webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

บทที่ 8

สี่วันท้องฟ้าเหนือสำนักฮู่ซานยามนี้มืดทะมึนไปด้วยมารหลากสายพันธุ์บินกันเกลื่อนฟ้า ทางพื้นดินก็มีกองทัพมารนับไม่ถ้วนเช่นกัน พวกมารทำการปิดล้อมภูเขาหลักของสำนักฮู่ซานได้อย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีใครหนีออกไปได้ทัน ยามนี้จึงทำได้แค่ตั้งหลักสู้อยู่หน้าโถงหลักที่ใช้รับรองแขกคนสำคัญทั้งหลาย

"เท่านี้เองหรือสำนักฮู่ซานไหนว่ามีคนเก่งมากมายไง เจ้าคนที่กล้าท้าทายจอมมารของพวกข้าเล่าอยู่ไหน" มารท่าทางองอาจร่างสูงใหญ่ตวัดอาวุธมีคมในมือออกไปขณะพูด พลังทำลายพัดกวาดกระเบื้องบนหลังคาแตกกระจายเกิดรูโหว่ขนาดใหญ่

"ข้าเบื่อที่ต้องเล่นกับขยะพวกนี้แล้วนะ" มารระดับขุนพลอีกหนึ่งตนนั่งหาวบนหลังสัตว์อสูรตัวยักษ์ "ไปแต่ละที่มีแต่ขยะเมื่อไหร่จะเจอหยกบ้างนะ"

"อยากได้หยกก็ไปร้านขายเครื่องประดับสิ มาผิดที่เองแล้วบ่นทำไม" จินตกชมองประเมินกองพลมารมากมายมหาศาลครู่หนึ่งแล้วยกมือกดขมับพลางเดินออกมานอกโถงรับรอง

คราวซอมบี้ว่าเยอะแล้ว เทียบตอนนี้ไม่เห็นฝุ่นเลยเว้ย

ทุกสายตาเย็นเฉียบพุ่งมายังคนพูดทันที ก่อนเบ้หน้าตามกันไป

"อะไรฟะนั่น คนหรือผี!"

"อัปลักษณ์สิ้นดี หน้าแบบนั้นยังกล้าเอาออกมาให้ผู้คนเห็นอีกหรือไอ้นี่"

"ทำไมข้าต้องมาสายตาเสียกับของแบบนี้ด้วย!"

มารระดับขุนพลสามตนโวยวายใหญ่โต ก่อนอาวุธในมือมารร่างใหญ่จะตวัดเข้าใส่คนขี้ริ้ว

"อย่าอยู่ให้ระคายตาเลยไอ้นี่"

แรงทำลายพัดกวาดทุกสิ่งรอบด้านระเบิดไปไกล แล้วยังทำศิษย์ฮู่ซานอีกหลายสิบคนเจ็บระนาวด้วย ดีที่ได้คุณหนูเจียงกางพลังป้องกันแรงทำลายถึงลดทอนลงได้บ้าง ไม่เช่นนั้นคงมีใครตายจากการลงมือนี้แน่นอน

"ไงล่ะไม่เหลือแม้แต่ซากเลยไหม" มารผู้ลงมือแสยะยิ้มแล้วมองเลยมายังสาวเจ้า "ใช้ได้นี่ยายหนู อนาคตไกลถ้ายังรอดไปได้นะ"

สาวเจ้ายกมือขึ้นข้างหนึ่ง "ไม่คิดรอดไปจากนี้อยู่แล้วเจ้าค่ะ ตั้งใจว่าจะใช้โอกาสนี้ออกไปอยู่แล้ว แต่ก่อนไปขอวัดฝีมือกับขุนพลสักตนก่อนนะเจ้าคะ" ยิ้มให้อย่างสดใสผิดอารมณ์มากที่สุด

เพราะไม่คิดว่าจะได้รับการตอบกลับมาแบบนี้ทำเอาขุนพลมารร่างใหญ่อึ้งไปเลย ไม่แค่นั้นอีกสองอึ้งเช่นกัน

"นางคงสติไม่ครบนัก"

"คงแบบนั้น แต่พลังใช้ได้นะ"

"นางอยากวัดฝีมือกับเจ้านี่นา ให้นางสมหวังสักหน่อยสิ" มารที่นั่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรช่วยส่งเสริม

มารร่างใหญ่มึนงงนิดหน่อยกับความคิดนาง "เอาสิ ถ้าเจ้าทำให้ข้าได้สักแผลจะละเว้นชีวิตให้ละกัน" แสยะยิ้มเหี้ยมได้น่ากลัวยิ่ง คนของฮู่ซานบางคนถึงกับเข่าอ่อนต่างจากคุณหนูเจียงยังยืนได้อย่างมั่นคง

"น่ากลัวมาเลยเจ้าค่ะ แค่แผ่ปราณมารออกมาก็ทำหลายคนหมดสติได้แล้ว" อิลิเลียกลืนน้ำลายฝืดคอ

"ก็เจ้านี่ระดับขุนพลนี่นาแม่นางน้อย ไหนแสดงให้พวกข้าดูสิความกล้าเมื่อครู่" อีกหนึ่งขุนพลผู้มีใบหน้าสวยหวานยกมือให้สัญญาณ พอตวัดมือลงอาวุธประจำตัวขุนพลมารร่างใหญ่ก็มาถึงคอคุณหนูเจียงแล้ว

ทั้งที่ควรเห็นศีรษะสาวเจ้าตกพื้นแต่เปล่าเลย เสี้ยววินาทีอาวุธถูกเตะส่งขึ้นฟ้าแล้วสาวเจ้าก็กระโจนเข้าใส่ดุจแมวป่าดุร้าย

"ทักษะนักรบขั้นกลาง พัดกวาดวงกว้าง!" ลมพายุทำลายล้างแบบทอนาโดลูกใหญ่ก่อตัวในเสี้ยววินาทีแล้วถล่มใส่พวกมาร ทั้งบนพื้นทั้งบนฟ้า ถล่มทลายเป็นวงกว้างเก็บกวาดมารเล็กมารน้อยไปหลายร้อยในครั้งเดียว ส่วนขุนหลมารทั้งสามกลิ้งไม่เป็นท่าไปหนึ่ง อีกสองถอยหลังไปหลายก้าว ต่างจับจ้องสาวน้อยอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนกลายเป็นหงุดหงิดเหลือทน

"นางเด็กนี่อย่าอยู่เลย!" หนึ่งขุนพลมารหน้าสวยที่ล้มกลิ้งกระโจนจากพื้นมาฟาดฟันพลังใส่สาวเจ้า ก่อนเจ้าร่างใหญ่ตามมาสมทบ

อิลิเลียไม่ห่วงสวยอยู่แล้วกลิ้งตัวหลบ วิ่งหน้าตั้ง คลานเป็นแมวก็เอา ยิ่งทั้งสองร่วมมือกันถล่ม สายพลังมากมายเฉี่ยวไปมาสุดอันตราย แล้วยังไล่กวดกัดไม่ปล่อย

"จะหลบเก่งอะไรนักหนานังเด็กนี่!" ทุ่มใส่กะลบเงาหัวได้แน่นอนทว่าทางนี้ปัดป้องแล้วไถลผ่านราวปลาในน้ำ

"เป็นเจ้ารู้ว่าโดนแล้วเจ็บยังรอรับไหมเล่า โวยวายอะไรใช้สมองหน่อยค่ะ" กระโดดข้ามหัวหนึ่งส่งเท้ายันไหล่อีกตนแล้วลอยขึ้นไปบนฟ้า สองมือมีลูกพลังที่ประคองไว้เมื่อก่อนหน้าแล้วทุ่มใส่ทันที ขุนพลร่างใหญ่ฟาดอาวุธออกไปชนกันกลางอากาศ เกิดระเบิดรุนแรงพัดกวาดทุกสิ่งพินาศ ใครโดนลูกหลงบ้างไม่มีเวลาดู ขุนพลมารตามไล่ล่าแบบไม่ให้มีจังหวะพักหายใจ

ในเมื่ออยู่ในโลกเทพเซียนอิลิเลียใช่ว่านั่งๆ นอนๆ เป็นคุณหนูเอาแต่ใจเก็บแต้มให้ครบอย่างเดียว เธอเองก็ใช้โอกาสนี้ฝึกฝนตนดังที่เคยบอกจินตกชจริงๆ

"ฉันน่ะไม่เอาอีกแล้วได้การเลือกให้คนอื่นปกป้องอย่างเดียว มันน่าสมเพชที่สุด!" ทักษะนักรบรวมกับพลังฝีมือที่ฝึกฝนมา ทำให้รับมือขุนพลมารได้อย่างน่าทึ่ง แม้แต่ขุนพลอีกหนึ่งผู้นั่งดูยังไม่คาดคิด

"ยายหนูนั่นเป็นใครกันแน่"

"รับมือพวกเราถึงสองตนได้ มันไม่ธรรมดาแล้ว"

"ฮู่ซานมีศิษย์ฝีมือดีขนาดนี้เชียวหรือ"

พวกมารทั้งหลายต่างหันไปซุบซิบกัน

"ไม่ใช่ศิษย์ฮู่ซานหรอก นางคือคุณหนูคนเล็กของเจียงเจินกูน่ะ ชื่อเจียงอวี้เอี๋ยน" คนตอบยืนกอดอกพิงเสาหินแตกหักต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากขุนพลมารมากนัก

"เฮ้ย นั่นเจ้ายังไม่ตายอีกเหรอ!?" ขุนพลมารที่เคยนั่งหาวบนหลังสัตว์อสูรชี้นิ้วมาที่คนพูด ซึ่งไม่ใช่ใครเลยผานเฉียงเต้าสุดขี้ริ้วคนนี้เอง

"ยังมีขา มีเงาด้วยนะ คิดว่าตายไหมล่ะ" ตอบแบบยียวนก่อกวนส้นเท้าประชาชีมากมาย

ปราณมารแบบร้อนดังไฟนรกพัดใส่ไม่มีบอกล่วงหน้า ขุนพลมารคงเหลืออดกับนิสัยเชิญชวนบาทาของผานเฉียงเต้าเลยทุ่มใส่เสียราวจะเปลี่ยนแดนมนุษย์ให้กลายเป็นนรกเพลิงร้อน

"งั้นตายของจริงมันเดี๋ยวนี้เลยละกัน"

"แว้ก! ดับเพลิงต้องจิ้มเบอร์ไหนเนี่ย ใครรู้บ้างเรียกดับเพลิงที!" ผานเฉียงเต้าวิ่งพล่านตื่นตกใจมากมายท่ามกลางทะเลเพลิง

"พี่จินต์ ที่นี่มีดับเพลิงให้เรียกที่ไหนเล่า" คุณหนูเจียงเสียศูนย์ไปวูบหนึ่งเลย ไม่คิดว่าพี่ชายขี้ริ้วจะลืมได้

"ไม่มีเหรอ งั้นก็ต้องดับเองสินะ" มือข้างหนึ่งตวัดออกไปกระแสพลังบางเบาทว่าดับทะเลเพลิงหายวับได้ทั้งหมดในพริบตา "ดับไม่ยากนี่ หรือฉันควรไปทำงานหน่วยดับเพลิงหลังจากนี้ดีนะ" ยิ้มสดใสทำลายสายตาผู้เห็นได้สิบระดับ กระอักเลือดตามกันไป

"จะ... เจ้านี่มันอะไรกัน เพลิงของข้าไม่ใช่เพลิงทั่วไปนะเว้ย" ขุนพลมารกัดฟันกรอด ก่อนจะตาโตแทบถลนออกจากเบ้าเพราะหมัดสุดหนักพุ่งมาถึงหน้าแล้วซัดเข้าไปเต็มเหนี่ยว ส่งปลิวไปพร้อมฝนเลือด ไปตกพื้นไกลลิบแถมกลิ้งไปอีกยี่สิบตลบ

"เบาไปไหมนั่น?" มองหมัดตนเองสลับกับขุนพลที่โดนซัดปลิวไป

"แบบนั้นไม่เรียกเบาแล้วค่ะ" คุณหนูเจียงเห็นจมูกขุนพลมารตนนั้นยุบหายไปเลยนี่นา

"ฉันหมายความว่าเจ้าขุนพลมารตนนั้นตัวเบาไปหรือเปล่าต่างหาก นึกว่าซัดเข้าไปแบบนั้นแล้วคงทำให้หน้าหงายเท่านั้น" นี่เขาใช้พลังในระดับที่เคยซัดราชาซอมบี้ปลิวเพราะคาดว่าขุนพลมารน่าจะเจ๋งกว่าเลยทุ่มฝีมือหน่อย ใครจะคิดว่าปลิวไปแบบนั้น

เจียงอวี้เอี๋ยนมือหนึ่งกดขมับอีกมือปัดป้องอาวุธในมือขุนพลร่างใหญ่ แม้การแบ่งความสนใจไปทางอื่นนอกจากการต่อสู้ตรงหน้าถือว่าอันตรายมาก แต่คุณหนูเจียงก็ไม่อาจปล่อยผ่านได้ "พี่จินต์จริงจังหน่อยค่ะ จอมมารอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นักนะคะ" เธอรับรู้ถึงปราณมารไร้ขอบเขตมาครู่หนึ่งแล้ว และปราณมารนั้นใกล้เข้ามาทุกที อย่างน้อยยามนี้ควรเก็บพวกขุนพลให้หมดก่อนไม่เช่นนั้นคนเจ็บคงเยอะแยะแน่หลังจากนี้

"จอมมารที่ว่านั่นคือคนที่นั่งตั้งห้างบนหลังเสือดำมีปีกนั่นใช่เปล่า" คนขี้ริ้วชี้ไปยังสัตว์อสูรร่างใหญ่สีดำที่เพิ่งบินมาถึง บนหลังสัตว์บินตัวนั้นมีร่างขาวสว่างดึงดูดสายตาทุกชีวิตตรงนั้นได้ทั้งหมด

สองมือสาวเจ้ายกกุมแก้มก่อนจะทุ่มแรงทั้งหมดวิ่งมากระแซะติดคนขี้ริ้วอย่างรวดเร็ว "จอมมารจริงๆ ด้วย มาเร็วไปไหมคะ!?" ปากคอสั่นน้ำตาปริ่มจะร่วงจากความกลัวแล้ว

บุรุษบนหลังสัตว์อสูรรูปงามประดุจเทพ เส้นผมสีขาวหยักศกเล็กน้อยปล่อยสยายไปกับแผ่นหลัง ดวงตาสีน้ำเงินเขียว ทั้งร่างดูอัดแน่นด้วยพลังอันหยั่งไม่ถึง

นี่คืออีกหนึ่งลูกรักคุณนักเขียนสินะ คุณภาพล้นแก้วแล้วล่ะ

"นั่นก็หล่อไม่น้อยหน้าพระเอกเลยนะ ทำไมไม่เห็นชมเลยล่ะ" มองคนที่เกาะติดด้วยความประหลาดใจ

อิลิเลียส่ายหน้ารัวเร็ว "มันน่ากลัวจนสมองว่างไปเลยค่ะ เห็นแล้วรู้สึกเหมือนตกลงไปในร่องน้ำแข็งแถวขั้วโลกอย่างไรอย่างนั้น"

"จอมมาร นั่นมันจอมมารนี่นา"

"ทำไมจอมมารมาที่นี่"

"ต้องหนี พวกเราหนีเร็ว!!"

ชาวฮู่ซานแตกตื่นวิ่งหนีกันวุ่นวายในเวลาเช่นนั้นมีหรือพวกมารยอมปล่อยผ่าน กองกำลังมารจู่โจมเข้าทำร้ายมันจึงเกิดเป็นการต่อสู้โกลาหลไปทั่วบริเวณอีกครั้ง หลังจากชะงักจากการปะทะกับขุนพลเมื่อครู่

"ท่านจอมมารขออภัยขอรับที่พวกข้ายังจัดการทุกอย่างไม่เรียบร้อย" ขุนพลมารร่างใหญ่คุกเข่าตรงหน้าจอมมารซึ่งมีร่างกายเท่าคนธรรมดา

"ถ้ายังมีลู่เยวี่ยสืออยู่มันก็ธรรมดาที่พวกเจ้ายังทำลายฮู่ซานไม่ได้ ว่าแต่มันอยู่ไหนแล้วล่ะ หรือพวกเจ้าช่วยกันส่งมันไปนรกแล้ว" ดวงตาสีน้ำเงินเขียวทอประกายงดงามขณะกวาดมองแล้วไปหยุดที่ชายหนุ่มหน้าตาขี้ริ้วที่ยืนอยู่กับลูกสาวคนเล็กของเจียงเจินกู

อิลิเลียกระตุกชายเสื้อคนที่เธอเกาะอยู่ "พี่จินต์พวกเราหนีกันบ้างเถอะ" กวาดมองไปทั่วเพื่อประเมินว่าทางไหนฝ่าออกไปง่ายที่สุด

"มีคนของหมานไป่มาช่วยเช่นนั้นหรือ" จอมมารทีท่าทีราวกำลังเจอเรื่องสนุกเพิ่มขึ้น

"ไม่ใช่ขอรับ ไม่รู้ว่าทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่แต่ข้ายอมรับว่านางเก่งมาก" ขุนพลร่างใหญ่กดสายตาดุดันใส่สาวเจ้าซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้คุณหนูเจียงเกรงกลัวสักนิด แลบลิ้นตอบกลับไปเสียเลย "นางเด็กนั่น!"

"เหมือนเจ้ามีเรื่องกับนางอยู่เลยนั่น"

"ขอรับ ข้าปะทะกับนางอยู่เมื่อครู่ขอรับ" เจ้าขุนพลรายงานตรงๆ ราวกำลังขอโอกาสต่ออีกครั้งจากเมื่อครู่

จอมมารกดสายตาเย็นยะเยือกลงที่คนขี้ริ้วอย่างเจาะจง "ลู่เยวี่ยสืออยู่ไหน ทำไมถึงมีเจ้าตัวอันตรายนี้มาแทน"

"ตั้งแต่บุกมาถึงพวกข้ายังไม่เจอลู่เยวี่ยสือเลยขอรับ ไม่รู้เลยว่ามันหายไปไหน แม้แต่จิตก็จับไม่ได้" ขุนพลผู้มีเส้นผมสีเพลิงซึ่งก็คือเจ้าตนที่นั่งหาวอยู่บนหลังสัตว์อสูรไม่ใช่แค่ยืนเฉยเจ้าตัวพยายามแผ่จิตตรวจสอบตลอดเวลาแต่ก็คว้าน้ำเหลว

"หาไม่เจอ... ออกจากสำนักพร้อมพวกขี้ขลาดด้วยหรือไง" น้ำเสียงจอมมารบ่งบอกการดูถูก

"ลู่เยวี่ยสือแค่ออกไปซื้อเหล้าที่เมืองข้างๆ น่ะ คาดว่าอีกพักใหญ่ถึงจะกลับมาฉะนั้นตอนนี้ช่วยนั่งรอเฉยๆ แล้วเลิกรังแกศิษย์สำนักเดียวกับข้าก่อนได้ไหม" เป็นคำตอบแบบที่ชวนให้มือเท้าพวกมารกระตุกมากมาย ขุนพลแต่ละตนเขม็งตาเหี้ยมโหดใส่อย่างพร้อมเพรียง "ช่างลำเอียงแท้ ทางโน้นล่ะถามหาจังส่วนทางนี้ก็อยากลบเงาหัวให้จัง ข้าละน้อยใจ" บ่นพลางโคลงหัวไปมาอย่างคนสุดเอือมแปลกๆ

"พี่จินต์จะเรียกหาคนมาลบเงาหัวแบบนี้ไม่ได้"

"ทำไมล่ะ?" ถามซื่อๆ

"เพราะมันไม่มาแค่หนึ่งนะสิคะ!" ว่าแล้วยกสองมือผลักข้ามไหล่คนขี้ริ้วไปด้านหน้า กันพลังทำลายที่พุ่งเข้ามาแล้วตามมาด้วยอาวุธด้ามใหญ่ทว่าทั้งสองหมอบหลบพร้อมกัน จากนั้นก็พุ่งหลบออกไปคนละทางไล่หลังไปด้วยแรงระเบิดร้ายแรง

แรงทำลายทำโถงใหญ่พังทลายลงทั้งหมด คนเจ็บมากมายไม่สามารถหลบหนีได้เมื่อพวกมารมากกว่าล้อมไว้ทุกทาง พวกที่อยู่บนเขาลูกอื่นก็มีกองทัพมารไปไล่ล่ามากมายเช่นกัน ยามนี้คนที่เหลือมารวมตัวกันเป็นก้อนอยู่กลางลานใหญ่ ซึ่งแต่ละคนสภาพไม่ดีนัก

"ทำไมท่านเจ้าสำนักกับพวกผู้อาวุโสยังไม่กลับมาอีก มันห้าวันแล้วนะ" เสอทุ่ยโอดครวญ ฟันกระทบกันกึกๆ อย่างหวาดกลัวจับจิต

"แบบนี้พวกเราตายหมดแน่ทำยังไงดี" ไห่ซือทรุดลงไปนั่งกุมหัวตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะพุ่งเข้าไปหามารใกล้ตัว "พวกท่านไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ!"

"ศิษย์พี่ไห่ซือ ท่านทำบ้าอะไร!?" ศิษย์คนอื่นๆ ไม่อยากเชื่อการกระทำนี้

"ไม่อยากตายงั้นหรือ งั้นฆ่าเจ้าพวกนั้นสิ แล้วข้าจะยอมไว้ชีวิตให้ ใครไม่อยากตายก็ก้มหัวให้พวกข้า แล้วฆ่าพวกต่อต้านให้หมด" ขุนพลมารตนหนึ่งตะโกนก้อง

หลายคนสิ้นคิดร้องขอชีวิตจากพวกมารตามไห่ซือ แล้วหันมาทำร้ายคนสำนักเดียวกันตามที่พวกมารต้องการ นั่นทำให้จินตกชเตะส่งเศษหินใส่คนพวกนั้นขับไล่คนเห็นแก่ตัวพวกนั้นออกไป

"แม้เจ้านิสัยไม่น่าคบแต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกเจ้ากล้าแม้แต่เข้าพวกกับมารเพื่อให้รอดชีวิตแบบนี้เลย ไห่ซือ" จินตกชไม่รู้ว่าจะทำภารกิจให้เสร็จสิ้นได้อย่างไรถึงอยากมีชีวิตอยู่อีกสักพัก เพราะผลการทำภารกิจล้มเหลวมันเลวร้ายมาก ทว่ายามนี้ตายก่อนแล้วค่อยขอโอกาสแก้ตัวทีหลังละกัน

"เจ้าว่าพวกข้าแบบนั้นมันไม่ถูกใครบ้างไม่รักชีวิต การมีอยู่ของพวกข้ามีค่ามากกว่าไอ้สวะอย่างเจ้ามากมายนัก ฉะนั้นเจ้าก็ตายไปซะ" ไห่ซือกำกระบี่ประจำตัวพุ่งเข้าฟาดฟันศิษย์น้องที่อ่อนด้อยกว่าตัวมัน

"ช่างกล้าพูดออกมาได้นะคะ ทำไมถึงมีนิสัยสวะแบบนี้" อิลิเลียพุ่งเข้าไปรับมือแทนศิษย์ฮู่ซานที่ไม่ไหวแล้ว

"สวะมันท่านมากกว่ากระมัง คบหากับเจ้าสวะนั่นได้แบบนั้น" ไห่ซือฟาดฟันกระบี่ใส่รวดเร็วทว่าไม่เร็วไปกว่าฝ่ามือล้วนๆ เสยคางแล้วตามด้วยพลังทิพย์อัดเข้ากลางตัวส่งกระเด็นไปซบเท่าขุนพลมารได้เหมาะเหม็ง

"ต้องการต่อกับข้าอีกรอบแล้วสินะ" ขุนพลมารร่างใหญ่แสยะยิ้มเหี้ยมเตะเศษขยะพ้นทาง แล้วพุ่งมาถึงเธอในพริบตา พลังทำลายร้ายแรงคงได้ลบเงาหัวเธอถ้าเจ้าขุนพลไม่โดนเตะส่งไปตกไกลถึงสิบจั้งจากฝีเท้าคนขี้ริ้ว

อิลิเลียอย่างกรีดร้องให้โลกแตก กลัวจนจะร้องไห้แล้ว

"พี่จินต์!" เจ้าหล่อนซุกหน้าเข้ากับหลังของหนุ่มขี้ริ้ว ตัวสั่นเป็นลูกนก

"ออกไปจากเรื่องเสียเดี๋ยวนี้เลย" จินตกชบอกขณะสายตาจับอยู่ที่จอมมาร

"แล้วพี่จินต์ล่ะ?"

จินตกชถอนใจเฮือกหนึ่ง "จะตบกบาลจอมมารสักทีน่ะ"

คำตอบแบบนี้มันเหมือนตอนนี้จินตกชตัดสินใจออกไปสู้ตายกับราชาซอมบี้หน้าประตูทางเข้าโคลเทคและมันก็ทำให้อิลิเลียเลิกตัวสั่น

"ไม่เอาค่ะ ถ้าพี่จินต์ยังไม่ไป ฉันก็ขออยู่ต่อให้ถึงที่สุด แค่ขุนพลมารฉันไหวค่ะ!" ดวงตาสาวเจ้าเป็นประกายวาววับ จับจ้องขุนพลมารทั้งสามแบบพร้อมลงสนามรบอีกครั้งแล้ว "เปิดทักษะทั้งหมด" ไอพลังจากสาวเจ้าทำกองทัพมารผงะขุนพลมารทั้งสามสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาฉับพลัน

"เฮ้ยๆ ยายเด็กนั่นยังมีพลังระดับนี้เลยหรือ"

"ให้ตายสิ อายุเพียงเท่านั้นไม่น่ามีพลังระดับนี้ได้นี่นา"

ไม่แค่เหล่าขุนพลที่นึกหวั่นพลังที่แผ่ออกมาจากคุณหนูเจียง แม้แต่จอมมารยังสนใจฉะนั้นการเปิดฉากจู่โจมก่อนจึงมาจากจอมมาร เส้นพลังแค่เล็กน้อยทว่าแรงทำลายร้ายเหลือพุ่งใส่อิลิเลียชั่วแวบ และถูปัดทิ้งจากมือหนุ่มขี้ริ้ว

"อย่ารังแกผู้หญิงสิ ไม่งามเลยคุณจอมมาร" แม้อยู่ท่ามกลางอันตรายร้ายแรงทว่าคนขี้ริ้วยังพูดด้วยน้ำเสียงตำหนิทีเล่นทีจริงได้อย่างน่าโมโห "อิลิก ถ้าเจอกันเรื่องหน้าเดี๋ยวเลี้ยงหมูกระทะนะ"

"สัญญาณนะพี่จินต์" สาวเจ้าตาพราวระยับ คาดหวังเต็มที่

"แน่นอน" ยื่นนิ้วก้อยให้เกี่ยวด้วย ลิอิเลียรีบยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยว แล้วกระโจนออกไป สีหน้าไร้ซึ่งความหวาดกลัวจากนั้นเปิดการถล่มเต็มกำลัง

จอมมารแค่นเสียงหัวเราะเย้ยหยันราวการดิ้นรนนี้ช่างไร้สาระในสายตายิ่งนัก แค่แผ่จิตสังหารพร้อมปราณมารออกมาแค่ชั่วแวบก็ทำคนของฮู่ซานทั้งสำนักล้มลงไปชักที่พื้นท่าทางเจ็บปวดเหมือนใครจับร่างเหล่านั้นบิดอย่างแรง

"ตายให้หมด" มือเรียวสวยอย่างไม่น่าเป็นมือมารยกขึ้นแล้วเจ้าของมือถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ไม่แค่เจ้าของมือเท่านั้นมารทั้งหมดที่อยู่ในฮู่ซานนั่นแหละตกตะลึง

มือหนาหยาบตบกบาลให้ผลัวะใหญ่จริงตามที่ลั่นวาจาไว้ แม้ไม่ทำให้ทางนั้นหัวทิ่มแต่ก็ทำจอมมารตกตะลึงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และนั่นทำให้พลังมารที่ใช้ออกมาสลายสิ้น

"นี่เจ้ามาถึงตัวข้าได้อย่างไร!?" มือข้างที่ยกขึ้นเปลี่ยนทิศมาคว้าคอคนขี้ริ้วซึ่งคว้าได้แค่อากาศ คนขี้ริ้วหายแวบมาลงพื้นได้อย่างมั่นคง

"เอาล่ะได้ตบกบาลแล้ว สบายใจ" พูดแล้วฉีกยิ้มสะใจไม่กลัวผลร้ายหลังจากนี้

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า" อิลิเลียถึงกลับหลุดหัวเราะเสียงดัง "สมเป็นพี่จินต์ที่สุดเลยค่ะ FC พี่นะคะ"

"เจ้าอัปลักษณ์นั่นไม่ได้ตายดีแน่" ขุนพลร่างใหญ่สมเพชออกทางสีหน้า

"ถ้าทำได้นะคะ"

"เจ้าสองคนนี้เป็นลูกวัวเพิ่งเกิดหรือไง" สีหน้าเชื่อมั่นว่าหนุ่มขี้ริ้วจะเล่นงานจอมมารให้ยับได้ของสาวน้อยสร้างความกังขาให้เจ้าตัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

"ไม่ใช่วัวนะ เป็นหนอนต่างหาก" อิลิเลียบอกสถานะให้เข้าใจเสียใหม่

"คิดว่าข้าเป็นเพื่อนเล่นให้ยอกย้อนได้หรือไง!" เมื่อครู่ขุนพลตนนี้รู้สึกนับถือคุณหนูเจียงขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเชียว นางกลับไร้หัวคิด

"คุณไม่ใช่เพื่อนฉันคะ และที่พูดนั่นไม่ได้ยอกย้อน มันคือความจริง พี่จินต์คือหนอนหนังสือผู้พลิกโลก (นิยายเรื่องที่เข้ามา) ได้ตัวจริงเสียงจริง" ชูหัวแม่มือให้อย่างคนเชื่อถือหมดใจ

"เจ้าสองคนมันยังไง ไม่กลัวเกรงความตายหรืออย่างไร?" ขุนพลร่างใหญ่ยอมรับว่าประหลาด ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอใครแสดงออกราวกองทัพตรงหน้าเป็นแต่สิ่งเล็กน้อยที่พบเจอได้ทุกวัน ไม่กังวล ไม่หวาดกลัว ยังคงมีสีหน้าทีเล่นทีจริงได้อย่างไม่เสแสร้ง

อิลิเลียโคลงหัวเล็กน้อย "อย่างไรก็ตายแน่นอนอยู่แล้ว ฉะนั้นแทนที่เอาแต่กลัวสู้ใช้มันเป็นแรงผลักดันให้ได้ทำอะไรสักอย่างที่ไม่กล้าทำสักครั้งในชีวิตมันน่าสนุกกว่าหนีหัวซุกหัวซุนนะว่าไหม" อย่างไรเธอก็น่ารักอยู่แล้วพอเพิ่มรอยยิ้มไม่เสแสร้งเข้าไปแม้นั่นคือขุนพลมารผู้ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนอยู่ในสายตาได้ยังชะงักไปชั่วขณะ ต่างจากจอมมาร

แววตาจอมมารยามนี้เหมือนมังกรโดนแตะเกล็ดย้อน "ข้าจะไม่ให้แม้มดสักตัวหลุดรอดไปจากฮู่ซานได้" จิตสังหารผสมปราณมารเข้มข้นไร้ขีดจำกัดพวยพุ่งออกมาจากรอบกาย แม้แต่มารทั้งหลายยังรีบหนีกันวุ่นวาย ขุนพลมารทั้งสามต่างถอยหนีไปตั้งหลักไกลลิบเช่นกัน

"อิลิก ช่วยป้องกันพวกนั้นที เอาแค่เท่าที่ไหวไม่ต้องดันทุรังล่ะ" ชี้นิ้วกลับหลังไปยังพวกฮู่ซานไร้กำลังหนีนอนแบ็บรอคนมาเชือด

"ได้ค่ะ" กระโจนมายืนปักหลักตรงหน้าคนของฮู่ซานแล้วกางเขตแดนด้วยพลังทั้งหมด "บางทีฉันคงไปก่อน แต่จะพยายามไปให้ช้าที่สุดค่ะ!" หากหนีออกไปก่อนจินตกชปะทะจอมมารคงไม่ต้องเจ็บตัว แต่อิลิเลียไม่อยากรู้สึกเหมือนตอนที่จินตกชส่งพวกเธอเข้าเขตปลอดภัยแล้วพุ่งออกไปสู้กับราชาซอมบี้เพื่อให้ภัยคุกคามนั้นไม่มีโอกาสคุกคามผู้ใดได้แบบนั้นอีกแล้ว เธอถึงเลือกรับทักษะนักรบแล้วไม่เปลี่ยนอีกเลยเพื่อว่าถ้าได้เจออีกครั้งจะไม่เป็นคนที่รับการปกป้องอย่างเดียวแบบนั้นอีกเด็ดขาด

จินตกชยิ้มแล้วพยักหน้า "เอาละฉันเองก็ขอแหกสัญญาณที่ให้กับอาจารย์เช่นกัน ถ้าได้เจออีกจะรับโทษอย่างไม่โอดครวญเลยนะท่านอาจารย์" มือหนึ่งกระตุกหยกรูปดอกกล้วยไม้เล็กจิ๋วออกมาจากข้างเอวแล้วกำลงไป หยกแตกเป็นผง ตุ้มถ่วงน้ำหนักที่ไม่มีผู้ใดมองเห็นสลายสิ้น พลังจิตกับทักษะที่ถูกสะกดไว้ปลดปล่อยออกมาฉับพลัน อายพลังนั้นทำพื้นสะเทือน

"คว่ำเจ้าไม่ลงแต่ทำให้กลับไปรักษาตัวได้หลายปีแน่นอน" หยกที่กังจวี้ให้ไว้คือสิ่งปลดปลดผนึกทั้งหมดนั่นเอง รับมาแล้วคิดว่าไม่ต้องใช้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว อย่างไรต้องตัดกำลังให้ลู่เยวี่ยสือมีเวลามากที่สุด "เปิดทักษะทั้งหมด สะบั้นสุญญากาศระดับก้าวหน้าขั้นต่ำแบบต่อเนื่อง" รอบกายปรากฏคมอากาศนับพัน เพียงตวัดมืออกไปคมพลังพวกนั้นฟาดฟันออกไป ต่อให้ทางนั้นเป็นจอมมารก็ยังมีเจ็บ

ไม่ว่าหลบไปทางไหนคมอากาศยังคงฟาดฟันถล่มแบบไม่มีช่องว่างเหลือให้ถอยแม้สักนิด สิ่งที่ทำได้คือตั้งรับเต็มกำลัง มันเป็นครั้งแรกที่จอมมารรู้สึกว่าตนกำลังโดนไล่ต้อน

"นี่เจ้า! พลังแบบนี้มันอะไรกัน" จอมมารกุมอกบาดแผลใหญ่เลือดไหลโกรก สีหน้าทั้งตกใจทั้งตื่นเต้นราวการจู่โจมเมื่อครู่ทำเจ้าตัวได้เจอเรื่องสนุกแล้ว "แบบนี้สิค่อยคุ้มกับการมาฮู่ซาน หวังว่าเจ้าจะทำให้ข้าสนุกได้นานสักหน่อย เจ้ามนุษย์อัปลักษณ์"

"จัดไปอย่าได้รอช้าเลยพี่ท่าน" ตอบรับพร้อมยื่นมือไปกระดิกนิ้วเรียก ความองอาจมั่นใจพร้อมยิ้มยียวนก่อกวนบาทาชาวบ้านโปรยให้อย่างเจาะจง

พริบตาทั้งสองก็ปะทะกันร้อยกว่ากระบวนท่าทำเอาภูเขาทั้งลูกหายแวบ กองทัพมารเกือบหายไปครึ่งจากลูกหลงดีที่พวกขุนพลช่วยกันป้องกันได้ทัน ทางคนของฮู่ซานได้คุณหนูเจียงป้องกันแต่ก็ไม่ดีเท่าไรนัก ตอนนี้ใบหน้าสาวน้อยซีดไร้สีเลือด พลังของทั้งสองทำเธอแทบกระอัก

[ภารกิจของท่านลุล่วงเรียบร้อยแล้ว รางวัลจะถูกส่งเข้าคลังเก็บโดยอัตโนมัติ]

อยู่ๆ ข้อความก็เด้งเข้ามาแทรกระหว่างการปะทะเดือด นั่นทำให้จินตกชยิ้มออกมาจากใจจริงๆ ได้รางวัลนั้นดีใจแน่นอนทว่าที่มากกว่าคือไม่ทำให้ผลงานใครและนักเขียนคนไหนหายไปแน่นอนแล้ว แม้ไม่รู้ว่าทำไมพระเอกที่ปิดด่านไปแล้วถึงธาตุไฟเข้าแทรกก็ตาม ทว่ายามนี้เจ้าตัวพร้อมทุ่มหมดหน้าตักเพื่อให้พระเอกมีเวลาเทินดาร์กออกมาถล่มโลกแล้ว