webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

ตอนที่ 3

จิตกชเงยขึ้นมองทางที่เขาตกลงมามันดูเหมือนทางลัดไม่ก็ช่องระบายอากาศ แต่การที่มีมอสรองรับอยู่พอดีก็ทำให้เข้าใจว่าเป็นทางลัดได้มากกว่า แล้วจึงย้ายสายตากลับมายังโถงผนังเรียบไร้รอยผุพังเพดานสูงสามเมตรไม่กว้างนักอันเต็มไปด้วยโลงหินแตกหัก กระดูกใครไม่รู้จักกระจายเกลื่อนดูแล้วน่าสงสารพิกล ประตูทางเข้ามายังห้องนี้กองอยู่ที่พื้นครึ่งบานอีกครึ่งหักเป็นเศษหินไปแล้ว ทว่าร่องรอยพวกนี้ดูเก่าอย่างน่าประหลาด ทั้งที่ไม่รู้ว่ามีใครเข้ามาบุกรุกตั้งแต่เมื่อใด แค่ความรู้สึกบอกว่านานมากที่สุสานนี้โดนบุกรุกอย่างโหดร้าย

อย่างกับมิติเวลาในโถงสุสานนี้ต่างจากด้านนอกพิกล เหมือนมีม่านพลังบางๆ ลอยอยู่ในนี้เลยแฮะ

จินตกชกวาดตามองไปทั่วๆ อีกครั้ง หินแต่ละก้อนในโถงนี้เรียงตัวสวยงามเหมือนเพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน รูปสลักทั้งหลายก็ดูใหม่และงดงามราวมีชีวิตพาให้เดินเข้าไปดูใกล้ๆ จนได้ "คนที่เข้ามาบุกรุกถ่อยไปนะเว้ย รื้นค้นแล้วยังทำลายอีก เอาไปแต่ของมีค่าไม่ได้หรือไง" หลายเรื่องที่อ่านมาก็เป็นแบบนี้ ทำไมต้องทำลาย ถ้ามียามเฝ้าแล้วตีกันเละแบบนั้นเละเทะไม่ว่าทว่าห้องนี้มองอย่างไรก็ไม่มียาม แค่สุสานธรรมดาทำไมต้องทำลายแบบนี้ด้วย

แน่นอนว่าจินตกชไม่คิดหยิบอะไรไปจากที่นี่ทั้งนั้น ต่อให้หยิบขึ้นมาดูอย่างสนใจแต่ก็วางกลับคืน

"ฉันควรออกไปได้แล้วอย่างไรสุสานก็ไม่ควรอยู่นานเกินไป" ว่าแล้วสาวเท้าว่องไวอย่างระวังกระนั้นยังก้าวแล้วเหยียบลงไปบนกระดูกท่อนหนึ่งหักกระจาย "เว้ย ขอโทษค่ะ!" กระดูกท่อนนั้นแตกละเอียดจำสภาพเก่าไม่ได้เลย "ขืนปล่อยไว้แบบนี้ใครเข้ามาอีกคงได้เหยียบเละแน่"

หนอนน้อยรู้ว่ามันแค่สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากตัวอักษรที่รังสรรค์จากนักเขียนเท่านั้นแต่เห็นกองเกลื่อนแบบนี้แล้วสงสารจับใจ จากหนอนหนังสือเลยเปลี่ยนเป็นกรรมกรขุดเจาะชั่วคราว มีทั้งพลังจิตทั้งทักษะแค่ชั่วโมงกว่ากระดูกทั้งหมดลงไปเรียงตัวในหลุมกว้างยาวหลายเมตรที่จินตกชขุดขึ้นมา เขาทำได้แค่เอาลงไปเรียงให้เป็นระเบียบเท่านั้นไม่เป็นรูปร่างใดก่อนเอาดินที่ขุดไว้ทั้งหมดกลบเรียบร้อย เอาป้ายชื่อที่ยังพอดูได้เท่าที่มีมาปักเรียงให้

"ขอให้พักผ่อนอย่างสงบ ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะ อย่าโกรธอย่าอาฆาตที่เหยียดกระดูกหักไปนะคะ" ยกมือไหว้ท่วมหัวแล้วโกยอ้าวออกจากห้องนั้นอย่างไว จึงทำให้ไม่เห็นว่าแผ่นโลหะขนาดเท่าบัตรเครดิตร่วงจากเพดานลงไปในคอเสื้อด้านหลังแผ่นหนึ่ง ระหว่างวิ่งออกไปแค่ไม่กี่ก้าวสายตาที่ดีเกินไปดันมองเห็นทางแยกที่พรางไว้อย่างแนบเนียนจากการหักเหของแสงอีกทางทำเอาจินตกชเบรกตัวโก่ง ใช่ว่าอยากเบรกแต่กับดักน่ากลัวทำงานนะสิ

โกเลมรูปร่างเทอะทะสูงเท่าคนธรรดมาสิบกว่าตัวกรูออกมาจากทางนั้นเข้าจู่โจม ใช้สะบั้นสุญญากาศจัดการได้แน่ถ้าทางนั้นแค่พุ่งเข้ามาจู่โจมด้วยหอกดาบทั่วไป ทว่ามันล้ำไปไกลด้วยเปิดนำมาด้วยแสงเลเซอร์ยิงมาเป็นห่ากระสุน นั่นทำจินตกชสบถออกสื่อไม่ได้ร้อยคำสองเท้าสับว่องไวไม่มองหน้าใครทั้งนั้น ครู่เดียวทั้งผนังทั้งเส้นทางถล่มทลายฝุ่นควันฟุ้งเต็มไปหมด ทว่าไม่เป็นปัญหาในการโกยหน้าตั้งของคนขี้ริ้ว คมสุญญากาศอากาศฟาดฟันออกไปหลายร้อยครั้ง กว่าจะล้มได้สักตัวเพื่อเปิดทางหนี

"นี่มันยุคอะไร ทำไมมีปืนเลเซอร์ด้วยฟะ!"

เลเซอร์พวกนั้นผ่านอะไรเป็นตัดขาดหมดได้ราวหั่นวุ้น ทางนี้ต้องฟาดฟันแทบตายกว่าจะกันไม่ให้โดนตนเองได้ในแต่ละครั้ง

"แข็งไปไหมครับ สร้างมาจากหินอะไรเนี่ย!" เห็นอยู่ว่าเป็นหินแต่แข็งขนาดสะบั้นสุญญากาศระดับก้าวหน้ายังต้องฟาดใส่เป็นร้อยครั้งกว่าจะทำลายได้สักตัว "เอาเกล็ดมังกรมาสร้างหรือไงพี่ท่าน" โวยวายแล้วยิ่งวิ่งเร็วกว่าเดิม ที่น่าร้องไห้คือโกเลมพวกนี้ดันไล่กวดตามติดไว้ด้วยความเร็วเกือบหายใจรดต้นคอเขาแน่ะ

รูปร่างสุดเทอะทะแต่ทำไมเคลื่อนไหวได้เร็วแบบนี้

ซัดกันโครมครามไปตลอดทางแบบทำโบราณสถานสะเทือนได้เลยนั่นแหละ นั่นทำให้คนที่เข้ามาฝึกซ้อมทุกคนทุกกลุ่มต่างสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงมีแผ่นดินไหวแบบนี้

"ฝึกซ้อมมือใหม่มันต้องหินขนาดนี้เลยเหรอ มาตรฐานสูงไปไหมครับคุณนักเขียน" ไม่อยากโวยวายให้ใครเอาไปนินทาแต่ขอโทษเถอะโกเลมตามจี้พวกนี้โหดเกินไปนะครับ!!

โวยไปตลอดทางเอี้ยวตัวหลบเลเซอร์ กลิ้งหลบมือเท้าหินๆ ฟาดฟันผลักให้ห่างออกไป เตะสกัดขาแล้วแหกปากด้วยความเจ็บเองในขณะที่โกเลมไม่สะเทือนสักนิด จากนั้นก็กระโดดเป็นกบหลบการจู่โจมลบเงาหัวของพวกโกเลม สภาพทุลักทุเลแบบใครมาเห็นเข้าคงเอาไปนินทาตลอดชีพ แต่อย่างนั้นแหละจินตกชเหลืออะไรให้อายล่ะ เหลือเงาหัวดีกว่านะ

วิ่งโครมครามมาอีกสองอึดใจทะลุถึงห้องกว้างมีคนหลายกลุ่มรวมๆ ยี่สิบคนได้ทั้งนั่งพักทั้งพูดคุยถึงแรงสะเทือนนี้ก่อนจะแตกฮือหลบโกเลมกันวุ่นวาย

"โกเลมพวกนี้มาจากไหน!"

"ทำไมมันแข็งขนาดนี้" นักดาบฟาดเข้าไปทีเดียวดาบหักครึ่งกระเด็นไปเลย

"เวทใช้กับพวกมันไม่ได้ผลด้วย!" ระดมพลังเวทซัดใส่ ไม่ว่าลูกไฟ ระเบิดไฟ น้ำแข็ง ลมพายุล้วนไม่สะเทือน ส่วนคนที่พาโกเลมมาใช้โอกาสนี้เร่งความเร็วทิ้งห่างพวกตัวหิน แต่ไม่รู้ว่าเขาโดนล็อกเป้าหรือไงเลเซอร์เป็นสิบยิงไล่ตามหลังให้ถล่มทลายหินร่วงกราวน่าอันตรายแรงระเบิดจากด้านข้างก็กระแทกเสียซี่โครงแทบออกมาโบกธงขาว

"บนหัวฉันมีเป้าอยู่หรือไง ไปที่ไหนก็มีแต่ผู้ประทุษร้ายเนี่ย" เรื่องแรกก็ราชาซอมบี้ เรื่องถัดมาก็สายฟ้าด่านเคราะห์ มาเรื่องนี้โกเลมเป็นฝูงวิ่งไล่มาแบบคิดถึงเงาหัวคุณอย่างแรงเอามาประเคนพวกข้าเสียดีๆ

สองเท้ากระโดดเหยียบกำแพงที่พังจากการจู่โจมของพวกโกเลมส่งตนเองขึ้นไปลอยกลางอากาศแบบล่อเป้า หัวยิงเลเซอร์ของพวกโกเลมหันมาเล็งทันที จินตกชเปิดทักษะเต็มกำลังสะบั้นสุญญากาศเสริมด้วยพลังจิตขั้นแม็กซ์ฟาดฟันออกไปแบบต่อเนื่องคมพลังนับร้อยตัดผ่านเลเซอร์ไปกระแทกตัวโกเลม สร้างรอยร้าวได้มากมาย

"ขอแรงช่วยกันถล่มทีครับ ไม่งั้นพวกเราทั้งหมดได้ตายแน่!"

จินตกชตะโกนระหว่างลงพื้นทันทีที่เท้าแตะพื้นเจ้าตัวพุ่งเข้าใส่โกเลมตัวใกล้ที่สุด ผลักออกไปเต็มแรงส่งมันกระเด็นไปกระแทกตัวอื่นให้เสียกระบวนจากนั้นรีบถอยหลัง ทว่าช้ากว่ามือโกเลมตัวหนึ่งคว้าขาเขาได้ข้างหนึ่งแล้วเหวี่ยงขึ้นด้านบน จินตกชรีบใช้คมสุญญากาศตัดแขนโกเลมตัวนั้น ในระยะประชิดพลังจึงใช้ได้ผลดีกว่าใช้จากระยะไกล แขนเจ้าโกเลมขาดแต่ยังไม่หลุดจากขามันล็อกแน่นเป็นประแจปากตายเสียอย่างนั้น พอมีน้ำหนักถ่วงสมดุลในการลอยตัวย่อมเสียไปด้วย แม้น้ำหนักแค่นี้แทบไม่รู้สึกเพราะเขาแบกมามากกว่านี้เป็นร้อยเท่า แต่พอถ่วงเข้าไปก็ทำให้การเคลื่อนไหวสะดุดไปเล็กน้อยทำให้ลงพื้นแล้วกลิ้งตัวหลบการกระทืบใส่แทบไม่ทัน ห่างแค่นิ้วเดียว

ครั้นสปริงตัวขึ้นจากพื้นก็หลุดสบถออกมาให้สื่อเซ็นเซอร์ เขามายืนอยู่เสียกลางวงโกเลมหินเลยนี่นา

"ชิบเป๋งแล้ว ดันผ่ากลิ้งไม่ดูทาง!!"

หัวยิงเลเซอร์หันมาทางเดียวกันและพริบตาที่มันยิงออกมาจินตกชอาศัยความคล่องตัวคว้าเอวโกเลมตัวหนึ่งใช้เป็นหลักเหวี่ยงตัวลอดใต้หว่างขาตัวหนึ่งออกมานอกวง เฉียดฉิวให้ปลายขนไหม้ส่งกลิ่นโชย ส่วนพวกโกเลมโดนเลเซอร์จากการหันเป็นวงกลมจึงโดนกันเองจนพังทั้งหมด ถือว่าโชคดีไป

"หันเข้าเป็นวงกลมแบบนั้นมันก็ต้องโดนตัวตรงข้ามอยู่แล้วสิ ดีที่พวกมันไม่ฉลาด" ยกมือกุมอกถอนหายใจเสียวิญญาณแทบออกมาทางปาก

"นี่มันบ้าอะไรกัน โกเลมพวกนี้มาจากไหน" นักผจญภัยหลายกลุ่มเมื่อครู่เจ็บกันระนาวและกำลังใช้เวทรักษาอยู่ ส่วนคนที่ไม่เจ็บอะไรกล้าๆ กลัวที่จะเข้าใกล้ซากโกเลม ต่างจากบีสท์ขี้ริ้วนั่งลงดูว่าโกเลมพวกนี้มีอะไรให้เก็บได้บ้าง

"โห หินเวทระดับแรร์ทั้งนั้นเลย" แกนในตัวโกเลมทั้งหมดเป็นผลึกหินเวทหายากราคาประเมินไม่ได้เพราะเป็นของในโบราณสถานเก่าแก่ที่สุดในโลก

"นายคงไม่เก็บทั้งหมดหรอกนะเว้ย พวกข้าก็ช่วยจัดการพวกมันนะ"

"จริงด้วย ดูสิพวกข้าเจ็บกันตั้งหลายคน"

"พวกฉันลงมือเยอะที่สุดด้วย"

ในเมื่อมีจำนวนคนมากกว่าย่อมไม่เห็นบีสท์ขี้ริ้วในสายตาอยู่แล้ว จินตกชเก็บหินเวทมาแค่ชิ้นเดียวแล้วยืนขึ้น

"เชิญแบ่งกันตามสบายเลย" แล้วถอยห่างออกมาจากห้องนั้น เสียเอะอะแย่งของกันจะจบอย่างไรเขาไม่สนใจ ตอนนี้ต้องหาห้องเก็บสมบัติให้เจอก่อนหวังว่าทั้งสามคนคงรออยู่ที่นั่น

วิ่งมาพักหนึ่งถึงเบรกตัวโก่งเพราะเพิ่งนึกได้ว่าไม่รู้ตอนนี้ตนอยู่ตรงไหนห้องเก็บสมบัติอยู่ตรงไหน

"ระบบโบราณสถานคุณอยู่ไหม?" เงียบกริบเหมือนสัญญาณล่ม "คุณอารักษ์โบราณสถานอัลฮาซาน"

[อะไร? เจ้าบีสท์ขี้ริ้ว]

"ห้องสมบัติอยู่ตรงไหนหรือ ห่างจากที่ฉันอยู่มากไหมฉันต้องรีบไปหาเพื่อนน่ะ" จินตกชใช้น้ำเสียงนอบน้อมและสุภาพที่สุด เกือบแถมยิ้มสยามให้ด้วยแล้วดีนึกขึ้นมาได้ว่าร่างนี้ยิ้มล่ะบันเทิงแน่

แทนการตอบมีแผนที่โปร่งแสงปรากฏขึ้นตรงหน้าและมีจุดกากบาทสีแดงที่ห้องหนึ่งส่วนจุดสีทองแทนตำแหน่งเจ้าตัวขี้ริ้วที่รู้เพราะมีอักษรตัวเป้งสีแดงขึ้นว่าเจ้าบีสท์ขี้ริ้วเหนือจุดแสงสีทอง

"ขอบคุณที่เมตตาขอรับ" แล้วกระโจนออกไปเสมือนสัตว์ป่าหลุดออกจากกรงขัง ทำความเร็วได้มากกว่ายามฝ่ากับดักทั้งหมดพอถึงบันไดลงก็กระโดดลงไปทีละสิบขั้นพอมาถึงพื้นก็ออกวิ่งอีกครั้งก่อนนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ใช่หรือเปล่าดันมาถึงบันไดอีกชั้นและกระโดดลงมาแล้วด้วย

"ฉันตกลงมาด้านล่างนะตอนลงไปที่สุสานถึงพื้นดินด้วย แล้ววิ่งออกมาหนีพวกโกเลมไม่ได้ขึ้นบันไดที่ไหนไม่รู้สึกว่าขึ้นเนินด้วย แล้วทำไมยังลงมาอีกสองชั้นล่ะ?" ครั้นหยุดฝีเท้าเพราะคิดว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้องหมอบหลบลงติดพื้นอย่างไว พ้นคมดาบสิบกว่าเล่มฟันแบบขนานพื้นจากมือโกเลมรูปร่างบางกว่าพวกแรก "นี่อย่าบอกนะว่าหลอกมาเชือดทิ้งน่ะคุณอารักษ์!" ถูกประชิดตัวขนาดนี้ไม่มีจังหวะให้ถอยห่างได้ เจ้าตัวจึงใช้มือปัดเบี่ยงทิศทางดาบในมือโกเลมที่ฟันเข้ามาเท่าที่ทำได้

[อย่ามากล่าวหากันนะเว้ยเจ้าบีสท์ขายไม่ออก ห้องสมบัติย่อมมียามเฝ้ารู้อยู่ยังโวยวายเหมือนไม่ได้เอาสมองมาตอนเกิดหรือไง]

โอ๊ย อารักษ์อะไรปากร้ายแบบนี้

"ก่อนหน้าไม่มียามอะไรแบบนี้สักหน่อย มีแค่กับดักตามทางนิดหน่อยเองนี่นา" โวยไปสองมือปัดป้องสองเท้าขยับว่องไวหลบหลีกก่อนจะสะดุดขาโกเลมตัวหนึ่งทางนั้นใช้โอกาสนี้ฟาดดาบเข้าใส่ จิตกชสวนกลับไปด้วยหมัดอย่างไว และเปรี้ยงเดียวทำทางนั้นแตกกระจาย "พวกนี้เปราะกว่าพวกแรกนี่นา" ในเมื่อทำลายได้ไม่ยากจิตกชจึงกระโจนเข้าไปเป็นผู้ล่าแทน

หลบดาบตัวหนึ่งต่อยเสยกระเด็นไป หมุนตัวถีบส่งอีกตัวที่พุ่งเข้ามาด้านหลังก่อนจะฟาดคมดาบสุญญากาศแบบต่อเนื่องเข้าใส่เก็บกวาดได้ทั้งหมด จากนั้นก็สาวเท้าหน้าตั้งอีกครั้ง

"มันมีโกเลมกี่รุ่นกี่ตัวกันเนี่ย!" คว่ำไปอีกเป็นสิบโผล่ออกมาเสริมเป็นร้อยแถมมีสารพัดรูปแบบอีกต่างหาก มีกระทั้งรูปร่างสัตว์ป่า ไล่ล่าเหมือนจินตกชเป็นของหายากที่ต้องชิงมาให้ได้

ฝีมือที่ฝึกฝนมาพลังจิตทั้งหมดทักษะเปิดใช้หมดหน้าตักแม้ทำให้เจ้าตัวราวอาวุธทำลายล้างเคลื่อนที่ทว่าศัตรูมากมายซ้ำทำลายยากเจ๋งแค่ไหนก็ทำเจ้าตัวหอบตัวโยนจนมุมที่ประตูห้องหนึ่งจนได้ ห่างออกไปห้าเมตรรายล้อมด้วยโกเลมหลายขนาด

"นี่แค่ที่ฝึกพวกมือใหม่จริงหรือ แบบนี้หมายความว่าฉันอ่อนเป็นหนอนจริงๆ ใช่ไหม" จินตกชไม่อยากยอมรับเลยฝีมือที่ฝึกฝนมาต่ำต้อยยิ่งกว่ามือใหม่ของที่นี่เสียอีก

[มือใหม่อะไรของเจ้า โบราณสถานแห่งนี้ระดับยูนิตเฟ้ย อย่ามาเข้าใจเอาตามใจชอบนะเจ้าขี้ริ้ว รู้ไหมมันเสียมารยาท!]

"ยูนิต!! บ้าแล้ว ก็ไหนว่าโดนเคลียร์จนไม่เหลืออะไรแล้วไงล่ะเขาถึงใช้เป็นที่ฝึกซ้อมพวกมือใหม่กันน่ะ"

[เคลียร์ อย่าพูดให้ขำ พวกนั้นผ่านได้แค่ส่วนยอมให้ผ่านเท่านั้น แต่ก็มีบางพวกชั่วซุ่มรอจนได้โอกาสใช้กลโกงลงไปยังสุสานแล้วรื้อค้นทำลายอย่างชั่วร้ายซึ่งเจ้าพวกนั้นตายหมดแล้วหลังก้าวออกจากห้องสุสาน โกเลมกลุ่มแรกที่เจ้าเจอนั่นแหละบดทำลายแบบไม่เหลือซาก]

เสียงบรรยายไม่ต่างจากกำลังฟังนิยายสยองขวัญยามเที่ยงคืนทำเอาสันหลังจินตกชเย็นยะเยือก

"แล้วห้องสมบัติเล่ามีคนบอกว่าของมีค่ากองเท่าภูเขาในห้องนั้นแต่ขนออกไปหมดแล้วนี่นา"

[เหรียญทองเครื่องประดับอัญมณีพวกนั้นคือของมีค่าของพวกเจ้างั้นหรือ ตาต่ำเสียจริง]

"พูดยังกับว่ามีอะไรอื่นมีค่ามากกว่าของที่ว่านั่นเลยนะ อ๊ะๆ ไม่ต้องบอกฉันไม่อยากได้ของมีค่าของโบราณสถานนี้หรอกนะ ถ้าไม่ใช่แพรร์สโตน" พูดแล้วนึกได้ว่าเนื้อเรื่องจะไม่เริ่มถ้าพระเอกยังไม่เกิด

[แน่นอนว่าโบราณสถานแห่งนี้ไม่มีแพรร์สโตนแต่ก็มีสิ่งอื่นที่ผู้ใดได้รับไปจะกลายเป็นผู้เหนือกว่าคนทั้งโลก]

ของแบบนั้นเดี๋ยวพระเอกก็มาเอาไปเองแหละ

"ไหนๆ เราก็คุยกันมาพักใหญ่แล้วช่วยบอกโกเลมพวกนี้ทีได้ไหมว่าฉันไม่ได้มาเอาสมบัติอะไรทั้งนั้น แค่หลงทางและฉันอยากออกไปจากโบราณสถานแล้ว รับปากเลยว่าจะไม่เข้ามาอีกแน่นอน" สองมือยกขึ้นอย่างคนยอมแพ้ ทำลายโกเลมไปหลายสิบเหลืออีกเป็นร้อย หนอนหนังสือหมดแรงแล้ว

[ทางนี้สั่งอะไรไม่ได้หรอก พวกมันมีหน้าที่กำจัดผู้บุกรุกที่กล้าบุกเข้ามาในส่วนหวงห้ามและพวกมันจะไม่เลิกไล่ล่าจนกว่าผู้บุกรุกจะหายไป]

"เจ้าอารักษ์ไม่มีใครคบ!" จินตกชกัดฟันกรอดยังไม่ทันทำอะไรอีกแสงสว่างเล็กน้อยรอดออกมาจากหลังบีสท์ขี้ริ้ว แน่นอนว่าเขาไม่เห็นเพราะแสงนั้นสว่างน้อยกว่าแสงหิ่งห้อยเสียอีก บานประตูที่พิงอยู่เปิดออกฉับพลันทำให้เจ้าตัวหงายหลังล้มโครมเข้าไปหลังประตู

สองตามองเห็นห้องโถงกว้างเพดานสูงลิบทรงโค้งเหมือนท้องพระโรงในปราสาทยุคกลาง ภายในเป็นผนังหินดูใหม่ราวเพิ่งสร้างเสร็จ ไร้คบไฟทว่าสว่างด้วยละอองแสงสีทองกระพริบวิบวับลอยอยู่เกลื่อนห้อง พื้นยกสูงด้านในสุดมีแท่นหินขนาดใหญ่ด้านบนคือผลึกมานาสีทองอร่ามแผ่ไอพลังมหาศาลแบบไม่มีสิ่งใครวัดค่าพลังของมันได้ สองข้างทางคือหุ่นหินผสมโลหะรูปร่างเหมือนคนธรรมดาทว่าสูงสง่าดุจเทพนักรบรักษาบังลังก์

"หุ่นพวกนั้นคงไม่ใช่โกเลมเคลื่อนไหวได้แบบเจ้าพวกนี้หรอกนะ ถ้าใช่ฉันตายแน่" หนอนหนังสือคนนี้อาจลงไปนอนคุยกับญาติใต้ดินในเร็วๆ นี้เสียละกระมัง เวลางอแงมีไม่มากโกเลมด้านนอกฟาดอาวุธใส่จินตกชรีบกลิ้งตัวเข้าไปในห้องนั้น โกเลมด้านนอกหยุดชะงักเหมือนพวกมันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้ได้ "เหมือนฉันจะรอดแล้วนะ" นอนแผ่หอบหายใจที่พื้นจนพลังฟื้นถึงลุกขึ้นเดินสำรวจหาทางออก

แม้เจ้าผลึกขนาดใหญ่แบนแท่นโดดเด่นสะดุดตาทว่ามันไม่สามารถเรียกความสนใจจากบีสท์ขี้ริ้วซึ่งกวาดตาสำรวจไปทั่วห้องเพื่อหาทางออกไปจากที่นี้ได้แม้แต่น้อย เดินผ่านไปเคาะผนังฝั่งหนึ่งแบบระวังตัวสุดชีวิตเหลือบมองพวกหุ่นสูงท่วมหัวตลอดเวลาไม่มีอะไรผิดปกติ เดินข้ามไปอีกฝั่งไล่เคาะไปตลอดฝั่งยังคงตันแน่นไร้ช่องทางลับ

"ไม่เอาน่าต้องมีทางลับผ่านออกไปจากห้องนี้สักทางที่ที่ไม่ใช่ประตูหน้าสิ ขืนออกไปทางเดิมได้โดนโกเลมพวกนั้นสับเละพอดี" ยังคงเดินสำรวจอย่างมีความหวัง วิสัยทัศน์ระยะไกลเปิดใช้เต็มที่เก็บรายละเอียดไปทั่วจนที่สุดก็ไปหยุดยังแท่นหินบนพื้นยกสูง "ตรงนั้นหรือ"

จินตกชรีบวิ่งขึ้นไปที่แท่นหินทว่าสันหลังเย็นยะเยือกขึ้นมาฉับพลันเจ้าตัวชะงักเท้า โกเลมหินทั้งโถงหันมามองเจ้าตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วตามด้วยการขยับตัวของพวกมัน

"ชิบเป๋งแล้ว หรือเจ้าพวกนี้คิดว่าฉันจะขโมยผลึกมานาแท่งนี้" ในเมื่อเจ้าตัวกำลังตรงไปหาผลึกแท่งนั้นนี่นา "จะมโนอะไรเรื่องของพวกนายฉันแค่หาทางออกเว้ย!" ไม่คิดอะไรให้เสียเวลาอีกจินตกชพุ่งตัวไปยังแท่นหินรวดเร็ว

ระยะทางแค่ไม่กี่ร้อยเมตรไม่น่าเป็นปัญหาถ้าพวกที่ขวางทางไม่ใช่โกเลมนักรบ ดาบหินในมือโกเลมตัวหนึ่งตวัดฟาดแค่เฉี่ยวแต่ก่อเกิดแรงระเบิดน่ากลัว แล้วยังมีแรงทำลายพื้นที่อีกหลุมใหญ่

"ของแบบนี้นอกจากพระเอกแล้วใครมันจะล้มได้ฟะ พลังทำลายล้างขนาดนี้แล้วยังฝีมือดาบระดับปรมาจารย์อีก เว้ยโกง!" ทางนั้นใช้ดาบทางนี้ก็คมสุญญากาศฟาดฟันปัดป้องกันมือเป็นระวิง ต่อให้หักล้างกันได้พอดีแต่เสียเปรียบเรื่องจำนวนไม่นานคงรู้ผล ถึงบอกว่าไม่นานแต่กับจินตกชที่ฝึกความอดทนมาแบบมหาศาลก็ยันได้หลายชั่วโมงนั่นแหละ แต่จะมัวทำแบบนั้นอยู่ทำไมมีจังหวะหนีได้ก็หนีสิ

พวกโกเลมนักรบแสดงให้เห็นถึงฝีมือดาบอันเหนือชั้นทั้งการผสานกำลังและจังหวะจู่โจม จินตกชเลือกทักษะพลังระดับแม็กซ์แล้วยังได้รับการฝึกสอนจากผู้บำเพ็ญฝีมือของจริง จากเรื่องก่อนเจ้าตัวยังไม่ได้ใช้วิชาดาบที่กังจวี้แสดงให้ดูก็ตายเสียก่อนแล้ว ตอนนี้อย่างไรก็ต้องลองใช้แล้ว เจ้าตัวสงบใจลง สองมือวางข้างตัว เพียงเสี้ยววินาทีก็ตวัดออกไปรวดเร็วกว่าดาบในมือโกเลมพวกนั้นหลายเท่า

"สะบั้นสุญญากาศสรรพคราส!"

คมอากาศที่ปรากฏขึ้นเป็นสีดำอมม่วงถูกจินตกชตวัดออกไปเป็นวงกลมสมบูรณ์ พลังทำลายพุ่งออกไปแบบสามร้อยหกสิบองศา ตัดผ่านทุกห้วงอากาศฟาดฟันทำลายอาวุธในมือโกเลมทุกตัวรวมทั้งดีดพวกมันกระเด็นไปกระแทกผนังโถงได้ทั้งหมดในครั้งเดียว ถ้าจินตกชมีทักษะสะบั้นสุญญากาศในระดับผู้เชี่ยวชาญการลงมือนี้จะป่นทุกอย่างเป็นผงรวมทั้งห้องนี้ด้วย ยามนี้ทำลายอาวุธและดีดห่างออกไปได้ถือว่าดีมากแล้ว

ทางด้านหน้าเปิดโล่งแล้วบีสท์ขี้ริ้วพุ่งออกไปสุดตัวแล้วกระโดดสองขาถีบแท่งผลึกสีทองบนแท่นกลิ้งตกไปอีกด้าน บนแท่นมีโพงใหญ่พอที่เขาจะทิ้งดิ่งลงไปได้ ใครจะรอให้โกเลมตั้งตัวได้เล่าเจ้าตัวกระโดดลงไปทันทีแต่ยังช้าไปกว่าหอกด้ามหนึ่งในมือโกเลมขว้างมาปักใส่หลังคอ แรงกระแทกแบบนั้นไม่แค่หมดสติมันควรแทงทะลุคอไปเลยแต่เปล่า หอกด้ามนั้นแตกกระจายเป็นเศษชิ้นเล็กๆ และแรงกระแทกนั้นก็ทำให้จินตกชหมดสติระหว่างตกลงไปในโพงนั้น

พอผู้บุกรุกหายไปแล้วและไม่ได้หยิบฉวยสิ่งใดในโถงติดมือไปด้วยการไล่ล่าจึงหยุดลง เหล่าโกเลมช่วยกันยกแท่งผลึกขึ้นมาตั้งอย่างเรียบร้อยและกลับไปยืนประจำตำแหน่งเดิม รอยพังทลายในห้องฟื้นคืนสภาพอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงอึดใจทุกสิ่งกลับเป็นปกติเสมือนเมื่อครู่ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นในห้องนี้ทั้งนั้น

"นี่มันก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้วนะเราจะนั่งรออยู่แบบนี้อย่างเดียวหรือ" พินเดอร์หมุนขนมปังก้อนหนึ่งในมือ

"ก็แล้วจะให้ไปตามหาตรงไหนล่ะ ทางลับที่ซีวิลล์เจอก็แผ่ความรู้สึกน่าสยดสยองออกมาเสียขนาดนั้น ฉันยอมรับว่ากลัวจนแทบก้าวขาไม่ออก" นึกถึงทางแยกห้าทางในห้องปิดทึบห้องนั้นแล้วนาธานสันหลังเย็นไม่หาย

ลูอิซพลิกขนมปังบนตะแกรงย่างเหนือกองไฟที่พวกเธอก่อไว้ในห้องนี้แล้วใช้อุ่นขนมปังรอบีสท์ขี้ริ้ว "ฉันเองก็กลัวจนก้าวข้าไม่ออกเหมือนกัน หลังทางแยกเหล่านั้นอาจเป็นห้องที่ยังไม่มีใครเคลียร์ก็ได้"

ถ้าเป็นก่อนหน้าเจอทางเหล่านั้นพินเดอร์กับนาธานคงบอกว่าลูอิซคิดไปเอง แต่ตอนนี้ไม่รู้ทำไมทั้งสองเชื่อหมดใจขึ้นมาว่าส่วนที่เคลียร์ได้ของโบราณสถานแห่งนี้อาจแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้นกระมัง และยังมีสิ่งลึกลับเกินกว่านักผจญภัยทั้งหมดในภูมิภาคนี้รับมือไหวเก็บซ่อนอยู่

แน่นอนว่าความคิดของทั้งสามถูกต้อง โกเลมในห้องท้องพระโรงแค่ตนเดียวก็สามารถกำจัดนักผจญภัยระดับ A ได้ไม่ยากทว่าที่เอาจินตกชไม่อยู่เพราะทางนี้ไม่ใช่ระดับ A ทั่วไป

ด้านหลังทั้งสามปรากฏทางเวทขนาดคนคนหนึ่งร่วงออกมาได้ บิสท์ขี้ริ้วร่วงออกมาจากทางเวทนั้นแล้ววงเวทก็หายไป

ทั้งสามคนได้ยินเสียงด้านหลังรีบหันกลับไปมองพร้อมตั้งท่าซัดพลังใส่ทุกสิ่งถ้าเป็นมอนสเตอร์ ก่อนจะเห็นว่าใครกองอยู่ตรงนั้น

"ซีวิลล์!"