้วกาแฟจากน้องสาวขึ้นมาจิบ รสชาติกาแฟที่ไม่คุ้นเคยทำเอาหญิงสาวขมวดคิ้ว อือม์ กาแฟสำเร็จรูปสินะ รสชาติแบบนี้

"ก็หลังจากโรงงานเราปิดไป น้องยังไม่ได้ทดลองชิมของเจ้าอื่นๆแถวนี้เลยค่ะ เลยสั่งกาแฟของโรงงานเราที่ฉะเชิงเทรามาแทนก่อน" ราวกับจะเดาใจพี่สาวออก ปริมรีบชี้แจงหลังจากเห็นสีหน้าของสิปรางค์ขณะจิบกาแฟ

"ว่าแต่พี่หันมาเป็นคอกาแฟตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะเนี่ย แล้วมาเชียงใหม่คราวนี้ตั้งใจจะมาทำอะไรคะ"

"พี่อยากจะมาดูที่ดูทางอะไรนิดหน่อย" สิปรางค์ไม่ได้ตอบน้องสาวเรื่องการที่หล่อนหันมาดื่มกาแฟ ได้แต่ตอบเลี่ยงๆเรื่องจุดประสงค์การมาเชียงใหม่ของหล่อนในครั้งนี้แทน

"ฮั่นแน่ ติดใจเชียงใหม่แล้วล่ะสิ แล้วนี่เรื่องลาออกจากงาน พี่ป้องกับลุงปราณไม่เสียดายแย่หรือคะนี่" ปริมถามใส่พี่สาวเป็นชุด บ้านนั้นไม่น่าจะยอมง่ายๆ เสียคนทำงานเก่งๆอย่างสิปรางค์ไปหนึ่งคน "แล้วพี่ปรางไม่อยากทำงานกับบริษัทของคุณพ่อบ้างหรือคะ"

หากสิปรางค์ไม่ทันสนใจฟังน้องสาว หญิงสาวมัวแต่ชะเง้อไปทางบ้านท่าน้ำทางโน้น

ปริมสังเกตเห็นอาการชะเง้อของพี่สาว จึงเอ่ยขึ้นมา "บ้านนั้นน่ะ เค้าไม่อยู่กันทั้งบ้านค่ะพี่"

นี่พี่ปรางเค้าติดใจเชียงใหม่ หรือติดใจใครบางคนกันแน่

"เมื่อวานลุงแปงเพิ่งจะมาฝากบ้านไว้ แกต้องไปเชียงรายด่วน เอาเจ้าตัวเล็กไปแล้ว เห็นว่าลูกสาวแกไม่สบาย คุณวินเองก็ไม่อยู่หลายวัน"

"เอ๊ะ แล้ววินเค้าไปไหน" คนเป็นพี่ถามขึ้นอย่างฉับพลันโดยไม่รู้ตัว

ปริมมองพี่สาวยิ้มๆ หญิงสาวพอจะมองออกว่าสิปรางค์สนิทกับบ้านนั้นพอสมควร ซึ่งนั่นก็ทำให้หล่อนแปลกใจอยู่ครามครัน เนื่องจากไม่เคยเห็นคนสวยตรงหน้าจะสนิทสนมกับใครง่ายๆมาก่อน

"เอ ลุงแปงแกไม่ได้บอกนะคะ เห็นบอกแต่ว่าเมื่อวานคุณวินก็เพิ่งจะออกไป กว่าจะกลับมาก็คงอีกเป็นเดือน"

ผู้เป็นน้องลอบสังเกตอากัปกิริยาของคนตรงหน้า แม้หล่อนจะเคยสงสัยมาก่อน แต่ปริมก็ยังคงไม่แน่ใจว่าช่างวินกับพี่สาวของหล่อนสนิทสนมกันมากเพียงไร สิปรางค์เองก็ไม่ใช่คนที่จะพูดถึงเรื่องส่วนตัวนัก แม้แต่กับน้องสาวก็ตาม

คนมาเยือนรู้สึกผิดหวังอย่างไม่คาดคิด หญิงสาวตั้งใจจะมาอธิบายเรื่องราวทั้งหมด และขอให้เขายกโทษให้อีกสักครั้ง แต่หล่อนคงไม่มีโอกาสแล้วสินะ

หรือโชคชะตาจะบอกเราเป็นนัยๆ… ให้ตัดใจ...

ดอกขาวปั้น หนึ่งในดอกไม้ป่าที่พบบนดอยหลวงเชียงดาวกำลังแข่งกันชูช่อต้อนรับหญิงสาวด้วยช่อดอกสีขาวอมชมพู สิปรางค์อดไม่ได้ที่จะก้มลงมองดูใกล้ๆ ความงดงามของสถานที่แห่งนี้ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวังเลย ยอดดอยยังคงถูกปกคลุมด้วยเงาของปุยเมฆและสายหมอกแม้จะย่างเข้ายามสายแล้ว

วันนี้หญิงสาวจ้างรถพร้อมคนขับให้ขับมาส่งที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ ระหว่างทางมีจุดชมวิวหลายแหล่งให้หล่อนได้แวะชื่นชมกับทัศนียภาพอย่างเพลิดเพลิน

นี่เราเสียเวลาชีวิตไปหลายปี โดยที่ไม่เคยเงยหน้าขึ้นมามองความสวยงามของธรรมชาติบนโลกใบนี้เลย

อันที่จริงสิปรางค์ก็ไม่รู้จักภูมิประเทศของเชียงใหม่เท่าใดนัก หรือแทบจะเรียกได้ว่าไม่รู้จักเลยก็ว่าได้ หล่อนเคยขึ้นมาบนดอยสูงแค่สามครั้ง ครั้งแรกก็ตอนที่วินพาไปดูไร่กาแฟที่ดอยสะเก็ด ครั้งที่สองไปกับปกป้องและคุณแป้ง

และครั้งสุดท้าย… หญิงสาวยังจำความรู้สึกวาบหวานนั้นได้ ความสุขสมในเต็นท์กับวินที่ม่อนล่องยังตราตรึงในใจของหล่อนอยู่

และตอนนี้หล่อนก็เลือกมาที่นี่ที่ดอยหลวงเชียงดาว นั่นก็เพียงเพราะเผอิญได้ยินกลุ่มวัยรุ่นพูดคุยกันในร้านอาหารที่หัวหิน

ชีวิตที่ผ่านมาของหล่อนมีแต่การเรียนและการทำงาน หญิงสาวอยากลองสัมผัสด้านอื่นของชีวิตดูบ้าง

ไหนๆก็ไหนๆแล้ว การได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดูบ้าง อาจจะช่วยให้เราค้นพบตัวตนดีขึ้น…

กว่าหญิงสาวจะเดินทางขึ้นมาถึงโฮมสเตย์ที่จองไว้ก็บ่ายคล้อยแล้ว หลังจากเอาของไปเก็บในห้องพักเรียบร้อย สิปรางค์ก็เริ่มออกเดินสำรวจในบริเวณรอบๆ แถวๆนี้มีโฮมสเตย์อยู่หลายเจ้าน่าจะไม่ต่ำกว่าสิบแห่ง ที่พักที่นี่จะมีลักษณะเป็นกระท่อมไม้หลังคามุงจากเล็กๆหลังเดี่ยวๆ ปลูกอยู่ใกล้ๆกันเป็นกลุ่มๆไล่เรียงกันไปตามสันเขา

เจ้าของโฮมสเตย์ที่หล่อนอยู่เล่าให้ฟังว่าเจ้าของบ้านพักที่นี่ก็เป็นญาติๆกันเกือบทุกคน หากเจ้าไหนเต็มก็จะส่งให้เจ้าถัดๆไปโดยไม่มีการตัดราคากัน คำว่าโฮมสเตย์อาจจะใช้เรียกไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากแขกไม่ได้พักกับเจ้าของบ้าน แขกแต่ละกลุ่มก็พักกระท่อมของใครของมัน จะมีก็แต่อาหารมื้อเช้ากลางเย็นที่เจ้าของที่พักจะนำมาเสิร์ฟให้ถึงกระท่อม ไม่น่าเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะพัฒนามาไกลถึงยอดดอยนี้

อากาศเริ่มเย็นขึ้นผกผันกับแสงอาทิตย์ที่เริ่มแผ่วลง หญิงสาวกระชับผ้าคลุมไหล่ให้แน่นเข้าแล้วเดินทอดน่องไปเรื่อยๆตามทางเดินเล็กๆที่คดเคี้ยวไปตามไหล่เขา ถัดมาจากกลุ่มปลูกสร้างโฮมสเตย์ก็เป็นชุมชนบ้านเรือนของชาวบ้านท้องถิ่น ผู้เฒ่าผู้แก่นั่งกันอยู่ตามนอกชานของบ้านไม้เหล่านั้น

สิปรางค์หยุดยืนพักเหนื่อยดูเด็กๆวิ่งเล่นกัน ใกล้ๆกันนั้นกลุ่มหนุ่มสาวยืนจับกลุ่มคุยกันกะหนุงกะหนิง ช่วงเวลาเย็นๆที่อากาศสบายๆแบบนี้ ทำให้ความรู้สึกอยากอยู่เชียงใหม่ของหล่อนฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

ผู้มาเยือนจากเมืองหลวงเดินเรื่อยเปื่อยชมวิวทิวทัศน์จนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีใกล้ค่ำแล้ว สิปรางค์เหลียวมองรอบๆตัวซึ่งเริ่มจะเป็นผืนแนวของเรือกสวนไร่นา หญิงสาวคิดว่าหล่อนน่าจะเดินมาจนสุดปลายของบริเวณหมู่บ้านแล้ว หนทางข้างหน้าดูเหมือนเป็นทางเลี้ยวโค้งซึ่งก็ไม่รู้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน

หญิงสาวตัดสินใจหันหลังกลับ โดยที่หารู้ไม่ว่าหากหล่อนเดินเลี้ยวตามทางโค้งนั้นต่อมาอีกนิด หล่อนก็จะได้เจอกับคนที่หล่อนอยากเจอเขาที่สุดในตอนนี้…

"ขอบใจนาเว้ยตี้มา"

แทนไทตบบ่าเพื่อนรัก วินไม่เคยเปลี่ยนเลย เขาเป็นเช่นนี้เสมอมาตั้งแต่สมัยเรียน ไม่ว่าเพื่อนคนไหนจะเดือดร้อน ชายหนุ่มก็พร้อมจะปรากฏตัวขึ้นมาเคียงข้างในทันใด

ครั้งนี้ก็เช่นกัน อาจารย์หนุ่มเผอิญขึ้นมาเยี่ยมเยียนเด็กๆบนดอยแห่งนี้ตามปกติที่เขามักจะทำเป็นประจำเมื่อมีเวลาว่างจากการสอน แต่ครั้งนี้แทนไทถูกขอร้องให้อยู่ช่วยเหลือโรงเรียนที่นี่ก่อนที่เขาจะทันกลับลงไป

โรงเรียนประถมบนดอยเล็กๆแห่งนี้มีครูประจำอยู่เพียงแค่สองคน ในขณะครูคนหนึ่งไปสัมมนาในตัวจังหวัด ครูอีกคนก็เกิดป่วยหนักขึ้นมากะทันหัน ต้องเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลในตัวเมือง แทนไทถูกขอร้องให้ช่วยดูแลเด็กๆไปก่อoเนื่องด้วยช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบปิดภาคเรียนแล้ว อาจารย์หนุ่มรู้สึกหนักใจไม่น้อย เพราะตัวเขาเองก็ต้องกลับลงไปสอนที่มหาวิทยาลัยในไม่ช้า

แล้วอยู่ๆชื่อของวินก็ผุดขึ้นมาในหัว ล่าสุดที่คุยกันเขารับรู้มาว่าช่วงนี้วินไม่ได้ทำงานประจำ อาจารย์ไทจึงได้ไหว้วานให้เพื่อนรักมาช่วยดูแลนักเรียน สลับกับเขาที่ต้องกลับลงไปในตัวเมือง

"เออ เต็มใจว่ะ บ่เป็นหยัง ว่างๆอยู่" เสียงแหบทุ้มตอบกลับมา

วินกำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่ที่ชานไม้ไผ่บนเรือนไม้ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นบ้านพักครู เรือนพักนี้ปลูกค่อนข้างเป็นสัดส่วนอยู่ไม่ไกลจากทางโค้งปลายสุดของหมู่บ้าน ชายหนุ่มกำลังเหม่อมองไปยังเมฆที่ลอยต่ำบนยอดดอยหลวง เขาชอบมองภูเขา ชอบสีเขียวหลากหลายเฉดของมัน เขารู้ตัวเองดีว่ารักการใช้ชีวิตบนดอยมากเพียงใด

"ไม่ตามไอ่ดินมาด้วยอีกคนล่ะ" วินถามถึงเพื่อนรักอีกคน นึกย้อนไปถึงสมัยเรียน เขา แทนไท และแดนดิน จะชอบขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมานอนเล่นบนดอยกันเสมอๆ ไม่ว่าขณะนั้นจะมีวิชาเรียนหรือไม่ก็ตาม

"โอย รายนั้น นานๆกลับบ้านที หลงสาวเมืองกรุงอยู่ละมั๊ง" แทนไทเอ่ยถึงแดนดินเพื่อนผู้เป็นที่รักของเขาทั้งสอง

หลังจากจบปวส. ชายหนุ่มทั้งสามต่างก็แยกย้ายไปตามเส้นทางชีวิตของแต่ละคน แทนไทผู้ซึ่งเรียนเก่งที่สุดได้เข้าศึกษาต่อจนจบปริญญาตรีที่มช. และได้ทุนไปต่อจนจบปริญญาเอกสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากประเทศเยอรมนี ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ส่วนแดนดินเดินทางไปศึกษาต่อปริญญาตรีด้านวิศวกรรมโยธาที่กรุงเทพ และได้เข้าทำงานกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ในเวลาต่อมา

"นั่นเค้าพ่อรูปหล่อ น่าจะเป็นสาวๆที่มาหลงมากกว่าจะไปหลงสาว" วินพูดยิ้มเมื่อนึกไปถึงใบหน้าของเพื่อนรักอีกคน

เมื่อไหร่หนอที่พวกเขาทั้งสามคนจะมีโอกาสได้กลับมารวมตัวกันอีกที…

อากาศสดชื่นยามเช้าทำให้หญิงสาวรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาก สิปรางค์รู้สึกว่าตนเองตัดสินใจไม่ผิดที่หลบหลีกหนีความวุ่นวายข้างล่างขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่นี่ ข้าวต้มร้อนๆจากโฮมสเตย์ทำให้หล่อนเจริญอาหาร และพร้อมที่จะไปสำรวจในตัวหมู่บ้านอีกฟากหนึ่งจากที่ที่หล่อนพักอยู่ หญิงสาวออกเดินจากที่พักทันทีหลังอาหารเช้า

เสียงร้องเพลงของเด็กๆที่ดังมาจากไกลๆฉุดให้หญิงสาวต้องหยุดฟังด้วยความสนใจ หล่อนหันไปมองรอบๆตัว แล้วก็คาดคะเนว่าทิศทางของเสียงน่าจะดังมาจากในเรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ดูทรงจากลักษณะการเป็นห้องๆตามแถวแนวนอนแล้วน่าจะเป็นอาคารเรียน หญิงสาวมองเห็นเสาธงต้นเล็กตั้งอยู่หน้าอาคารหลังนั้นด้วย

สิปรางค์เดินตามเสียงเพลงนั้นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

โรงเรียนในชนบทหรือ หน้าตาจะเป็นอย่างไรนะ

หล่อนรู้จักประเทศไทยน้อยไปจริงๆ หล่อนอยากจะรู้จักแถวนี้ให้มากไปกว่านี้…

แต่เมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปถึงอาคารไม้หลังนั้น หล่อนก็ได้ยินเสียงทุ้มแหบที่คุ้นเคย ร้องประสานเสียงขึ้นมากับเสียงของเด็กๆ

สิปรางค์รีบสาวเท้าหรือเกือบแทบจะวิ่งขึ้นอาคารเรียนไปยังห้องต้นเสียงโดยเร็ว หล่อนจำเสียงนี้ได้ดี มันเป็นเสียงของเขา ใช่เสียงของเขาแน่ๆ หล่อนแน่ใจตัวเองว่าไม่ได้คิดถึงเขาจนหูฝาด สิปรางค์ภาวนาให้สิ่งที่หล่อนหวังอยู่เป็นความจริง

หญิงสาวมองเข้าไปในช่องประตูของห้องเรียนต้นเสียงนั้น

ชายหนุ่มแววตาอมยิ้มคนนั้น คนที่หล่อนอยากเจอมานานหลายเดือน เขากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะนักเรียนตัวหนึ่ง ท่านั่งกอดกีตาร์คู่ใจของเด็กตัวโค่งนั้นมันเป็นท่านั่งแบบสบายๆที่หญิงสาวแสนจะคุ้นเคย

ใช่เขาจริงๆด้วย!

คนร่างสูงกำลังเล่นกีตาร์และร้องเพลงกับเหล่าสมุนตัวน้อยๆ คนตัวเล็กๆเหล่านั้นพากันนั่งบ้าง ยืนบ้าง รายล้อมอยู่รอบตัวเขา ทุกคนกำลังร้องเพลงและเต้นโยกย้ายกันอย่างสนุกสนาน

โคตรดีใจเลย! ในที่สุดก็ได้เจอ!

ทั้งๆที่ใจอยากจะวิ่งไปโผเข้ากอดเขาให้สมกับความคิดถึงอย่างท่วมท้น หากหญิงสาวเลือกที่จะยืนพิงประตูฟังเขาร้องเพลงอยู่เงียบๆอย่างนั้น หล่อนอยากยืนมองเขาให้เต็มตาให้ชุ่มชื่นหัวใจเสียก่อน

ชายหนุ่มยังไม่ทันได้สังเกตเห็นผู้มาเยือน ยังคงเพลิดเพลินไปกับเด็กตัวเล็กตัวน้อย สิปรางค์มองภาพนั้นด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ วินก็ยังคงเป็นวิน ยังน่ารักอ่อนโยนเหมือนเดิม

หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยิ้มกับตนเอง

จนเมื่อเพลงจบ คนตัวโย่งหัวหน้าแก๊งเด็กจึงเงยหน้าขึ้นมา เพื่อที่จะพบกับรอยยิ้มอันอ่อนหวานของหญิงสาวรอคอยอยู่ก่อนแล้ว รอยยิ้มที่ส่งมาให้นั้นทำให้คนได้รับรู้สึกได้ทันทีว่า

หล่อนคิดถึงเขาเหลือเกิน…

วินแทบไม่เชื่อสายตาว่าผู้หญิงที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดในช่วงที่ผ่านมา อยู่ๆจะมาปรากฏกายตรงหน้าเขา ในที่ที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวตาไม่กะพริบ ผมที่เคยยาวประบ่าบัดนี้ยาวเลยไหล่ลงมาแล้ว เปลี่ยนให้ใบหน้าสวยเก๋นั้นกลายเป็นใบหน้าสวยหวาน ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองเขาตอบ รอยยิ้มนั้นช่างอ่อนหวานและอบอุ่น วินรับรู้ได้ถึงความรู้สึกคิดถึงอย่างสุดหัวใจจากดวงตาสวยคู่นั้น ชายหนุ่มเองก็เช่นกัน เขาคิดถึงหล่อนอย่างสุดหัวใจ

มีคำถามมากมายที่เขาอยากจะถามหล่อน หล่อนเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีไหม ปวดหัวอีกบ้างหรือเปล่า แล้วไปให้หมอตรวจอาการบ้างหรือยัง ทำไมถึงลาออกจากงาน แล้วจะทำอะไรต่อ แล้วจะไปอยู่ที่ไหน แล้วทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่

แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ให้ชายหนุ่มเอ่ยอย่างยิ้มๆออกไปว่า

"ใครร้องเพลงสาวเชียงใหม่เป็นบ้าง"

แล้วเขาก็รู้สึกอยากกัดปากตัวเอง พูดอะไรออกไปวะเนี่ย

เหล่าคนตัวน้อยที่รุมล้อมชายหนุ่มอยู่ แย่งกันยกมือเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว

"โอเควัยรุ่น งั้นเต็มที่เลย ไปกันให้สุด"

วินเริ่มบรรเลงอินโทรอย่างเร้าใจ ก่อนที่จะเป็นต้นเสียงร้องนำเด็กๆ

ไม่สิ ร้องนำคนสวยที่ยืนอยู่ตรงประตูนั้นมากกว่า

"ข้าเจ้าเป็นสาวเจียงใหม่..."

"แหมบ่เต้าใด ก็จะเป็นสาวแหล่ว..."

เด็กโข่งที่ยืนพิงประตูอยู่เริ่มร้องตาม และเดินเข้ามาหาหนุ่มนัยน์ตายิ้มได้คนนั้นอย่างช้าๆ

ขอบคุณดอยหลวงเชียงดาวที่นำพาให้เราได้มาพบกันอีกครั้ง…